ตอนที่ 6 ข้อตกลง
นางจำได้ว่าในปีนั้นท่านปู่เล่าว่าเพราะว่าตำราโอสถเล่มนี้ท่านปู่ทวดของทวดจึงได้เปิดสำนักสอนวิชาทางการแพทย์ขึ้นมา
ซึ่งเป็นสำนักวิชาแพทย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ทั่วไปสืบทอดกันต่อๆมาจนยุคปัจจุบัน
นางไม่รู้ว่าเป็นเพราะตำราโอสถเล่มนี้อีกเช่นเดียวกันหรือไม่ที่ทำให้นางต้องประสบพบเจอกับชะตากรรมประสบอุบัติเหตุต้องพลัดพรากจากโลกปัจจุบันของนางมายังที่แห่งนี้
คิดไม่ถึงว่าวิญญาณของนางจะข้ามเวลามาสู่ ดินแดนที่ย้อนยุคถึงหกเจ็ดร้อยปีเช่นแคว้นลั่วเฉินแห่งนี้
"ข้าก็ไม่รู้ว่าที่ท่านปู่ทิ้งของสิ่งนี้ไว้เพื่อไม่ยอมนำไปบริจาคนั้นประโยชน์อันใด
ถึงแม้จะเป็นตำราโอสถที่มีประโยชน์มาก แต่ในเมื่อข้าก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้วดังนั้นเมื่อมาอยู่ที่นี่ก็คงจะเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้นเองกระมัง"
รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง สำนวนนี้หลินซินเหยียนเข้าใจดี แต่ทว่าในตอนนั้นเองตำราโอสถกลับเปล่งแสงเป็นประกายออกมาเพียงไม่นานนักลำแสงก็พุ่งเข้าสู่สมองของหลินซินเหยียน "นี่..นี่มันอะไรกัน?"
อึก!
ตอนนั้นเอง
หลินซินเหยียนรู้สึกปวดหัวราวกับว่าศีรษะของนางกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ นางค่อยๆ ยกมือขึ้นเพื่อจับศีรษะใบหน้าซีดเผือดเหงื่อผุดขึ้นมาตามไรผมของนาง
ผ่านไปครู่ใหญ่ ความเจ็บปวดที่บริเวณศีรษะค่อยๆจางหายไปแล้ว แต่เวลานั้นหลินซินเหยียนก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนาง
"เมื่อครู่คือ..." นางมองไปที่ตำราโอสถเล่มนั้นด้วยความแปลกใจ คิ้วสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แต่ไม่ทันไรสายลมระลอกหนึ่งก็พัดเข้ามาจากทางหน้าต่าง พัดหน้ากระดาษหนังสือให้เปิดขึ้นทันที
"ฮ่าฮ่า เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดข้าก็ได้ออกมาเสียที หืม? กลิ่นนี้มัน นี่ข้าได้กลับมายังดินแดนลั่วเฉินแล้วหรือ?"
เสียงหัวเราะเกรี้ยวกราดดังกังวาลก้องไปทั่วทั้งผืนฟ้าหลังจากนั้นหลินเว่ยซินก็ได้พบเงาดำปรากฏขึ้นต่อหน้าของนาง
ร่างสง่างามสมบูรณ์แบบปรากฏขึ้นสู่สายตาพร้อมกับรอยยิ้มอันน่าเกรงขาม คิ้วของเขายกขึ้นเผยพลังที่เก็บซ่อนอยู่อย่างไม่ปิดบัง
ท่าทางของเขาเหมือนกับเทพสูงส่งที่กำลังปรายตามองมนุษย์ด้วยความเหยียดหยาม
"สาวน้อย เป็นเจ้าหรือที่ปลดปล่อยข้าออกมา?" ชายหนุ่มยกคิ้วขึ้นถาม มองไปทางหลินซินเหยียนด้วยท่าทีที่เหมือนจะยิ้มก็ไม่เชิงแล้วพูดต่อ "เห็นแก่ที่เจ้าเป็นคนปล่อยข้าออกมา ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า เจ้าไปเสียเถอะ"
ชายหนุ่มยกมือขึ้นปัดไปมาทำให้ชายแขนเสื้อสีขาวไข่มุกของเขาสะบัดไหวเล็กน้อย แต่ตอนนั้นเองสีหน้าของเขาก็กลับเปลี่ยนไป แผ่กลิ่นไอของความโหดเหี้ยมให้กระจายไปทั่วบริเวณ
"ใคร? ใครกันที่กักขังข้าด้วยพันธสัญญานั่น! และยังเป็นสัญญาทาสของคนชั่วนั่นอีก เป็นใครกันที่ทำเรื่องเช่นนี้"
พันธสัญญานายทาส เป็นพันธสัญญาที่ทำให้เขาไม่สามารถแม้แต่จะขัดขืนได้ มิเช่นนั้นจะถูกส่งลงไปยังแดนนรก ไม่มีวันที่จะได้ผุดได้เกิดอีกเลย
ดวงตาก้าวร้าวค่อยๆ หรี่เล็กลงมองไปยังหลินซินเหยียนความโกรธเคืองฉายชัดในดวงตาของชายหนุ่มผู้นั้น
"หรือว่าคือเจ้าที่เป็นคนกักขังข้าด้วยพันธสัญ ญานั่น? ไม่สิ!
ดูจากท่าทางของเจ้าแล้วไม่สามารถทำเช่นนั้นได้หรอก หรือว่า..."
สายตาจดจ้องไปที่ตำราโอสถที่อยู่ในมือของหลินซินเหยียนนิ่งๆ เขาโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ของพรรค์นั้นกักขังเขาไว้นานนับพันนับหมื่นปีแล้วยังไม่พออีกหรือ?
ยังช่วยให้เด็กสาวทำพันธสัญญากับเขาอีก
อิสระที่ได้มามันไม่ง่ายเลย แต่ชีวิตที่ได้คืนมากลับต้องมาถูกตำราบ้าๆนั่นทำลายลงอีกครั้ง!
รอพลังของเขากลับฟื้นคืนมาเสียก่อนเถอะ สาบานว่าสิ่งแรกที่จะทำคือเผาตำราบ้านี่เสีย!
หลังจากมองดูชายหนุ่มพูดไม่หยุดอยู่นาน หลินซินเหยียนจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ท่านเป็นใคร?" สายตาของหลินซินเหยียนค่อนข้างที่จะเย็นชา ใบหน้าเรียบเฉยมองไปยังชายหนุ่มรูปงามที่มีท่าทีเกรี้ยวกราด แต่ถ้าอยู่ๆ ก็มาปรากฏตัวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้
นางก็สรุปได้เพียงสองอย่างคือ
หนึ่ง การที่วิญญาณของนางมายังโลกนี้ได้ ต้องเกี่ยวข้องกับตำราโอสถนั่นอย่างแน่นอน
สอง
ตำราโอสถเดิมทีแล้วเป็นของดินแดนลั่วเฉินแต่เหตุใดถึงมาอยู่กับบรรพบุรุษของนางได้หรือว่า บรรพบุรุษของนางก็มาจากดินแดนแห่งนี้
แต่ไม่ว่าเช่นไร เมื่อมาที่นี่แล้ว นางก็ต้องมีชีวิตอยู่รอดต่อไป ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องแข็งแกร่ง ดินแดนแห่งนี้มีสิ่งหนึ่งที่นางคิดว่าเหมือนกันกับชีวิตในยุคปัจจุบันของนางคือ
คนแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด!
เพิ่มเติมขึ้นมาคือนางจะต้องมีพละกำลังที่แกร่งกล้าเท่านั้น นางถึงจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ นางต้องอยู่รอดเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกของนาง
ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มปรากฎแววเศร้าหมอง
ไม่ว่าจะใครก็ตามที่เพิ่งจะได้รับอิสรภาพแล้ว กลับต้องถูกกักขังอีกครั้งคงมีสีหน้าไม่ได้ดีไป กว่าเขานักหรอก ผ่านไปครู่หนึ่งชายหนุ่มรูปงามก็เอ่ยขึ้นว่า
"เหยียนจิ้น คือชื่อของข้า ถ้าเป็นเมื่อหมื่นปีก่อนหน้านี้ไม่ว่าใครที่ได้ยิน ชื่อของข้าก็ต้องหวาดกลัวจนตัวสั่นกันเสียหมด น่าเสียดายที่ตอนนั้นข้าถูกกับดักที่มนุษย์สร้างขึ้น จึงต้องถูกขังอยู่ในตำรานี่ ตั้งแต่ตอนนั้นนี่ก็ผ่านมาหมื่นกว่าปีแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่จำชื่อของข้าได้"
"คนที่กักขังท่านเป็นใครกัน?" หลินซินเหยียนเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
"ข้าจะรู้ได้อย่างไร? ถ้าข้ารู้ว่าใครเป็นคนทำ ข้าจะทำให้มันรู้สึกเสียใจไปจนตายอย่างแน่น อน!" เหยียนจิ้นกัดฟันอย่างแค้นเคือง
"เสียดาย....หมื่นปีที่ผ่านมาทำให้พลังของข้าถดถอยลงกว่าครึ่ง
แม้แต่พละกำลังที่หลงเหลืออยู่ก็ไม่สมดุลนัก ถึงแม้เจ้าจะมีตำราโอสถอยู่ในมือ ก็อย่าแม้แต่จะคิดที่จะกักขังข้าอีก"
เพียงแค่คิดว่าเขาต้องอยู่ภายใต้เงื้อมมือของมนุษย์อีกครั้ง สีหน้าของเหยียนจิ้นก็ดูแย่ยิ่งนัก
หลินซินเหยียนถอนหายใจออกมา นางมองดูใบหน้าที่ย่ำแย่ของชายหนุ่มผู้นั้นแล้วนางจึงพูดขึ้น
"ถึงแม้ก่อนหน้านี้ข้าจะไม่เคยคิดที่จะปลดปล่อยเจ้าแต่ตอนนี้ถ้าเจ้าอยากจะไปเจ้าก็ไปเสียเถอะ"
หลินซินเหยียนกล่าวพลางก้าวขาลงมาจากเตียง นางเดินไปที่โต๊ะน้ำชา เทน้ำชาลงในถ้วยนางทำคล้ายกับว่าสนใจแต่ในน้ำชาที่อยู่ในมือเท่านั้น
ไม่แม้แต่จะมองไปที่ชายผู้นั้นเลยสักนิด สายตาของเหยียนจิ้นมองไปที่สาวน้อยด้วยความระแวดระวังอย่างไม่ใคร่จะเข้าใจมากนัก
เขาก้าวยาวๆ ไปด้านหน้าของหลินซินเหยียนแล้วลดตัวนั่งลง มุมปากหยักขึ้นเล็กน้อยพลางพูดว่า "แต่ตอนนี้ข้าไม่อยากไปแล้ว"
ตอนนี้พลังของเขาไม่ค่อยคงที่นัก ถ้าได้อยู่ข้างกายเด็กสาวคนนี้พละกำลังของเขาน่าจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้น รอเมื่อกำลังของเขาฟื้นตัวเต็มที่ พันธสัญญาทาสนั่นก็คงทำอะไรเขาไม่ได้อีกต่ อไป
"ถ้าหากว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ เจ้าต้องรับปากข้ามาสองเรื่อง" หลินซินเหยียนจิบชารสขมปร่าด้วยท่าทีสง่างาม คิ้วโก่งขมวดเล็กน้อย
ชายหนุ่มนิ่งฟังข้อเรียกร้องของนาง โดยไม่เอ่ยคำใดออกมา หลินเว่ยซินเอ่ยขึ้นมาน้ำเสียงราบเรียบว่า
"ข้อแรกข้าไม่สนว่าก่อนหน้านี้ท่านจะเป็นใคร มีอำนาจบาตรใหญ่เพียงใด แต่ตอนนี้เมื่ออยู่ข้างกายข้า ท่านต้องไม่วางอำนาจเช่นนั้นอีก..."
เงียบ...
"ข้อสอง ต้องเชื่อฟังข้าอย่างไม่มีข้อแม้ ถ้าท่านทำไม่ได้ก็ไปเสียเถอะ ข้าไม่ชอบคนที่ขัดคำสั่ง และก็ไม่อยากได้คนที่ชอบแทงข้างหลังด้วย"
แค่เห็นคนในครอบครัวของเจ้าของร่างนี้รุมแทงข้างหลังนาง นางก็เกลียดแทบกระอักเลือดตายอยู่แล้ว ดังนั้นหากไม่คิดจริงใจตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกันเสียดีกว่า
