บท
ตั้งค่า

ตอนที่สี่ สิ่งแลกเปลี่ยน

ตอนที่สี่

สิ่งแลกเปลี่ยน

เมื่อเห็นชายชุดเสื้อหรูหราซึ่งบังรองเท้าสีดำได้ไม่หมด จึงเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงสง่าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่กลางห้องข้างโต๊ะน้ำชา

ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นกำลังเบนสายตาออกไปนอกหน้าต่างไม่แม้แต่จะปรายตาหันมามองนางแสดงออกถึงความเย็นชาที่แผ่กระจายไปทั่วห้อง

เอ่อ...เขากำลังอารมณ์ไม่ดีหรือ

ลึกลงไปในใจของถังลี่หงย่อมรู้ดีว่าการเจรจาครานี้จะไม่ง่ายนัก แต่นางไม่มีทางเลือกจึงรีบคุกเข่าลงทั้งก้มหน้าเอ่ยคำคารวะเสียงอ่อนหวาน

“ถังลี่หง คารวะอ๋องเจิ้งเพคะ”

เดิมทีจ้าวเจิ้งหลงเคยคิดว่าหญิงสาวมักใหญ่ใฝ่สูงอยากเป็นสนมของฮ่องเต้จึงไม่ใส่ใจกระทั่งฐานะชายาเอกของเขา

แต่ผ่านมาป่านนี้นางก็ยังไม่มีคู่หมั้นคู่หมาย นั่นจึงทำให้เขาฉงนสงสัยไม่น้อย

ใช่ว่าเขาจะชื่นชอบนางมากเสียหน่อย เพียงเห็นว่านางเป็นสตรีงดงาม อ่อนหวาน ว่าง่าย คงไม่มีปัญหาหากอยู่ด้วยกัน ด้วยเขาไม่คิดปืนป่ายแย่งชิงอำนาจหรือชอบสร้างความยุ่งยาก

ในเมื่อนางกล้าปฏิเสธเขา นับจากนั้นจึงกลายเป็นสตรีที่ต้องจับตาว่าสุดท้ายแล้วนางจะเลือกชายใด

ไม่คิดว่าจะลงเอยด้วยความตกต่ำเช่นนี้

สายตาเคร่งขรึมเหลือบมองความกังวลและความเคร่งเครียดที่แสดงออกมาในทุกย่างก้าวของหญิงสาวผู้เดินมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้า

ถังลี่หงเห็นว่าอ๋องสูงศักดิ์เอาแต่นิ่งเงียบจึงตัดสินใจก้มหัวลงติดพื้นเอ่ยคำขอร้องด้วยน้ำเสียงเว้าวอน

“พวกเราสตรีสกุลถังขอท่านอ๋องเจิ้งโปรดเมตตารับสั่งให้ดูแลพวกเราด้วยความเห็นใจด้วยเถิดเพคะ”

อ๋องเจิ้งยังคงไม่ขยับตัวราวกับไม่ได้ยินหรือไม่มีความรู้สึกใดๆ เขานิ่งเงียบไปสักพักแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต่ำและแข็งกร้าว

"เหตุใดข้าจึงต้องเมตตา?” คำถามนี้ราวกับว่าการขอร้องของถังลี่หงช่างไม่สมเหตุสมผล

ร่างเล็กสูดหายใจลึกก้มโค้งหลังลงอีกจนแนบพื้นด้วยท่าทางอ่อนน้อมสุดๆ ทั้งที่ร่างกายยังคงสั่นเล็กน้อยจากความหวาดหวั่นแต่พยายามปลุกปลอบจิตใจให้มุ่งมั่นแน่วแน่

“พวกเราไม่ได้ขอให้ท่านอ๋องปลดปล่อยหรือละเลยด้วยรู้ดีว่ากำลังต้องโทษ เพียงขอท่านอ๋องเมตตาพวกเราด้วยเพคะ

ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นเพียงสตรีอ่อนแอไม่กี่คน ขาดแรงงานของพวกเราไป สำนักสังคีตหลวงก็ยังคงอยู่ดีไม่ได้ขาดตกบกพร่องส่วนใด

แต่หากใช้แรงงานพวกเราหนักเกินไป อาจเจ็บป่วยจนสิ้นเปลืองหยูกยาและค่าหมอนะเพคะ”

เหตุผลของถังลี่หงหรือจะฟังเข้าหูของอ๋องสูงศักดิ์ เขาจึงเอ่ยถ้อยคำดุห้วนทั้งแสดงอำนาจออกมา

“เจ้ากำลังขู่ข้าหรือ? คิดว่าสำนักสังคีตหลวงไม่มีปัญญารักษาพวกเจ้าเช่นนั้นหรือ?

เชอะ...อ่อนแอนักก็ปล่อยให้ตายไปเสีย”

ถังลี่หงหน้าซีดลงทันทีแววตาแฝงความเจ็บปวดเมื่ออ๋องสูงศักดิ์เอ่ยราวชีวิตของพวกนางช่างไร้ค่า แต่นางจำต้องพยายามข่มใจไม่ให้เสียสมาธิเพื่อแก้ไขสถานการณ์คับขันนี้

“หม่อมฉันขออ้อนวอนให้ท่านอ๋องเห็นใจ พวกเราไม่ได้เกี่ยงงานหนัก เพียงแต่ขอให้เหมาะสมสักหน่อยเพื่อไม่ให้ต้องล้มป่วยจนกลายเป็นภาระ”

คราวนี้ถังลี่หงเงยหน้าขึ้นเพื่อมองไปที่อ๋องหนุ่มด้วยสายตาสื่อความจริงใจและวาดหวังให้เขาใจอ่อน

“อยากช่วยพวกเขาก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน” สายตาดุดันมองสบตรงมาอย่างข่มขู่ทันทีที่ถังลี่หงเงยหน้านั่นย่อมทำให้หญิงสาวรีบหลบสายตาด้วยตัวสั่นเทา

ร่างบอบบางจำต้องฝืนความหวั่นเกรงขบเม้มริมฝีปากเอ่ยตอบออกไป

“ท่านอ๋องต้องการให้ลี่หงทำสิ่งใด หากสามารถทำได้ลี่หงล้วนยอมรับปาก ขอเพียงช่วยดูแลมารดาและคนในสกุลถังให้อยู่ที่นี่อย่างสุขสบายเท่านั้นเพคะ”

เมื่อได้ยินหญิงสาวเรียกแทนตัวเองอย่างน่ารัก สีหน้าของจ้าวเจิ้งหลงจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย

“ดี หากเจ้าว่านอนสอนง่ายทำตัวดีดี ข้ายังจะยอมส่งข้าวส่งน้ำให้บิดาที่อยู่ในคุกไม่ให้อดอยากด้วย ดีหรือไม่”

ได้ยินคำเสนอนี้ถังลี่หงจึงเงยหน้าเผยรอยยิ้มเล็กน้อยด้วยความวาดหวัง

ความจริงอ๋องผู้นี้ก็ไม่ได้น่ากลัวทั้งไร้ความคิดสติปัญญาอย่างที่มารดาของนางเคยบอกเอาไว้

หญิงสาวจำได้ว่าครานั้น จางซื่อยกแม่น้ำทั้งห้ามาพร่ำพรรณนาไม่ให้นางตอบรับการสู่ขอของอ๋องเจิ้งโดยบอกว่าเขาดุร้ายมีนิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทั้งไร้ความคิดเบาปัญญาจึงได้รับมอบหมายแต่งานที่ไม่สำคัญ

แม้แต่งงานแล้วนางจะได้เป็นถึงชายาเอกซึ่งมียศศักดิ์ แต่ตำแหน่งเลื่อนลอยเช่นนั้นหรือจะสู้เป็นฮูหยินเอกของขุนนางซึ่งมีอำนาจวาสนามิดีกว่าหรือ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel