บทที่ 2 เพลิงริษยา
บทที่ 2 เพลิงริษยา
วันต่อมาหลี่จื่ออวี่ได้รับเทียบเชิญจากหลี่เจิ้นเหยียน เสด็จพ่อของเขา ให้เข้าร่วมงานเลี้ยงชมจันทร์ที่ตำหนักหลวง ซึ่งเป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ และยังเป็นงานเลี้ยงที่เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่จะพาบุตรหลานเข้าร่วมเพื่อแสวงหาคู่ครองที่เหมาะสม
“เตรียมรถม้าให้ข้า” หลี่จื่ออวี่สั่งการองครักษ์ของเขาโดยไม่คิดจะให้พระชายาคนใดตามไปด้วย
แต่แล้วเสียงที่อ่อนหวานและคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “ท่านอ๋อง ให้ข้าติดตามไปด้วยได้หรือไม่”
หลี่จื่ออวี่หันกลับไปมองโม่เฉิงอันที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา นางสวมชุดผ้าไหมสีแดงสดที่ขับผิวขาวผ่องให้ดูงดงามยิ่งขึ้น ใบหน้าสวยหวานของนางยังคงซีดเซียว แต่ดวงตาของนางกลับมีความมุ่งมั่นบางอย่างฉายออกมา “ข้าอยากเดินเคียงข้างท่านอ๋อง”
หลี่จื่ออวี่มองนางด้วยความประหลาดใจเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ที่โม่เฉิงอันเข้ามาในจวน นางไม่เคยร้องขอสิ่งใดจากเขาเลย นอกจากเรื่องของน้องสาวนาง “เจ้าแน่ใจหรือ”
“แน่ใจ” โม่เฉิงอันตอบอย่างมั่นคง นางไม่ได้ต้องการไปงานเลี้ยงเพื่ออวดความงาม แต่ต้องการไปเพื่อแสดงให้เห็นว่านางไม่ได้ยอมแพ้ต่อสถานการณ์ และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับน้องสาวของตนเอง
ในที่สุดหลี่จื่ออวี่ก็พยักหน้ายอมรับ ทั้งสองเดินทางไปงานเลี้ยงด้วยกัน แต่บรรยากาศในรถม้ากลับเต็มไปด้วยความเงียบงัน โม่เฉิงอันมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
รถม้าแล่นเข้าสู่ลานกว้างของตำหนักหลวง ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคักไปด้วยเหล่าขุนนางและสตรีสูงศักดิ์ที่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรา
เมื่อหลี่จื่ออวี่และโม่เฉิงอันก้าวลงจากรถม้า สายตาทุกคู่ก็หันมาจับจ้องที่พวกเขาทันที
หลี่จื่ออวี่ในชุดคลุมสีดำที่ปักลายเมฆาสีทองดูสง่างามและน่าเกรงขาม ส่วนโม่เฉิงอันในชุดสีแดงสดก็งดงามโดดเด่นไม่แพ้กัน
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือท่าทีอันเย็นชาของหลี่จื่ออวี่ที่ไม่มีวี่แววของความรักใคร่ เขาเดินนำหน้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้นางก้าวตาม โม่เฉิงอันทำได้เพียงเดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบๆ
ในงานเลี้ยงที่ประดับประดาด้วยโคมไฟนับพันดวงและดอกเหมยที่บานสะพรั่ง เหล่าสตรีทั้งหลายต่างพยายามเข้าหาหลี่จื่ออวี่เพื่อสนทนา แต่เขาปฏิเสธอย่างสุภาพและเดินตรงไปยังที่นั่งของตนเองที่อยู่ไม่ไกลจากบัลลังก์ของหลี่เจิ้นเหยียน
โม่เฉิงอันเดินตามไปนั่งข้างๆ เขาอย่างเงียบๆ และพยายามทำตัวให้กลมกลืนที่สุด
ในขณะที่โม่เฉิงอันกำลังสังเกตการณ์รอบข้างอยู่นั้น สายตาของนางก็ปะทะเข้ากับโม่เฉิงหนิง น้องสาวของนางที่กำลังยืนสนทนากับเหล่าคุณหนูในงานเลี้ยง
โม่เฉิงหนิงในชุดผ้าไหมสีฟ้าอ่อนดูน่ารักสดใส ใบหน้าสวยหวานของนางประดับด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ดวงตากลมโตของนางกวาดสายตามายังโม่เฉิงอันพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อยที่มุมปาก
“พี่หญิง ท่านมาแล้วหรือ” โม่เฉิงหนิงเดินเข้ามาหาด้วยท่าทีเป็นมิตร แต่โม่เฉิงอันสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้น “ข้าคิดว่าท่านอ๋องจะไม่ให้ท่านมาเสียอีก”
“ข้าเป็นพระชายาของท่านอ๋อง ข้าย่อมต้องมาอยู่แล้ว” โม่เฉิงอันตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สงบ แต่แฝงไว้ด้วยความหนักแน่น “น้องหญิง ดูเหมือนว่าเจ้าจะดูมีความสุขมากในงานนี้”
“แน่นอนสิ” โม่เฉิงหนิงตอบอย่างไม่ปิดบัง “ข้าเป็นแขกคนสำคัญของงานนี้เลยนะ ท่านอ๋องของพี่หญิงดูเหมือนจะถูกอกถูกใจข้ามากเลยทีเดียว”
หลี่จื่ออวี่ที่กำลังจิบชาอยู่ข้างๆ ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ราวกับว่าการสนทนาของสองพี่น้องเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่าน
โม่เฉิงอันรู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่นางก็พยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้ “หากเจ้าเป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องจริง ก็คงไม่ต้องมาใช้คำพูดเย้ยหยันใส่ข้าเช่นนี้”
“โอ้ ท่านอ๋องไม่ได้โปรดปรานข้าจริงๆ หรือ” โม่เฉิงหนิงหันไปถามหลี่จื่ออวี่ด้วยเสียงออดอ้อน “ท่านอ๋องไม่คิดถึงน้องหญิงบ้างเลยหรือเจ้าคะ”
หลี่จื่ออวี่เงยหน้าขึ้นมองโม่เฉิงหนิงด้วยสายตาที่เรียบเฉย “อย่าใช้คำพูดไร้สาระ” เขาตอบสั้นๆ “หากเจ้าไม่มีเรื่องสำคัญอันใด ก็กลับไปที่นั่งของเจ้าเสีย”
สีหน้าของโม่เฉิงหนิงเปลี่ยนเป็นซีดเผือด นางไม่คิดว่าหลี่จื่ออวี่จะปฏิเสธนางอย่างเย็นชาต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ นางกัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้น
“ท่านอ๋องคงจะชอบคนที่ทำเป็นเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้สินะ” โม่เฉิงหนิงพูดกระทบกระเทียบโม่เฉิงอันแล้วเดินจากไปอย่างไม่สบอารมณ์
โม่เฉิงอันมองตามน้องสาวของตนเองด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าว
ในขณะที่มู่หรงเยว่ที่ถูกลดตำแหน่งมาเป็นพระชายารองก็ได้เดินทางมาถึงงานเลี้ยงพร้อมกับเสียนจ้าวเฟยพระชายารองอีกคนของหลี่จื่ออวี่
เสียนจ้าวเฟยเป็นหญิงสาวจากตระกูลขุนนางที่มีอำนาจ นางมีความทะเยอทะยานสูงและไม่ชอบหน้ามู่หรงเยว่ที่เคยเป็นพระชายาเอกมาก่อน
มู่หรงเยว่สวมชุดผ้าไหมสีขาวเรียบง่ายที่ไม่ได้ประดับประดาด้วยเครื่องประดับมากมาย แต่ความงามสง่าของนางก็โดดเด่นจนทุกคนต้องเหลียวมอง
เสียนจ้าวเฟยสวมชุดที่หรูหราและประดับด้วยเครื่องประดับราคาแพงนับไม่ถ้วน นางรีบเดินตรงเข้ามาหาหลี่จื่ออวี่พร้อมกับมู่หรงเยว่ที่ตามมาด้านหลัง
“คารวะท่านอ๋อง” เสียนจ้าวเฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ข้าดีใจที่ได้พบท่านในงานนี้”
หลี่จื่ออวี่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันไปมองมู่หรงเยว่ “เจ้าก็มาด้วยหรือ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ข้าเพียงแต่ตามจ้าวเฟยมาเท่านั้น” มู่หรงเยว่ตอบสั้นๆ
“ดี” หลี่จื่ออวี่ตอบกลับแล้วหันไปสนใจเสียนจ้าวเฟย “เจ้าอยากดื่มสิ่งใดหรือไม่”
เสียนจ้าวเฟยยิ้มอย่างพึงพอใจและตอบรับทันที มู่หรงเยว่เห็นดังนั้นก็ถอยออกมาจากพวกเขาเล็กน้อยและเดินไปยืนอยู่ข้างๆ โม่เฉิงอัน
“เฉิงอัน ท่านดูเหมือนไม่ค่อยสบายใจนัก” มู่หรงเยว่เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
โม่เฉิงอันหันไปมองมู่หรงเยว่ด้วยความประหลาดใจ นางไม่คิดว่าพระชายาที่ถูกลดตำแหน่งจะมาทักทายนาง “ข้าไม่เป็นไร ข้าเพียงแต่รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย”
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่าน” มู่หรงเยว่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เข้าใจอย่างแท้จริง “ในงานเลี้ยงเช่นนี้ ทุกคนต่างต้องการเป็นที่หนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสุขของตัวเอง”
คำพูดของมู่หรงเยว่ทำให้โม่เฉิงอันรู้สึกอบอุ่นในใจ นางไม่เคยคิดว่าจะมีใครเข้าใจความรู้สึกของนางได้มากขนาดนี้ ทั้งสองยืนคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง
ในขณะที่ไป๋เฟิงที่เฝ้าอยู่ห่างๆ ก็ลอบมองพวกนางด้วยความสนใจ สายตาที่ฉายออกถึงความลึกซึ้งทอดผ่านไปยังหญิงสาวที่อยู่ห่างไกล
