บทที่ 2.จบตอน
หัวใจของสาวน้อยที่กำลังจะพ้นรั้วมหาวิทยาลัยไหวสะเทือนราวมีแผ่นดินไหวอยู่ในอก เธอมองชายหนุ่มที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเขาแต่งกายในชุดอะไร
หน้ากากทักซิโด้.. คู่รัก พระเอกของเซเลอร์มูนไงล่ะ
เลือดในกายร้อนฉ่าฉีดอัดมาที่แก้มสาวที่มันแดงก่ำขึ้นมาอย่างไม่อาจจะหักห้ามอาการไว้ได้ ผิวนวลลออร้อนผ่าวราวจับไข้ สมองเหมือนหยุดสั่งการไปชั่วขณะเพราะเธอเอาแต่จ้องเขานิ่งเหมือนรูปปั้น ดวงตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นเหมือนสะกดเธอไว้หรือเขาสาปแช่งให้เธอกลายเป็นหินไปนะ.. แค่เห็นเพียงดวงตาที่ซ่อนไว้ภายใต้หน้ากากสีดำไม่ได้เห็นใบหน้าของเขาทั้งหมดในเธอก็อ่อนเปลี้ยเรี่ยวแรงหดหายไปหมดแล้ว... ขนมหวานคิดอย่างอ่อนอกอ่อนใจที่ตนเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
เช่นเดียวกันกับอเล็กซิโอที่ก็นิ่งงันหัวใจเต้นแรงเมื่อประสานสบตากับดวงตากลมโตของสาวน้อยในชุดกระโปรงแบบตัวการ์ตูนที่เพื่อนแนะนำให้รู้จัก วิกผมสีทองที่เป็นจุกกลมๆ สองข้างเหมือนซาลาเปาทำให้เธอดูน่ารักจิ้มลิ้มเรียวปากอิ่มระเรื่อสีชมพูสดใสนั้นก็น่าจูบ กระโปรงสั้นเหนือเข่าโชว์เรียวขาขาวนวลเรียวสวยจนเขาอดไม่ได้ที่เขาจะจินตนาการถึงตอนที่มันเกี่ยวกระหวัดรัดรอบเอวของเขาเมื่ออยู่บนเตียง
และทั้งที่เธอไม่ได้แต่งตัวล่อแหลมหรือดูยั่วยวนเหมือนหญิงสาวที่เขาเคยควงลงสนามรักแต่แม่สาวน้อยร่างเล็กตรงหน้าก็ทำให้เขารู้สึกปวดหนึบไปทั้งแก่นกาย บ้าไปแล้ว.. เขาไม่ควรรู้สึกอย่างนั้นกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว... อเล็กซิโอดุด่าตัวเองในใจ
“อะ เอ่อ.. คือ คุณผู้หญิงคนนี้เธอมาตามหาเพื่อนแล้วหลงทางน่ะครับ”
“แล้วไง.. นายจะไปส่งเธอหรือ”
“เปล่าครับแค่จะพาเธอไปที่ลิฟต์ทางออก”
“เธอมาตามเพื่อน แต่ทำไมเดินมาทางนี้มีจุดประสงค์ไม่ดีรึเปล่า นายทำงานพลาดไปนะรอน” อเล็กซิโอหันไปดุรอน ปกติรอนไม่ปล่อยให้ใครถึงตัวเขาได้ง่าย คำพูดของเขาทำให้รอนหันไปมองสาวน้อยที่ก็หันมามองเขาตาปริบๆ
“หนมหวานไม่ได้เป็นคนร้าย ไม่รู้จักคุณด้วยซ้ำ หนมหวานหลงทางจริงๆ ค่ะ ถ้าหนมหวานทำให้คุณลำบากใจเดี๋ยวหนมหวานเดินกลับเองก็ได้ค่ะ คงไปทางนั้นใช่ไหมคะ” เหมือนเธอจะรู้ว่าชายหนุ่มทั้งสองคิดอะไรเธอชี้มือไปที่ลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งคำพูดของเธอทำให้อเล็กซิโอพอใจไม่น้อย แม่สาวน้อยตรงหน้าฉลาดไม่น้อยเลยทีเดียว..
“ฉันไม่ได้ว่าเธอนะสาวน้อยแต่ฉันไม่ไว้ใจใครจริงๆ ปกติมีหญิงสาวมากมายอยากเข้าหาฉันและมักใช้วิธีแปลกๆ บางคนก็หวังดีอยากบริจาคร่างกายให้ฉันเชยชม แต่บางคนก็ประสงค์ร้ายอยากให้ฉันไปอยู่กับพระเจ้า”
คำพูดของเขาทำให้แก้มสาวแดงก่ำ แต่ไม่ใช่เพราะขัดเขินแต่เป็นความโกรธเข้ามาแทนที่ ขนมหวานไม่อยากเชื่อเลยว่าคำพูดแบบนี้จะออกมาจากเรียวปากหยักสวยราวอิสตรีนั่น แล้วเขาก็เหมารวมว่าเธอจะมาหาเขาเพื่อให้เขาเชยชมนี่นะ
อีตาบ้าหน้ากากทักซิโด้นี่ปากเสียใจสกปรกเสียจริง คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหนถึงได้คิดอะไรแบบนี้...
“หนมหวานไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ สบายใจได้ต่อให้คุณหล่อลากไส้ลากพุงหรือร่ำรวยแค่ไหนแต่จิตใจสกปรกหนมหวานก็ไม่สนใจให้เสียเวลาหรอก แต่งงานกับคนกวาดถนนยังจะดีเสียกว่ามาสละเวลาและร่างกายให้คุณเชยชม ลานะคะพี่สุดหล่อ”
ขนมหวานพูดอย่างมีอารมณ์แล้วหันมาไหว้ลารอนซึ่งหน้าตาหล่อเหลาและยังสุภาพกับเธอไม่เหมือนอีตาหน้ากากทักซิโด้ที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้านายของชายหนุ่มใจดีที่พูดจาหยิ่งยโสหลงตัวเองน่าเกลียด ก่อนที่เธอจะก้าวฉับๆ ไปที่ลิฟต์แล้วจิ้มกดชั้นเพื่อจะลงไปตั้งหลักที่ชั้นสามซึ่งเป็นชั้นห้องจัดเลี้ยง แต่ปรากฏว่าปุ่มกดไม่มีท่าทีตอบสนองการทำงานเลยแม้แต่น้อยกดไปเท่าไหร่มันก็นิ่งเหมือนเดิม...
“บ้าเอ๊ย ทำไมกดไม่ได้เนี่ย แล้วจะทำไง บันไดหนีไฟ ตายแล้วจะมีผีมั้ยค่ำมืดแบบนี้” ตอนเธอขึ้นมาเธอไม่ได้ใช้ลิฟต์ตัวนี้เดินไปเดินมาก็งงหลงทางเสียอย่างนั้นแล้วลิฟต์ตัวนั้นมันอยู่ส่วนไหนของชั้นล่ะเนี่ย โอ๊ย มึนงง...
“ไม่น่าดื่มจนมึนเลยหนมหวาน”
เธอบ่นตัวเองที่ดื่มจนมึนแล้วก็ลืมจดจำทางเดินและสติไม่มั่นคง ทั้งห่วงเพื่อนจนลืมระวังว่าตัวเองอาจจะหลงทาง โรงแรมสาขาใหญ่กว้างใหญ่แค่ไหนก็รู้กันอยู่แล้วเด็กฝึกงานที่เคยชินแต่โรงแรมสาขาที่เล็กกว่าที่นี่เป็นเท่าตัวจะไม่งงไม่หลงทางได้อย่างไร...
“ไม่ต้องพยายามหรอก ลิฟต์ตัวนี้มันใช้ได้เฉพาะฉัน”
เสียงทุ้มของชายในชุดทักซิโด้ดังขึ้นทำเอาขนมหวานขนลุกไปทั้งกาย สาวน้อยยืนนิ่งไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองเธอจึงเลือกที่จะเดินไปหาลิฟต์ตัวที่พาเธอขึ้นมามากกว่าจะเผชิญหน้ากับเขา
“หยุดอยู่ตรงนั้นล่ะ เพราะเธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“บ้าหรือไง ถึงจะมาเที่ยวสั่งคนอื่น ฉันจะออกไปจากที่นี่ จะกลับไปหาเพื่อนๆ คุณมีสิทธิ์อะไรไม่ทราบมาห้ามไม่ให้ฉันไป”
“ก็มีสิทธิ์ในฐานะเจ้าของชั้นนี้ทั้งชั้น จริงๆ แล้วทางโรงแรมต้องรับผิดชอบด้วยซ้ำที่ไม่ล็อกลิฟต์ที่ชั้นนี้ปล่อยให้มีคนมารบการการพักผ่อนของฉันทั้งที่ชั้นนี้มันควรจะมีความเป็นส่วนตัว แต่จู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงในชุดตลกๆ โผล่มาทำเสียงแว้ดๆ ใส่ฉันแล้วก็จะเดินหนีไปเฉยๆ ฉันจะฟ้องให้เจ้าของโรงแรมนี้ล้มละลายให้พนักงานนับพันคนตกงานเสียเลยก็ยังได้”
“อะไรนะ.. คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ฉันไม่ใช่เด็กผู้หญิงในชุดตลกๆ นี่เป็นชุดเซเลอร์มูนย่ะ การ์ตูนเขาดังจะตายไปอยู่ที่ไหนมาถึงไม่รู้จัก และฉันยังไม่ได้ทำอะไรเสียหายร้ายแรงเสียหน่อยแล้วก็แค่หลงทางมา คุณจะเอาแค่เรื่องที่ฉันต่อว่าคุณที่พูดจาไม่สุภาพกับฉันไปฟ้องคุณโจมันจะมากไปรึเปล่า ก็ได้หากฉันทำให้คุณไม่พอใจฉันขอโทษก็ได้ ขอโทษ ทีนี้พอใจรึยัง..”
ขนมหวานไม่เคยทำเสียงแข็งใส่ใครมาก่อนเลย ปกติเธอพูดจาสุภาพอ่อนน้อมกับทุกคนเสมอ แม้แต่เมรินที่ชอบมาหาเรื่องพูดจาค่อนแคะเธอกับแสนหวานก็ยังไม่เคยทำเสียงแบบนี้กับเมรินเลยสักครั้ง
“ฉันไม่รับคำขอโทษของเธอ บอกมาตรงๆ ดีกว่าเธอเป็นนกต่อให้ใคร”
“หา.. ฉันนี่นะนกต่อ.. บ้าบออะไรกัน ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว”
ขนมหวานขมวดคิ้วแล้วมองเขาอย่างไม่ไว้ใจทำท่าจะเดินหนีแต่เขากลับคว้าต้นแขนเรียวไว้ทั้งยังออกแรงเหมือนขยุ้มต้นแขนเธอไว้จนรู้สึกเจ็บ
“เธอยังไปไหนไม่ได้” ดวงตาของเขาวาววับขึ้นจนขนมหวานรู้สึกหวาดหวั่น เธอคงไม่มาเจอคนโรคจิตภายใต้หน้ากากชุดทักซิโด้หรอกนะ
“อุ๊ย.. คุณ ปล่อยนะ ฉันเจ็บนะ”
“ปากดีแบบเธอนี่เจ็บเป็นด้วยเหรอแม่นกต่อหัวซาลาเปา”
“ฉัน ไม่ ใช่ นก ต่อ.. ปล่อยฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้ลั่นเลย” ขนมหวานรู้สึกกลัวเขาจับใจขึ้นมาทันที
“ร้องให้คอแตกก็ไม่มีใครหน้าไหนโผล่มาหรอก เพราะชั้นนี้มีแค่ฉัน..” ขนมหวานสอดส่ายสายตามองหาชายหนุ่มใจดีที่พูดคุยกับเธอเมื่อครู่แต่ก็ไม่เห็นแล้ว ใบหน้านวลซีดลงทันตา
“หึหึ.. ไหน แม่อัศวินเซเลอร์มูน เธอจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน”
“คุณ.. ปล่อยฉันนะ ว้าย กรี๊ดดดด ช่วยด้วย มีคนบ้ากามจะทำร้ายฉัน ช่วยด้วย”
ขนมหวานร้องลั่นเมื่อชายหนุ่มคว้าร่างเล็กของเธอขึ้นพาดบ่าอย่างง่ายดายเหมือนสิ่งของไร้น้ำหนัก และเสียงของเธอก็กึกก้องไปทั้งชั้น และยิ่งไปกว่านั้นเสียงหัวเราะของคนในชุดทักซิโด้ก็ฟังแล้วชวนให้ขนลุก... และไม่มีใครโผล่หน้ามาช่วยเหลือเธอสักคน
แย่แล้วขนมหวาน แย่แน่ๆ ขนมหวานคิดอย่างหวาดหวั่นแล้วดิ้นอย่างบ้าคลั่งทั้งทุบทั้งตีเขาเท่าที่ทำได้แต่เหมือนว่าคนตัวโตกว่าจะไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย...
