ตอนที่ 8 ทดสอบพลัง
หลินซินเหยียนรอจนเด็กหนุ่มลุกออกจากตัวนาง นางถึงได้ยืนขึ้นพลางปัดฝุ่นตามตัวออก แล้วมองขึ้นไปทางหน้าต่างที่มีเหล่าบุรุษเหล่านั้นยืนอยู่ พลันก็สบเข้ากับดวงตาดอกท้อของชายหนุ่มในชุดปักลายหรูหรา ทันใดนั้น
ชายหนุ่มผู้นั้นก็เบนสายตาหันมามองหลินซินเหยียนที่ยืนอยู่ข้างเด็กหนุ่มรูปงามผู้นั้น
"องค์ชาย”
เด็กหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้างชายหนุ่มในชุดหรูหราบนหน้าต่างเมื่อเห็นว่าหญิงสาวด้านล่างสามหาวกล้าใช้สายตาเช่นนั้นมององค์ชายแห่งตระกูลของตนเองก็เอ่ยขึ้น
พลางในใจก็พลันปะทุความโกรธมากยิ่งขึ้น สถานะของท่านอ๋องนั้นสูงส่งหาใดเปรียบ แล้วใยนางถึงกล้ามองอย่างไร้มารยาทเช่นนั้น?
เย่ตงฟางยื่นมือออกไปเพื่อที่จะห้ามหลิงจิ่ง มุมปากของเขายกขึ้นด้วยความสนใจ
"วันนี้ที่เราหลอกให้คนโง่นั่นออกมาที่นี่ เพื่อที่จะทดสอบว่าแท้จริงแล้วเขาโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่? หลายปีมานี้ข้ามิอาจวางใจได้ แต่เมื่อดูสถานการณ์เมื่อครู่นี้ก็แน่ใจแล้วว่าเขาก็แค่คนโง่คนหนึ่งเท่านั้น"
คนโง่พวกนี้ไม่ส่งผลอะไรกับเขาแม้แต่น้อย แต่ถ้าหลายปีที่ผ่านมานี้เขาเกิดแกล้งโง่ขึ้นมาจริง แผนการในใจของเขาคงก่อให้เกิดความพินาศอย่างมากเป็นแน่
ดวงตาดอกท้อค่อยๆ หรี่เล็กลงมุมปากของเย่ตงฟางยิ่งยกยิ้มมากขึ้นไปอีก
"ไปกันเถอะ” เย่ตงฟางพลางมองไปทางเด็กหนุ่มแล้วหุบพัดลงจากนั้นจึงหันหลังกลับหายไปทางหน้าต่าง
"พี่สาวท่านไม่รังเกียจข้าหรือ?" เด็กหนุ่มที่ลุกขึ้นมาจากตัวหลินซินเหยียนได้เอ่ยขึ้น เขาว่าพลางกัดริมฝีปากแววตาใสซื่อราวกับไม่เคยแปดเปื้อนมองหลินซินเหยียนด้วยแววตาน่าสงสาร
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว "ทำไมข้าถึงต้องรังเกียจเจ้าด้วย?" ได้ยินเช่นนี้เด็กหนุ่มพลันก้มหน้าลงต่ำ เสียงทุ่มต่ำออกมาจากจิตใจที่ว้าวุ่นของเขา
"เพราะว่าข้าเป็นเพียงแค่คนโง่ ขนาดเหล่าสาวใช้ของข้ายังล้วนรังเกียจข้า"
หลินซินเหยียนมองร่างบางของเด็กหนุ่มแวบหนึ่งจากนั้นนางก็พูดขึ้นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่า
“นั่นมันพวกนาง แต่สำหรับข้าแล้ว มนุษย์ทุกคนล้วนไม่แตกต่าง”
แววตาของเด็กหนุ่มปรากฏหยาดน้ำสีใสคลอขึ้นมาอีกครั้ง สายตาของเขามองทะลุหยาดน้ำเหล่านั้นไปยังดวงหน้างดงามแต่ปรากฏความเย็นชาของหลินซินเหยียน "พี่สาวจิตใจของท่านช่างงดงามเสียจริง"
จิตใจงดงามอย่างนั้นหรือ? นี่เป็นครั้งแรกที่หลินซินเหยียนได้ยินคำพูดเช่นนี้ แต่ก็นั่นแหละ
นางในโลกก่อน จะเรียกว่าเป็นคนไร้ความรู้สึกก็ได้ไม่ผิดนักนางไม่ใช่คนจิตใจดีอะไรเลยวันๆนางร่ำเรียนทำงานไม่พูดไม่คุยกับใครแม้แต่ไม่สนใจไม่สนิทสนมใดๆกับใครเลยก็ว่าได้
วันนี้เจ้าเด็กนั่นไม่เพียงแม้แต่เหมือนน้องชายของนางในโลกก่อน กลับยังมาพูดจาไร้สาระเช่นนี้อีก
ริมฝีปากเล็กๆของหลินซินเหยียน เอ่ยวาจาเย็นเยียบออกมาว่า "ดูท่าทางแล้วเจ้าคงอายุมากกว่าข้า เพราะฉะนั้นต่อไปนี้อย่าเรียกข้าว่าพี่สาวอีก"
"แต่ว่า..."
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น"
สายตาของหลินซินเหยียนจ้องมองเขาด้วยความไม่เกรงกลัว พูดขึ้นอย่างหยาบกระด้าง
เด็กหนุ่มสะดุ้งราวกับตกใจกลัวเสียเต็มประดา แววตาปรากฏร่องรอยของความน่าสงสาร ลอบมองใบหน้าของหลินซินเหยียนที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนักอย่างระมัดระวัง
อย่างไรก็ตามแต่ ใบหน้าน่าสงสารของเด็กหนุ่มนั่นทำให้ใจของหลินซินเหยียนอ่อนยวบลงอย่างห้ามไม่ได้ นางจึงพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า
"ขออภัยด้วย ข้าไม่ควรที่จะตะคอกใส่เจ้าเสียงดังเช่นนี้ แต่ว่าเราเพิ่งบังเอิญพบกัน ข้าดวงไม่ดีเองที่กลายเป็นแพะรับบาปของเจ้า
เอาเป็นว่าคราวหลังจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ อีก พวกเราแยกกันเสียตรงนี้เถอะ"
เมื่อพูดจบ
นางก็อุ้มเหยียนจิ้นที่มองเหตุการณ์อยู่ข้างๆ ขึ้นมาเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง
ด้วยเหตุนั้นนางจึงไม่เห็นสายตาของเด็กหนุ่มรูปงามคนนั้นที่มองมายังนาง สายตาที่เดิมดูใสซื่อบริสุทธิ์ชวนให้คนหลงเชื่อกลับกลายเป็นสายตาที่มองนางอย่างที่อยากจะวิเคราะห์อะไรบางอย่าง
"เจ้าเด็กนั่นไม่ธรรมดา"
เหยียนจิ้นที่ถูกหลินซินเหยียนประคองไว้ในฝ่ามือหรี่ดวงตาดำขลับที่แฝงความดุดันคู่นั้นเล็กลง สายตาดุร้ายที่ดูรุนแรงจับมองไปที่เด็กหนุ่มรู ปงามด้านหลังอย่างระแวดระวัง
ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นจะถอนสายตาแฝงความนัยนั้นไปแล้ว แต่ทว่า...
เขาเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่ใสซื่อบริสุทธิ์จริงๆอย่างนั้นหรือ?
อยู่ๆ เหยียนจิ้นก็หัวเราะขึ้นมา ไม่ว่าจะใสซื่อจริงหรือไม่ แล้วเกี่ยวอะไรกับเขาเล่า?
"นี่ๆ พวกเจ้ารู้หรือเปล่าข้าได้ยินเขาว่ากันว่าที่สำนักเมฆเขียวกำลังมีการจัดงานทดสอบพรสวรรค์กันอยู่ ท่านจอมยุทธ์ที่เคยช่วยเมืองลั่วเฉิงไว้ได้จัดงานประลองเพื่อวัดพรสวรรค์ครั้งนี้ขึ้น หลายปีจะจัดงานนี้ขึ้นสักครั้งหนึ่งเลยนะ พวกเรารีบไปดูกันเถอ
งานทดสอบพลัง?
หลินซินเหยียนสายตาชะงักค้างกวาดมองรอบๆ ด้วยความตื่นเต้นดีใจ
จากความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ของร่างเดิมนางก็รู้ได้ว่า ทุกๆ สามปีสำนักเมฆเขียวจะมาจัดงานทดสอบพลังที่เมืองลั่วเฉิงหนึ่งครั้ง
เพื่อทดสอบพรสวรรค์ของคนที่ยังไม่เริ่มฝึกวิ ทยายุทธ์ให้ได้มีโอกาสเข้าร่วมรับการทดสอบ พรสวรรค์ของคนหนึ่งคน
จะเป็นสิ่งที่ชี้ชะตาความสำเร็จในชีวิตภายภา คหน้า
แต่ว่าวิธีนี้ของสำนักเมฆเขียว ก็ถือเป็นการคัดเลือกบุคคลภายนอกที่มีความสามารถโดดเด่นเข้าสู่สำนักด้วยเช่นเดียวกัน เดิมที่อดีตคู่หมั้นของนางหรือองค์รัชทายาทเย่เฉินตง ก็เป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นเคยถูกสำนักเมฆเขียวดึงตัวไปเช่นเดียวกัน
หลินซินเหยียนเอ่ยขึ้นเบาๆ “ตอนนี้ข้าไม่รู้ว่าพรสวรรค์ของข้าเป็นเช่นไรถ้าถือโอกาสนี้เจ้าร่วมการทดสอบก็คงจะดีไม่น้อย" หลินซินเหยียนยกมือขึ้นลูบปลายจมูกของตนเองเบาๆแววตาส่องประกายวิบวับขึ้นทันที
" สาวน้อย? เจ้าเป็นอะไรไปรึ? หรือว่าเจ้าอยากเข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ด้วย?"
เหยียนจิ้นที่คาดเดาความคิดของหลินซินเหยียนได้อย่างชัดเจน ก็พลอยตื่นเต้นดีใจไปด้วย
จากนั้นเขาก็เอ่ยต่อ "ถ้าเช่นนั้นก็ลองไปทดสอบดูสักครั้ง ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าผู้ที่เป็นเจ้าของตำราโอสถเล่มนั้นเลือกผู้ครอบครองเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นไรกันแน่"
เมื่อคิดถึงตำราโอสถที่กดเขาให้จมดินเล่มนั้นขึ้นมา เหยียนจิ้นก็โกรธจนขบเคี้ยวฟันตนเอง
"ดี" หลินซินเหยียนพยักหน้ายิ้ม "ข้าก็รู้สึกสนใจการทดสอบครั้งนี้เช่นกัน"
พูดไปพลางเดินตามกลุ่มคนที่ตื่นเต้นดีใจกลุ่มนั้นไป ทางสนามทดสอบที่สำนักเมฆเขียวได้สร้างขึ้นเพื่อการทดสอบในครั้งนี้
แต่ทว่าเมื่อถึงที่หมายหลินซินเหยียนก็พบว่าผู้คนมากมายเหล่านั้นเพียงแค่ มาชมการทดสอบเพียงเท่านั้น เพราะว่าพวกเขาต่างเคยเข้าร่วมการทดสอบมาก่อนหน้านี้แล้ว เช่นนั้นคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นเด็กน้อยที่อายุประมาณสี่ห้าขวบแทบทั้งสิ้น
ดังนั้น นางที่อยู่ท่ามกลางฝูงคนในตอนนี้ราวกับเป็นกาในฝูงหงส์ก็ไม่ปาน
.....
