ตอนที่ 5
ปราโมทย์ขยับเข้าไปนั่งกับผิงผิง
“ไปโดนใครซ้อมที่ไหนมา ตรงหน้าผากเขียวเชียว” เขาเปรยขึ้น ผิงผิงได้แต่อมยิ้ม แต่ในใจก็คิดสงสาร
“ก็คนนิสัยไม่ดีอะค่ะพี่หมวด โดนซะบ้างจะได้จำ” เธอกระแทกเสียงไปในนั้นด้วย
“พี่ยังมีเรื่องสงสัย” ปราโมทย์ยังจำคำสุดท้ายที่สีหราชพูดกับเขาก่อนวางสาย
“คะ” เธอช้อนหน้าขึ้นถาม ในใจก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าปราโมทย์คงจะถามเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่
“เรื่องผิงผิงกับพี่สิงห์เป็นเรื่องจริงหรือ” เธอได้แต่ทำหน้าไม่ถูก
โครม... เสียงดังมาจากในห้องน้ำ
“พี่ข้าวโพด” เธอเรียกเขาดังขึ้น ก่อนจะรีบลุกไปยังห้องน้ำด้วยความห่วงใย ปราโมทย์เห็นแววตานี้แล้วก็รู้ว่าดาริกาคงรักและเป็นห่วงพี่สิงห์มาก
สีหราชล้มโครมลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้นที่เปียกด้านล่าง โชคดีที่เขายังมีผ้าเช็ดตัวพันกายจึงทำให้ไม่โป๊
“ไม่ไหว ยังดื้ออีก” เธอว่าให้เขาทันที
“พี่โมทย์คะ มาช่วยหน่อยค่ะ” เธอจับแขนของเขาข้างหนึ่งเอาไว้ แล้วเรียกปราโมทย์ให้เข้ามาช่วย ก่อนจะพาเขาไปนั่งข้างนอกข้าวโพดมีอาการเหนื่อยอย่างชัดเจน
“เอาไงจะพาไปหาหมอไหม” ปราโมทย์ถามเธอ
“ถามเจ้าตัวเขาสิคะ” เธอมองหน้าของพี่ข้าวโพดแบบดุ ๆ
“ไปโรงพยาบาลเถอะครับ” หมวดโมทย์พูดขึ้น
“ไม่ นอนพักเดียวก็หาย ขอกินยาแก้ไข้หน่อย” เขาชี้มือไปที่หลังตู้เย็น
“ยังจะมาดื้ออีก พาไปโรงพยาบาลเลยค่ะ” เธอบอกปราโมทย์พร้อมทั้ง หาเสื้อผ้ามาใส่ให้กับเขา สีหราชรู้สึกตัวเองก็ไม่ไหวเช่นกัน เขาจึงยอมไปโรงพยาบาลโดยง่าย
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเธอก็รีบโทรบอกลุงกับป้า ผ่านไปชั่วโมงกว่า ๆ ทุกคนก็มาถึงโรงพยาบาล
สีหราชนอนอยู่บนเตียงพร้อมสายน้ำเกลือ พ่อแม่และพี่ข้าวผัดก็รายล้อมกันอยู่รอบเตียง แต่ดาริกากลับปลีกตัวไปนั่งอยู่ระเบียงด้านนอกพร้อมกับสารวัตรหนุ่ม คุยกันกะหนุงกะหนิง ไอ้คนที่นอนป่วยอยู่มองและในใจออกอาการหึงหวง
“เป็นไงทำเก่ง” เสียงพี่ข้าวผัดว่าให้
“หมอเขาว่าเป็นอะไรลูก” ไก่ถามด้วยความเป็นห่วง
“หมอยังไม่บอก แต่น่าจะเกิดจากการถูกทรมานโดยแม่” ข้าวโพดแกล้งทำเป็นพูดตลก
“เห่อเห่อเห่อ” แม่ทำเสียงหัวเราะประหลาด
“นี่ยังน้อยไป” ว่าแล้วก็ยกมือเหมือนจะตีลงไปอีก พลันสายตาก็เห็นรอยเขียว ๆ ม่วง ๆ ที่หน้าผากของเขา
“อ้าว... แต่แม่ไม่ได้ตีที่หัวแกนี่ ทำไมมันช้ำขนาดนี้ หรือข้าวโพดไปโดนนักเลงที่ไหนซ้อมมา” มารดาแตะไปที่หน้าผากที่ยังเขียวช้ำ
ข้าวโพดชี้นิ้วไปยังสาวเจ้าข้างนอกที่ทำดี๊ด๊ากับผู้หมวดคุยกันอย่างออกรสข้าวโพดได้แต่นอนหน้าจ๋อย ตามองไปยังระเบียงข้างนอกไม่วางตา เห็นปราโมทย์กำลังหยิบอะไรออกจากผมของเธอ หญิงสาวก็ส่งยิ้มตอบ ข้าวโพดมองด้วยความริษยาอยู่ในนั้น
ทุกคนมองตามแล้วก็หัวเราะขึ้นมา “สมน้ำหน้า” และก็พูดว่าสมน้ำหน้าเขายกใหญ่
“โธ่...จะไม่เห็นใจผมสักคนเหรอ” เขาพูดขึ้น
“พี่ว่าแกเตรียมเสียใจรอบสองได้เลย หมวดโมทย์โทรเช้าโทรเย็น” พี่สาวบอกเขาแบบสะใจ นึกหมั่นไส้น้องชายมาก ๆ
“อวยพรกันจริง ๆ นะ”
“สมน้ำหน้าแกนัก” พี่สาวยังสำทับอีกรอบ
“โธ่พี่...” เขาทำหน้าหงอยเหงา
‘นั่นมันเมียกูนะไอ้โมทย์’ เขาร่ำ ๆ อยู่ในใจ
สรุปข้าวโพดป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่และไข้ใจ เขาทำตัวเองล้วน ๆ และไม่ยอมมาหาหมอตั้งแต่ทีแรก ปล่อยตัวเองให้นอนซมจึงต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายวัน
ผิงผิงไม่ยอมมาเฝ้าไข้ จึงมีแต่แม่ที่มานั่งเฝ้าทุกวัน
“ผิงผิงไปไหนแม่ ไม่เห็นมาเลย” เขาถามทันทีที่เห็นหน้า
“จะไปรู้ไหม เขาชังน้ำหน้าแกจะตาย แล้วอยากรู้อยากคุยด้วยแล้วทำไมแกไม่โทรไปหาน้อง” นางว่าให้มองค้อนลูกชายวงใหญ่
“เอ่อ...” เขาอ้ำอึ้ง จะบอกว่าโทรไปแล้วแต่ผิงผิงไม่รับสาย เดี๋ยวแม่ก็จะสมน้ำหน้าอีก
“วันนี้อะนะ ผิงผิงไปกับหมวดโมทย์ เห็นว่าขับรถไปกำแพงเพชร แล้วจะไปรับคุณสันต์กับดารินขึ้นมาด้วย”
“หา..! ทำไมแม่ไม่ห้ามผิงผิง แล้วอนุญาตให้ไปด้วยกันได้ยังไง แม่ก็เห็นไหมว่ามันนะจีบผิงผิงอยู่ ผิงผิงเป็นเมียผมนะ” สีหราชมีอาการลมหึงจนหน้าแดง
“อะ... ปากดีนัก ห้ามพูดอย่างนี้นะ น่าเกลียด”
ไก่รีบหยิกเข้าไปที่แขนของลูกชายทันที
“โอ๊ย...” เขาร้องออกเสียงด้วยความเจ็บ
“ทำไมแม่ใจร้ายกับผมจัง” เขาทำเสียงผิดหวัง
“เห่อ ๆ นี่ยังน้อยไปนะ ฉันละเกลียดผู้ชายประเภทนี้จริง ๆ ไอ้พวกจับปลาหลายมือ แล้วเป็นไง ได้ดีสักมือหนึ่งไหม แหม... มันน่านัก” แม่ทำท่าจะเงื้อมือใส่เขาอีก ข้าวโพดรีบจับมือของแม่ไว้ทันที
“แม่ครับ ผมผิดไปแล้วครับ แม่จ๋า แม่จะไม่ช่วยผมหรือ” เขาทำเสียงอ้อน ช้อนตามองแม่แบบขอร้อง
“แกก็รีบหายเข้า พวกเราจองตั๋วไปภูเก็ตกัน จะไปด้วยไหม เผื่อมีโอกาสคืนดี” ไก่ยิ้ม ๆ
“จริง ๆ นะแม่ แม่จะช่วยให้ผิงผิงดีกับผม” เขาดีใจออกนอกหน้า
“มันก็แล้วแต่ผิงผิง อีกอย่างแกทำดี ๆ กับน้อง ให้น้องเห็นใจสิ แต่แกก็ต้องจริงจัง” ไก่แนะนำ
“ครับ ผมจะพยายาม”
ไก่ได้แต่นั่งถอนใจ ผิงผิงคงเจ็บมากถึงได้ไม่ยอมให้อภัยข้าวโพดแบบนี้
คุณสันต์นั่งคุยกับหมวดปราโมทย์ที่นั่งคู่กันด้านหน้าสองแม่ลูกคุยกันกะหนุงกะหนิงอยู่ข้างหลัง
“ผิงผิงรักพี่ข้าวโพดใช่ไหมลูก” นางถามเบา ๆ ดาริกาทำหน้ามุ่ย ทั้ง ๆ ที่แม่ก็รู้อยู่แล้วแต่ก็ยังถาม
หญิงสาวเก็บจดหมายของพี่ข้าวโพดเอาไว้อย่างดี อย่างน้อยเขาจะเขียนจดหมายส่งให้เธอที่อเมริกาเดือนละครั้ง แต่เพิ่งจะมาห่างหายไปเมื่อเขาได้กลับมาทำงานที่เชียงใหม่
พี่ข้าวโพดของเธอไม่เล่นเฟซฯ ด้วยสิ เธอก็ได้เก็บรูปตามเฟซฯ ของพี่ข้าวผัด กับของเพชร แล้วทำเป็นรูปใส่อัลบั้มลับไว้ในห้องนอน
แม่ส่งยิ้มให้กำลังใจ ผิงผิงจับมือของแม่ขอความอบอุ่น
“แต่เขาไม่ได้รักผิงผิง” เธอบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา น้ำตาคลอ
หมวดโมทย์มองจากกระจกมองหลัง เงี่ยหูฟังว่าสองแม่ลูกพูดอะไรกัน แค่ได้ยินชื่อของสีหราชก็เข้าใจ เขาลอบถอนหายใจ สงสัยงานนี้ชายหนุ่มต้องกินแห้วอีกแน่ ๆ
