บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 เริ่มการแก้แค้นเล็ก ๆ น้อย ๆ

บทที่ 7

เริ่มการแก้แค้นเล็ก ๆ น้อย ๆ

“คุณหนู นี่เป็นผ้าไหมเนื้อดีที่ข้าได้มาจากทางเหนือ เดิมทีตั้งใจว่าจะส่งเข้าไปขายในวังหลวง จึงไม่ได้นำออกมาตั้งที่หน้าร้าน หากท่านสนใจ ข้าจะแบ่งขายให้ท่านพร้อมลดราคาให้ท่านอีกครึ่งหนึ่งด้วย”

จ้านตงที่ได้รู้มาจากภรรยาว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นเศรษฐี

มีเงินอวดอ้างสรรพคุณว่าผ้าผืนนี้ตนจะส่งเข้าวังหลวงเพื่อโก่งราคากับหญิงสาว

“ดียิ่ง ท่านจะลดราคาให้ข้าด้วยอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”

จางหนิงฮวาแกล้งเอ่ยเสียงออดอ้อนอ่อนหวานกับจ้านตง โดยไม่สนใจสีหน้าของอี้ลี่อินที่ยืนอยู่ข้างชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย

เมื่อที่เห็นว่าสตรีตรงหน้าให้ท่าตนก็รู้สึกลำพองใจเป็นอย่างยิ่ง จึงกล่าวออกมาอย่างยินดีและหยอดคำหวาน

“จริงสิ ข้าจะขายให้ท่านในราคาที่รับซื้อมาเลยนะขอรับ แต่หากท่านยอมไปดื่มสุรากับข้าสักครั้ง ข้าสามารถยกผ้าผืนนี้ให้ท่านได้โดยไม่คิดเงินแม้แต่ตำลึงเดียว” จ้านตงมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาสื่อความนัย และไม่คิดที่จะรักษาน้ำใจของสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา

“ท่านพี่เจ้าคะ!!”

เมื่ออี้ลี่อินเห็นว่าสามีส่งสายตาให้สตรีอื่นต่อหน้าต่อตานาง ซ้ำยังกล่าวคำหวานอีกก็เกิดความไม่พอใจ ก่อนจะดึงมือชายหนุ่มออกมาให้ห่างจากสตรีไร้ยางอายที่ส่งสายตาอ่อนหวานให้กับสามีของนาง

“หากท่านไม่พอใจที่จะซื้อของจากร้านของข้า เชิญท่านกลับไปเถิดเจ้าค่ะ” อี้ลี่อินเอ่ยเสียงแข็งตอบหญิงสาวตรงหน้า

ยามนี้นางไม่อยากขายของให้แล้ว

“ลี่เอ๋อร์ เจ้ากล่าวกับลูกค้าเช่นนี้ได้อย่างไร ขอโทษคุณหนูผู้นี้เสีย” จ้านตงเอ่ยเสียงดังกับภรรยาของตนที่เสียมารยาทกับลูกค้า

“ท่านพี่!!” นางกระแทกเสียงใส่สามี พร้อมทั้งกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจที่เขาเห็นสตรีตรงหน้าสำคัญกว่านาง

“อี้ลี่อิน” จ้านตงเรียกชื่อเต็มของภรรยาเสียงแข็ง พร้อมกับสบตานางด้วยสายตากดดัน

“ขอโทษเจ้าค่ะ” แม้จะไม่ยินยอม แต่อี้ลี่อินจำต้องทำตามคำสั่งของสามี นางกล่าวขอโทษจางหนิงฮวาด้วยความไม่พอใจ

“ข้าเอาผ้าผืนนี้ ส่วนชุดพวกนี้ข้าสามารถลองใส่ดูได้หรือไม่”

จางหนิงฮวารู้สึกพอใจที่ได้ทำให้สองสามีภรรยามีปากเสียงกัน แต่นี่ไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงในการมาที่นี่ของนาง จึงรีบหยุดสถานการณ์ตรงหน้าก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายจนต้องเสียแผน

“พี่สะใภ้ ท่านช่วยข้าลองชุดหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ” นางหันไปทางหลินอี้ฟางที่ยืนมองอยู่พร้อมกับกวักมือเรียก

หลินอี้ฟางที่เห็นจางหนิงฮวาเรียกหาตน ก็รีบเดินเข้ามาสมทบ และตอบกลับว่า

“ได้สิ เจ้าอยากให้ข้าช่วยสิ่งใด”

“พี่สะใภ้ ท่านตามข้าไปในห้องลองชุดหน่อยเจ้าค่ะ ข้าจะให้ท่านช่วยเลือกว่าชุดไหนเหมาะกับข้า” พูดจบก็คว้าเสื้อผ้าที่วางกองอยู่ตรงหน้าขึ้นมาสองสามชุด ก่อนจูงมือหลินอี้ฟางตามเข้าไปในห้องลองเสื้อที่อยู่ด้านหลัง

เมื่อเข้ามาถึงหลินอี้ฟางก็กระซิบถามสตรีที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อลองชุด

“อาหนิง เจ้าจะทำอย่างไรต่อ”

“พี่สะใภ้ ประเดี๋ยวตัวข้าจะขึ้นผื่นแดง ท่านต้องโวยวายให้เสียงดังเลยนะเจ้าคะ จะได้เรียกให้ลูกค้าในร้านหันมาสนใจพวกเรา จากนั้นท่านก็บอกไปว่าเสื้อผ้าชุดนี้มีปัญหา ที่เหลือข้าจะจัดการเอง”

จางหนิงฮวาบอกแผนการต่อไปกับหลินอี้ฟาง

“อืม เข้าใจแล้ว เวลานี้เจ้ากับข้าอยู่กันลำพัง เหตุใดยังเรียกข้าว่าพี่สะใภ้อยู่เล่า” หลินอี้ฟางพยักหน้าเข้าใจกับแผนการ แต่ไม่เข้าใจคำเรียกขานของอีกฝ่ายเลยถามกลับไปอย่างสงสัย

“นี่ มันใช่เวลามากล่าวเรื่องนี้หรืออย่างไร เรื่องของท่านกับท่านพี่ของข้า ข้ามองไม่ผิดหรอก แต่เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้กัน

ทีหลัง เวลานี้ท่านทำตามที่ข้าบอกก็พอ”

จางหนิงฮวาเอ่ยกับอีกฝ่าย ก่อนที่มือบางจะหยิบขวดกระเบื้องสีขาวใบเล็กออกมาจากอกเสื้อ จากนั้นนางก็เทผงสีขาวข้างในออกมาเพียงเล็กน้อย แล้วก็ป้ายสิ่งนั้นไปบนแขนของตัวเองเบา ๆ โดยที่หลินอี้ฟางมองอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดออกมา

ไม่นานทั้งสองก็กลับออกมาจากห้องลองเสื้อ แล้วทำทีว่ากำลังจะไปจ่ายเงินค่าเสื้อผ้าที่เลือกไว้

“อาหนิง แขนเจ้าเหตุใดจึงเป็นผื่นแดงเช่นนี้” หลินอี้ฟางเอ่ยทักเสียงดัง ในขณะที่จาวหนิงฮวากำลังหยิบถุงเงินขึ้นมา

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันเจ้าค่ะ ก่อนหน้าที่ข้าจะลองเสื้อก็ไม่เห็นเป็นอะไร แต่พอข้าใส่เสื้อผ้าจากร้านนี้เข้าไปก็รู้สึกคันยุบยิบไปทั่วตัวเลยเจ้าค่ะ” นางตอบด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับเริ่มเกาไปตามเนื้อตัวเหมือนนางคันจริง ๆ

“นี่! ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ท่านจะกล่าวหาว่าเสื้อผ้าร้านข้ามีปัญหาอย่างนั้นหรือ” อี้ลี่อินเอ่ยขัดบทสนทนาของทั้งสองเสียงดังเช่นกัน นางไม่เชื่อว่าผ้าของร้านจะมีปัญหาอย่างที่สตรีตรงหน้าทั้งสองคนกล่าวมา

“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นนะเจ้าคะ ท่านและทุกคนก็เห็นว่าก่อนหน้านี้ข้ายังดี ๆ อยู่เลย แต่พอข้าลองเสื้อผ้าของร้านท่านออกมา ตัวข้าก็มีผื่นแดงเช่นนี้” หญิงสาวไม่ได้เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีหลักฐาน นางยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาจนชายแขนเสื้อเลื่อนลงไป เผยให้เห็นลำแขนเรียวเล็กที่มีผื่นสีแดงขึ้นอย่างเด่นชัด

“อ๊ายยย! เจ้าเอาอะไรมาให้ข้าใส่กัน ดูสิตัวข้าคันไปหมดแล้ว”

ดูเหมือนสวรรค์จะเข้าข้างจางหนิงฮวาเข้าแล้ว เมื่อจู่ ๆ ก็มีสตรีนางหนึ่งกรีดร้องโวยวายขึ้นมา จึงทำให้ลูกค้าในร้านมองด้วยความสนใจ

สตรีนางนี้ได้เข้ามาในร้าน หลังจากที่จางหนิงฮวาเดินเข้ามาในห้องลองเสื้อแล้ว นางได้เลือกเอาเสื้อตัวหนึ่งในกองผ้าที่อี้ลี่อินนำออกมาให้จางหนิงฮวาเลือกเมื่อครู่นี้ไปลองต่อ โดยไม่รู้เลยว่าผ้าทั้งกองที่อี้ลี่อินนำออกมา ถูกโปรยผงยาพิษใส่เอาไว้ ซึ่งพิษนี้สามารถทำให้เกิดผื่นคันบนผิวหนังได้ แต่อาการจะไม่ได้รุนแรงเท่าใดนัก แค่เพียงผู้ที่โดนเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาดก็สามารถคลายพิษได้แล้ว

“ว้ายยย! ตายแล้ววว! ฮูหยินเว่ย ท่านก็เป็นเหมือนกันหรือ น้องสาวของสามีข้าก็เป็นเช่นกัน” หลินอี้ฟางที่รู้จักกับสตรีที่โวยวายเมื่อครู่ รีบเอ่ยสำทับทันทีเพื่อให้เหตุการณ์นี้น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

“แย่ยิ่งนัก ขายเสื้อผ้าที่มีปัญหาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” เสียงของสตรีนางหนึ่งที่เข้ามาเลือกซื้อผ้ากล่าวขึ้น

“นั่นสิ อย่างนี้ผ้าที่พวกเราเลือกอยู่ ไม่ใช่ว่าก็มีปัญหาหรอกหรือ”

สตรีอีกนางกล่าวสนับสนุนทันที

“เอ่อ...พวกท่านทั้งหลายใจเย็นลงก่อนเถิด ข้าจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง แล้วให้คำอธิบายแก่ทุกท่านเอง”

จ้านตงเห็นว่าเหตุการณ์กำลังจะวุ่นวายก็รีบเอ่ยให้ทุกคนอยู่ในความสงบ

“อ๊ายยย! มือข้า คันไม่ไหวแล้ว”

ขณะที่ทุกคนกำลังจะเงียบเสียงลง สตรีอีกนางหนึ่งก็

กรีดร้องขึ้นมาเสียก่อน

“ข้าก็ไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะพี่สะใภ้ ข้าต้องรีบไปหาท่านหมอแล้ว ไม่รู้ว่าผื่นคันนี้จะลุกลามจนข้าต้องตัดแขนทิ้งหรือไม่”

จางหนิงฮวารีบเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก จึงเรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาสตรีที่อยู่ในร้านได้อีกครั้ง คราวนี้ต่อให้

จ้านตงจะเสียงดังแค่ไหน ก็ไม่อาจควบคุมพวกนางได้อีกแล้ว

ในจังหวะที่ทั้งร้านกำลังชุลมุนวุ่นวาย เพราะสตรีเหล่านั้นต้องการเรียกร้องค่าเสียหาย เพื่อไปรักษาอาการคันที่โรงหมอ จางหนิงฮวาและหลินอี้ฟางก็หลบออกมากันก่อนแล้ว

ในเวลาต่อมาเมื่อทั้งสองกลับมายังโรงน้ำชา ก่อนที่หลิน

อี้ฟางจะต้องไปดูแลลูกค้าก็ได้บอกกับจางหนิงฮวาเอาไว้ว่าให้ไปรอที่ห้องพักรับรอง โดยที่นางจะให้คนไปจัดเตรียมน้ำสะอาดและเสื้อผ้าไว้ให้ผลัดเปลี่ยน เพื่อที่จะได้ล้างตัวจากผงพิษที่ทำให้เกิด

ผื่นแดง

ทว่าจางหนิงฮวามิได้กลับไปยังห้องรับรอง แต่กลับมองหาที่นั่งในโรงน้ำชาแห่งนี้แทน ซึ่งเวลานี้คนกลับแน่นไปเสียทุกโต๊ะ

ทำให้นางคิดแผนการทำร้ายอี้ลี่อินและจ้านตงขึ้นมาได้อีกทาง

“ขอโทษนะเจ้าคะคุณชาย ข้าขอนั่งกับท่านสักครู่ได้หรือไม่”

ชายหนุ่มที่ถูกจางหนิงฮวาดึงเข้ามาร่วมแผนการยังไม่ทันตอบรับสิ่งใด นางก็ทิ้งกายลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขาทันที ก่อนที่จะเริ่มแผนการต่อไป โดยที่มีชายหนุ่มปริศนาเป็นผู้ร่วมชะตากรรมในครั้งนี้

“เมื่อครู่ข้าไปซื้อผ้าที่ร้านของคุณชายจ้านกับฮูหยินของเขามา เสื้อผ้าทั้งร้านเต็มไปด้วยยาพิษ ดูแขนข้าที่ขึ้นผื่นแดงสิเจ้าคะ” ไม่พูดเปล่า นางยกยกแขนและเปิดให้ดูว่ามีรอยแดงจริง ๆ

จางหนิงฮวาเอ่ยด้วยเสียงที่ดังไปเกือบจะทั่วโรงน้ำชา

เพื่อเรียกให้ทุกสายตาหันมามองที่นางอย่างสนใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel