บทย่อ
คำสัญญาและคำมั่นเมื่อครั้งวัยเด็ก ที่สีหราชได้ให้ไว้กับดาริกาว่าเขาจะแต่งงานกับเธอ หญิงสาวยังคงยึดมั่นเสมอมา แต่เขากลับลืมมันไปแล้วและกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น วันนี้สาวสวยของเราได้กลับมาทวงคำสัญญา เขาจะให้คำตอบกับเธอว่าอย่างไรและเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ ต่างทำให้ทุกฝ่ายเจ็บหัวใจและปวดร้าวพอๆ กัน เมื่อเราฝืนโชคชะตาที่เล่นตลกกับเราไม่ได้ เราควรจะปล่อยหัวใจให้เป็นไปตามพรหมลิขิตใช่หรือไม่ กามเทพช่างใจร้ายกลั่นแกล้งกันได้ลงคอณ ไร่สิงขร มีคุณสิงขร หรือ ดำ (40 ปี) เป็นเจ้าของ มีทั้งสวนลำไย ลิ้นจี่ บ่อเลี้ยงปลา ไร่ นา อีกเป็นพัน ๆ ไร่ เขาแต่งงานกับคุณเด่นนภา หรือ ไก่ มีลูกสาวคนโตชื่อ ข้าวผัด หรือ นางสาวดรุณี (18 ปี) ลูกชายคนเล็ก (15 ปี) ชื่อว่า สีหราช หรือ ข้าวโพดครอบครัวสิงขรรับเอา ไผท หรือ ไผ่ (36 ปี) เป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เรียนร่วมสถาบันเดียวกันที่มาขออาศัยพึ่งใบบุญ เพราะไผทรักกันกับดาริน (30 ปี) หรือ เหมย ลูกสาวคนจีนในตลาดเมืองกำแพงเพชร และเขาได้พาเธอออกจากบ้าน เป็นวิวาห์เหาะมาเมื่อห้าปี ก่อน เพราะครอบครัวของดารินจะจับเธอคลุมถุงชนกับลูกเจ๊กในตลาดเช่นเดียวกัน แต่เพราะดารินตั้งท้องลูกของไผทก่อนสิ้นปีนั้นดารินก็ได้คลอดน้อง ผิงผิง หรือเด็กหญิงดาริกา ซึ่งกำลังน่ารักน่าชัง พูดจ้อ ๆ ร้องเพลงทั้งวันสวรรค์กลั่นแกล้งคุณพ่อของดารินตามมาเจอ แล้วก็ฉุดเอาลูกสาวของพวกเขากลับไป โดยไม่ฟังเสียงร้องของไผทและเด็กหญิงตัวน้อย ๆ ดารินร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด เธอถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่พ่อแม่หาให้ และพาเธอไปอยู่ด้วยที่อเมริกาทันทีหลังเสร็จพิธีแต่งทำให้ไผทที่เคยเป็นผู้ชายที่รักลูกรักเมียทำแต่งาน เสียใจเอามาก ๆ เขากลายเป็นนักดื่มที่สามารถดื่มได้ทุกเวลา ภาระในการเลี้ยงดูเด็กหญิงดาริกา จึงตกเป็นของข้าวผัดไปโดยปริยาย ข้าวผัดพยายามทำดีกับน้าไผทและตั้งใจว่าจะให้เขากลับมาเป็นคนเดิมให้ได้ น้าไผทคือผู้ชายที่ดรุณีรักและประทับใจ แต่สิ่งที่เธอเดิมพันเอาไว้ คือหัวใจของเธอ และชีวิตที่เหลืออยู่แต่อุปสรรคไม่ได้มีแค่เรื่องอายุ แต่มีทั้งคุณสิงขรและคุณเด่นนภาที่ไม่อยากเห็นลูกสาวของพวกเขาต้องได้สามีเป็นพ่อหม้ายลูกติด เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป มาติดตามกันค่ะ
ตอนที่ 1
“หลิวชอบชุดนี้นะคะ พี่สิงห์ว่ามันเป็นยังไงบ้างคะ” เสียงของครูหลิวถามแฟนหนุ่มที่นั่งยิ้มกว้างส่งมาให้
“สวยครับ” คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวยิ้มแก้มปริ
“พี่ว่าพี่เย็บข้างเข้าให้อีกนิดนะคะ จะได้กระชับมากยิ่งขึ้น” ช่างที่ตัดเย็บบอกพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณค่ะ” ครูหลิวหันไปขอบคุณกับพี่เจ้าของร้านและเป็นช่างตัดเย็บไปด้วย
“หลิวจ๋า มาเลือกแบบการ์ดหน่อยเร็ว เสร็จแล้วจะได้กลับบ้านกัน พี่ข้าวผัดโทรตามสองสามหนแล้ว บอกว่ามีเรื่องเซอร์ไพรส์ หลิวก็ไปกับพี่นะวันนี้”
“ค่ะ พี่สิงห์” เธอรับคำแบบว่าง่าย ส่งสายตาจ้องสบกันหวานเชื่อม
“อาไผ่มาหรือยังลูก” แม่ไก่ตะโกนถามลูกสาว เธอเดินจูงมือเด็กชายตัวน้อย ๆ ลูกของข้าวผัดกับอาไผ่ น้องพอร์ช เพิ่งอายุได้ห้าขวบ
“หิวครับ คุณยาย” น้องพอร์ชกระตุกแขนของคุณยายเบา ๆ
“หาอะไรให้ลูกกินก่อนไป เดี๋ยวที่เหลือแม่จัดการเอง” ไก่บอกกับข้าวผัด
“มาพอร์ชจะกินอะไร กินผัดไข่เจียวหมูสับนะ” ข้าวผัดหันไปพูดกับลูกน้อย เด็กชายปีนป่ายขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อย
“รอแม่แป๊บเดียวนะครับคนเก่ง แม่เจียวไข่ให้” เด็กชายตัวน้อย ๆ พยักหน้าแบบรู้คำ
“ฮัลโหล... สวัสดีครับแม่” สีหราชตรงเข้ามาสวมกอดที่เอวของแม่ ตอนนี้มือของนางกำลังสาละวนปรุงอาหารที่ผัดฉ่าร้อนแรงไปทั้งกระทะ
“ทำอะไรห้อม หอม...” ข้าวโพดทำจมูกฟิต ๆ ก่อนจะจามขึ้นมาหลังจากนั้น
“ฮัดชิ้ว...”
“ไป๊... ออกไปรอข้างนอกไป คั่วไก่อยู่ มันเหม็น” ไก่ไล่ลูกชาย
“ฮัดชิ้ว...” ข้าวโพดส่งเสียงจามอีกยกใหญ่ เพราะกลิ่นเครื่องแกงที่ถูกไฟร้อน ๆ ส่งกลิ่นคลุ้งไปหมด
“ทำอะไรมากมายคะ พี่ข้าวผัด มีงานเลี้ยงหรือคะ” ครูหลิววางถุงผลไม้ที่เธอกับพี่สิงห์เลือกมาจากตลาดเป็นของฝากทุก ๆ คน
“ค่ะ” ข้าวผัดหันหน้ามายิ้มให้กับว่าที่น้องสะใภ้
“หวัดดีจ้ะ น้องพอร์ช” ครูหลิวตรงเข้าไปหยิกแก้มของเด็กชายที่นั่งตักข้าวกับไข่เจียวเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ เด็กชายยิ้มให้ แล้วยกมือไหว้คุณน้าผู้หญิงครูหลิวจึงนั่งลงเก้าอี้ตัวที่ใกล้เขา
“ฮัดชิ้ว...” เสียงของข้าวโพดยังจามไม่หยุด
“สงสัยจะมีคนนินทา” เขาเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ
“ว้าว ๆ มีแต่ของโปรดของผมทั้งนั้นเลย” ข้าวโพดตรงเข้ามาหยิบหมูแดดเดียวที่วางอยู่ในจานเข้าปากข้าวผัดตีลงไปบนมือของเขาดัง เผียะ...
“ห้ามกิน ยังไม่ถึงเวลา” พี่สาวทำตาเขียวเข้าใส่
“อะไรกันนะ โห... ก็คนมันหิวอะ” น้องชายทำเสียงโอดครวญ
“รอแขกคนสำคัญก่อน”
“ใครกัน” ข้าวโพดจ้องหน้าพี่สาวอย่างสงสัย แต่ข้าวผัดกับอมยิ้มไม่พูดอะไร
“คืนนี้นอนที่นี่กันไหม” ข้าวผัดถามน้องชายและครูหลิว
“พอดีหลิวต้องไปดูงานที่ชุมพรพรุ่งนี้ เดินทางตอนตีสี่ คงต้องกลับไปนอนที่บ้านพักในเมือง” ครูหลิวตอบแทนพี่สิงห์
“ไปกี่วันจ๊ะ”
“ห้าวันค่ะพี่”
“คิดถึงแย่” สิงห์นั่งลงเก้าอี้ตัวที่ติดกัน สวมกอดเอวของคนรัก แล้วหอมแก้มเธอเบา ๆ
“พี่สิงห์ต่อหน้าน้องพอร์ช แล้วอายพี่ข้าวผัดด้วย” เธอผลักใบหน้าของเขาออกทันที ทำเขินอาย
“อะแฮ่ม...” เสียงพี่สาวกระแอมขึ้นขัดคอ สีหราชทำหน้ายิ้ม ๆ ยังเกยคางเอาไว้บนไหล่ของหญิงคนรัก
“ไปดูชุดอะไรเรียบร้อยแล้วเหรอ” ข้าวผัดถามขึ้น
“ครับผม” ข้าวโพดยิ้มกว้างปากบานด้วยความยินดี
“แต่งที่โบสถ์บ้านเราก็ดีนะ พ่อกับแม่ของหลิวว่ายังไง” ข้าวผัดหันหน้ากลับมาถามสองหนุ่มสาว
“ค่ะ หลิวแล้วแต่พี่สิงห์” เธอตอบแต่คำพูดเอาใจแฟนหนุ่มน่าดู
“สวีตกันจริง ๆ” พี่สาวทำเสียงสูง
ทั้งคู่ได้แต่ยิ้มกว้างและหัวเราะออกมาเบา ๆ
“คุณพ่อ” ผิงผิงทิ้งรถเข็นทันที ก่อนจะวิ่งเข้ามาสวมกอดผู้ชายตัวสูงใหญ่แต่ตอนนี้สีผมเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว เขาสวมกอดลูกสาวที่รักเอาไว้แน่นทำน้ำตาคลอด้วยกันทั้งคู่
“คิดถึงคุณพ่อมาก ๆ ค่ะ” เธอทำน้ำเสียงเครือ ๆ และน้ำตารินไหลเช่นกัน แต่ใบหน้าของคนทั้งคู่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“แม่กับลุงสันต์สบายดีนะลูก” ไผ่เอ่ยถามถึงเมียเก่าและสามีใหม่ของเธอ
“ค่ะ แม่ฝากของมาให้พ่อกับพี่ข้าวผัดเยอะเลย”
“อ้าว... เพชร”
ผิงผิงหันหน้าไปหาน้องชายที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ข้างหลังของพ่อเด็กหนุ่มวัยย่างเข้าสิบห้าตัวสูงเกือบจะทันคุณพ่อแล้ว ยกมือไหว้พี่สาวต่างมารดาทันที
“เป็นหนุ่มน้อยแล้วนะ” เธอผละออกจากคุณพ่อตรงเข้าไปสวมกอดน้องชายที่ทำหน้าแดง ๆ ตอนที่พี่สาวกอดแน่นและหอมแก้มของเขาสองสามที ไผ่ยืนหัวเราะอยู่ใกล้ ๆ ตรงเข้ามาสวมกอดลูกทั้งสองคน
“รีบกลับกันดีกว่า ลุงดำ ป้าไก่ พี่ข้าวผัด น้องพอร์ช รออยู่” ไผ่เอ่ยถึงทุกคน
“พี่ข้าวโพดไม่อยู่เหรอคะ” ผิงผิงถามโพล่งขึ้นมาทันที สีหน้าจ๋อยลงไปด้วยความผิดหวัง
“พี่ข้าวผัดโทรตามตั้งหลายรอบไม่เห็นรับสาย สงสัยจะยุ่ง แต่ยังไงก็ต้องได้เจอกันอยู่แล้ว พักนี้เขามาที่บ้านบ่อย ต้องเตรียมงงเตรียมงาน” คำบอกเล่าของพ่อทำให้เธอหน้าฉงนไปใหญ่
“งานอะไรคะพ่อ” เธอถามออกไป
“น้าข้าวโพดจะแต่งงานครับ” เพชรตอบออกมาแทนคุณพ่อเสียเอง
ข่าวที่ได้รับรู้ทำให้คนได้ยินถึงกลับออกอาการผิดหวังขึ้นมา ตอนนี้ในหัวใจมันสั่นแปลก ๆ ผิงผิงรู้สึกเศร้า ๆ พิกล
“แฟนพี่ข้าวโพดสวยไหม” เธอหันหน้าไปหาน้องชายทันที
ตอนนี้พ่อไผ่เดินไปหารถเข็นของลูกสาว
“ก็สวยหวานน่ารัก เรียบร้อยด้วยครับ ทำอาหารเก่งครับ” คำพูดของเพชรทำให้ผิงผิงหน้าเสียลงไปอีก
‘แต่งงานได้ไง ไหนเราสัญญากันแล้วว่าจะแต่งงานกัน’ เธอพร่ำพรรณนาอยู่ในใจ
“มาทางนี้ลูก รถจอดอยู่ทางนี้” ไผ่เดินนำหน้าทั้งสองคนออกไปตามทางเดิน
ผิงผิงโอบไหล่ของน้องชายเอาไว้แล้วเดินตาม
“พี่มีของมาฝากเพชรด้วยนะ” เธอเปลี่ยนอารมณ์ ยิ้มน้อย ๆ ให้กับเพชร
“พี่จะมาอยู่ที่นี่กับพวกเราจริง ๆ หรือครับ” เพชรถามพี่สาว
“จ้ะ โรงเรียนที่พี่ส่งใบสมัครมาเขาตอบรับพี่แล้วนะ สอนภาษาอังกฤษให้กับเด็ก ๆ”
“ดีใจจังเลยครับ แม่คงดีใจมาก ๆ พูดถึงพี่ทั้งวันเลย” เพชรเอ่ยไปถึงแม่ข้าวผัดของเขา ผิงผิงได้แต่ยิ้ม เธอยังจำทุกอย่างที่ไร่สิงขรได้

