บทที่ 1
นครสวรรค์
"จันทร์ นังจันทร์รีบไปดูพ่อเอ็งที่บ้านเร็ว พรานสิงห์แย่แล้ว"
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังลั่นทำให้จันทร์หอม สาวน้อยร่างสมส่วนวัยยี่สิบปี ต้องรีบเงยหน้าขึ้นมามองต้นเสียงด้วยสีหน้าตกใจ
"อะไรจ้ะ ป้า"
จันทร์หอมย้อนถามด้วยความรวดเร็ว ใจคอไม่ค่อยดีเมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วม ที่มีชื่อว่าป้านุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในร้านกาแฟของตนอย่างรีบร้อน
"พรานสิงห์แย่แล้ว เอ็งรีบไปดูพ่อเอ็งเร็วเข้า ข้าให้คนไปตามหมอที่อนามัยแล้ว"
"พ่อเป็นอะไรจ้ะ เมื่อเช้าก็ยังดีๆ อยู่เลยนี่นา" สาวน้อยตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
บิดาของเธอป่วยกระเสาะกระแสมานาน อาการมีแต่ทรงกับทรุดไร้ทีท่าว่าจะดีขึ้น ที่ตกใจก็คือเมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านมาเปิดร้านขายของ พรานสิงห์ยังไม่มีอาการใดๆ ให้น่าเป็นห่วง แต่ตอนนี้หญิงข้างบ้านที่จันทร์หอมไว้วางใจ ให้ดูแลเรื่องอาหารกลางวันของบิดากลับมา
บอกข่าวร้ายที่น่าตกใจเช่นนี้
"ข้าเอาข้าวไปให้เหมือนทุกวัน แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็เห็นพรานสิงห์ลงมานอนที่พื้นห้อง หายใจรวยรินเต็มแก่เรียกหาแต่เอ็งอย่างเดียวเท่านั้น ข้าก็เลยรีบร้องตะโกนให้คนมาช่วยแล้วรีบมาบอกเอ็ง"
"ฉันจะไปดูพ่อเดี๋ยวนี้"
จันทร์หอมทิ้งทุกสิ่งแล้วรีบกลับไปที่บ้าน โดยมีป้านุ่มซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ตามไปด้วยอีกคน หญิงสาวภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อำนาจแห่งบุญใดในโลก ได้โปรดช่วยพ่อของเธอให้ปลอดภัยด้วยเถิด
"พ่อ"
จันทร์หอมถลาไปหาบิดาที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง โดยมีเพื่อนบ้านใจดีที่ยืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ทุกคนกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาเมื่อเห็นสองพ่อลูกกุมมือกันแน่น
"พ่อไม่เป็นอะไรนะ เดี๋ยวจันทร์จะพาพ่อไปหาหมอในเมือง พ่ออดทนนะ ไปด้วยกันจันทร์จะพาพ่อไปเอง" หญิงสาวพยายามจะช้อนร่างของชายวัยกลางคนขึ้น แต่พรานสิงห์ส่ายหน้าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า
"นังหนู สัญญาได้ไหมว่าเอ็งจะทำตามที่พ่อขอร้อง"
"พ่อ พ่ออย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะ ไปหาหมอกับจันทร์ดีกว่า"
จันทร์หอมหลั่งน้ำตาอย่างห้ามไม่ได้ ลางสังหรณ์ในใจบอกให้รู้ว่าบิดากำลังต่อสู้กับมัจจุราชที่จะพรากเราสองคนให้จากกันชั่วนิรันดรเวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิดนี้เปรียบเสมือนเวลาแห่งการอำลาครั้งสุดท้ายต่างหาก
"นังหนู รับปากพ่อ เอ็งจะไปกรุงเทพฯ ไปหาท่าน"
พรานสิงห์เค้นคำพูดแต่ละคำอย่างยากลำบาก มือสั่นเทาเอื้อมหยิบซองจดหมายสีขาวที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีจากข้างตัวส่งให้บุตรสาว
"อย่าอยู่ที่นี่มันอันตราย ไม่มีพ่อคอยปกป้องเอ็งอีกต่อไปแล้ว ไปซะ ไปหาท่าน ท่านจะดูแลเอ็งแทนพ่อ"
ชายวัยกลางคนส่งเสียงไอออกมาอย่างรุนแรง ลิ่มเลือดสดๆ ทะลักออกมาจากริมฝีปากที่ซีดขาว จันทร์หอมสะอื้นร่ำไห้จนตัวโยนกอดบิดาไว้แน่น
"พ่อ พ่ออย่าทิ้งจันทร์ พ่อจ๋า" จันทร์หอมผวากอดบิดาร่ำไห้สะอึกสะอื้น
เวลาของพรานสิงห์เหลือน้อยเต็มที่ มือที่เคยโอบอุ้มลูกรักมาแต่อ้อนแต่ออกวางประทับลงที่กลางศีรษะอีกครั้งอย่างอ่อนโยน วินาทีสุดท้ายของชีวิตจะดับวูบลง พร้อมกับมือที่เคยอุ้มชูเลี้ยงดูมาจะร่วงหล่นลงข้างตัว เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าบิดาอันเป็นที่รักได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ
"พ่อ"
เสียงร่ำไห้ระงมอยู่รอบตัว หัวใจจันทร์หอมแหลกสลายลงทันที หมดแล้วหมดที่ยึดเหนี่ยวในหัวใจ ที่พึ่งหนึ่งเดียวของชีวิต พ่อผู้เป็นที่รักสุดดวงใจ
สามเดือนผ่านไป
ความโศกเศร้าต่อการสูญเสียบิดาอันเป็นที่รักไม่ได้จางหายไปตามกาลเวลา แต่จันทร์หอมก็ต้องเข้มแข็งเพื่อที่จะดำเนินชีวิตต่อไปในวันที่ไม่มีพ่อ
หลังจากที่พรานสิงห์จากโลกนี้ไปแล้วและจัดการงานศพเรียบร้อย หญิงสาวก็คิดทบทวนดีแล้วว่าคำสั่งเสียสุดท้ายที่ถูกขอร้องคงไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีพ่อคอยปกป้องดูแลและต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังก็ตามที แต่จันทร์หอมก็ไม่คิดจะบากหน้าไปหาบุคคลที่พรานสิงห์ฝากฝังให้ช่วยดูแล
"ปิดบ้านให้ดีล่ะ นังจันทร์ ช่วงนี้ข้าเห็นคนของไอ้ช่วงมาป้วนเปี้ยนแถวนี้บ่อย ถ้ามีอะไรตะโกนเรียกกันได้นะ" ป้านิ่มยังคงเป็นห่วงเป็นใยจันทร์หอมเหมือนเดิม
"จ้ะป้า คงไม่มีอะไรหรอก ไอ้ช่วงมันคงไม่มายุ่งกับฉันแล้ว ได้ข่าวว่ามันเพิ่งได้เมียเป็นผู้หญิงหมู่บ้านถัดไปนี่ไม่ใช่เหรอ" หญิงสาวพูดตามที่ได้ยินมา
ไอ้ช่วง หรือโชติช่วงลูกชายกำนันคนดังที่เป็นที่ยำเกรงของคนแถวนี้ แต่ไม่ใช่กับสองพ่อลูกคู่นี้เพราะกำนันคนดังกล่าวให้ความเกรงใจพรานสิงห์ในฐานะรุ่นพี่ที่มีครูบาอาจารย์เดียวกัน
ดังนั้นไม่ว่าบุตรชายของตนจะถูกพรานสิงห์จัดการเพราะมา เกี้ยวพาราสีจันทร์หอมอย่างไรก็ไม่เป็นปัญหา ซ้ำยังเป็นคนออกปากสั่งลูกชายเองว่า ห้ามยุ่งกับจันทร์หอมอีกเด็ดขาด
ในช่วงที่บิดายังมีชีวิตโชติช่วงจึงทำได้แค่แวะเวียนมาหาคอยจังหวะที่จะเข้าใกล้ ซึ่งแน่นอนว่าจันทร์หอมไม่เปิดโอกาสซ้ำยังตะเพิดให้ไปไกลๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้นพรานสิงห์ก็ไม่ได้วางใจว่าลูกชายกำนันจอมเกเรคนนี้จะยังไม่เลิกล้มความตั้งใจที่จะมาวอแวบุตรสาว
ยิ่งได้ข่าวว่าโชติช่วงทำตัวเป็นนักเลงและเสียหายเรื่องผู้หญิงหลายต่อหลายหน ก็ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังและคิดเสมอว่าหากว่าวันหนึ่งไม่มีตนแล้วบุตรสาวสุดที่รักจะอยู่อย่างไรให้ปลอดภัยจากคนพาล
จันทร์หอมปิดบ้านเรียบร้อยเหมือนเช่นทุกวัน และเตรียมตัวที่จะอาบน้ำเข้านอนตามปกติ แต่เมื่อล้มตัวลงนอนเธอก็ได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูบ้าน
