บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

สี่ปีต่อมา

จันทร์หอมก้มลงกราบที่ตักของคุณหญิงลออด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวสำเร็จการศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรีจากรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งผู้ที่พลิกชีวิตเด็กสาวที่ไม่มีหลักอะไรเลย ให้กลายมาเป็นเช่นนี้ได้ก็คือหญิงชราผู้มากด้วยเมตตาที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้

“ดีใจด้วยนะหนูจันทร์ นี่ถ้าพรานสิงห์ยังอยู่ต้องดีใจมากแน่ๆ”

หญิงชราเองก็อดที่ภูมิใจไม่น้อย สิ่งที่นางมองไว้แต่แรกประสบผลสำเร็จในขั้นแรก เพชรเม็ดงามที่ได้รับการเจียรนัยให้วาววับพร้อมที่จะประดับหัวแหวนที่มากค่าได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นแล้ว

“จันทร์ต้องกราบขอบพระคุณคุณย่ามากค่ะ ที่เมตตาให้ที่อยู่ที่กินแล้วยังสนับสนุนจนจันทร์มีวันนี้ได้”

จันทร์หอมไม่เคยลืมพระคุณของคุณหญิงลออเลยแม้แต่น้อย นางผู้ยื่นมือมาช่วยลูกนกลูกกาที่กำลังหลงทาง ให้มีรังเล็กอาศัยอยู่อาศัยกินและสอนให้ดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ได้อย่างไม่อายใคร

“เพราะหนูจันทร์ทำตัวดีต่างหาก จะว่าไปถ้าจะขอบคุณต้องไป ขอบคุณพี่เตชิต เพราะรายนั้นทั้งให้อยู่และสนับสนุนเรื่องเรียนไม่ขาดตกบกพร่อง”

คุณหญิงลออพูดไม่ผิดแม้แต่คำเดียว คนที่จันทร์หอมควรจะ ขอบคุณมากที่สุดก็คือเขาคนนั้น ผู้ชายที่ท้าทายให้เธอกล้าเปลี่ยนชีวิต จนกลายเป็นจันทร์หอมคนใหม่ และมีอนาคตที่สดใสรออยู่

สาวน้อยหวนนึกถึงวันที่ตัดสินใจจะไปจากที่นี่ เพราะไม่ต้องการ เป็นภาระหรือเรียกร้องสิ่งใดให้กับคนเองจากคนที่ไม่ใช่ญาติ แต่เตชิตกลับพูดให้เธอเปลี่ยนใจและตัดสินใจที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในการใช้ชีวิต อยู่ใต้ชายคาบูรณสิทธิ์แห่งนี้

‘เธอจะไปไหน’ เขาเดินตามมาถาม

‘ฉันมีที่ไปก็แล้วกัน’ จันทร์หอมตอบเสียงห้วน

‘ทำไมถึงไม่อยู่ที่นี่ เธอมาที่นี่ก็เพราะต้องการให้เราดูแลไม่ใช่ เหรอ’

‘ไม่ใช่ ฉันมาเพราะคำสั่งเสียของพ่อ เมื่อมาแล้วท่านตรัยไม่อยู่ ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ที่นี่’

‘หมายความว่าถ้าคุณพ่อยังอยู่ เธอก็จะอยู่ที่นี่ใช่ไหม’ เตชิตคิดหาทางที่จะทำให้จันทร์หอมอยู่ที่นี่ตามความต้องการของคุณหญิงลออได้แล้ว

‘ถ้างั้นฟังนะ ฉันเป็นลูกของคุณตรัย ดังนั้นอะไรที่เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับพ่อฉัน ฉันต้องจัดการและดูแลทุกอย่าง เธอกลับเข้าไปข้างในได้แล้ว’

‘ทำไมฉันต้องทำตามที่คุณพูดด้วย ถอยไป ฉันจะกลับบ้าน’

จันทร์หอมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เธอทำตามคำสั่งเสียพ่อด้วยการมาหาผู้ที่พ่อคิดจะฝากฝังให้ดูแล แต่เมื่อพบว่าคนๆ นั้นจากโลกนี้ไปแล้วก็เท่ากับว่าชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไปนี้ของจันทร์หอม ก็ต้องดูแลตนเองให้รอดพ้นจากทุกสิ่ง

‘เธอจะขัดคำสั่งพ่อตัวเองใช่ไหม’ เตชิตเอ่ยถามแล้วพูดต่อว่า

‘พรานสิงห์สั่งให้เธอมาที่นี่ เพื่อให้บูรณสิทธิ์ดูแลเธอ เพราะฉะนั้นตั้งแต่วินาทีที่เธอก้าวเข้ามาที่นี่ ชีวิตของเธอเป็นของเราแล้ว เธอมีหน้าที่ฟังและทำตามคำสั่งเท่านั้น เข้าใจไหม’

‘ไม่มีใครเป็นเจ้าชีวิตฉันได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่ฉันไม่รู้จัก อย่างคุณ’ จันทร์หอมเชิดหน้า

‘อยากเป็นลูกอกตัญญูก็เชิญ แต่ถ้าพรานสิงห์รู้ว่าเธอไปจากที่นี่ ดวงวิญญาณก็คงไม่สงบ และคงจะเสียใจมากถ้าเห็นลูกสาวคนเดียวที่แสนห่วงต้องเผชิญกับอันตรายรอบด้าน โดยที่ไม่มีใครเอื้อมมือช่วย แม้แต่คนเดียว คงน่าเสียดายนะถ้าคนเป็นพ่อเป็นแม่เห็นลูกตัวเองเป็นแบบนั้น’

‘คุณ’

ได้ผล จันทร์หอมชะงักเล็กน้อยหันหน้ามามองคนที่พูดแทงใจดำเหลือเกิน

‘เพื่อตอบแทนพรานสิงห์ที่เคยช่วยคุณพ่อไว้ ฉันจะให้เธออยู่ที่นี่ได้จนเรียนจบปริญญาตรี เมื่อเรียนจบแล้วถึงตอนนั้นอยากจะไปไหนก็เชิญ และฉันจะถือว่าบูรณสิทธิ์ไม่ติดค้างอะไรพ่อเธออีกแล้ว แต่ถ้าเธออยากจะไปตอนนี้ฉันก็ไม่ว่า แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็คิดเองแล้วกันนะว่าใครทำให้ดวงวิญญาณของพรานสิงห์ไม่สงบ ฉันในฐานะบูรณสิทธิ์หรือลูกสาวสุดที่รักอย่างเธอ จันทร์หอม’

คำพูดของเตชิตวันนั้นบวกกับคำอ้อนวอนของคุณหญิงลออ ทำให้ในที่สุดจันทร์หอมก็ตัดสินใจที่จะอยู่ที่บ้านบูรณสิทธิ์ตามความต้องการของบิดาผู้ล่วงลับไปแล้ว

และเตชิตก็ทำตามที่พูดคือจัดการให้หญิงสาวได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยมีธนัน ลูกชายของแม่บ้านซึ่งเป็นคนสนิทของคุณหญิงลออเป็นผู้จัดการเรื่องการศึกษาต่อ โดยเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับมาจากเตชิตทั้งสิ้น

คนอุปการะกับผู้อยู่ใต้การดูแลแทบไม่มีโอกาสได้เจอหน้าค่าตากันเลย เพราะเตชิตวุ่นวายอยู่กับการขยายกิจการบริษัท และมีเหตุให้เดินทางไปมาต่างประเทศตลอด

จันทร์หอมทำได้แค่เพียงเฝ้ารอและตอบแทนบุญคุณอยู่ห่างๆ ด้วยการดูแลคุณหญิงลออและถ้ามีโอกาสก็จะช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ในบ้าน

“กลับมาเหนื่อยๆ ไปพักก่อนดีกว่า เดี๋ยวย่าจะโทรศัพท์ถามเจ้าเตว่าจะกลับมาวันไหน ย่าอยากจะจัดงานเลี้ยงให้หนูจันทร์สักหน่อย” คุณหญิงลออเอ่ย

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้จันทร์ก็เกรงใจจะแย่แล้ว อีกอย่างจันทร์อยากหางานทำให้ได้เร็วที่สุดด้วย”

จันทร์หอมตั้งใจแล้วว่าเมื่อได้งานทำก็จะดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของใครอีก ดังนั้นทันทีที่เรียนจบเธอจึงร่อนใบสมัครไปทุกที่เท่าที่ทำได้ เพื่อหวังว่าจะมีสักแห่งที่เรียกไปสัมภาษณ์หรือรับเข้าทำงาน

“ทำไมต้องหางานที่อื่น ถ้าอยากทำงานเดี๋ยวย่าจัดการให้ บริษัทเจ้าเตออกใหญ่โตรับพนักงานเพิ่มสักคนจะเป็นไป”

“ไม่เป็นไรค่ะ จันทร์หาเองดีกว่าอย่ารบกวนใครเลย จันทร์ขอตัวเอาของไปเก็บก่อน แล้วเดี๋ยวจะไปดูในครัวว่าวันนี้มีอะไรให้คุณย่าทานมื้อเย็นนะคะ” จันทร์หอมกล่าวลาและรีบออกมาเพื่อเก็บของตามที่บอก ในขณะที่คุณหญิงลออนั่งคิดว่าจะทำอย่างไรดี ให้สิ่งที่นางตั้งใจไว้แต่แรกจึงจะสำเร็จ

เตชิตง่วงอยู่กับเอกสารกองใหญ่ที่ต้องสะสาง เขาเพิ่งเดินทางกลับมาเมืองไทยวันนี้ หลังจากที่ไปดูแลธุรกิจที่ขยายและกำลังไปได้ดีเสียหลายวัน คุณหญิงลออเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาหาหลานชายก่อนจะกลับไปที่เรือน

“คุณย่ายังไม่นอนอีกเหรอครับ” เตชิตเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยความแปลกใจ หญิงชราเดินตรงเข้ามาหอมแก้มหลายชายสุดที่รักที่นั่งจมอยู่กับกองเอกสารมากมาย

“กำลังจะนอนแต่อยากจะมาคุยกับเราก่อน” หญิงชรานั่งลงที่เก้าอี้ด้านหน้าแล้วเฝ้ามองดูหลานชายสุดที่รักที่กำลังง่วงอยู่กับการสะสางเอกสารที่อยู่ตรงหน้า

ปีนี้เตชิตโตขึ้นมากเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวรับผิดชอบงานมากมายได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สร้างความภูมิใจให้กับนางตลอดมา แต่สิ่งเดียวที่คุณหญิงลออเป็นกังวลก็คือ ความโสดที่ไม่มีหญิงใดสามารถเอาชนะใจหลานชายคนนี้ได้

เตชิตไม่เคยพาใครมาให้รู้จัก ไม่ค่อยขยันเป็นข่าวเรื่องผู้หญิงมากกว่าข่าวการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มันน่าภูมิใจก็จริงที่มีลูกหลานได้ดีเช่นนี้ แต่ความกังวลเรื่องที่อยากจะเห็นหน้าหลานสะใภ้ที่จะมาดูแลหลานชายสุดที่รัก ก็ดูจะเป็นเรื่องเดียวที่นางยังไม่สามารถเบาใจได้

ทีแรกว่าจะจับคู่ให้จันทร์หอมกับเตชิตลงเอยกัน แต่พอเอาเข้าจริงทุกอย่างกลับตาลปัตรเมื่อเตชิตยื่นคำขาดว่าจะขอตอบแทนบุญคุณพรานสิงห์ด้วยการอุปการะบุตรสาว ให้มีอนาคตและยื่นได้ด้วยลำแข้งตนเองในวันข้างหน้า ซ้ำยังบอกอีกด้วยว่าวิธีการคลุมถุงชนนี้ไม่อาจยอมรับได้ และใช้เรื่องงานมาเป็นข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ตลอดมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel