บท
ตั้งค่า

บทที่ 12 คนงอนก็ต้องง้อ

หลังจากแยกกับเอ็ดเวอร์การิตาก็เอาแต่จ้องหน้าจอโทรศัพท์ บางทีก็คิดอยากจับขึ้นมาแล้วโทรหาคนที่เธอกังวลว่าเขาจะโกรธมั้ยให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่เธอก็ได้แต่นั่งถอนหายใจเพราะไม่รู้ว่าโทรไปแล้วจะเริ่มพูดอะไรดี ทำไมการมีใครสักคนนี่มันลำบากมากขนาดนี้นะการิตา รู้งี้ไม่มีใครแบบที่เป็นมาดีกว่า เธอทำได้เพียงแค่บ่นกับตัวเองในใจ ที่ปรึกษา? ก็ไม่มีซะด้วย ถ้าผู้ชายคนที่ทำให้เธอกังวลไม่ใช่เขาเธอก็คงปรึกษาน่านราตรีไปแล้ว

“มีอะไร” น้ำเสียงที่โคตรเฉยๆ ของคนินทำเอาเธออยากกดวางซะเดี๋ยวนั้น หลังจากที่รวบรวมใบหน้าและน้ำเสียงอยู่นานกับการตัดสินใจกดเบอร์โทรออก

“ฉัน.. ฉัน..มี..”

“มีอะไร..ผมไม่ได้มีเวลาว่างมาก” น้ำเสียงที่โคตรรำคาญของเขาทำเอาใจเธอสะอึก

“คุณไม่ว่างงั้นก็แค่นี้แหละ”

“มีอะไรก็พูดๆ มา มันจะตายหรือไงฮะ” น้ำเสียงของเขาทำเอาน้ำตาของการิตาแทบเล็ด แต่เธอก็พยายามรวบรวมความกล้า

“ฉันก็แค่เป็นห่วงว่าคุณทานข้าวรึยัง” เธอพูดไปแบบเร็วๆ จนคนฟังแอบขำ

“ทำไมจะทำมาให้เหรอ” เหมือนพูดลอยๆ มากกว่าเป็นการถาม

“แล้วคุณกินหรือยังล่ะ”

“แล้วคุณอยากทำให้กินหรือเปล่าล่ะ” คนินแกล้งย้อน

“คุณก็รู้ว่าฉันทำอาหารไม่ได้เรื่อง...”

“ถ้าจะไม่อยากทำมาให้ก็กดวางไปซะ” จะเอาแต่ใจไปไหนยะไอ้คนบ้าเอ้ย!

“ฉันเกรงว่าทำไปนายจะกินไม่ได้เปล่าๆ” การิตาพยายามตั้งใจพูดเพื่อให้เจ้าคนแสนงอนเข้าใจเธอบ้าง

“คนเราถ้ามัวแต่กลัวจะประสบความสำเร็จได้ไง เธอโตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ” คนินเริ่มจริงจังบ้าง เพราะเขาอยากให้การิตาไม่ใช่เด็กซื่อๆ เหมือนเมื่อก่อน เขาต้องทำให้เธอโตขึ้นตามความมุ่งมาดของตัวเอง

“กะอีแค่เรื่องทำอาหารเนี่ยนะ ก็ฉันไม่ถนัดนี่”

“แค่เรื่องทำอาหารเธอยังทำไม่ได้ แล้วเรื่องใหญ่ๆ กว่านี้เธอจะทำได้ยังไง”

“เรื่องใหญ่ๆ?? เรื่องอะไรเรื่องงานฉันก็โออยู่นะ โดนชมบ่อยๆ ด้วย” คนินส่ายหน้ากับคำพูดของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาทางพฤตินัยและเขาก็กำลังวางแผนให้เป็นภรรยาทางนิตินัยในเร็วๆ นี้ด้วย

“ไม่รู้แหละ ผมอยากกินและตอนนี้ก็หิวมากด้วย ถ้าคุณไม่ทำมาผมจะไม่กินอะไรทั้งนั้นให้มันไส้ขาดตายไปเลย”

“เห้ย! ลงทุนไปนะ คิดว่าฉันจะสนใจเหรอ ไม่กินก็เรื่องคุณไม่เกี่ยวกับฉันเลยเหอะ” คนินไม่ตอบและเลือกวางสายเพราะมั่นใจว่ายังไงการิตาก็ต้องมา อาจจะเหมือนว่าเขาเข้าข้างตัวเองแต่เขาก็ยืนยันกับหัวใจว่าคิดไม่พลาด

ทางฝ่ายการิตาที่ไม่รู้ว่าจะไปปรึกษาใครดีเริ่มเครียด...ถ้าเป็นพวกเพื่อนมีหวังซักจนตัวซีดแน่ และถ้ารู้หนึ่งมีหรือจะไม่รู้สอง การิตาได้แต่นั่งถอนหายใจพลางมองนาฬิกาซึ่งเกือบปาไปจะสี่โมงเย็น แล้วงานนี้คนินคงต้องกินอาหารเย็นแทน เพราะหลังจากที่เขาไม่ได้รับประทานอาหารในร้านอาหารเขาก็กลับไปทำงานที่บริษัทเลย และการิตาก็มั่นใจว่าเขาคงไม่ยอมกินอะไรอย่างที่พูด...ไม่รู้ว่าทำไมถึงเชื่อเขาแต่เธอห่วงเขามากกว่าจะมาระแวงว่าเขาพูดจริงหรือเล่น

การิตามองหน้าห้องของคนินอยู่นานเธอไม่รู้จะเข้าไปดีมั้ย เพราะหลังจากที่เธอสอบถามที่ทำงานเขา แล้วเขาก็บอกว่าให้เธอมาหาที่คอนโดเพราะว่าเขากลับจากที่ทำงานแล้ว ทีแรกเธอก็ไม่ไว้ใจเขาแต่คำนึงกลัวว่าเขาจะไม่กินอะไรก็เลยต้องมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำไมต้องมามีอิทธิพลกับหัวใจมากขนาดนี้ด้วยนะ ไอ้คุณคนิน!

เธอตัดสินใจเคาะประตูแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ เธอจึงตัดสินใจลองผลักประตูดูปรากฏว่าไม่ได้ล็อค..เอาน่าไม่เสียมารยาทหรอก

ภาพที่การิตาเห็นภายในห้องมันทำเอาหัวใจของเธอกระตุกวูบ...เพราะเธอไม่แน่ใจว่ามาถูกห้องหรือเปล่า การจัดตกแต่งห้องเหมือนกับว่าเป็นห้องอาหารสุดแสนโรแมนติกภายใต้ภัตตาคารสุดหรู แสงไฟสลัวสีส้มเรืองรองกับแชนเดอเรียระย้าจากเพดานรับกับดอกกุหลาบสีแดงสลับขาวที่ถูกจัดไว้ในแจกันขนาดใหญ่สีขาวลายคราม โต๊ะอาหารที่ประดับด้วยแก้วราคาแพงระยับกับขวดไวน์ที่เธอไม่รู้จักยี่ห้อ แน่ล่ะว่ามันต้องแพงมากจนการิตาต้องไม่เคยได้ลิ้มลองสักครั้ง เพลงที่บรรเลงก็เป็นเพลงสากลคลาสสิคทางฝั่งยุโรปที่อ่อนหวาน การิตากำลังสงสัยว่าตัวเองหลงเข้ามาในโลกอีกใบหรือเปล่า

“จะตะลึงอีกนานไหม..คนไส้จะขาดตายอยู่แล้ว" คนินทำหน้าเหมือนไส้จะขาดจริงๆ ทั้งที่นัยตาพราวระยับ น้ำเสียงเข้มอ่อนกำลัง...ดูอบอุ่นจนการิตาแอบใจชื้น ไม่ได้ดูโกรธมากอย่างที่กลัวแฮะ

“นี่คุณลงทุนขนาดนี้เลยเหรอ?.. ฉันว่ามันเว่อร์ไปรึเปล่า" เธอถามออกไปอย่างกร่อยๆ ไม่แน่ใจ คนินไม่อธิบายอะไรจูงมือเธอไปนั่งพลางจัดการรินไวน์อย่างใจเย็น

“จะไม่ดูอาหารที่ฉันทำมาหน่อยเหรอคุณ” การิตาทำหน้าแหยๆ เพราะรู้สึกว่าอาหารที่ไม่แน่ใจว่าเป็นอาหารของตัวเองเหมาะสมกับจานราคาแพงและโต๊ะอาหารระดับภัตตาคารนี่หรือเปล่า

“ผมมั่นใจว่าผมงอนทั้งทีคุณก็ต้องง้อแบบเต็มที่เหมือนกัน” คนินยิ้มอย่างอ่อนโยนแต่การิตาเห็นแววตาล้อเลียนอยู่ภายใน คิดจะทำอะไรกันแน่เนี่ย??

“เวลาคนเราคาดหวังอะไรมากๆ เปอร์เซ็นต์การผิดหวังก็สูงตามไปด้วยนะ แหะๆ” เธอยิ้มยิงฟันใส่เขาแบบเด็กๆ

“ผมมั่นใจว่าคุณทำได้”

“ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้นล่ะ” เธอถามแบบแหยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า...และอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ซะให้รู้แล้วรู้รอด

“ก็คุณเป็นผู้หญิงของผม...ผู้หญิงของผมมีคุณค่ามากที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดีที่สุด” คนินพูดจากใจจนการิตารู้สึกได้...แต่เธอรู้สึกจะน้ำตาไหลเพราะเขาหวังอะไรมากไปน่ะสิ

“แล้วถ้าฉันทำมันไม่ดีที่สุด จะโดนปลดออกจากตำแหน่งป่ะ” คนินหัวเราะกับท่าทีเด็กๆ นั้นจนต้องยีหัวเบาๆ

“เอาอาหารออกมาจัดกันดีกว่า ดูท่าว่าผมจะเจริญอาหารก็วันนี้แหละ”

“ฮื้อ คุณน่ะฉันไม่กล้าเอาออกมาจริงๆ นะ”

“จะร้องไห้ทำไมเล่า เอาออกมาเร็วๆ” คนินว่าพลางแย่งกระเป๋าอาหารในมือการิตา เขาพบเพียงกล่องข้าวขนาดกลางกล่องเดียว ที่เขาก็ลุ้นเหมือนกันว่าอะไรจะอยู่ในนั้น แต่ไม่ว่าข้างในจะคืออะไรแต่เขาก็คิดว่านั่นคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด เพราะเธอตั้งใจทำให้เขาถึงจะไม่อร่อยแต่อย่างน้อยเธอก็ทำจนสุดฝีมือแล้ว

“ไข่เจียว?” เธอพยักหน้าอย่างอายๆ เพราะว่าเขาคงคาดหวังอะไรไปมากมาย...แต่สุดท้ายมีแค่ไข่เจียว

“ก็บอกแล้วว่าฉันทำอาหารไม่ได้เรื่อง กว่าจะได้แบบนี้มันทั้งไหม้ ทั้งสุก ทั้งเละ นี่ฉันทำไปตั้งหลายสิบรอบนะกว่าจะได้แบบนี้”

“คุณรู้มั้ยว่าผมได้กินไข่เจียวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” น้ำเสียงจริงจังปนเศร้าทำเอาเธอต้องเอามือตัวเองไปกุมมือเขาเบาๆ และมองเขาเหมือนถามว่า ‘เมื่อไหร่?’

“เมื่อเช้า...ผมกินทุกวันจนหน้าจะเป็นไข่แล้วเนี่ย” คนพูดขำจนคนฟังรู้สึกแย่ๆ

“ฉันขอโทษนะก็ฉันทำไม่เป็นจริงๆ นี่ ต่อไปฉันสัญญาว่าจะไปเรียนทำอาหารให้คุณกินทุกวันเลย และจะทำให้มันอร่อยที่สุด” สายตามุ่งมั่นของเธอทำเอาเขาหลุดขำอีกครั้ง

“ไม่เชื่อฉันเหรอ ฉันพูดจริงๆ นะ ฉันสัญญาเลยเอา” แล้วนิ้วก้อยของทั้งสองก็เกี่ยวกันไว้ด้วยฝีมือเด็กหญิงตัวเล็กๆ ในสายตาของคนินนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง

“เชื่อไม่เชื่อไม่รู้ รู้แต่ว่าปลื้ม” รอยยิ้มเสน่ห์ทำเอาเธอหน้าแดงและรู้สึกร้อนผ่าวไปหมด

“แต่ว่าวันนี้ก็กินไข่เจียวไปก่อนนะ”

“ได้อยู่แล้ว ผมเชื่อว่ามันอร่อยมาก...ถ้าคุณป้อนผม” ตากลมเล็กๆ โตขึ้นทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น

“ถ้าไม่ทำผมก็ไม่หายงอน” คนินยักคิ้วอย่างเป็นต่อ

หลังจากนั้นเขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงจัดอาหารบนโต๊ะอย่างตื่นเต้นเหมือนเด็กที่ได้ของเล่นที่ตัวเองชอบ การิตามองเพลินเพราะไม่คิดว่าเขาน่ารักแบบนี้ก็เป็นด้วย

“นี่คุณไม่ได้โกรธฉันเรื่องที่ไปทานข้าวกับเอ็ดเวอร์แล้วเหรอ?” จนอดไม่ได้ที่จะถามออกไปแบบนั้น

“เรื่องมันผ่านไปแล้วไม่พูดถึงดีกว่า” คนินทำสีหน้าตึงๆ นิดเหมือนจะย้ำให้การิตารู้ว่าเขาไม่ชอบให้เอ่ยถึงบุคคลที่สามเวลาอยู่ด้วยกัน เมื่อนึกได้ก็รีบส่งสายตาขอโทษก่อนหันไปตักไข่เจียวยื่นใส่ปากคนที่ทำเหมือนจะงอน

“วันนี้นวดให้หน่อยดิผมเมื่อยมากเลย นั่งเคลียร์งานทั้งวัน” เขาเอ่ยขึ้นหลังจากที่รับไข่เจียวเข้าปากได้รูปไปแล้ว

“หือ ฉันนวดไม่เป็นอ่ะ”

“งั้นผมคงต้องไปอ่างอบนวดสินะ” เขาว่าอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนขยับตัวเข้ามาใกล้และโอบเธอเอาไว้หลวมๆ

“คนเราอ่ะนะอยากเป็นอะไรก็ต้องฝึกฝน ฉันคิดว่าฉันทำได้!” คนโอบไหล่หัวเราะชอบใจก่อนโน้มหน้าผากกลมมนเข้ามาจุมพิตหนึ่งที

“ให้มันได้อย่างนี้สิครับที่รัก” เอาอีกแล้วสร้างบรัชออนสีแดงบนใบหน้าของการิตาได้เป็นอย่างดี จนเธอต้องรีบป้อนไข่เจียวคำโตแก้เขิน

“เป็นไงอร่อยป่ะ ฮ่าๆ” เธอว่าพลางจะเช็ดริมฝีปากให้เขาแต่...คนินโน้มใบหน้ามาใกล้ซะก่อน สองตาสบกันจนการิตารู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วร่างแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือผลักไสใบหน้าที่ใกล้เข้ามา ริมฝีปากกระจับได้รูปจุมพิตแผ่วเบาที่ริมฝีปากและหนักหน่วงขึ้น นี่อาจจะไม่ใช่จูบแรกระหว่างคนสองคน แต่สำหรับการิตาเป็นจูบแรกที่เธอรู้สึกตัวดี รู้สึกว่าตัวเองกำลังล่องลอยแผ่วเบาจังหวะของหัวใจเหมือนหยุดเต้น อ่อนหวานนุ่มนวล ถ้าเป็นไข่เจียวคงเป็นไข่เจียวที่เธอไม่เคยลิ้มรสได้ที่ไหน สองมือคนินที่ประคองไหล่เริ่มไม่อยู่นิ่งจนการิตาเริ่มสำนึกได้ว่าค่าของเธอกำลังจะหมดอีกครั้ง

“อื้อ..” เธอทักท้วงแต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุด

“อย่าดื้อสิ..” คนินสั่งเสียงพร่าปนกับลมหายใจร้อนผ่าวที่เลื่อนลงมาตามลำคอขาวระหง

“ไหนคุณสัญญาแล้วไง...” ไม่ทันจะพูดจบเขาก็เลื่อนมาประกบริมฝีปากอีกครั้งและขบริมฝีปากแบบลงโทษเบาๆ จนการิตารู้สึกสยิวขึ้นไปอีกและโอบรอบคอเขาเอาไว้แน่นเหมือนหาที่พักพิง

“ขอชื่นใจหน่อยสิ...” เสียงพร่าแม้ริมฝีปากยังสาละวนอยู่บนใบหน้าใสที่แดงระเรื่อ

“ผมนอนคิดถึงคุณทุกคืน...คืนนี้ขอนะ” ว่าพลางแกะกระดุมเสื้อเม็ดเล็กบนเสื้อแขนสั้นสีขาวของเจ้าของร่างที่ตอนนี้สั่นน้อยๆ

“มะ...ไม่ได้นะ” เสียงก็ยังพร่าไม่ต่างกัน

“แน่ใจเหรอ..ฮึ” การิตาพยายามผลักเขาออกห่าง แต่เหมือนแค่ลมแผ่วๆ ที่พัดผ่านเพราะเรี่ยวแรงแทบไม่มีเหลือเลย

“ขอร้อง...อย่า...”

“ร้องดังๆ ก็ได้ ไม่ได้ว่าอะไร” การิตานึกหมั่นไส้คนินมากก็วันนี้นอกจากเขาจะทำตัวน่ารักแล้ว เธอรู้แล้วว่าเขาเจ้าเล่ห์อย่างมาก

“ปล่อยฉันเถอะนะ...เรากำลังทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องกันอยู่นะ” เธอพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีอยู่เปล่งวาจาที่ดูจริงจังเท่าที่จะทำได้ คนินชะงักเล็กน้อย

“อะไรที่เรียกว่าไม่ถูก” และเอ่ยถามอย่างจริงจังบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้ถอยใบหน้าห่างออกไปและยังโอบเธอเอาไว้แบบนั้น และมือก็ไม่ได้ห่างจากสาบเสื้อที่ปลดกระดุมหมดแล้วของเธอ

“ก็เรายังไม่ได้แต่งงานกัน...และที่สำคัญคุณกำลังคบกับเพื่อนฉันอยู่” เธอเบี่ยงหน้าออกห่างเมื่อนึกถึงประโยคหลังเหมือนละอายตัวเองเต็มที รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังตามใจเขา

“เรื่องเพื่อนคุณเนี่ย ถ้าลองมองดูจริงๆ คุณน่ะเมียผมส่วนบาร์มยังไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ” เขาว่าอย่างหงุดหงิดก่อนติดกระดุมเสื้อให้เธออย่างเร็วๆ เพราะเขาคิดว่าถ้าขืนยังมองแบบนี้ต่อไป...เขาคงหยุดไม่ได้

“แต่เพื่อนฉันสนใจคุณและอีกหน่อยก็ต้องพัฒนาความสัมพันธ์กันต่อไป” แม้เป็นคนพูดเองแต่เธอก็รู้สึกไม่พอใจลึกๆ แม้ว่าบารีน่าจะเป็นเพื่อนก็ตาม...บางทีความรู้สึกก็ละเอียดอ่อนเกินกว่าที่จะอธิบายได้

“ความสัมพันธ์? คือผมต้องไปกอดไปจูบเขาแล้วมีอะไรกับเขาอย่างนั้นใช่มั้ย” เขาว่าพลางทำอย่างที่ปากพูดโดยทำกับการิตาเอง

“รับได้จริงๆ น่ะเหรอ ใจกว้างเป็นบ้าเลยยอมให้ผมมีภรรยามากด้วย” เขาว่าประชดก่อนตักไข่เจียวเข้าปากอย่างงอนๆ

“ฉันหมายถึงให้คุณทิ้งฉันไว้ในอดีต แล้วไปมีอนาคตกับคนที่เหมาะสม” ได้ยินแบบนั้นเขาวางช้อนลงจนคนข้างๆ สะดุ้ง

“เหมาะสม? เบื่อจริงๆ เลยคำนี้ เอาอะไรมาวัดว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ” คนพูดขบกรามจนเป็นสันนูน จนการิตาต้องรีบเอามือไปกุมมือเขาไว้

“ฉันหวังดีกับคุณจริงๆ นะ...ฉันไม่มีอะไรไปเชิดหน้าชูตาคุณได้หรอก”

“จะเอาไปเป็นภรรยาไม่ได้จะเอาไปเชิดหน้าชูตา”

“ถ้าคนที่ภรรยากับคนเชิดหน้าชูตาเป็นคนๆ เดียวกันมันก็จะดีมากนะ”

“ต้องการอย่างนั้นใช่มั้ย...ถ้าต้องการแบบนั้นก็กลับไปซะก่อนที่ผมจะหมดความอดทน” คนินว่าพลางเดินไปเกาะขอบหน้าต่างเพื่อสงบอารมณ์

“ฉันหวังดีกับคุณจริงๆ นะ”

“พล่ามอยู่ได้ผมบอกให้กลับไป!” การิตาสะดุ้งโหยงเพราะไม่คิดว่าเขาจะตวาด เพิ่งเห็นเขาโมโหมากๆ ก็วันนี้ ทั้งๆ ที่วันนี้จะมาง้อกลายเป็นว่าได้ข้อหาใหญ่กลับไป

“และคุณคงไม่อยากเจอหน้าผมอีก เพราะคุณคงรู้สึกผิดมากที่ต้องใช้ผู้ชายคนเดียวกับเพื่อน” คนฟังหน้าชาเพราะไม่คิดว่าเขาจะวาจาร้ายขนาดนี้

“ถ้ามันเป็นความต้องการของคุณ ฉันก็ต้องปฏิบัติตาม” คำพูดของเธอทำเอาเขาอยากคว้าร่างนั้นมาจูบให้หายโมโห

“กลับไป!” การิตาไม่เสียเวลาให้เขาต้องออกปากไล่ซ้ำๆ เธอรีบวิ่งออกจากห้องนั้นทั้งน้ำตา...โดยคนที่มองตามก็ห้ามตัวเองไม่ให้ตามไปอย่างยากลำบากเหมือนกัน เพราะถ้าให้เธออยู่ต่อเขาไม่มั่นใจว่าเสือร้ายอย่างเขาจะทำอะไรลงไปหรือเปล่า การไออกไปน่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด เพราะเขาไม่ชอบเลยจริงๆ ที่ต้องมาทนเห็นผู้หญิงทำตัวงี่เง่าโดยเฉพาะการยกเขาให้คนอื่นเหมือนเขาเป็นสิ่งของ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel