บทที่ 4 เสแสร้ง
บทที่ 4
เสแสร้ง
“หึ่ย! เจ็บใจชะมัด นังอัปลักษณ์นั่นมันผีเข้าหรืออย่างไร เหตุใดนิสัยจึงเปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือเช่นนี้”
อี้อันหนิงที่กำลังนั่งทายาให้กับบุตรสาวของตนเอ่ยขึ้นด้วยความแค้นใจ หลังจากกลับมาถึงเรือนของตนเองแล้ว
“ท่านแม่ หากเป็นเช่นนี้ท่านก็เข้าเมืองไปอยู่กับลูกก่อนดีหรือไม่ หากวันนี้ท่านพี่มารับข้ากลับบ้าน ท่านก็กลับไปพร้อมกับข้าเลยจะดีกว่า อยู่ที่นี่ต่อไปต้องถูกนังบ้าหนิงฮวาตีตายเข้าสักวันแน่” อี้ลี่อินเอ่ยกับมารดาอย่างห่วงใย ขณะพูดมือก็ทายาแก้ฟกช้ำบนใบหน้าของมารดาไปด้วย
“ดีเหมือนกัน แม่คิดว่าพวกเราไปตั้งหลักกันก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีกลับมาเอาคืนนังอัปลักษณ์หนิงฮวา เวลานี้สมบัติของตระกูลจางเราก็ยังไม่ได้มา ตำรายาสูตรลับก็ยังไม่เคยเห็นสักเล่ม หากเราได้ของพวกนี้มาเป็นของตัวเอง ทั่วทั้งเมืองหลวงใครก็ย่อมยินดีรับพวกเราเข้าจวนทั้งนั้น”
หญิงหม้ายที่สามีตาย กระทั่งแต่งงานใหม่ก็ไม่ได้เป็นฮูหยิน ยังเป็นอนุอยู่เช่นเดิม เอ่ยบอกแผนการในใจให้บุตรสาวรับรู้
สองแม่ลูกต่างก็รู้สึกคับแค้นจางหนิงฮวาอยู่ในใจ เดิมที
อี้อันหนิงไม่ได้คิดจะมาตกระกำลำบากกับจางหนิงเหออย่างทุกวันนี้เลยสักนิด เพียงแต่ตอนที่จวนสกุลจางถูกทางการเข้ายึดนั้น นางบังเอิญไปได้ยินจางหนิงเหอคุยกับบุตรชายจางหนิงหลงว่า ต่อให้ทางการจะยึดจวนยึดทรัพย์ไป ตนก็ไม่มีสิ่งใดให้ลำบาก
เพราะนอกจากทรัพย์สินที่ได้จากทางการ ตัวของท่านหมอจางก็มีทรัพย์สมบัติที่เป็นสินเดิมของจางฮูหยินอยู่บ้าง แม้จะมีคนบอกว่าเขาใช้บุญเก่าของภรรยาแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ เพราะต้องการนำเงินส่วนนั้นมาดูแลจางหนิงฮวาที่เพิ่งเข้าสู่วัยสาว ให้อยู่ได้อย่างไม่ลำบากมากจนเกินไปนัก
จางหนิงหลงที่เห็นว่าบิดาตัดสินใจอย่างนั้นก็ไม่ได้คัดค้านสิ่งใดออกไป เลยปล่อยให้บิดาพาน้องสาวย้ายออกจากเมืองหลวง มาใช้ชีวิตในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้
แต่ใครเลยจะคิดว่าสตรีมักใหญ่ใฝ่สูงอย่างอี้อันหนิงจะยอมตามจางหนิงเหอออกมาลำบากลำบนด้วย ทั้งที่เขาก็เขียนหนังสือหย่าให้นางไปแล้ว ทว่านางก็ไม่ได้ลงนามในหนังสือนั่น แต่กลับติดตามสองพ่อลูกออกจากเมืองหลวงมาด้วย
ในเวลานั้นผู้คนในเมืองหลวงกล่าวโทษท่านหมอจางว่าทำให้ครอบครัวต้องลำบาก
กลับกลายเป็นว่าอนุอี้ที่ยังสาวยังสวย ยอมติดตามไปลำบากด้วยกลับไม่ได้รับความเห็นใจ ท่านหมอจางไม่แม้แต่จะให้ตำแหน่งฮูหยินกับนางด้วยซ้ำ
ทั้งที่ไม่รู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร แต่ผู้คนก็เลือกจะลือกันไปในทางเสียหายเสียแล้ว
“ลี่เอ๋อร์” เสียงเรียกของชายหนุ่มผู้มาใหม่ทำให้ อี้อันหนิงและอี้ลี่อินหันกลับไปมอง ทั้งสองนางจึงพบว่าผู้ที่เดินเข้ามาคือ จ้านตง สามีของอี้ลี่อินนั้นเอง
“ท่านพี่ ฮึก ฮือออ” เมื่อสามีเดินเข้ามาใกล้ตัว อี้ลี่อินก็
โผเข้ากอดรอบเอวสอบของผู้เป็นสามีทันที หญิงสาวบีบน้ำตาทำท่าหวาดหวั่นจนน่าเห็นใจ
“ลี่เอ๋อร์ เกิดเหตุใดขึ้น ใครทำร้ายเจ้า” ชายหนุ่มทิ้งกายลงนั่งข้างภรรยา มือหนาเชยคางมนของคนรักขึ้น ทำให้เห็นว่าบนแก้มของหญิงสาวมีรอยแดงช้ำ ซ้ำมุมปากก็มีแผลปริแตกอีกด้วย
“เป็นท่านพี่หนิงฮวาเจ้าค่ะ” เสียงหวานเอ่ยพลางสะอื้นไห้ พร้อมทั้งซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งของสามีอย่างเดิม
“เดิมทีข้ากับท่านแม่เห็นว่านางป่วยหนักจึงได้มาเยี่ยมเยียน ใครจะคิดว่าพอนางฟื้นมาจะเสียสติถึงเพียงนี้ นอกจากท่านพี่จะทุบตีข้าแล้ว นางยังตีท่านแม่ของข้าด้วย”
ว่าไปก็ผินหน้ากลับไปมองหน้ามารดาอย่างรู้สึกผิด
“แม่ไม่เป็นไรหรอกลี่เอ๋อร์ แม่ต้องอยู่บ้านนาง กินข้าวบ้านนาง ให้นางทุบตีระบายอารมณ์บ้าง แม่ก็ยอมได้” อี้อันหนิงเอ่ยสมทบบุตรสาวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย นางยกชายแขนเสื้อขึ้นทำท่าซับตรงหัวตา ซึ่งภาพนั้นเรียกสายตาเป็นกังวลจากบุตรเขยได้เป็นอย่างดี
หากอยากรู้ว่าสตรีมีนิสัยเป็นเช่นไร คงต้องย้อนมองกลับไปที่มารดา สองแม่ลูกที่เป็นฝ่ายหาเรื่องจางหนิงฮวาในชั่วยามก่อนหน้าบัดนี้กลับกลายเป็นผู้ถูกกระทำเสียอย่างนั้น
จ้านตงที่เชื่อมาตลอดว่าอี้ลี่อินเป็นสตรีอ่อนแอ ที่ถูกพี่สาวทำร้ายรังแกมาตั้งแต่เกิด ก็ยิ่งสงสารภรรยาสาวจับใจ
เดิมทีเขาแต่งนางออกไปจากบ้านสกุลจางได้เกือบครึ่งปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่จวนสกุลจางจะเกิดเรื่องเสียอีก ดังนั้นตอนนี้ที่นางอยู่ที่นี่ก็มาเพื่อเยี่ยมมารดาของนางเท่านั้น เขาก็ไม่คิดว่าการที่ปล่อยให้ภรรยากลับมาบ้านเดิมด้วยตนเอง จะทำให้นางต้องพบกับความลำบากกายใจเช่นนี้
“นางคงเสียใจที่ไม่ได้แต่งกับท่าน จึงได้พาลมาทำร้าย
ลี่เอ๋อร์เช่นนี้” อี้อันหนิงเอ่ยออกมาคล้ายตนเองมีส่วนผิด แต่ไม่ต่างจากสุมความเกลียดชังให้บุตรเขย
“ข้าไม่น่าปล่อยให้เจ้ากลับมาผู้เดียวเลย ลี่เอ๋อร์” ชายหนุ่มลูบหลังร่างบางของภรรยาเพื่อปลอบให้อีกฝ่ายคลายความกลัวลง แล้วยังกล่าวต่อว่า
“เจ้ากลับจวนกับข้านะลี่เอ๋อร์ อยู่กับข้าใครก็ทำสิ่งใดเจ้าไม่ได้” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงหนักแน่น
“ลี่เอ๋อร์คงไม่อาจกลับไปกับท่านพี่ได้อย่างสบายใจหรอกเจ้าค่ะ หากต้องทิ้งให้ท่านแม่รับมือกับท่านพี่หนิงฮวาเพียงลำพัง” เสียงหวานเอ่ยกับสามีอย่างเป็นกังวล ทำให้ยามนี้นางช่างน่าสงสารยิ่งนักในสายตาของผู้เป็นสามี
“เจ้าอย่าห่วงเลยลี่เอ๋อร์ แม่อยู่ได้ พี่ของเจ้านางก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนเช่นนั้นเสียหน่อย หากข้าไม่ไปขวางหูขวางตานาง นางก็คงจะไม่ทำอันใดข้าหรอก” อี้อันหนิงยังคงแสร้งทำตัวน่าสงสารต่อไป ทั้งที่ในใจคืออยากกลับไปที่จวนสกุลจ้านกับบุตรสาวเสียเต็มแก่แล้ว
“ท่านแม่อย่าได้กังวลไป ท่านกลับไปกับข้ากับลี่เอ๋อร์ก่อน ส่วนเรื่องที่หนิงฮวาทำร้ายตบตีท่านและลี่เอ่อร์ เราค่อยหารือกันอีกครั้ง”
ชายหนุ่มเสนอทางเลือกให้สองแม่ลูกพร้อมออกความเห็น
“ข้าคิดว่าเป็นเพราะนางเสียใจที่ข้ากับลี่เอ๋อร์แต่งงานกัน จึงทำให้นางแค้นใจจนต้องมาทำร้ายทั้งสองคนแบบนี้ ข้าจะหาโอกาสไปบอกกับนางให้เข้าใจว่าข้านั้นรักลี่เอ๋อร์ และไม่มีทางจะแต่งกับนางแน่นอน หากนางกล้าทำร้ายท่านกับลี่เอ๋อร์อีก ข้าจะให้นางต้องชดใช้” จ้านตงกล่าวเสียงแข็งกร้าวออกมา
ก่อนหน้าที่เขาจะแต่งอี้ลี่อินเข้าจวนนั้น เขาเคยคบหากับจางหนิงฮวามาก่อน ด้วยความจำเป็นบางอย่างทำให้เขาต้องทนคบกับหญิงสาวที่หน้าตาอัปลักษณ์เช่นนั้น ทั้งที่เขามีใจให้น้องสาวต่างสายเลือดของนางตั้งแต่แรกพบ แต่กลับต้องหลบซ่อนเรื่องระหว่างเขาทั้งสองคนไว้ไม่ให้ผู้ใดรับรู้
เมื่อมีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับท่านหมอจางรวมถึงสกุลจาง เวลานั้นสกุลจางเริ่มถูกผู้คนกล่าวถึงในทางเสียหายแล้ว ทำให้จ้านตงที่อดทนมานาน ตัดสินใจบอกจบความสัมพันธ์กับจางหนิงฮวา และประกาศแต่งอี้ลี่อินเข้าจวนทันที นั่นเลยทำให้จ้านตงคิดไปเองว่าสาเหตุที่จางหนิงฮวานิสัยเปลี่ยนไปเป็นคนร้ายกาจเช่นนี้ เพราะนางเสียใจและผิดหวังจากตัวเขา
“ขอบคุณท่านพี่ที่เมตตาลี่เอ๋อร์กับท่านแม่ หากท่านแม่กลับไปกับเรา ข้าก็ไม่มีสิ่งใดให้ห่วงแล้วเจ้าค่ะ” อี้ลี่อินส่งรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจให้สามี ก่อนจะกอดเขาแน่นกว่าเก่า
“เพื่อเจ้าแล้ว เรื่องยากแค่ไหนข้าย่อมทำได้ทั้งนั้น”
ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน โดยไม่รู้เลยว่าสตรีที่เขากอดอยู่ด้วยความหวงแหนนั้น
มีแววตาที่ร้ายกาจเพียงใด สมองของอี้ลี่อินเริ่มคิดแผนการเอาคืนจางหนิงฮวาหลังจากนี้ โดยที่นางคิดจะใช้ความรักของสามีเป็นเครื่องมือในการทำร้ายหญิงสาว ที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวร่วมบ้านของนางเอง
“เรารีบกลับเมืองหลวงกันก่อนดีกว่า หากจางหนิงฮวามาพบพวกเจ้า นางอาจจะเสียสติจนทำร้ายพวกเจ้าเอาได้”
อี้อันหนิงเอ่ยเตือนบุตรสาวและบุตรเขย ก่อนที่ทั้งสามจะช่วยกันเก็บของแล้วมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองหลวงทันที
