ตอนที่สาม ขอความเมตตา
ตอนที่สาม
ขอความเมตตา
ถ้อยคำของแม่นมเมิ่งตอกย้ำให้สองแม่ลูกจำต้องกล้ำกลืนฝืนทนก้มหน้ารับคำตะโกนด่าทอว่ามือเท้าเชื่องช้าอยู่ทั้งวัน
สตรีในสกุลถังใช้ชีวิตอยู่ในสำนักสังคีตหลวงได้กว่าสามวันโดยไม่มีคนของสกุลใดแวะมาถามไถ่หรือช่วยเหลือ เหล่าเพื่อนสนิทมิตรสหายซึ่งเคยคบหาต่างหายหน้าไม่อาจพึ่งพา
กระทั่งวันนี้ที่มีเสียงกระหืดกระหอบพร้อมร่างของผู้ดูแลสาวร่างใหญ่ที่วิ่งถลาเข้ามาอย่างร้อนรน
“ท่านอ๋องเจิ้งกำลังจะเข้ามาตรวจงานแถวนี้ ทุกคนรีบยืนให้ดี เก็บข้าวของให้เรียบร้อย เร็วเข้า”
ความโกลาหลเกิดขึ้นในทันใดด้วยความเร่งรีบและลุกลี้ลุกลน ยังไม่ทันไรกลุ่มคนก็กรูกันเข้ามายืนเรียงเป็นแถวเพื่อต้อนรับเจ้านายสูงศักดิ์
ถังลี่หงรีบหลบไปยืนด้านหลังแล้วก้มหน้าจับกระโปรงตนเอง หญิงสาวเห็นเพียงชายผ้าไหมชั้นดีสีดำที่ปลิวผ่านหน้าไปคล้ายลมหอบใหญ่ ก่อนที่เสียงพรั่งพรูลมหายใจของเหล่าผู้ดูแลจะดังออกมา
“เอาล่ะ ทุกคนไปทำงานต่อได้”
ถังลี่หงเองก็ถอนหายใจไปเฮือกหนึ่งเช่นกันแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานในส่วนของตนเองโดยไม่ได้ใส่ใจเรื่องอื่น
เย็นวันนั้น ถังลี่ซูซึ่งเพิ่งอาบน้ำขัดคราบความเหม็นของเหล่าอาจมออกจากกายก็รีบถลาเข้ามาจับมือพี่สาว
“พี่ใหญ่ จำได้หรือไม่ว่าอ๋องเจิ้งผู้นั้นเคยชอบพอพี่ เขาเคยส่งแม่สื่อมาสู่ขอพี่เมื่อปีก่อน พวกเราลืมไปได้อย่างไรว่าสำนักสังคีตหลวงแห่งนี้อยู่ในความดูแลของเขา”
ท่าทางตื่นเต้นยินดีทำให้ถังลี่หงเงยหน้ามองน้องสาวด้วยสายตาไม่เข้าใจกระทั่งประโยคถัดมา
“พี่ใหญ่ ขอเพียงพี่ใช้ความชื่นชอบที่เขาเคยมีเข้าไปคุกเข่าขอร้องให้ท่านอ๋องช่วยดูแลพวกเรา หรือไม่ก็ออดอ้อนออเซาะสักหน่อยเพื่อให้ท่านอ๋องเห็นใจ เท่านี้พวกเราก็คงไม่ต้องยากลำบากอีกแล้ว”
น้ำเสียงมีความหวังของถังลี่ซูย่อมสร้างความลำบากใจแก่พี่สาวอย่างถังลี่หง
นางหรือจะไม่อาจจดจำใบหน้าหล่อเหลาแต่มักทำเป็นวางท่าเคร่งขรึมดุดันไม่เคยยิ้มแย้มหรือพูดจาของอ๋องหนุ่มผู้นั้น
ถังลี่หงจำได้ว่าทุกคราที่พบเจอตามงานเลี้ยงต่างๆ อ๋องเจิ้งไม่เคยเข้าหา ไม่เคยพูดจาหรือแสดงท่าทางว่าชื่นชอบนาง
ด้วยฐานะของอนุชาที่มีมารดาคนเดียวกับฮ่องเต้ อ๋องเจิ้ง ‘จ้าวเจิ้งหลง’ ย่อมมีสถานะเหนือกว่าอ๋องคนอื่น
เป็นธรรมดาที่ถังลี่หงจะหวั่นเกรงทุกคราที่ได้พบเจอ นางจึงไม่เคยคิดเข้าหาหรือเกาะเกี่ยวสายสัมพันธ์กับอ๋องสูงศักดิ์เช่นสตรีนางอื่น
ไม่น่าเชื่อว่า จู่ๆ อ๋องผู้นั้นกลับส่งแม่สื่อมาสู่ขอตามธรรมเนียมโดยไม่ได้ร้องขอให้ฮ่องเต้ผู้เป็นเชษฐาออกราชโองการสมรสพระราชทาน
ถังลี่หงยังไม่ทันคิดว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ มารดาของนางกลับรีบอ้างเหตุผลข้างๆ คูๆ แล้วขอให้บิดาของนางหาญกล้าเอ่ยปากปฏิเสธออกไป
แม้จะหนักใจที่ต้องขัดแย้งกับน้องชายคนโปรดของฮ่องเต้ แต่ความรักบุตรสาวย่อมมีมากกว่า ถังหานจึงอ้างเรื่องสุขภาพบ้างเรื่องไร้สาระอื่นๆ บ้างเพื่อไม่ตอบรับการสู่ขอนั้น
และนั่นจึงทำให้ถังลี่หงต้องปฏิเสธการสู่ขอของชายหนุ่มทุกคนที่เข้ามาในช่วงเวลาเดียวกันเพื่อให้เท่าเทียม
เหตุการณ์นั้นผ่านมาเกือบปีแล้ว ป่านนี้เขาจะยังชื่นชอบนางอยู่อีกหรือ?
หรือบางทีเขาอาจไม่เคยชื่นชอบนางเลยเพียงเห็นแก่ความเหมาะสมเท่านั้น
ถังลี่หงถอนหายใจด้วยไม่คิดว่าการเข้าไปขอร้องของนางจะได้ผล
