บทที่ 5 แผนล่ม
บทที่ 5 แผนล่ม
ในขณะเดียวกัน ที่เรือนของโม่เฉิงหนิง นางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้” นางพึมพำกับตัวเอง “ท่านอ๋องต้องชอบข้าสิ ทำไมถึงหันไปสนใจพี่หญิงไปได้”
ซ่างจินหลิงสหายคนสนิทของโม่เฉิงหนิงเดินเข้ามาในห้อง “หนิงเอ๋อร์ เจ้าใจเย็นๆ ก่อน บางทีท่านอ๋องอาจจะแสร้งทำเป็นรักโม่เฉิงอันเพื่อทำให้เจ้าอิจฉาก็ได้”
“แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น” โม่เฉิงหนิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย “ข้ารู้สึกว่าท่านอ๋องไม่ได้แสร้งทำเป็นรักนางเลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็มีเพียงทางเดียว” ซ่างจินหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เราต้องหาทางแยกพวกเขาออกจากกัน”
โม่เฉิงหนิงเงยหน้าขึ้นมองซ่างจินหลิง “เจ้ามีแผนการอะไรหรือ”
“แน่นอนสิ” ซ่างจินหลิงตอบ “ข้ามีแผนการที่จะทำให้โม่เฉิงอันหายไปจากชีวิตของท่านอ๋องตลอดกาล”
ในค่ำคืนนั้นเอง ไป๋เฟิงกลับมาที่จวนพร้อมกับรายงานเรื่องที่เพิ่งได้รับรายงานมาอย่างร้อนใจ “ท่านอ๋อง ตระกูลซ่างเป็นหนึ่งในกลุ่มกบฏที่คิดจะโค่นล้มราชบัลลังก์ขอรับ”
หลี่จื่ออวี่กำมือแน่นด้วยความโกรธ “ซ่างจินหลิง นางกล้ามาก” เขาพึมพำ “เรื่องนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อยแล้ว” เขาหันไปมองโม่เฉิงอันที่ยืนอยู่ข้างๆ “ดูเหมือนว่าเราจะไม่ได้สู้กับโม่เฉิงหนิงคนเดียวเสียแล้ว”
โม่เฉิงอันรู้สึกหนาวสั่นในใจขึ้นมา เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่จื่ออวี่ นางรู้ดีว่าเรื่องนี้จะนำพาอันตรายมาสู่นางและทุกคนที่อยู่รอบข้างอย่างแน่นอน
ข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างหลี่จื่ออวี่กับโม่เฉิงอันแพร่สะพัดไปทั่วจวนอ๋องอย่างรวดเร็ว บรรดาสาวใช้และองครักษ์ต่างพากันจับจ้องการกระทำของทั้งคู่ด้วยความสงสัย บ้างก็ดีใจที่โม่เฉิงอันได้รับการดูแลที่ดีขึ้น บ้างก็ริษยาที่นางได้รับความสนใจจากท่านอ๋อง
ในขณะที่บรรยากาศในเรือนของโม่เฉิงอันเต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่ในส่วนอื่นๆ ของจวนอ๋องกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด
ไป๋เฟิงยังคงเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของตระกูลซ่างอย่างลับๆ ตามคำสั่งของหลี่จื่ออวี่ เขาพบว่าตระกูลซ่างกำลังรวบรวมกำลังพลและจัดหาอาวุธ ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าพวกเขากำลังวางแผนก่อกบฏ ไป๋เฟิงรีบนำเรื่องนี้ไปรายงานท่านอ๋องทันที
หลี่จื่ออวี่นั่งฟังรายงานด้วยใบหน้าที่เย็นชาจนน่ากลัว “ซ่างจินหลิง...เจ้าคิดว่าตัวเองจะทำอะไรได้” เขาพึมพำกับตัวเอง “ในเมื่อเจ้ากล้าเล่นกับไฟ ข้าก็จะทำให้เจ้าต้องมอดไหม้ไปกับมัน” เขาหันไปมองโม่เฉิงอันที่ยืนอยู่ข้างๆ “เฉิงอัน เจ้าต้องระวังตัวให้มากขึ้น” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ซ่างจินหลิงเป็นคนอันตรายและพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง”
โม่เฉิงอันพยักหน้ารับคำอย่างหนักแน่น นางรู้ดีว่าหลังจากนี้ชีวิตของนางจะไม่ง่ายอีกต่อไป นางไม่ได้กลัว แต่สิ่งที่นางกังวลคือความปลอดภัยของคนรอบข้างที่ต้องมาพัวพันกับเรื่องนี้ด้วย
ในวันเดียวกันนั้นเอง เสียนจ้าวเฟยและโม่เฉิงหนิงได้นัดพบกันอย่างลับๆ ภายในศาลาเล็กๆ ท้ายสวนของจวนอ๋อง
“โม่เฉิงหนิง เจ้าแน่ใจนะว่าแผนการนี้จะได้ผล” เสียนจ้าวเฟยถามด้วยความไม่มั่นใจ “หากท่านอ๋องรู้เข้า พวกเราต้องถูกลงโทษสถานหนัก”
“ไม่ต้องกลัวหรอก” โม่เฉิงหนิงตอบด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “ท่านอ๋องจะไม่มีทางรู้ว่าใครเป็นคนทำ” นางยื่นห่อผ้าเล็กๆ ให้เสียนจ้าวเฟย “นี่คือยาพิษที่ซ่างจินหลิงจัดหามาให้ ท่านเพียงแค่นำไปใส่ในอาหารของโม่เฉิงอัน แล้วจากนั้นเรื่องที่เหลือก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเราอีกต่อไป”
เสียนจ้าวเฟยรับห่อผ้ามาไว้ในมือด้วยความลังเล “แล้วถ้าโม่เฉิงอันตายขึ้นมาจริงๆ ล่ะ”
“นางก็แค่พระชายารอง” โม่เฉิงหนิงกล่าวอย่างดูถูก “ท่านอ๋องจะไปสนใจอะไร”
แต่สิ่งที่โม่เฉิงหนิงและเสียนจ้าวเฟยไม่รู้ก็คือ “หว่านเอ๋อร์” สาวใช้คนสนิทของโม่เฉิงอันได้แอบฟังการสนทนาของพวกนางอยู่ตั้งแต่ต้น หว่านเอ๋อร์รู้สึกตกใจจนตัวสั่น นางรีบวิ่งกลับไปที่เรือนของโม่เฉิงอันและเล่าเรื่องทั้งหมดให้นางฟังด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ชายารอง พวกนางคิดจะวางยาพิษท่านเจ้าค่ะ”
โม่เฉิงอันนั่งฟังด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด นางกำมือแน่นด้วยความโกรธ “เฉิงหนิง... จ้าวเฟย...พวกเจ้ากล้ามาก” นางพึมพำกับตัวเอง
ในตอนนั้นเอง หลี่จื่ออวี่ที่กำลังเดินเข้ามาภายในเรือน เขาเห็นท่าทางของทั้งสอง และได้ยินบทสนทนาทั้งหมด เขาเดินเข้ามาในเรือนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ “ไป๋เฟิง” เขาเรียกชื่อองครักษ์เสียงดัง “ไปจับตัวเสียนจ้าวเฟยและโม่เฉิงหนิงมาให้ข้า”
ไป๋เฟิงรับคำสั่งและรีบออกไปทำภารกิจทันที โม่เฉิงอันมองหลี่จื่ออวี่ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย “ท่านอ๋อง...ท่านจะทำอย่างไรกับพวกนาง”
“ข้าจะทำให้พวกนางได้รับบทเรียนที่สาสม ไม่มีใครสามารถทำร้ายคนของข้าได้โดยไม่ถูกลงโทษ” หลี่จื่ออวี่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
คำว่า “คนของข้า” ทำให้หัวใจของโม่เฉิงอันเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดใจ นางไม่เคยคิดว่าเขาจะเห็นนางเป็นคนของเขาเลย
ไม่นานนัก ไป๋เฟิงก็กลับมาพร้อมกับเสียนจ้าวเฟยและโม่เฉิงหนิงที่ถูกควบคุมตัวมา ทั้งสองมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นหลี่จื่ออวี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสายตาที่คมกริบ
“พวกเจ้า...ทำเรื่องอันใดลงไป” เขาถามเสียงเย็น
“ท่านอ๋อง...ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย” เสียนจ้าวเฟยแก้ตัว
“อย่ามาโกหก” หลี่จื่ออวี่ตะคอกเสียงดัง “ข้าได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว เจ้าต้องการจะวางยาพิษเฉิงอันใช่หรือไม่”
เสียนจ้าวเฟยและโม่เฉิงหนิงถึงกับเข่าอ่อนเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่จื่ออวี่
“ท่านอ๋อง...โปรดยกโทษให้ข้าด้วย” โม่เฉิงหนิงร้องไห้อ้อนวอน “ข้าทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์”
“รู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างนั้นหรือ” หลี่จื่ออวี่หัวเราะอย่างเยือกเย็น “การวางยาพิษผู้อื่นไม่ใช่เรื่องที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์”
“พี่หญิง โปรดให้อภัยข้าด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ” โม่เฉิงหนิงรีบคลานเข่าเข้ามาขอร้องโม่เฉิงอัน
โม่เฉิงอันสะบัดขาออกจากการเกาะกุม ก่อนจะเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก
