บทที่ 2
ลูกสาวอดีตพรานเงี่ยหูฟังตามคำสอนเมื่อมั่นใจแล้วว่ากำลังมีผู้บุกรุก หญิงสาวจึงหาอาวุธที่ใกล้มือที่สุดมาเป็นเครื่องป้องกันตัว ก่อนจะค่อยๆ เดินออกมาอย่างช้าๆ เพื่อจัดการกับแขกยามวิกาลที่ไม่ต้อนรับ
"เร็วๆ ซิวะ เดี๋ยวก็มีใครมาเห็นหรอก ไอ้โง่เอ๊ย" เสียงตะคอกที่ดังอยู่ด้านนอกคุ้นหูหญิงสาวยิ่งนัก
จันทร์หอมกระชับไม้ที่ถือในมือไว้แน่นเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับผู้บุกรุกที่กำลังจะเข้ามาในอีกไม่กี่นาทีนี้
"โอ๊ย..."
เสียงร้องโอ๊ยดังลั่นเมื่อใครบางคนก้าวล้ำเข้ามาในบ้าน จันทร์หอมฟาดสุดแรงลงไปที่แผ่นหลังของผู้บุกรุก
"เฮ้ย..." อีกคนชะงักเท้าเมื่อเห็นว่าคนเดินนำพบกับอะไร
"ไอ้โชติ" จันทร์หอมเห็นหน้าคนที่เดินเข้ามาชัด ที่แท้ลูกชายกำนันจอมเกเรนั่นเอง
"พวกเอ็งเข้ามาทำไม" สาวน้อยกระหน่ำตีด้วยไม้หน้าสามในมือไม่ยั้ง ร่างกำยำของผู้บุกรุกหลบหลีกพัลวัน
"จับนังจันทร์ไว้ซิโว้ย" โชติช่วงรีบตะโกนสั่งลูกน้องที่ติดตามมาอีกสองคน
"อย่าเข้ามานะ"
จันทร์หอมกระชับไม้ในมือแน่น ตั้งใจฟาดคนที่คิดจะเข้ามาทำร้ายสุดแรงแต่แรงสาวหรือจะสู้แรงชาย ไม่ช้าเธอก็ถูกลูกน้องของโชติช่วงรวบตัวไว้ได้
"ปล่อยฉันนะ ไอ้โชติ กลับบ้านไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะฟ้องกำนัน"
"กลับแน่ แต่ต้องเมื่อข้ากับเอ็งเป็นผัวเมียกันแล้วนะ ตอนนี้ไม่มีพรานสิงห์แล้วก็ไม่มีใครมาขวาง พ่อข้าก็ยินดีถ้าจะได้เอ็งไปเป็นสะใภ้" ผู้บุกรุกยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข
"ปล่อยนะ ช่วยด้วย ป้านิ่ม ช่วยฉันด้วย" จันทร์หอมเห็นท่าไม่ดีรีบตะโกนร้องขอให้เพื่อนข้างบ้านช่วยเหลือ
โชติช่วงไม่คิดว่าเรื่องจะยุ่งยากเช่นนี้ จึงรีบเอามือปิดปากจันทร์หอมและสั่งให้ลูกน้องเอาว่าที่เมียขึ้นไปรออยู่บนห้องนอน ก่อนที่ตัวเองจะตามขึ้นไปทันที
"ปล่อยนะ" หญิงสาวทั้งดิ้นทั้งขัดขืน เสียงข้าวของที่ล้มระเนระนาดดังไปตลอดทางที่จันทร์หอมถูกนำตัวขึ้นไปข้างบน
"ฤทธิ์เยอะนักนะ มึง" โชติช่วงคำรามด้วยความโมโห เมื่อจันทร์หอมขัดขืนการเข้าหาของตน
โชติช่วงไม่คิดว่าจันทร์หอมจะฤทธิ์มากเช่นนี้ เขาเฝ้ารอเวลานี้มานานแสนนาน เวลาที่จะได้ครอบครองผู้หญิงที่หมายปองโดยปราศจากคนขัดขวาง สู้อุตส่าห์อดทนตั้งแต่รู้ข่าวเรื่องอาการป่วยที่ทรุดหนักของพรานสิงห์
จนวันที่ชายวัยกลางคนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เฝ้ารอเวลาให้หญิงสาวทำใจกับการสูญเสียครั้งนี้และตายใจว่าตนจะไม่มาวุ่นวายอีก เมื่อสบโอกาสที่เหมาะสมด้วยการสืบจนแน่ใจว่า หลังไร้เงาบิดาผู้จากไปสาวน้อยในดวงใจใช้ชีวิตเยี่ยงไร
เขาให้คนเฝ้าสังเกตการเข้าออก ช่วงเวลาไหนที่จะเหมาะสมกับการเข้าหอโดยไร้ผู้คนมาวุ่นวาย ตัดสินใจลงมือในวันที่กำนันผู้เป็นบิดาไม่อยู่ เพื่อที่ว่าทุกอย่างจะง่ายดายขึ้น แต่ไม่คิดว่าลูกสาวพรานสิงห์จะไหวตัวทัน และขัดขืนต่อการแสดงความรักของโชติช่วง
"ออกไปเดี๋ยวนี้นะ" จันทร์หอมตวาดไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ได้ แม้อยู่ในห้องนอนเพียงลำพังเวลานี้
"อย่าเล่นตัวน่า เอ็งก็รู้ข้าคิดอะไรรอเวลานี้มานานแค่ไหน ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ทอดทิ้ง จะรักยกย่องเอ็งเป็นเมียคนเดียวตลอดไป" ชายหนุ่มหว่านล้อม
"ออกไปเดี๋ยวนี้ แล้วไม่ต้องมายุ่งกับฉัน" เจ้าของบ้านคนสวยตวาดไล่
"พูดเพราะๆ ได้ไหม จะเป็นผัวเมียกันอยู่แล้ว ต้องพูดเพราะๆ ซิ เรียกใหม่ซิ พี่โชติขา"
"ไปให้พ้นนะ"
นาฬิกาที่หัวเตียงนอนลอยละล่องเกือบจะถูกหัวของคนที่พูด โชติช่วงเริ่มอารมณ์เสียและไม่อดทนรออีกต่อไปแล้ว
"ฤทธิ์มากนักนะ นังจันทร์"
โชติช่วงตรงเข้าไปกระชากตัวจันทร์หอมจากมุมห้อง แล้วเหวี่ยงลงไปที่ที่นอนอย่างไม่ไยดี ก่อนจะรีบถาโถมลงไปทาบทับหมายจะรังแกคนที่ไม่มีทางสู้ สาวน้อยสู้ยิบตาปกป้องรักษาศักดิ์ศรีตนเองด้วยชีวิต
"อย่านะ"
ก่อนที่โชติช่วงจะทำตามอำเภอใจได้ดั่งที่คิด ป้านิ่มกับเพื่อนบ้านที่เอะใจเพราะได้ยินเสียงโครมครามจากบ้านของจันทร์หอมก็เข้ามาช่วยไว้ได้ทันพอดี
ลูกชายกำนันถูกทั้งมือทั้งเท้าของคนที่เกลียดการกระทำที่ไร้สำนึกประเคนใส่ร่างไม่ยั้ง กว่าคนใจร้ายจะรอดพ้นจากการรุมประชาทัณฑ์ได้ก็สะบักสะบอมพอสมควร
ในขณะที่จันทร์หอมแม้จะปลอดภัยจากเหตุการณ์ร้ายครั้งนี้ แต่มันก็ทำให้เธอคิดถึงคำสั่งเสียของพ่อครั้งสุดท้าย
"ไปหาท่าน ท่านจะปกป้องคุ้มครองเอ็งแทนพ่อตลอดชีวิต"
บ้านบูรณสิทธ์
"ที่นี่ไม่มีคนชื่อนี้"
เสียงปิดประตูดังปังต่อหน้าทำให้คนที่ยืนอยู่นอกรั้วถึงกับสะดุ้ง แม้จะรู้สึกไม่พอใจกับท่าทีไม่เป็นมิตรของคนที่เพิ่งเดินจากไปหมาดๆ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากพาความผิดหวังกลับไปพร้อมกับนึกถึงผู้ล่วงลับที่จากไปแล้วว่า
"จันทร์ทำตามที่พ่อบอกแล้วนะ แต่ว่ามันไม่เป็นอย่างที่พ่อคิด"
ร่างเล็กหันหลังจะเดินกลับแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อรถยนต์คันหรูมาจอดนิ่งอยู่ที่หน้าประตูรั้ว พร้อมกับใครบางคนที่ลดกระจกลงแล้วถามด้วยความอารีมีเมตตาว่า
"มาทำอะไรที่นี่ หนู" หญิงชราหน้าตาใจดีส่งเสียงทักทายอย่างเป็นมิตร
"หนูมาตามหาคนค่ะ คุณป้า แต่ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว" จันทร์หอมพูดหน้าเศร้า
"มาตามหาใคร แล้วคนที่หนูตามหาบอกหรือว่าอยู่ที่นี่" นางย้อนถามกลับด้วยความสงสัย
สาวน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ชวนให้สงสัยว่ามาทำอะไรที่นี่ เป็นเหตุให้นางต้องสั่งให้คนรถหยุดแล้วลดกระจกลงมาถามไถ่ด้วยตนเอง
แต่พอได้ฟังว่ามาหาคนและเจาะจงว่าเป็นที่นี่ก็ทำให้ประมุขของบ้านบูรณสิทธิ์ชักหวั่นใจว่า คนที่แม่สาวน้อยหน้าแฉล้มมาตามหาคงไม่ใช่เจ้าตัวดี ที่ขยันเป็นข่าวเรื่องผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าในแต่ละวันหรอกนะ
"หนูมาหาท่านตรัยค่ะ ตรัย บูรณสิทธิ์" จันทร์หอมเอ่ยชื่อบุคคลที่ต้องการพบให้หญิงชราคนเดิมทราบ
"มาหาพ่อตรัยหรือนี่ หนูมีเรื่องอะไรถึงต้องมาหาหรือว่าหนู..."
"หนูเป็นลูกสาวพรานสิงห์ คนที่ท่านตรัยรู้จักเป็นอย่างดีค่ะ" สาวน้อยอ้างชื่อบิดาที่เพิ่งจากไป
"ลูกสาวพรานสิงห์อย่างนั้นเหรอ" นางทวนชื่อที่คุ้นหูอีกครั้ง
พรานสิงห์ พรานคนดังแห่งเมืองนครสวรรค์ คนที่ช่วยชีวิตบุคคลสำคัญของครอบครัวไว้เมื่อยี่สิบปีก่อน
"เข้าบ้านก่อน ตามฉันมาแล้วค่อยบอกว่าพรานสิงห์ให้หนูมาหาคนทำไม" นางสั่งให้คนรถเปิดประตูพร้อมกับสั่งให้จันทร์หอมเดินตามเข้าไปในบ้านด้วย
จันทร์หอมไม่รู้หรอกว่าคนที่อนุญาตให้เข้าบ้านบูรณ์สิทธิ์คือใคร และจะรู้จักพ่อของเธอหรือไม่ ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าบ้านบูรณสิทธิ์นั้น จันทร์หอมจะรู้หรือไม่ว่าชีวิตของเธอนับจากนี้จะเปลี่ยนไปในทิศทางใด
