บทที่ 4 คุณเป็นใคร
"ไอ้เหี้ยจ้าววววว"
"อย่าเสียงดังครับคุณปั้น"
เทิดทูนใช้มือปิดปากของข้าวปั้นเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนในโรงพยาบาล เจ้าเพื่อนตัวเล็กพยายามแงะมือใหญ่นั่นออกจากปากตัวเองแต่ก็ไม่เป็นผล
เมื่อคืนตอนที่ช่วยกันตามหาจันทร์จ้าวพวกเขาได้รับสายโทรศัพท์จากเบอร์ไม่รู้จักโทรมาบอกว่าจันทร์จ้าวอยู่โรงพยาบาล พวกเขาทั้งคู่จึงรีบบึ่งมาหาทันที แต่ด้วยเนื่องตอนนั้นมันดึกแล้วเลยถูกพยาบาลให้กลับบ้านไปก่อน
พอรุ่งเช้าของอีกวันก็คือวันนี้พวกเขาจึงรีบมาใหม่
หมอเล่าให้ฟังว่ามีคนอุ้มจันทร์จ้าวในสภาพโชกเลือดมาส่งแล้วบอกให้รักษาและจัดห้องพิเศษให้ ส่วนค่าใช้จ่ายคนๆนั้นจะเป็นคนจัดการเองทั้งหมด พอถามชื่อจากหมอ ก็ได้รู้เพียงว่าคนๆนั้นชื่อเจ้าเหมือนจันทร์จ้าวเพื่อนพวกเขาเลย
"อื้อ อ่อยอูไอเอิด" (อื้อ ปล่อยกูไอเทิด)
"ห้ามเสียงดังนะครับ"
เทิดทูนก้มลงกระซิบถามย้ำเพื่อความแน่ใจ มือหนายังคงปิดปากเพื่อนตัวน้อยเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียง มืออีกข้างก็จับล็อคเอวบางไม่ให้ดิ้นหนีไปไหนได้ เพียงเพราะกลัวว่าข้าวปั้นคนซนจะวิ่งเอะอะเสียงดังเอาได้
"ไอ่เอียงอังแอ่ออน"(ไม่เสียงดังแน่นอน)
ข้าวปั้นพยักหน้างึกงัก เงยมองเพื่อนรักตาแป้ว เทิดทูนยอมใจอ่อน เขาผละมือทั้งสองข้างออกปล่อยให้ข้าวปั้นเป็นอิสระ
"ไอ้จ้าววววว"
ข้าวปั้นตะโกนวิ่งพุ่งเข้าไปหาเพื่อนที่นอนหลับอยู่บนเตียงคนป่วยทันที
เทิดทูดตบหน้าผากตัวเองอย่างคนเหนื่อยใจ ข้าวปั้นที่แสนดื้อรั้น จะเอาอะไรมาสัญญาเชื่อถือกันได้ ไม่มีหรอก...
"ฮึ่ม เสียงดังหาพ่อมึงเหรอไอเตี้ย"
เสียงแหบแห้งเอื้อนเอ่ย จันทร์จ้าวรู้สึกตัวตื่นจากการได้ยินเสียงดังของใครบางคนรบกวน พอลืมตาขึ้นมาก็รับรู้ได้ว่าเสียงที่ว่าคือเสียงของไอเตี้ยข้าวปั้นนี่เอง เขานิ่วหน้ารู้สึกเจ็บแปลบที่ชายโครงเมื่อขยับตัว พอสังเกตุตัวเองดีๆก็พบว่าขาซ้ายกับแขนขวาถูกใส่เฝือกเป็นที่เรียบร้อย
"มึงรู้ได้ไงว่ากูอยู่นี่ ว่าแต่กูมาอยู่นี่ได้ไง"
จ้าวหันไปถามเพื่อนสนิททั้งสอง ข้าวปั้นนั่งอยู่บนเตียงปลายเท้าเขา ส่วนเทิดทูนนั่งที่เก้าอี้ข้างๆเตียง เจ้าเพื่อนธรรมมะธรรมโมสวดคาถาอะไรไม่รู้แถมยังเอาสายสิญจน์มาผูกแขนเขาอีก
"มึงจำอะไรไม่ได้เหรอ มีคนโทรไปหาพวกกูว่ามึงอยู่นี่ คนๆนั้นน่าจะเป็นคนพามึงมาส่งโรงพยาบาลด้วยมั้ง"
ข้าวปั้นเป็นคนตอบคำถาม มือก็จับขาที่ไม่ได้ใส่เฝือกของจ้าวยกพลิกไปพลิกมาอย่างคนไม่มีอะไรจะทำ
จนเทิดทูนต้องจับมือเล็กนั่นให้หยุด แล้วอุ้มเพื่อนตัวน้อยมานั่งบนตักตนแทน พร้อมกับล็อคเอวเอาไว้ไม่ให้ซนอีก
"ดีมากไอเทิด เตี้ยแม่งซนฉิบ แต่กูจำอะไรไม่ได้เลยวะ จำได้ล่าสุดกูขี่รถแข่งกับไอ้เหี้ยโฟแล้วแม่งมีหินหรือไรไม่รู้ลอยมาโดนหัวกูเต็มๆ แม่งเสียศูนย์ล้มไถล แถ่ดๆๆเลย เอ้อ! ไอเหี้ย! ไอเงินกูละ!!"
จ้าวค่อยๆยกแขนขวาขึ้นชูนิ้วโป้งให้เพื่อนเทิด พรางเล่าเหตุการณ์ที่ตัวเองได้ประสบเจอมา แต่พอนึกขึ้นได้ว่าไอเงินลูกรักอยู่กลางถนนก็ดีดตัวลุกผึ่งจนลืมความเจ็บ
"ไอเหี้ย ใจเย็นๆ กูเอาลูกมึงไปรักษาแล้ว"
"ใจเย็นเหี้ยอะไร ลูกกูคว่ำนะเว้ย"
"กูก็บอกว่าเอาไปรักษาแล้วไง เนอะไอเทิด นอนลงๆ นอนเลยมึงอะ"
"ใช่ครับ คุณจ้าวไม่ต้องห่วง คุณเงินไม่เป็นอะไรแล้วครับ ส่งพ่อคุณจ้าวซ่อมเรียบร้อยแล้ว"
ข้าวปั้นที่อยู่บนตักเทิดทูนต้องรีบเด้งตัวลงมาประคองเจ้าเพื่อนเดี้ยงเอาไว้ พูดห้ามไอคนรักรถสุดชีวิตให้นอนกลับลงไปเหมือนเดิม คืนนั้นเขาโทรให้ตาโล้นพ่อจันทร์จ้าวนั่นแหละมาเอาไอเงินไปซ่อม รายนั้นพอรู้ว่าจ้าวรถคว่ำแถมยังหายตัวไปอีก ก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ แทบจะกินหัวเขาแล้ว ดีนะได้เทิดทูนช่วยพูดกล่อมเอาไว้ บวกกับที่เบอร์แปลกโทรมาได้ถูกเวลาพอดีด้วยว่าจ้าวอยู่โรงพยาบาล ไม่งั้นตาโล้นเฉาะกบาลข้าวปั้นแบะแน่ๆ ก็รายนั้นไม่ชอบให้ลูกชายเพียงคนเดียวอย่างจันทร์จ้าวและพวกเขาแข่งรถ รู้ทีไรด่าไปสามวันเจ็ดวัน
"ฉิบหาย ใครบอกตาโล้นวะ"
จ้าวมองเพื่อนสองคนอย่างจับผิด เพราะว่าเรื่องแข่งรถเขาไม่มีทางให้ตาโล้นรู้เด็ดขาด แต่นี่รถมอเตอร์ไซค์เขาไปอยู่ที่มือตาโล้นแล้ว ตาแก่นั่นต้องรู้แน่ๆว่าเขาไปแข่งรถมา ซึ่งมันต้องมีคนไปบอกตาโล้นแน่นอน
เทิดทูนยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติ่ง ส่วนคนที่ออกอาการมากที่สุดก็คือข้าวปั้น รายนั้นนั่งบนตักเทิดทูนอย่างไม่อยู่สุข ลุกลิกไปมา สายตาแหล่มองไปทางอื่นไม่ยอมสบตากับจ้าว
"มึงบอกตาโล้นเหรอไอเตี้ย"
"มะ มันจำเป็นเว้ย ลูกมึงจะให้ช่างอื่นรักษาได้ยังไง"
"...."
จ้าวเงียบคิดตาม จริงอยู่ที่เพื่อนปั้นบอก ลูกรักของจ้าว นอกจากเขาก็มีเพียงตาโล้นเท่านั้นที่สามารถแตะต้องได้ คนอื่นเขาไม่มีวันให้ชำแระแงะดูเครื่องลูกเขาเด็ดขาด ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับเพื่อนปั้นจริงๆ
"ออกจากโรงบาลไป ด่ากูหูชาแน่"
"มึงไม่ต้องรอออกหรอก"
"ทำไมวะ เหี้ย..."
ไม่ต้องรอให้สงสัยมากความ ประตูห้องถูกเปิดออกด้วยชายแก่ร่างท้วมพุงพลุ้ย เดินโยกเยกทำหน้าเป็นยักษ์ขมูขีมาเลย
"ไอ้จันทร์!! มึงไม่ต้องแกล้งหลับเลยนะ!!"
จันทร์จ้าวที่แกล้งหลับตานอนหลับคลุมโปงอยู่ๆก็ถูกมือตาแก่กระชากผ้าห่มออกอย่างแรง
เทิดทูนรีบอุ้มข้าวปั้นลุกหนีไปนั่งที่โซฟาด้านหลังอย่างรู้งาน ยิ่งห่างระเบิดมากเท่าไหร่ยิ่งดี...
ตาโล้นนั่งลงที่เก้าอี้ตัวนั้นแทนที่ทันที มือที่เริ่มเหี่ยวย่นยื่นไปบิดหูเจ้าลูกชายที่นอนอยู่บนเตียง เสียงตาแก่ตะโกนด่าโหวกเหวกเสียงดัง
"บอกกี่ครั้งวะ!! ว่าอย่าแข่งรถ อย่าขับรถซิ่ง! แต่งได้ทำได้แต่อย่าซิ่งทำไม่ได้หรือไงไอจันทร์!! ไอ้เด็กเหี้ย!!"
"โอ้ยๆๆ ตาโล้นนนนน ลูกเจ็บนะ เจ็บนะโว้ย! ปล่อยๆๆ รถแต่งก็ต้องซิ่งสิโว้ย ถ้าขับช้าเป็นเต่าแล้วจะแต่งทำมะเขืออะไร โอ้ยๆๆ"
"ไอ้เรื่องยอกย้อนมึงเก่งหนักนะ กูมีมึงคนเดียวนะไอจันทร์!! ไอเวรตะไล!!"
ตาโล้นยอมปล่อยมือออกจากใบหูลูกชาย พรางนั่งหอบหายใจเหนื่อยที่ใช้เสียงไปเยอะ มองสภาพลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เนื้อตัวมีแต่รอยแผลถลอก หัวก็แตก แขนขาก็หัก ใจคนเป็นพ่อเห็นลูกเป็นแบบนี้มันไม่โอเคเลยสักนิด เมื่อคืนที่รู้ข่าวเขาก็นอนไม่หลับทั้งคืน เดี๋ยวนั่งเดี๋ยวลุกมองดูนาฬิกานับเวลาเมื่อไหร่จะเช้าสักที
"นี่เป็นครั้งแรกนี่ที่ลูกรถคว่ำ ให้โอกาสกันหน่อยสิ อีกอย่างนะ บอกกี่ครั้งว่าให้เรียกจ้าวโว้ย!"
จ้าวใช้มือข้างซ้ายที่ไม่ได้ใส่เฝือกลูบหูตัวเองที่ขึ้นสีแดง เขาจ้องตาโล้นคนเป็นพ่อตาเขม็ง พร้อมกับแย้งเรื่องการเรียกชื่ออย่างเสียงดัง บอกกี่ครั้งทำไมไม่จำ ว่าให้เรียกว่าจ้าวไม่ใช่จันทร์ที่เหมือนผู้หญิง
จ้าวว่าจ้าวไม่โอเค!
"กูจะเรียกไอ้จันทร์ ไม่ก็ไอ้เด็กเหี้ย! มีแค่นี้แหละที่กูจะเรียก แล้วมึงจะทำไม!!"
ชายแก่ตะโกนกลับไปเสียงที่ดังกว่า พรางยื่นมือไปเกลี่ยผมสีฟ้าเข้มที่ทิ่มตาเจ้าคนป่วยแขนเดี้ยงออกให้ด้วย
"เออๆ ช่างเหอะ ขี้เกียจจะบอกละ จะเรียกอะไรก็เรียกเถอะ! กลับไปทำงานทำการได้แล้วไป๊!"
จ้าวแสร้งแกล้งไล่ทำเสียงดังกลบเกลื่อน มองการกระทำของคนเป็นพ่อ พลันเบือนหน้าหนีเพราะความขัดเขิน เขาไม่เคยชินกับคำพูดแสนร้ายกาจแต่การกระทำแสนนุ่มนวลของตาโล้นสักที
"ไล่กูจังเลยไอ้เด็กเวร! แล้วมึงจะเอายังไงกับลูกกำนันจักษ์ ถ้ามึงจะเอาเรื่องเดี๋ยวกูลองไปคุยกับไอปราบให้"
"ไม่ต้องเลยๆ ปล่อยแม่งไปงั้นแหละ ไม่อยากมีปัญหา"
จ้าวรีบเบรคห้าม เขาไม่อยากมีปัญหากับไอโฟลูกกำนันสักเท่าไหร่ แล้วก็ไม่อยากให้เรื่องราวมันบานปลายใหญ่โตไปรบกวนลุงปราบที่เป็นตำรวจเพื่อนสนิทพ่อด้วย
หากจะจัดการเรื่องนี้ก็ไม่ยาก ก็แค่ไม่หาเรื่องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับไอโฟเป็นดีที่สุด จะหาเรื่องคนมีอำนาจในมือมันไม่ใช่เรื่องดี ยิ่งกำนันจักษ์ที่มีเส้นสายเป็นคนใหญ่โตมากมายยิ่งไม่ควรไปหาเรื่องเลย คนธรรมดาอย่างเขาควรอยู่เงียบๆดีที่สุด
"มึงแน่ใจนะไอ้จันทร์"
บุญล้นเอ่ยถาม มองดูลูกชายด้วยความเป็นห่วง เขาทราบดีว่าจันทร์จ้าวคิดอะไร เจ้าลูกชายของเขาคงไม่อยากให้เขาเดือดร้อน เลยยอมปล่อยผ่านเรื่องที่ตัวเองถูกลอบทำร้ายไปอย่างง่ายดาย เขาเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของเด็กๆ แต่ครั้งนี้มันหนักเกินไปจริงๆ หากจันทร์จ้าวลูกชายต้องการเอาเรื่องละก็ เขาก็พร้อมหาเส้นหาสายไปสู้กับกำนันจักษ์ได้เช่นกัน แต่กลับกันลูกชายเขากลับบอกว่าให้ปล่อยมันไป
"แน่ใจดิ ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่ไปแข่งกับมันแล้ว สัญญาเลย"
"ให้มันจริงเหอะมึงอะ!"
"จริงโว้ย! กลับบ้านไปซ่อมไอเงินได้แล้ว! ไป๊!"
จ้าวใช้มือข้างที่ไม่เจ็บดันพุงที่ยื่นย้วยของพ่อตนให้ลุกขึ้น
ตาโล้นจิ๊จ๊ะในลำคอ แต่ก็ยอมลุกขึ้นอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก
"ไล่กูจริงเลยเห้ย! ไปก็ได้วะ! เดี๋ยวจะจูนคาบูให้รวนเลยไอ้เด็กเวร!"
"เห้ย! อย่านะโว้ย! ตาโล้น! ตาโล้นนน!!"
จ้าวตะโกนเรียกไล่หลังตาโล้นที่เดินอุ้ยอ้ายออกจากห้องพักคนไข้ไป ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว ตอนนี้เขาทำได้เพียงภาวนาให้ตาโล้นไม่ปรับจูนรถเขาแบบมั่วๆอย่างที่ว่า ขอให้ความเป็นช่างซ่อมรถที่แสนยาวนานของตาโล้นช่วยสะกิดจิตใจให้ตาแก่นั่นไม่ทำอะไรบ้าๆทีเถอะ!
"มึงจะไม่เอาเรื่องไอ้เหี้ยโฟจริงๆเหรอจ้าว มันทำกับมึงไว้แสบมากนะ"
ข้าวปั้นที่นั่งเงียบอยู่นานผุดลุกขึ้นเดินมานั่งเก้าอี้ข้างเตียงที่เดิม
เทิดทูนจึงเดินตามมา ยกตัวข้าวปั้นขึ้นแล้วตัวเองนั่งลงแทน พลันวางข้าวปั้นลงบนตักตัวเองเหมือนเดิม
"คันอะ! กูไม่อยากให้ตาโล้นมีปัญหา มึงก็รู้กำนันจักษ์แม่งแย่ ใครมีเรื่องกับลูกแก แกจัดการหมด ให้จบกันที่แค่เรื่องแข่งรถแพ้ชนะก็พอ ต่อไปนี้กูก็ไม่ไปแข่งกับมันแล้ว คันโว้ย!"
จ้าวพยายามใช้มือเกาแผลตามเนื้อตามตัวที่รู้สึกคันยุบยิบ แต่ก็เกาไม่ถนัด ขยับทีหนึ่งก็เจ็บช่วงซี่โครงจนน้ำตาเล็ด เขาโวยวายเสียงดัง ใบหน้าที่หล่อเหลายับยู่บูดบึ้งเมื่อขยับตัวไม่ได้ดังใจอยาก
"อย่าเสียงดังสิครับคุณจ้าว รบกวนคนอื่นเขา"
เทิดทูนคว้ามือจันทร์จ้าวให้หยุดเกาแผลตัวเอง นิ้วเรียวสวยของเทิดทูนค่อยๆลูบรอบๆแผลของเพื่อนอย่างแผ่วเบา แม้จะช่วยให้หายคันไม่ได้ แต่ก็น่าจะพอบรรเทาได้บ้าง
"เออๆ ขอโทษละกัน ลูบๆตรงนั้นหน่อยเทิด เออดีๆ"
จ้าวกล่าวขอโทษอย่างขอไปที ทีเมื่อกี้ละไม่เห็นบอกตาโล้นบ้าง แหกปากซะคนไข้ห้องอื่นหัวใจวายตายแล้วมั้ง
จ้าวพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี พึงพอใจเมื่อเทิดทูนลูบไล้เกาได้ตรงจุด
"พอเทิดพอ หายคันละ"
เทิดทูนหยุดลูบตามที่จ้าวสั่ง เขาเอามือมาวางไว้บนหน้าขาเล็กของข้าวปั้นดังเดิม
"พวกมึงกลับไปได้ละ กูจะนอนพัก"
"แต่กูยังพูดเรื่องไอ้เหี้ยโฟไม่จบเลยนะ"
"เทิดเอามันไปเก็บดิ้"
จ้าวหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าตัวเอง ตัดบทสนทนาไว้แค่นั้นไม่ตอบอะไรเพื่อนปั้นอีก
"เทิดปล่อยกู ปล่อยย! ไอเทิดดดดด กูจะอยู่กับไอจ้าว! ปล่อยโว้ยยย! ปล่อยยยย"
เทิดทูนทำตามคำสั่งของจันทร์จ้าวอย่างว่าง่าย เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอุ้มตัวข้าวปั้นขึ้นพาดบ่า พลันเดินจ้ำอ้าวออกไปจากห้องทันที โดยไม่สนเสียงร้องเสียงทักท้วงโหวกเหวกโวยวายของข้าวปั้นเลยสักนิด
"เดี๋ยวก็ตายหรอก"
"อื้ม...ใคร"
จ้าวไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน เขาครางในลำคออย่างรำคาญเมื่อรู้สึกตัวตื่นจากใครก็ไม่รู้มารบกวนการนอนของเขาโดยการดึงผ้าห่มที่เขาใช้คลุมหน้าออก
"ลืมกันแล้วหรือไง"
"..."
จ้าวพยายามหรี่ตามองคนที่พูดกับเขาแต่ก็มองเห็นไม่ชัด ด้วยความที่ภายในห้องมันมืดสนิทเนื่องด้วยน่าจะค่ำแล้วเขาจึงเห็นเพียงเงาลางๆแต่ไม่เห็นใบหน้าว่าเป็นใคร เสียงก็ไม่คุ้นเอาเสียเลย จ้าวพยายามเพ่งตามองเท่าไหร่ก็ยังมองไม่เห็นอยู่ดี
"มึงเป็นใครวะ..."
"ช่างเถอะ นอนซะ"
คนแปลกหน้าคนนั้นไม่ตอบจ้าว แต่กลับยื่นมือมาลูบหัวจ้าวเอาไว้อย่างนุ่มนวลและแผ่วเบา จ้าวรู้สึกดีและเบาหัวเอามากๆ เพียงไม่นานหนังตาเขาก็เริ่มปิดสนิทลง และหลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง..
