บทที่สอง บทเพลงโศก
ตำหนักหลงชิง (ที่พำนักฮองเฮา)
"เมี่ยวอิน ข้าทำถูกเเล้วใช่หรือไม่.. ข้าจะไม่เสียใจภายหลังใช่ไหม?"
"คุณหนูของเมี่ยวอิน ตอนนี้ท่านก็อยู่เหนือสตรีทุกนางในเเผ่นดินเเล้วนะเจ้าคะ.. คุณหนูอย่ากลัวไปเลยคะ"
อ้ายเจินในตอนนี้มือน้อยกำมือของเมี่ยวอินไว้เเน่นขนัด นางตัดสินใจถูกแล้วใช่หรือไม่ที่ทำแบบนี้ ใช้ชีวิตทั้งชีวิตของนางเพื่อเเก้เเค้นบุรุษผู้หนึ่ง มันคุ้มค่ากันเเล้วหรือ...
หลายชั่วยามผ่านไป ฮองเต้เกาหยวน ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเสด็จมายังตำหนักหลงชิง อ้ายเจินเเม้นจะดึกดื่นปานใดก็มิอาจจะข่มตาหลับได้ลง นางยังคงคลุมผ้าสีเเดงอันเป็นสัญลักษณ์ เเห่งงานมงคล
ไม่นานนักขันทีคนสนิทใน ฮองเต้เกาหยวน ก็ได้ว่าเเจ้งว่าวันนี้จะไม่เสด็จมายังตำหนักหลงชิง... พระองค์จะค้างคืนที่ตำหนัก เมิ่งชิง (ตำหนักกุ้ยเฟย) หากเเต่กระทำเป็นการลับคนทั่วราชสำนักต่าง คิดว่าเกาหยวนค้างเเรมที่ตำหนักหลงชิง หากเเต่
ความจริงเเล้วพระองค์เสด็จตำหนัก เมิ่งชิง ไปหาหน่ายเหรินเเทน ใจหนึ่งอ้ายเจินก็โกธรเคืองหากเเต่ ใจนึงก็นับว่าเป็นเรื่องดี..การที่ต้องหลับนอนกับคนที่ไม่ได้รัก ก็คงฝืนใจนางไม่น้อย อ้ายเจินปลดผ้าคลุมหน้าออกทันที
"เมี่ยวอิน... ข้าจะออกไปเดินเล่นนอกตำหนัก เจ้าช่วยปลอมเป็นข้า อยู่ในที่เเทนข้าทีได้ไหม"
"เจ้าคะคุณหนู เเต่จะดีหรือเจ้าคะ... ดึกมากเเล้ว"
"เอาหน่า ข้าอึดอัดจะเเย่ หลายเดือนมานี้ข้าต้องอดทน เเสร้งเป็นสาวงามเรียบร้อยอยู่นาน" อ้ายเจินจัดการปรับเปลี่ยนชุดเป็นนางกำนัน เพื่อที่จะได้ออกจากตำหนักไปอย่าง ไม่ผิดสังเกตนางเดินลัดเลาะไปจนถึงศาลาริมน้ำหลังหนึ่ง
เเปลกตายิ่งนัก งดงามเเต่เงียบเหงาพิกล หากเเต่มีเสียงขลุ่ยไพเราะ หากเเต่เศร้าจับใจ.. อ้ายเจินเดินเข้าไปหาเสียงขลุ่ยนั้นอย่างห้ามใจไว้ไม่อยู่ ขาของนางเป็นนายตนไปเสียเเล้ว
'บทเพลงนี้แม้นท้วงทำนองจะไพเราะอยู่ก็จริง แต่ก็แฝงไปด้วยความเศร้า' อ้ายเจินนางคิดในใจพลางก้าวเดินไปข้างหน้า
‘กึก’ อ้ายเจินเผลอเดินเหยียบกิ่งไม้เข้า... อย่างไม่ทันระวัง
"ใคร นั้นใครหนะ " เสียงขลุ่ยได้หยุดลง พร้อมกับเสียงทุ้มที่ตะโกนออกมา
อ้ายเจินถอนหายใจดังเฮือก!!
"เหมียว เหมียว"
"ข้ารู้ว่าไม่ใช่เเมว.. หากไม่รีบออกมาซ่ะ ตัวข้ามีนั้นมีตาแต่ดาบข้าหามีตาไม่ " อ้ายเจินคิดในใจ เกือบดีเเล้วเชียวนางตีอกชกหัวตน ไม่หน้าออกมาหาเรื่องหาราวเลย
"เสียมารยาทแล้วๆ ข้า.... ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเเอบฟังท่านหรอกนะ ตัวข้าเพียงเดินผ่านมา แล้วคือ.....ข้าก็กำลังจะไปแล้ว รักษาตัวด้วย" อ้ายเจินรีบพูดรีบไป หนีไป อยากไปจากตรงนี้
"เดี๋ยว.. นางกำนัล เจ้าเป็นนางกำนัลตำหนักไหนกันดึกดื่น" บุรุษผู้นั้นเอ่ย
ิ "ดูจากการเเต่งกายเเล้ว เจ้าเป็นนางกำนัลตำหนักฮองเฮาเเน่ พระนางรู้หรือไม่ว่าบ่าวไพร่มีใจคิดริอยากเป็นโจร เที่ยวเร่ออกมาขโมยของตอนฟ้ามืด" บุรุษเพลงโศกผู้นั้นเอ่ยย้ำ
"นี่ท่านจะถามจะตอบเองอย่างเดียวเลยหรือไง..." นางเอ่ยขึ้น
"ใช่... ข้าเป็นนางกำนัลตำหนักฮองเฮา ข้าเเค่ออกมารับลม ดูพระจันทร์ ได้ยินเสียงขลุ่ยคล้ายคน อกหักกำลังจะอกเเตกตายอยู่เเถวนี้ข้าเลยเดินมาดูเผื่อจะได้เรียกหมอหลวงมาดูอาการทัน" อ้ายเจินนางเชิดใบหน้าอย่างผู้ชนะ เอาเถอะมากลาวว่านางเป็นขโมย อ้ายเจินสังเกตเห็นใบหน้าบุรุษผู้นั้น... เศร้าลงถนัดเมื่อนางพูดถึงเรื่องอักหักรักคุด นางถือว่าเป็นคนเคยผ่านมาก่อน ย่อมรู้ดี จึงอาศัยข้อนี้มาเป็นดั่งมีดคมทิ่มแทงใจบุรุษปากไม่ดีผู้นี้เสียหน่อย
โปรดติดตามตอนต่อไป
