บทที่ 4 เอาคืน
บทที่ 4 เอาคืน
ในวันรุ่งขึ้น หลี่จื่ออวี่ได้ออกคำสั่งให้ไป๋เฟิงไปเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของตระกูลโม่อย่างใกล้ชิด เขาไม่เชื่อว่าโม่เฉิงหนิงจะก่อเรื่องขึ้นมาโดยไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง
ไป๋เฟิงรับคำสั่งและเดินทางไปยังจวนโม่ เขาเฝ้ารอโอกาสที่จะเข้าไปสืบข่าวจนกระทั่งตกดึก เขาลอบเข้าไปในเรือนของโม่เฉิงหนิงและได้ยินบทสนทนาที่น่าตกใจ
“คุณหนู เหตุใดท่านถึงทำให้ท่านอ๋องโกรธขนาดนั้นเจ้าคะ” สาวใช้คนหนึ่งถามโม่เฉิงหนิง
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ท่านอ๋องโกรธ” โม่เฉิงหนิงตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “แต่ข้าอยากให้พี่หญิงต้องขายหน้าในงานเลี้ยงต่างหาก”
“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ” สาวใช้ถามต่อ
“ข้าจะทำให้ท่านอ๋องเห็นว่าพี่หญิงของข้าเป็นคนเจ้าแผนการ” โม่เฉิงหนิงตอบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าจะทำให้ท่านอ๋องรู้สึกรังเกียจนางให้ถึงที่สุด”
ไป๋เฟิงที่แอบฟังอยู่รู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของโม่เฉิงหนิงยิ่งนัก สองมือกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเคืองที่สตรีตรงหน้าถึงกับมีจิตใจชั่วร้ายและกล้าคิดวางแผนให้ร้ายกับโม่เฉิงอัน พี่สาวของตนเองเสียด้วย
ไป๋เฟิงรีบออกจากจวนโม่และกลับมารายงานเรื่องทั้งหมดให้หลี่จื่ออวี่ทราบ
หลี่จื่ออวี่นั่งฟังรายงานด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม “เจ้าแน่ใจหรือว่านางพูดเช่นนั้น”
“ขอรับ” ไป๋เฟิงตอบอย่างหนักแน่น “ข้าได้ยินกับหูตัวเอง”
“โม่เฉิงหนิง...เจ้ากล้ามาก” หลี่จื่ออวี่พึมพำกับตัวเอง “ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำร้ายเฉิงอันเด็ดขาด”
แม้หลี่จื่ออวี่จะไม่ได้รักโม่เฉิงอัน แต่ในฐานะสามีที่ต้องแต่งงานกับนางตามคำสั่งของบิดา เขาก็ไม่ต้องการให้นางถูกผู้อื่นทำร้าย และที่สำคัญคนที่กล้าคิดวางแผนการกับเขา คนเช่นเขาย่อมไม่ปล่อยเอาไว้เป็นแน่
หลังได้รับรายงานจากไป๋เฟิง หลี่จื่ออวี่ก็จมอยู่ในความคิดตลอดทั้งคืน เขานั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองไปยังสวนหิมะที่ขาวโพลนด้วยแววตาที่ลึกล้ำซับซ้อน โม่เฉิงอัน...สตรีที่เขาต้องแต่งงานด้วยเพราะความจำเป็นทางการเมืองและเขาไม่เคยแม้แต่จะชายตามอง บัดนี้กลับกลายเป็นหมากที่ถูกใช้ในกระดานการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นของคนในตระกูลเดียวกันไปแล้ว
“โม่เฉิงหนิง เจ้าคิดผิดที่มาเล่นกับคนของข้า” เขาพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ
ในเช้าวันถัดมา หลี่จื่ออวี่เรียกไป๋เฟิงเข้ามาในห้องทำงาน “ข้ามีภารกิจให้เจ้า” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ไปสืบเรื่องของซ่างจินหลิงที่เป็นสหายของโม่เฉิงหนิง ดูว่านางมีเบื้องหลังอย่างไรบ้าง”
“ขอรับ” ไป๋เฟิงรับคำสั่งและรีบออกไปทำภารกิจทันที เขารู้ดีว่าหากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซ่างจินหลิงก็อาจจะไปเกี่ยวพันกับตระกูลขุนนางที่มีอำนาจอีกตระกูลหนึ่งได้
ขณะเดียวกันในเรือนของโม่เฉิงอัน บรรยากาศกลับยังคงเงียบสงบเหมือนเช่นเคย โม่เฉิงอันกำลังนั่งวาดภาพดอกเหมยอยู่ริมหน้าต่างอย่างตั้งใจ
หว่านเอ๋อร์นำน้ำชามาให้ “พระชายา ท่านอ๋องสั่งให้ท่านไปเข้าเฝ้าเจ้าค่ะ”
โม่เฉิงอันวางพู่กันลงด้วยความประหลาดใจ นางไม่เคยถูกเรียกเข้าเฝ้าท่านอ๋องอย่างเป็นทางการเลยตั้งแต่แต่งงานเข้ามา “ข้าต้องเตรียมตัวอย่างไร”
“ท่านอ๋องบอกว่าไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลยเจ้าค่ะ แค่ให้ท่านไปที่เรือนตอนนี้” หว่านเอ๋อร์กล่าวอย่างงุนงง
โม่เฉิงอันเดินไปยังเรือนของหลี่จื่ออวี่ด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ นางก้าวเข้าไปในห้องทำงานของเขาด้วยท่าทีสงบ หลี่จื่ออวี่กำลังนั่งอ่านฎีกาอยู่บนเก้าอี้ เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นนางเดินเข้ามา “มาแล้วหรือ” เขาเอ่ยถาม
“คารวะท่านอ๋อง” โม่เฉิงอันทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“นั่งลงเถอะ” หลี่จื่ออวี่ผายมือไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาเจ้า”
โม่เฉิงอันรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก นางนั่งลงอย่างระมัดระวัง “ท่านอ๋องมีเรื่องอันใดหรือ”
“ข้าได้รับรายงานมาว่าโม่เฉิงหนิงวางแผนที่จะทำร้ายเจ้า” หลี่จื่ออวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “นางต้องการทำให้เจ้าขายหน้าและทำให้ข้าหมางเมินเจ้าไปตลอด”
โม่เฉิงอันนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง นางไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องนี้ “แล้ว...ท่านอ๋องจะทำอย่างไร”
“ข้ากำลังคิดหาทางเอาคืน” หลี่จื่ออวี่ตอบ “ข้าต้องการให้เจ้าช่วยข้า”
โม่เฉิงอันมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ “ข้าช่วยท่านได้อย่างไร”
“เจ้าต้องทำเป็นว่าเจ้ากับข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเพื่อให้โม่เฉิงหนิงเข้าใจผิดและทำอะไรที่ผิดพลาดออกมาเอง”
โม่เฉิงอันรู้สึกเจ็บปวดในใจเล็กน้อยที่หลี่จื่ออวี่พูดเรื่องการแสร้งทำเป็นรักกันอย่างไม่รู้สึกอะไร แต่ในเมื่อนี่คือหนทางที่จะปกป้องตัวเองและทำให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็ว นางจึงพยักหน้ายอมรับ
“ข้าจะทำตามที่ท่านอ๋องสั่ง”
หลี่จื่ออวี่มองนางด้วยสายตาที่ซับซ้อน “ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าทำเพื่อข้าแต่ข้าต้องการให้เจ้าทำเพื่อตัวเอง”
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พฤติกรรมของหลี่จื่ออวี่ก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มมาหาโม่เฉิงอันที่เรือนบ่อยขึ้น ส่งของขวัญล้ำค่ามาให้นางอย่างเปิดเผย และยังสั่งให้สาวใช้และองครักษ์ดูแลนางอย่างดีที่สุด การกระทำของเขาสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในจวนอ๋อง โดยเฉพาะเสียนจ้าวเฟยที่รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เสียนจ้าวเฟยเดินตรงไปยังเรือนของมู่หรงเยว่ด้วยท่าทีที่ก้าวร้าว “หรงเยว่ เจ้าคิดว่าท่านอ๋องทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” นางถามเสียงดัง
มู่หรงเยว่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ นางเงยหน้าขึ้นมองเสียนจ้าวเฟยด้วยสายตาที่เรียบเฉย “หมายความว่าอย่างไรหรือ ข้าไม่เข้าใจคำถามของท่าน”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น” เสียนจ้าวเฟยตะคอก “ท่านอ๋องกำลังให้ความสำคัญกับโม่เฉิงอันมากกว่าพวกเราทุกคน”
“แล้วอย่างไรหรือ” มู่หรงเยว่ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เรื่องของท่านอ๋องไม่ใช่เรื่องที่พวกเราควรจะยุ่งเกี่ยว”
“เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ” เสียนจ้าวเฟยถามด้วยความไม่พอใจ “เจ้าเคยเป็นพระชายามาก่อน แต่ตอนนี้กลับต้องมาเห็นโม่เฉิงอันได้ดีกว่า”
“ข้าพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่” มู่หรงเยว่ตอบ “การได้อยู่คนเดียวอย่างสงบสุขก็ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง”
คำพูดของมู่หรงเยว่ทำให้เสียนจ้าวเฟยรู้สึกเหมือนกำลังพูดอยู่กับกำแพง นางสะบัดหน้าหนีแล้วเดินจากไปอย่างหัวเสีย
มู่หรงเยว่มองตามหลังนางด้วยรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย นางรู้ดีว่าแผนการของหลี่จื่ออวี่กำลังทำให้เสียนจ้าวเฟยและโม่เฉิงหนิงปั่นป่วนอย่างหนัก
