บทที่ 11 คนขี้หึง
“ยังจะเถียงอีก!” การิตาสะบัดหน้าใส่เขาเบาๆ แบบขี้เกียจจะต่อล้อ
“ถ้าพร้อมไปเลือกชุดใส่ไปงานเพชรกับผมวันไหนก็บอกด้วย” สาวน้อยหันหน้าไปมองอย่างงุนงง
“คุณตอบตกลงบาร์มไปแล้วนี่นะ” คนินไม่ยอมตอบกลับนิ่งเฉยตามฉบับน้ำแข็งเย็นจัด
“ถ้าฉันไปกับคุณฉันโดนฉีกอกแน่”
“ผมบอกว่าจะพาไปเลือกชุดไม่ได้จะพาออกงาน” การิตาทำหน้าย่นแบบไม่ค่อยพอใจ
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเลือกชุดหรือไปงาน”
“ผมสั่งให้คุณไป” การิตาฟาดมือเรียวเล็กไปที่ไหล่ของคนใกล้ตัวทันที
“อะไรของคุณเนี่ย”
“คุณชอบทำให้ฉันปฏิเสธคุณไม่ได้ทุกทีเลย เชอะ!”
“จริงหรอ ผมทำอะไร ฮะๆ” เขาขำออกมาอย่างชอบใจ
“คุณรู้ตัวมั้ย แค่คุณทำหน้าไม่พอใจฉันก็ยอมคุณทุกอย่างแล้ว” เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา ส่งสายตาไม่เข้าใจในตัวเองให้เขารับรู้... รับกับสายตาอ้อนแบบไม่ตั้งใจ จนคนินทนไม่ไหว...อยากจะโน้มใบหน้าใสเข้ามาจูบให้รู้แล้วรู้รอด
“ขนาดนั้น?” เลิกคิ้วเชิงล้อ
“...ฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ฉันไม่อยากให้คุณไม่พอใจฉัน ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเลยด้วย!” คนินยิ้มอย่างเปิดเผย ให้ตายสิตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นผู้หญิงแบบนี้...คิดอะไรพูดแบบนั้น เขาค่อยๆ คลายอ้อมกอดอย่างหลวมๆ
“แต่ผมเข้าใจดีเลยแหละ”
“หือ? เข้าใจในสิ่งที่ฉันเป็นเนี่ยนะ”
“ครับ ผมรู้ว่าคุณรักผม” ดวงตาใสเบิกกว้างทันที
“คุณพูดอะไรบ้าๆ ฉัน...ฉัน ไม่ ไม่...”
“ไม่ได้รักผมงั้นเหรอ” เขาถามด้วยสายตากึ่งหยอกล้อ
การิตารีบหลบตาเป็นพัลวันจะให้ตอบไปว่ายังไงในเมื่อเธอก็ไม่รู้ใจตัวเองเอาซะเลยว่ารู้สึกยังไง เธอรู้แค่ว่าความรู้สึกเหล่านี้เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนและไม่รู้จะตั้งชื่อเรียกมันว่ายังไงดี
“ไหนลองมองตาผมแล้วพูดว่าคุณไม่ได้รักผมซิ” การิตาหันไปมองตาคมวับที่แววไปด้วยอารมณ์ที่เธออ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร รู้แต่เพียงว่าสายตาของเขาดูเจิดจ้าผิดปกติมันเหมือนเขากำลังมีความสุขมากการิตาบอกตัวเองเช่นนั้น แต่ก็ยังไม่ทึกทักเอาเอง
“ไหนพูดซิ” การิตารวบรวมความกล้าเพื่อกลั่นออกเป็นคำพูดตามใจนึก แต่เมื่อมองเสี้ยวหน้าคมที่ประกอบไปด้วยดวงตาที่สบด้วยเมื่อใดใจเต้นไม่เป็นส่ำทุกครั้ง ริมฝีปากหยักเป็นกระจับได้รูปซึ่งเป็นริมฝีปากเดียวกับที่มอบความหวานฉ่ำให้แก่เธอ ไหนจะจมูกที่เคยไซร์เอาความหอมกรุ่นจากเรือนร่างของเธอ ที่สำคัญเรือนผมหนานุ่มนั้นเธอได้ครอบครองมาแล้ว สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้คำพูดที่กำลังกลั่นกรองหายไปจนหมดสิ้น และหมดแรงที่จะมองตาเขาต่อไป เธอจึงไล่สายตามามองที่เรียวนิ้วทั้งสิบที่กุมกันไว้แทน
“คุณรักผม” เสียงทุ้มบ่งบอกความรู้สึกที่ตอนนี้เธอเดาความรู้สึกเขาไม่ได้ซะแล้ว เธอรู้สึกเหมือนเธอพ่ายแพ้อย่างไรไม่รู้
“ไม่!!” เธอรวบรวมความกล้าครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อพูดมันออกไป แต่ก็ได้เพียงคำเดียวและดูเหมือนจะช้าไปด้วยซ้ำเพราะเธอนิ่งนานเกินไปหลังจากที่เขาพูดจบ แต่ก็ได้ยินเสียง ‘หึ’ ในลำคอของเขาเบาๆ
“ฉันไม่ได้รักคุณ ฉันแค่ไม่เข้มแข็งพอต่างหาก”
“นั่นมันเป็นข้อแก้ตัวโง่ๆ ของเด็กน้อยคนนึงต่างหาก”
“ฉันไม่ใช่เด็ก ฉันโตแล้ว!” เธอแหวใส่เขาทันที เธอไม่ชอบเลยที่ใครๆ จะมองเธอแบบนั้นและเขาก็อีกคน เธอไม่อยากเจอหน้าเขาอีก การิตาคือเด็กน้อยโดยแท้จริงในสายตาคนิน
“คนที่โตแล้วเขาจะโกหกกันเก่งกว่านี้” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบๆ ไม่บ่งบอกความรู้สึกมากกว่าเดิม
“ฉันไม่ใช่คนเหลี่ยมจัดอย่างคุณนี่ ต่อหน้าคนมากมายคุณก็เฉยสนิทเหมือนไม่เคยรู้จักฉันมาก่อน” ทำไมคนินจะไม่รู้ว่าเด็กน้อยของเขากำลังประชด นั่นแหละคือสิ่งที่เขาพอใจ...เขาจะต้องเปลี่ยนเธอให้ได้
“ผมนึกว่ามันเป็นความต้องการของคุณซะอีก” เขาพูดกึ่งล้ออยู่ในที
“ใช่ มันเป็นความต้องการของฉัน ฉันแค่แปลกใจว่ามันแนบเนียนมาก ขนาดฉันยังเกือบหลุดอยู่หลายหน”
“ผมเป็นนักธุรกิจ อะไรที่เป็นประโยชน์แก่ตนผมย่อมทำ” การิตารู้สึกเหมือนหน้าชา ลืมไปฉันเป็นแค่สิ่งของที่คุณอยากลองพิสูจน์แค่นั้นเองแหละ เธอคิดอย่างน้อยใจมากถึงมากที่สุด
เมื่อเห็นว่าเธอเงียบไปเขาก็ไม่เอ่ยอะไรอีก คุณมีอะไรให้ผมสั่งสอนอีกเยอะเด็กน้อย ก่อนจะมายืนข้างผมคุณต้องผ่านอะไรให้มากๆ เพราะชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบสักหน่อยนี่ เขาลอบมองเธอด้วยสายตาที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมองผู้หญิงที่เขารักได้ ...ใช่เขายอมรับว่าเขารักเธอยอมรับมาตั้งแต่แรกเจอ และเขาก็มั่นใจว่าเธอรักเขาเหมือนกัน
“ผมคงเข้าไปดื่มกาแฟที่ห้องคุณไม่ได้ ฝันดีนะครับ” การิตาไม่หันมามองหน้าเขา เปิดประตูลงรถเหมือนอยากลงตั้งนานแล้ว ไม่มีการกล่าวล่ำลา คนินเกือบถลาตามกับกิริยาที่แสดงเหมือนเขาไม่ได้อยู่ในสายตา เขาไม่ชอบกิริยาแบบนี้ แต่เขาก็ต้องชั่งใจเอาไว้...ยังไงเธอก็ต้องอยู่ในอ้อมกอดของนายตลอดไปอยู่แล้วคนิน เขาบอกตัวเองด้วยใจสงบลง
เมื่อมาถึงห้องการิตาแทบอยากจะกรี๊ด เธอรู้สึกเหมือนคนถูกขัดใจอย่างมากถึงมากที่สุด เธอยอมรับว่าเธอเป็นคนที่ใครๆ ก็มองว่าบ้าคิดอะไรไม่เข้าท่าเอาแต่ใจตัวเอง พ่อตามใจมากไปหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เธอไม่โวยวายกับเขา ในโลกนี้เธอไม่เคยสนใจว่าใครจะรู้สึกยังไงแต่กับเขาเธอไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงงี่เง่า โดยเฉพาะเมื่อเขารู้ว่าเธอรักเขา...แต่เขากลับไม่ยอมบอกว่าเขารู้สึกยังไง
การิตามองตัวเองในกระจกพลางหมุนไปมา นี่ฉันไม่มีเสน่ห์พอที่คุณจะรักได้เลยใช่ไหม? ใช่สิฉันมันเฉิ่มอย่างที่เพื่อนๆ บอกจริงๆ ฉันไม่เหมือนบาร์มนี่ทั้งสวย ทั้งน่ารักนิสัยดี... แต่แล้วความคิดก็หยุดลงเมื่อเธอตระหนักได้ว่า ...เขาคือคนที่เพื่อนรัก!
“ไอ้ก๋า แกกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย” เสียงบ่นแทรกสอดเข้ามาในห้องนอนที่ตอนนี้มีการิตาเพียงคนเดียวที่นอนแสดงความเป็นเจ้าของเตียงนอนสีเขียวอ่อน
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับแขกผู้มาเยือนก็ถือวิสาสะเข้ามาในห้องนอนที่ประดับด้วยสีเขียวอ่อนทันที ไม่มีคำบรรยายใดๆ ออกจากปาก
“ก๋า ตื่นๆ ตื่นได้แล้ว” การิตาตื่นมาในอาการงัวเงียเต็มที มองหน้าผู้มาใหม่อย่างฉงน
“ลมอะไรหอบแกมาเนี่ย”
“ลมรักเพื่อนของยัยน่านน่ะสิ แกรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเลยไป” พินยาว่าพลางดึงผ้าห่มสีเขียวอ่อนลายการ์ตูนปัญญาอ่อนของเพื่อนรักออกอย่างรวดเร็ว ได้ผลการิตาลุกพรวดผวาตามผ้าห่มทันที
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ไม่ไปๆๆๆๆ”
“ไม่ได้แกต้องไป!!” แล้วสงครามผ้าห่มก็เกิดขึ้น ทั้งการิตาและพินยาต่างยื้อแย่งผ้าห่มจากสงครามกลายเป็นเสียงหัวเราะ เพราะทำให้หวนไปนึกถึงเมื่อหลายปีก่อนตอนสมัยเรียนกัน
หลังจากที่การิตาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ พินยาก็กึ่งลากกึ่งจูงออกจากห้องขึ้นรถไปทันที โดยมีสุดที่รักของพินยาเป็นสารถี
การิตามองร้านอาหารที่ตกแต่งไปด้วยธรรมชาติอย่างงงๆ เมื่อรถมาถึง แต่ก็ต้องถูกเฉลยในเวลาต่อมาเมื่อพบว่าคนที่อยู่ในร้านคือเอ็ดเวอร์ ฝรั่งผู้โชคร้ายที่กำลังถูกกามเทพอย่างนานราตรีจับคู่ให้กับเธอ การิตาถอนหายใจอย่างเซ็งๆ มองหน้าผู้พามาอย่างงอนๆ
“เอาน่าไม่เห็นจะเสียหายอะไรดูท่าเขาจะสนใจแกมากๆ อยู่นะ แกจะได้มีแฟนไปอวดที่บ้านจริงๆ ไง” พินยาว่าพลางจับบ่าให้กำลังใจ
“ไม่เห็นต้องลงทุนอะไรกันขนาดนี้เลยนะฉันว่า”
“ไม่ได้หรอก มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน แกลืมไปแล้วเหรอ”
“แต่ว่าฉันไม่ได้ชอบ...”
“แค่ตอนนี้เท่านั้น ไอ้บาร์มมันก็จะสมหวังกับคุณคนิน แกจะเฉาอยู่คนเดียวได้ไงถ้าแกก๋ากั่นสมชื่อพวกฉันก็ไม่ห่วงหรอก” การิตาลอบคิดว่าแน่ใจเหรอว่าฉันไม่ก๋ากั่น
“แกเชื่อฉันนะแค่แกเปิดใจ ผู้ชายมากมายก็พร้อมจะดูแลแก ผู้หญิงเราไม่ต้องไปหวังอะไรมากหรอกแค่มีคนรักเราด้วยหัวใจก็พอแล้ว” การิตาพยักหน้าเห็นด้วยเพราะเธอก็ไม่แน่ใจว่าคนินคิดยังไงกับเธอกันแน่
“สวัสดีครับ คุณก๋า” คำทักทายและรอยยิ้มหวานจากเอ็ดเวอร์ทำให้การิตาปฏิเสธไม่ลง เธอทักทายตอบตามมารยาท
“ผมดีใจมากเลยนะครับที่คุณก๋าให้เกียรติออกมาเจอผม”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยนะคะ ก๋าไม่ได้มีเกียรติขนาดนั้น” เธอพูดพาซื่อตามนิสัยปกติ จนเอ็ดเวอร์ชะงักเล็กน้อยเพราะเข้าใจไปอีกทาง
“ไม่ได้หรอกครับสำหรับคุณก๋า คุณก๋าเป็นหญิงที่มีเกียรติมากและพิเศษที่สุดสำหรับผม” การิตาชะงักกับแววตาที่ดูจริงใจนั่น เธออาจจะไม่ปฏิเสธกับความรู้สึกดีดีครั้งนี้จากเขา ถ้าเธอยอมรับได้ว่าเธอไม่ได้รักผู้ชายที่ครอบครองร่างกายเธอไปแล้วอย่างคนิน
“ขอบคุณนะคะสำหรับความรู้สึกพิเศษแบบนั้น” เธอตอบด้วยใจจริง
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ เพราะไม่ว่ายังไงผมก็จะรอคำตอบอื่นที่ไม่ใช่คำว่าขอบคุณ” การิตาได้แต่ก็ก้มหน้าเลือกสั่งอาหารไม่ตอบรับใดๆ กับคำพูดนั้น
ทั้งสองคุยกันเรื่องสัพเพเหระจนการิตาเองก็สนุกที่ได้คุยเพราะเขาดูมีนิสัยคล้ายกับเธอ ไม่ว่าจะเป็นความชอบต้นไม้ธรรมชาติและอาหารพื้นบ้าน จนไม่ได้สังเกตว่ามีสายตาวาวโรธกำลังมองมาอย่างอยากจะฆ่าทั้งคู่เหลือเกิน
อีกฟากของร้านอาหารมีหญิงสาวสวยร่าเริงสดใสที่กำลังเจื้อยแจ้วสนทนาโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าคู่สนทนาของเธอกำลังสนใจโต๊ะอาหารที่อยู่ห่างออกไป
“บาร์มรู้จักร้านอาหารติดทะเลอีกที่หนึ่งนะคะ รับรองความอร่อยวันหลังเราไปกันนะคะเราท์เตอร์... เราท์เตอร์คะ? คุณมองอะไรเหรอคะ...” ไม่ทันได้ถามจบแทนคำตอบคนินลุกจากโต๊ะมุ่งไปทิศทางสายตาที่เขาจ้องอยู่แต่ทีแรก ทำเอา บารีน่าตามแทบไม่ทัน
ทางด้านการิตาและเอ็ดเวอร์มัวแต่คุยกันอย่างออกรสจนไม่ได้รับรู้ว่าอันตรายกำลังมาถึงตัวเองแล้ว...
“งั้นวันหลังเราไปเยี่ยมบ้านคุณก๋ากันนะครับผมชอบธรรมชาติมากๆ”
“นายว่างขนาดนั้นเชียวเหรอเอ็ดเวอร์” น้ำเสียงเรียบๆ ที่แฝงเอาไว้ด้วยอารมณ์บางอย่างทำเอาการิตาเสียววาบมีแต่เอ็ดเวอร์เท่านั้นที่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ว้าว เจ้านายมาไงครับเนี่ย ฮ่าๆ อย่าบอกนะว่ามาทานข้าว โอ้ว มันไม่ใช่สไตล์นายเลยนะเราท์เตอร์ ฮ่าๆ”
“ฉันถามว่านายว่างมากสินะ งานการไม่มีทำหรือไง” แม้คำพูดจะกำลังสนทนากับเอ็ดเวอร์แต่สายตากลับจ้องที่การิตาอย่างไม่ละไปไหน
“งาน? ฉันเคลียร์เรียบร้อยแล้วนะหรือว่าบกพร่องตรงไหน? แหมๆ ฉันมาเที่ยวกับสาวนิดหน่อยทำเป็นมาขัดขวางทีนายยังมากับคุณบาร์มได้ โน่นเขามาตามแล้ว” เมื่อเอ็ดเวอร์เห็นบารีน่าเดินมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ก็รีบบอกให้คนิน มองทันที
“ถ้านายว่างมาก เดี๋ยวฉันเพิ่มงานให้”
“อะไรของแกวะเพื่อน แกจะขัดความสุขของฉันไปถึงไหน” การิตาเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเพราะรังสีอัมหิตจากผู้ชายที่กำลังจ้องเธออยู่
“เราท์เตอร์คะมาขัดความสุขเขาสองคนทำไมคะ? อย่าบอกนะคะว่าคุณห่วงงานมากกว่าบาร์ม” บารีน่าเริ่มไม่พอใจขึ้นมาจริงๆ
“เรื่องของผมไม่เกี่ยวกับคุณ” บารีน่าอ้าปากค้างเพราะคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดไม่รักษาน้ำใจ การิตาเห็นแบบนั้นก็ทนไม่ได้เพราะไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ
“คุณพูดเกินไปแล้วนะคะ ถ้าคุณไม่อยากมาทานข้าวกับเพื่อนฉันคุณจะชวนบาร์มออกมาทำไม ผู้ชายอย่างคุณนี่ใช้ไม่ได้เลยนะคะ” ผู้ที่กำลังจะเดินออกไปชะงักเท้าแล้วหันมาเผชิญหน้าทำเอาการิตาอึดอัดขึ้นมาอีกครั้งกับสายตาคู่นั้น
“ผมไม่ได้ชวนใครออกมาทั้งนั้น ผมมาตามคำชวน ถ้ารู้ว่าต้องมาเจอแบบนี้ผมคงไม่ออกมา” แววตาของคนินเหมือนกำลังน้อยใจมากกว่าโกรธ...เพียงแค่นี้ใจของการิตาก็ไหวยวบ
“อะไรกันเราท์เตอร์ นายไม่ได้เป็นคนบ้างานบ้าอำนาจจนออกคำสั่งงี่เง่าแบบนี้สักครั้งเลยนะ ให้ตายสิ” คนินไม่ตอบแต่เลือกเดินเลี่ยงออกจากร้านไป บารีน่าก็ได้แค่กรี๊ดตามหลังเพราะทนไม่ได้
“ผมต้องขอโทษคุณก๋าแทนเพื่อนผมด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก๋าห่วงแต่คุณนั่นแหละไม่กลัวเจ้านายเล่นงานหรือคะ” เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แต่อีกใจก็หวั่นๆ กลัวว่าเขาจะลงโทษเธอเพราะดูจากสายตาแล้ว...แต่เธอยอมให้เขาโกรธมากกว่างอน เพราะเขาไม่เคยงอนเธอจึงไม่รู้ว่าจะง้อแบบไหน
“โธ่คุณก๋า ผมกับมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน นี่ครั้งแรกนะครับที่มันยุ่งเรื่องของผม นี่ต้องกราบขอบคุณกันเลยนะครับเนี่ย ฮ่าๆ” การิตากลับยิ้มไม่ออกกับเสียงหัวเราะนั่นของเอ็ดเวอร์
