บทที่ 8 ปล่อยข่าวทำลาย
บทที่ 8
ปล่อยข่าวทำลาย
“เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะแม่หนู เสื้อผ้าที่ไหนมีพิษกัน”
เสียงของสตรีมีอายุนางหนึ่งเอ่ยถามขึ้นเสียงดัง พร้อมกับรีบเดินมายืนทางโต๊ะที่จางหนิงฮวานั่งอยู่
“ก็เสื้อผ้าที่ร้านคุณชายจ้านอย่างไรเล่า ไม่เชื่อก็ดูแขนข้าเอาเถิด”
นางลุกขึ้นยืน ก่อนจะชูแขนทั้งสองข้างให้หญิงสูงวัยได้ดู มิหนำซ้ำยังยื่นไปให้ผู้คนรอบข้างได้เห็นผื่นแดงชัด ๆ
“เจ้าอย่ามาใส่ร้ายหลานชายข้านะ ร้านผ้าของเขาขายมาเกือบครึ่งปีไม่เคยมีเรื่อง เจ้าเป็นใครโผล่มาจากไหน จึงมากล่าววาจาให้ร้ายหลานชายข้าเช่นนี้” สตรีสูงวัยนางนั้นกล่าวออกมาอย่างมีโทสะ
ที่แท้สตรีนางนี้คือป้าแท้ ๆ ของจ้านตงนั่นเอง มิน่าล่ะ นางถึงรีบออกหน้าแทน
“ข้าไม่ได้ใส่ร้ายนะเจ้าคะ มีคนเข้าไปซื้อเสื้อพร้อมข้าหลายคนก็เป็นผื่นแดงเช่นกัน มิหนำซ้ำยังมีสตรีนางหนึ่ง เกิด
ผื่นแดงนี้ลามขึ้นทั้งตัว” จางหนิงฮวาเอ่ยถึงคนที่เจอเหตุการณ์เดียวกันกับนางด้วยเสียงดังขึ้นกว่าเดิม
“และทุกคนที่เกิดเรื่อง คือคนที่เข้าไปลองเสื้อที่ร้านของคุณชายจ้านทั้งนั้น แม้แต่คนที่ยังไม่ได้ลองแค่จับต้องผ้าเหล่านั้นก็ขึ้นผื่นกันทุกราย” หญิงสาวเติมฟืนลงในกองไฟเพื่อให้ลุกโชนมากขึ้นกว่าเดิม หมายจะบดขยี้ไม่ให้เหลือ
“เรื่องนี้จริงอย่างที่นางกล่าวมา ฮูหยินของข้าเพิ่งไปซื้อเสื้อที่ร้านคุณชายจ้านก็ต้องรีบไปโรงหมอเพื่อให้ท่านหมอจ่ายยาระงับพิษผื่นคันให้ นี่ข้าก็เพิ่งจะไปส่งนางกลับบ้านมาเมื่อครู่นี้เอง” เสียงของชายคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาในโรงน้ำชาแห่งนี้เอ่ยขึ้นมา
“ไม่จริง! พวกเจ้ารวมหัวกันใส่ร้ายหลานชายข้า” หญิงสูงวัยเห็นว่ามีคนมาช่วยสตรีนางนี้ก็พาลให้โมโหหนักขึ้นกว่าเดิม
“เมียข้าก็เพิ่งเป็น ข้าเพิ่งไปซื้อยามาให้” แต่แล้วกลับมีเสียงของชายอีกคนเอ่ยเสริมขึ้นมา
“เมื่อเช้านี้ข้าก็อยู่ในร้านนั้นด้วย โชคดีที่ข้ายังไม่ได้ไปจับต้องสิ่งใดในร้าน แต่น้องสาวของข้า นางไปลองสวมเสื้อผ้าดูก็
เกิดผื่นคันไปทั้งตัวเช่นกัน” สตรีอีกนางก็กล่าวสนับสนุนเรื่องนี้
คราวนี้ผู้คนเริ่มให้ความสนใจเรื่องที่หญิงสาวเอ่ยออกมามากขึ้น ทุกคนต่างแสดงความคิดเห็นว่า ร้านของจ้านตงขายเสื้อผ้ามีปัญหา
“เจ้า!! เป็นเพราะเจ้า เจ้าใส่ความหลานชายข้า”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้างเริ่มดังอื้ออึ้ง จนหญิงสูงวัยทนไม่ไหว นางหันมาหาจางหนิงฮวา แล้วชี้หน้าด่าทอหญิงสาวด้วยความโกรธ
“เจ้ามันปากไม่มีหูรูด ไม่ต้องมีปากไว้พูดเสียดีไหม!!”
หญิงแก่คว้าเอาถ้วยน้ำชาบนโต๊ะใกล้มือมาขว้างใส่หญิงสาวโดยที่นางไม่ทันตั้งตัว
เพล้ง!!
ก่อนที่ถ้วยชาใบนั้นจะทันได้กระทบกับใบหน้าของหญิงสาว ชายหนุ่มปริศนาที่ถูกจางหนิงฮวาดึงเข้ามาโดยไม่รู้เรื่อง ก็ลุกขึ้นปัดถ้วยชาใบนั้นให้ตกไปทางอื่นเสียก่อน ทำให้หญิงสาวไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
“เจ้าขวางข้าเช่นนี้ อยากมีปัญหากับจวนสกุลจ้านอย่างนั้นรึ” หญิงแก่เอ่ยวาจาข่มขู่ชายหนุ่มที่เข้ามายุ่งเรื่องของนางกับสตรีปากดีนางนี้ด้วยอาการเกรี้ยวกราด
“เจ้าคิดว่าสกุลจ้านของเจ้าใหญ่โตมากนักหรือ เหตุใดข้าต้องกลัวพวกเจ้าด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็นชา ก่อนที่เขาจะหันหน้ากลับมาให้หญิงแก่ได้มองเห็นอย่างเต็มตาว่าตนเองเป็นใคร
“ท่าน...” หญิงแก่ถึงกับอ้าปากค้างพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ใด แต่ก่อนที่นางจะได้เอ่ยสิ่งใดออกมา ชายหนุ่มก็พูดดักทางเอาไว้เสียก่อน
“หากเจ้ายังกล่าวว่าหลานชายเจ้าไม่ผิด ก็ให้เขาไปหาหลักฐานมายืนยันกับชาวเมืองเสีย อย่ามามัวยืนโวยวายอยู่เช่นนี้” ชายหนุ่มเอ่ยไล่อีกฝ่ายกลาย ๆ
“หึ! ครั้งนี้ถือว่าเจ้าโชคดีไป หากข้าได้ยินเจ้าว่าร้ายหลานชายข้าอีกเมื่อใด ข้าจะตีปากเจ้าให้พูดไม่ได้ไปเสียสามวัน”
ก่อนจากไปหญิงแก่นางนั้นยังไม่วายหันมาข่มขู่หญิงสาว
“ข้าพูดความจริง มีสิ่งใดให้กลัวกัน หากหลานเจ้าเป็นคนดี คงไม่หลอกขายผ้าผืนละไม่กี่ตำลึงให้ข้าในราคาสูงลิ่วปานนั้นหรอก”
จางหนิงฮวาโต้เถียงอีกฝ่ายอย่างไม่กลัวเกรง
“เจ้าพูดจาไร้สาระอะไรกัน หลานข้าไม่เคยทำเช่นนั้น”
หญิงแก่ที่กำลังจะเดินผ่านหน้าหญิงสาวไป ถึงกับหยุดมองด้วยความไม่พอใจ
เรื่องนี้ใครต่อใครต่างก็รู้ดีกันทั้งนั้น เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใด เพราะทั้งเมืองหลวงก็มีแต่หลานชายของนางที่เปิดร้านขายผ้าเช่นนี้ เหตุที่ร้านของคุณชายจ้านเป็นร้านขายผ้าแห่งเดียวให้เมืองหลวงนั้น เพราะอดีตนายท่านสกุลจ้านได้ทำสัญญาผูกขาดการซื้อผ้ากับเมืองรอบข้างเมืองหลวงแห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว ทำให้สกุลจ้านเป็นสกุลค้าผ้าไหมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้
“พวกท่านทำสิ่งใดย่อมรู้ดีแก่ใจ” จางหนิงฮวาเอ่ยเป็นนัยให้ผู้คนที่กำลังสนใจนางได้คิดตาม
“หึ! ปากไม่ดีเช่นเจ้า ข้าขอสั่งสอนแทนพ่อกับแม่เจ้าหน่อยแล้วกัน” หญิงแก่ที่ทนต่อการยั่วยุของจางหนิงฮวาต่อไปไม่ไหวพุ่งเข้าใส่หญิงสาวทันที
พลั่ก!!
“โอ๊ยยยย”
เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อหญิงแก่พุ่งใส่จางหนิงฮวาเต็มแรง พร้อมกับฝ่ามือเหี่ยวย่นที่หวังตบลงบนใบหน้างาม ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่นางหวัง เพราะขณะที่ฝ่ามือของนางกำลังจะฟาดลงบนใบหน้าของหญิงสาว ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้างก็คว้าเอาร่างบางออกไปได้เสียก่อน ทำให้หญิงแก่พลาดท่าล้มลงกับพื้น สะโพกอวบของนางกระแทกเข้ากับเหลี่ยมโต๊ะน้ำชาอย่างจัง ทำให้นางถึงกับร้องโอดครวญ
“พวกเจ้า...” นางโมโหจนขาดสติขว้างปาถ้วยชารวมถึงจานขนมบนโต๊ะตรงหน้าใส่ชายหนุ่มและหญิงสาวอย่างโกรธจัด เวลานี้นางคว้าสิ่งใดได้ก็ขว้างใส่คนทั้งสองอย่างไม่สนใจแล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะเป็นผู้ใด และมีอำนาจเพียงใด
พลั่ก!
“ว้ายยย! ท่านเฟยเทียน”
เสียงของหลินอี้ฟางกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อนางรู้ข่าวจากเสี่ยวเอ้อว่าในโรงน้ำชาเกิดเรื่อง นางที่ส่งแขกเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้วก็รีบมายังที่เกิดเหตุทันที
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันการณ์เสียแล้ว เพราะเวลานี้นอกจากน้องสาวของนายท่านจะเกิดเรื่องแล้ว สหายสนิทของนายท่านยังบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออกอีกด้วย
“เอาตัวสตรีนางนี้ออกไป แล้วอย่าให้เข้ามาที่นี่อีก”
หลินอี้ฟางออกคำสั่งกับเสี่ยวเอ้อที่ตามนางมา พร้อมกับยื่นคำขาดเสียงดัง จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง
“ท่านเฟยเทียน ท่านไปโรงหมอก่อนดีหรือไม่ แผลท่านดูน่ากลัวนัก” หลังจากที่ทั้งสามคนเข้ามายังห้องรับรองเรียบร้อยแล้ว หลินอี้ฟางก็เอ่ยกับสหายของเจ้าของโรงน้ำชาแห่งนี้ เมื่อเห็นว่าหน้าผากของชายหนุ่มมีรอยแตกจนเลือดอาบ
“ข้าไม่เป็นไร” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงนิ่ง
“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร ท่านเลือดออกมากถึงเพียงนี้ ประเดี๋ยวก็ปวดศีรษะหรอก ข้าจะทำแผลให้ท่านเอง” จางหนิงฮวาที่เห็นชายหนุ่มตรงหน้าไม่ยอมไปหาหมอก็ขันอาสาทำแผลให้เสียเอง
“เจ้าทำเป็นหรือ” ชายหนุ่มเอ่ยถามอีกคน ซึ่งเริ่มใช้ผ้าสีขาวสะอาดตากดลงบนแผลตน
“ข้าคือบุตรสาวของท่านหมอจางหนิงเหอ ท่านจะเชื่อใจให้ข้าทำแผลได้หรือไม่” หญิงสาวกล่าวแนะนำตัวออกมา ก่อนจะเอ่ยถามชายหนุ่มกลับ
“ลูกสาวท่านหมอจาง” ชายหนุ่มกล่าวทวนคำของนาง “อย่างนั้นก็ลำบากเจ้าแล้ว” จากนั้นจึงเอ่ยปากให้หญิงสาวได้ทำตามใจ
“ขอบคุณท่านที่ช่วยข้าไว้ ว่าแต่ท่านมีนามว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ”
จางหนิงฮวาเอ่ยถามชายหนุ่มตรงหน้า ในขณะที่มือก็ทำแผลให้อีกคนไปด้วย
“ข้าชื่อตงเฟยเทียน เป็นสหายสนิทของพี่ชายเจ้า” ชายหนุ่มเอ่ยตอบ พร้อมทั้งสบตากับหญิงสาวตรงหน้าอย่างเต็มตา
