บทที่ 3
"คุณย่าล้อผมเล่นใช่ไหม ครับ"
"แกคิดว่าฉันพูดเล่นหรือเปล่าล่ะ เจ้าเต"
ประมุขของบ้านสบตากับชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ท่าทีเช่นนี้เตชิตไม่ต้องเดาเลยว่าคุณย่าสุดที่รักพูดจริงแน่
"คุณย่าครับ ผมอายุจะสามสิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่บรรลุนิติภาวะมีความคิดเป็นของตัวเอง สามารถที่จะเลือกใครมาเป็นเมียเป็นแม่ของลูกเองได้ อีกอย่างนี่มันหมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะครับ คุณย่า ที่สำคัญผมกับผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จู่ๆ คุณย่าจะมาจับคู่ให้เราสองคนเป็นผัวเมียกัน มันไม่ทำร้ายจิตใจผมเกินไปหน่อยเหรอครับ" หลานชายสุดที่รักวัยยี่สิบแปดปีโอดครวญ
หมดกัน …
เตชิตอยากจะบ้าตายเหลือเกิน ถูกตามตัวมาจากบริษัทให้รีบมาพบคุณย่าเพราะว่ามีเรื่องด่วน ที่ไหนได้ กลับถูกสั่งให้แต่งงานกับใครก็ไม่รู้ ด้วยเหตุผลที่เป็นเต่าล้านปีที่สุดนั่นก็คือ การรักษาสัญญา
“แต่ผู้หญิงคนนี้มีบุญคุณกับครอบครัวเรา โดยเฉพาะพรานสิงห์ ถ้าไม่มีพรานสิงห์ ป่านนี้ก็คงไม่มีแกออกมาลอยหน้าเถียงฉันฉอดๆ อย่างนี้หรอก” หญิงชราเอ่ย
“ไม่ว่าจะพรานสิงห์หรือคุณพ่อ ตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว อีกอย่างถ้าจะช่วยเหลือทำไมเราไม่ให้เงินไปตั้งตัวดูแลตัวเอง หรือถ้าอยากเรียนหนังสือก็อุปการะส่งให้เรียนจนจบ ไม่ดีกว่าหรือครับคุณย่า”
เตชิตมองว่าการตอบแทนบุญคุณที่ดีที่สุดไม่ใช่การแต่งงาน แต่เป็นการช่วยให้คนที่ตนติดหนี้บุญคุณยืนได้ด้วยลำแข้ง ด้วยเม็ดเงินหรืออะไรก็แล้วแต่ที่สามารถช่วยได้
“แล้วแกจะให้เด็กผู้หญิงคนเดียวที่ไม่มีพ่อมีแม่ไปอยู่ที่ไหน ในเวลาที่แกบอกว่าให้ไปตั้งตัว” นางย้อนถาม
“ก็อยู่ที่ไหนก็ได้ครับที่อยากอยู่ หรือถ้าอยากทำงานก็บอกผมจะให้คนหาตำแหน่งให้ หรือถ้าต้องการอะไรก็บอกมาตรงๆ แต่ผมไม่แต่งงานด้วยเด็ดขาด” หลานชายสุดที่รักยื่นคำขาด
“ทำไมแกถึงบอกว่าไม่แต่งงาน ทำไมต้องยืนกรานแต่คำนี้”
“คุณย่าครับ ผมไม่รู้นะว่าคุณย่าคิดอะไร แต่การแต่งงานสำหรับผมมันต้องเกิดจากคนสองคนรักและพอใจกัน อยากอยู่ด้วยกันไปจนวันตาย ไม่ใช่แบบนี้ครับ” เตชิตไม่รู้จะพูดอย่างไรให้คุณย่าเข้าใจ แต่เขาจะไม่แต่งงานเด็ดขาด
วิธีตอบแทนบุญคุณมีหลายวิธี แม้เขาจะไม่รู้ว่าพรานสิงห์คนนี้เคยทำความดีอื่นใดนอกจากการช่วยเหลือชีวิตบิดาผู้ล่วงลับไว้ แต่การแต่งงานไม่ใช่เหตุผลของการตอบแทน
ที่สำคัญ การแต่งงานโดยไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นิสัยใจคอเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แล้วจะให้มาร่วมเรียงเคียงหมอนเป็นคู่ชีวิตไปจนวันตาย เตชิตไม่มีวันทำแบบนั้นแน่
โลกในยุคดิจิตอลที่คนมีความคิดและความเป็นตัวของตัวเองสูง การคลุมถุงชนใช้วิธีอยู่ๆ ไปก็รักก็เห็นใจกันเองคงเป็นไปได้ยาก ที่สำคัญตอนนี้เตชิตกำลังมีงานมีภาระมากมายที่ต้องรับผิดชอบ
ชีวิตคู่ ผู้หญิงที่จะมาเป็นเมีย แม่ของลูก เป็นเรื่องรองสำหรับเขาแล้ว ถ้าขืนแต่งงานตอนนี้ ยิ่งกับคนที่ไม่รู้จักมักจี่ด้วยแล้วล่ะก็เห็นทีว่าคงจะไม่ดีแน่
“เรื่องนี้เอาไว้ว่ากันทีหลัง วันนี้ดึกมากแล้วแกไปอาบน้ำอาบท่าพักผ่อนซะ แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยมารู้จักกับเด็กจันทร์หอม”
“ใครครับ จันทร์หอม” คนฟังทำหน้างงเล็กน้อย
“ก็ลูกสาวพรานสิงห์ไงล่ะ” หญิงชราลุกขึ้นเดินกลับไปที่เรือนพักของตนเอง ปล่อยให้เตชิตยืนกลุ้มใจกับสิ่งที่นางพูดไว้แต่แรกเพียงลำพัง
เตชิตถูกตามให้มาพบคุณหญิงลออประมุขของบ้านที่นั่งคอยอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ หลานชายคนดีตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวเรื่องเอกสารสำหรับนัดสำคัญที่จะมีขึ้นในวันนี้
เตชิตเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ในการดูแลกิจการทุกอย่างของบูรณสิทธิ์นับจากวันที่จบการศึกษา แทนบิดาที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับและนี่คือหน้าที่ภาระอันยิ่งใหญ่ ที่เขาอยากจะทำให้มันประสบความสำเร็จเหมือนผู้ที่จากไป
“คุณย่าเรียกผมแต่เช้า มีอะไรเหรอครับ” ร่างสูงในชุดสูทสีเข้มทรุดตัวนั่งลงข้างหญิงชรา
คุณหญิงลออคือย่าบังเกิดเกล้าผู้เป็นทุกอย่างของเตชิต นับจากวันที่บิดามารดาจากไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อตอนที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยปีที่หนึ่ง สองย่าหลานดูแลกันมาจนกระทั่งชายหนุ่มเรียนจบและรับหน้าที่ทุกอย่างต่อจากผู้เป็นย่า
เตชิตได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษเนื้อหอมในสังคมไฮโซ ประธานบริษัทนำเข้าส่งออกอันดับหนึ่งของเมืองไทย ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้นสานต่อกิจการของครอบครัว รูปงามมีเสน่ห์และดีพร้อมด้วยชาติตระกูลเช่นนี้ จึงมักเป็นที่หมายตาของสาวๆ ที่ได้เข้าใกล้
แต่เตชิตไม่เคยผูกความสัมพันธ์ใครให้เป็นภาระ ซึ่งอาจถือว่านี่เป็นข้อดีในการรู้จักเอาตัวรอดของชายหนุ่ม ทว่าก็เป็นเรื่องน่าห่วงของคุณหญิงลออที่ได้แต่เฝ้ารอคอยอย่างมีความหวังว่าเมื่อไร เมื่อไรที่หลานชายสุดที่รักจะพาใครสักคนมาให้รู้จักอย่างเป็นทางการเสียที
“ลืมหรือไงเจ้าเตว่าเรามีนัดกัน” หญิงชราเอ่ย
“นัดเรื่องอะไรครับ หรือว่าผมยังไม่ได้รายงานเรื่องสำคัญของวันนี้” ชายหนุ่มเข้าใจไปอีกทาง ในขณะที่คุณหญิงลออส่ายหน้าแล้วพูดต่อว่า
“เรื่องหนูจันทร์หอม ลูกสาวพรานสิงห์ไงล่ะ จำไม่ได้หรือไงว่าเช้านี้ย่าบอกให้เรามาทำความรู้จักกัน ไว้”
“อ๋อ” ชายหนุ่มนึกได้
คิดว่าเรื่องอะไรเสียอีก ที่แท้ก็เรื่องที่คิดจะจับคู่ให้เขากับลูกสาวพรานสิงห์นั่นเอง
“พร้อมหรือยัง ย่าจะได้ให้คนไปตามหนูจันทร์หอมมา”
“ผมมีเวลาแป๊ปเดียวนะครับคุณย่า”
คุณหญิงลออพยักหน้าให้คนไปตามจันทร์หอมที่รออยู่ที่เรือนขึ้นมาที่ตึกใหญ่ ระหว่างที่รอนั้นสองย่าหลานคุยกันเรื่องงานไปพลางๆ จนกระทั่งเมื่อจันทร์หอมเข้ามาในห้อง
“เข้ามานี่หนูจันทร์หอม” คุณหญิงลออกวักมือให้เข้ามาใกล้ๆ เตชิตมองตามที่คุณย่าเรียก เด็กสาวตัวเล็กผอมแห้งแรงน้อยในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์เดินเข้ามาคุกเข่าลงที่พื้น
“นี่พี่เตชิต หลานชายของย่าเอง”
