บท
ตั้งค่า

ตอนที่7 ความจริงที่ซุกซ่อน ตัวตนที่ซ่อนเร้น

ทิศบูรพาแห่งพระราชวังต้าหมิง ลึกเข้าไปภายในตำหนักหมิงเสียงกงของรัชทายาทหมิงเฉิง

หน้าประตูบานใหญ่ของห้องชั้นนอก มีขันทีประจำตำหนักยืนรอรับใช้พร้อมนางกำนัลติดตามขนาบข้างซ้ายขวา

ทุกคนอยู่ในกิริยายืนนิ่งก้มหน้าคล้ายหุ่นไม้ ถัดออกไปไม่ไกลมีทหารยามยืนนิ่งประหนึ่งศิลาเรียงราย

ท่ามกลางความมืดสลัวที่เงียบสงบ ปลายเท้าแผ่วเบาแต่มั่นคงเดินเรียบเรื่อยมาตามทางเดินที่ปูด้วยแผ่นหินสีดำ

เจ้าของปลายเท้าเป็นร่างสูงสง่าในอาภรณ์ราชองครักษ์

เขาพาใบหน้าหล่อเหลาเยื้องย่างมาที่หน้าห้องส่วนตัวของรัชทายาทหมิงเฉิง

ชายหนุ่มคือคนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของรัชทายาทต้าหมิงผู้นี้ที่ได้รับสิทธิพิเศษให้เข้าห้องต้องห้ามได้

เจ้าของใบหน้างดงามในอาภรณ์ราชองครักษ์หยุดยืนอยู่หน้าประตูด้วยท่าทางนิ่งสงบ เพียงครู่ก็เอ่ยปากด้วยเส้นเสียงราบเรียบกับขันทีหน้าห้อง “พวกเจ้าไปพักผ่อนเถิด คืนนี้ข้าจะอยู่รอรับใช้รัชทายาทเอง”

ขันทีและนางกำนัลค้อมศีรษะแล้วพากันเดินไปอย่างเงียบเชียบทันที

คล้อยหลังบ่าวไพร่ ร่างสูงจึงเปิดประตูแล้วปิดลงแผ่วเบาก่อนจะหายลับไปอย่างเงียบงัน

ภายในห้องมืดสลัว เสียงทุ่มต่ำเอ่ยขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด

“พระองค์เป็นถึงรัชทายาท เหตุใดชอบไปร่อนเร่ที่กลางป่าเสียหลายวันพ่ะย่ะค่ะ”

หมิงเฉิงได้ยินเช่นนั้นก็หันหน้าไปมองด้วยแววตาเย็นเยียบ เลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงต่ำ “แล้วเหตุใดองครักษ์เฝ้าวังเช่นเจ้า ต้องยุ่งเรื่องของข้า ไม่ทราบ!”

ผู้ถูกตอกกลับนอกจากไม่สะทกสะท้าน ยังมีรอยยิ้มบางเจือจางฉาบทับใบหน้างามสง่า อย่างรู้เท่าทัน

ทำให้รัชทายาทต้าหมิงมีสีหน้าทมึงทึงทันที

“ทำตามหน้าที่ของตนเองให้ดีก็พอ!” หมิงเฉิงคำรามเสียงลอดไรฟันพลางหมุนกายสูงใหญ่มานั่งลงที่โต๊ะกลมตัวหนึ่งที่อยู่ถัดจากชั้นหนังสือไม่ไกลนัก

ราชองครักษ์ผู้นี้ยังเย้าไม่หยุด “ข้าย่อมทำหน้าที่ของตนเองได้ดีพอ ไม่เคยแอบไปตามหาหญิงใดถึงแดนไกล” เขาไม่มีความเกรงกลัวในแววตาต่ออีกฝ่ายที่ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมน่ายำเกรงทุกขณะ

หมิงเฉิงยังคงท่าทางเรียบเฉย ไร้อารมณ์อันใดออกมาให้เห็นทางสีหน้ามีเพียงแววตาเย็นชาที่ฉาบทับด้วยไอโทสะร้อนกรุ่น

“ข้าไม่ควรเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าฟัง! ให้ตาย!” ชายหนุ่มบดกรามเปล่งเสียงทุ้มห้าวออกมาอย่างเดือดดาล

นอกจากยังคงไว้ซึ่งสีหน้าราบเรียบไม่สะทกสะท้านอันใดทั้งนั้น ราชองครักษ์หนุ่มยังถือวิสาสะ นั่งลงที่โต๊ะตัวเดียวกันกับรัชทายาทหนุ่มแล้วเอ่ยเสียงเบา “เอาน่า! เราสองไม่เคยมีความลับต่อกันมิใช่หรือไร?”

หมิงเฉิงยังคงคำรามเสียงขรึม “ข้าให้เจ้าอยู่เงียบๆ มิใช่ให้มาสนใจเรื่องส่วนตัวของข้า อย่าริทำนอกเรื่อง”

อีกคราที่ผู้ถูกต่อว่ากลับมิได้นำพาอันใด เขาเพียงยกกาน้ำชาขึ้นมารินใส่ถ้วยแล้วยื่นให้อีกฝ่าย ก่อนจะค้อมศีรษะเล็กน้อยพลางเอ่ยปากเสียงเรียบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า

“กระหม่อมย่อมทำตามพระประสงค์แห่งองค์รัชทายาทหมิงเฉิงพ่ะย่ะค่ะ”

หมิงเฉิงแค่นเสียงต่ำเย็นเยียบในลำคอคราหนึ่งอย่างไม่ถือสาก่อนยกชาขึ้นจิบ ทว่าสายตาคมกริบยังจับจ้องที่วงหน้าหล่อเหลาของชายตรงหน้า

ทั้งสองนั่งดื่มชาพลางสนทนาด้วยรูปประโยคที่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่เข้าใจ ถึงความรู้สึกและความสัมพันธ์ลึกลับระหว่างกัน

ด้วยรูปการที่เห็นว่ารัชทายาทหมิงเฉิงมีราชองครักษ์คนสนิทที่ปกป้องเขาด้วยชีวิตนั้น แท้จริงแล้วคือรัชทายาทหมิงเฉิงต่างหากที่เป็นฝ่ายปกป้ององครักษ์ของตนเองเสมอมา

ศึกรบแต่ละครา กลยุทธ์พิชิตเหล่าศัตรูแต่ละครั้ง ล้วนเป็นหมิงเฉิงที่นำทัพขึ้นหน้าอย่างอาจหาญเปี่ยมพลังเต็มไปด้วยความสามารถไร้ขีดจำกัด เขาเป็นนักรบมังกร เป็นพยัคฆ์คำรามราวราชันย์แห่งขุมนรก

ในขณะที่ราชองครักษ์ของเขาผู้นี้ลอบเป็นกุนซือผู้ฉลาดปราดเปรื่องอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ เป็นผู้คุมบังเหียนเดินหมากทางการเมืองที่แท้จริง

ทั้งสองร่วมรับร่วมรุกเส้นทางสายนี้ ชนิดที่เรียกได้ว่า น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ไม่มีเจ้าย่อมไม่มีข้า มาเนิ่นนาน

องครักษ์หนุ่มผู้นี้หรือแท้จริงก็คือ หมิงจิน

หมิงจินคือโอรสลำดับที่สี่แห่งต้าหมิง สายเลือดหนึ่งเดียวของเจียงฮองเฮา

ย้อนกลับไปเมื่อสิบแปดปีก่อน ยามที่หมิงจินถือกำเนิดจากฮองเฮาเจียงเฟิ่ง เด็กน้อยถูกปองร้ายหมายมาดถึงชีวิตในวันแรกคลอด โชคดีที่นางกำนัลอาวุโสที่เป็นแม่นมของหมิงเฉิงแอบล่วงรู้เข้า นางจึงร่วมมือกับหมิงเฉิงลอบตลบหลังสับเปลี่ยนทารกออกมาได้ทันท่วงที

ยามนั้นรอบกายไร้คนที่ไว้ใจได้ ทั้งสองไม่กล้าปริปากบอกผู้ใดทั้งสิ้น แม้แต่ฮองเฮาที่ยามนั้นเสียเลือดมากจนหมดสติเพราะคลอดบุตร และฮ่องเต้ที่ราชกิจรัดตัว

ในเสี้ยวเวลาแห่งความเป็นความตาย หมิงเฉิงแม้ยังเยาว์วัย หากแต่บุญคุณของฮองเฮาที่ช่วยเลี้ยงดูยามไร้มารดา ทำให้เขาไม่อาจขลาดเขลาแม้พริบตาเดียว

เขาจึงอาจหาญเกินวัยมากโข ช่วยชีวิตโอรสน้อยผู้นี้เอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้

ส่วนแผนการของคนร้ายที่เข้าใจว่าโอรสของฮองเฮาสิ้นชีพไป ก็ปล่อยให้พวกมันเข้าใจผิดคิดว่าลุล่วงด้วยดีต่อไป

ทว่าต่อมาข่าวกลับแพร่สะพัดว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะริษยาของหมิงเฉิง ที่ไม่ต้องการให้ฮองเฮามีโอรสที่แท้จริงเป็นของตนเอง จึงคิดกำจัดทารกตัวน้อยอย่างโหดเหี้ยมไร้ปรานี เพื่อที่ว่าเขาจะได้เป็นโอรสหนึ่งเดียวของฮองเฮาสืบไป

ซึ่งเดิมทีหมิงเฉิงก็หาได้ใส่ใจ เพราะมันมิใช่ความจริง หลักฐานความผิดอันใดก็ล้วนไร้ความหมายในสายตาเขา

หากคาดไม่ผิด ก็คงเป็นหนึ่งในแผนการของคนร้ายที่ประสงค์ยิงธนูดอกเดียวได้เหยี่ยวมากกว่าหนึ่งตัวก็เท่านั้น

แต่ทว่าข่าวนั้นกลับทำฮองเฮาที่เสียใจเรื่องการตายของบุตรชายเป็นทุนเดิมยิ่งเพิ่มความเสียใจยิ่งขึ้น ถึงขั้นนอนซมบนแท่นบรรทม และเอาแต่ละเมอว่าไม่เชื่อเด็ดขาด

หมิงเฉิงจึงตัดสินใจบอกความจริงเพียงฮองเฮาแต่โดยดี

เจียงฮองเฮาคือพี่สาวของมารดาที่แท้จริงของหมิงเฉิง ซึ่งเป็นสนมชั้นกุ้ยเฟย สิ้นชีพไปหลังจากให้กำเนิดหมิงเฉิงเพียงไม่นาน สาเหตุล้วนมาจากริษยาของสตรีวังหลังอันถูกความโปรดปรานของฮ่องเต้กระตุ้น

เจียงฮองเฮาไร้บุตรธิดา และหมิงเฉิงคือหลานชายแท้ๆ พระนางจึงรับหมิงเฉิงมาดูแลด้วยองค์เองอย่างดีเสมอมา

กระทั่งพระนางตั้งครรภ์มังกรเป็นของตนเอง ก็ยังคงรักทะนุถนอมหมิงเฉิงไม่เสื่อมคลาย

เมื่อได้ฟังความจริงจากปากของหมิงเฉิง เจียงฮองเฮาจึงคล้ายกับได้ยินเสียงสวรรค์

ด้วยเหตุนี้คำครหาและเคลือบแคลงสงสัยในตัวหมิงเฉิง จึงได้ฮองเฮาลอบปกป้องอย่างลับๆ จนเขาเติบใหญ่ และเพื่อที่แผนการตลบหลังศัตรูจะได้ดำเนินต่อไป ทั้งยังไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น พระนางจึงเงียบเชียบที่สุด หาได้โจ่งแจ้งไม่

น้ำพระทัยของฮ่องเต้ยากแท้หยั่งถึง ความรู้สึกนึกคิดล้วนเกินคาดเดาในทุกสิ่ง ฮองเฮากับหมิงเฉิงจึงร่วมกันปกปิดเรื่องของทายาทน้อยเอาไว้ได้อย่างแนบเนียนเสมอมา

ความลับนี้จึงรู้เพียงสี่คน คือฮองเฮา หมิงเฉิง แม่นมเฒ่า และตัวหมิงจินเอง เพื่อรอเวลาที่เหมาะสมมอบบัลลังก์มังกรให้แก่เจ้าของที่แท้จริง

ตามกฎมณเฑียรบาลแห่งต้าหมิง ตำแหน่งรัชทายาทอันเป็นว่าที่จักรพรรดิองค์ต่อไปแห่งแผ่นดิน ต้องมาจากสายเลือดมังกรอันเกิดจากหงส์เท่านั้น

นั่นก็คือ ต้องเป็นโอรสในฮองเฮานั่นเอง

แต่หากฮองเฮาไร้ทายาทเป็นของตนเอง โอรสของสนมคนอื่นย่อมมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน

หมิงเฉิงจึงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตำแหน่งรัชทายาทมาเป็นของตน ครอบครองตำหนักบูรพาเอาไว้มั่น สร้างความดีความชอบเฉพาะพระพักตร์เสด็จพ่อ โดยไม่สนใจวิธีการใดทั้งนั้น ไม่ว่าใครจักตราหน้าว่าโหดเหี้ยมไร้ปรานี เข่นฆ่าทุกคนอย่างโหดร้าย ชายหนุ่มไม่เคยสนใจ

เขาไร้ซึ่งความกลัวเกรงต่อทุกสิ่งเพื่อปกป้องคนสำคัญ

ในเมื่อหมิงจินเป็นโอรสในสายเลือดที่แท้จริงหนึ่งเดียวของฮองเฮา จึงเป็นตัวเลือกเดียวที่ถูกต้องต่อบัลลังก์มังกร

หมิงเฉิงจึงให้หมิงจินปลอมตัวเพื่อความปลอดภัยอยู่ข้างกายเขาในฐานะราชองครักษ์ตลอดมา

รอจนกว่าการร่วมด้วยช่วยกันกับน้องชายผู้นี้ในเรื่องการปูทางสู่บัลลังก์มังกรอยู่เงียบๆ มั่นใจต่อราชสำนักในทุกเส้นสาย ค่อยเปิดเผยจึงจะเหมาะสม มอบบัลลังก์มังกรให้เจ้าของที่แท้จริง

ฮ่องเต้แห่งต้าหมิงนามว่าหมิงเฮ่าไถโซ่ว มีพระโอรสสามคน

คือองค์ชายใหญ่หมิงเยวี๋ยน องค์ชายรองหมิงเหอ และองค์ชายสามนามว่าหมิงเฉิง ฝ่าบาททรงมอบสมรสพระราชทานให้องค์ชายทั้งสามอย่างเสมอเท่าเทียมในเรื่องชาติตระกูลและขั้วอำนาจเพื่อคานกัน

ทว่าผลงานของหมิงเฉิงกลับโดดเด่นเหนือใครมาแต่ไหนแต่ไร ต่างแดนเมื่อได้ยินนามยังพากันพรั่นพรึง อีกทั้งบารมีที่แผ่ซ่านและอำนาจตามธรรมชาติอันน่าครั่นคร้ามยังทำให้ยามที่สามองค์ชายยืนประจันหน้า องค์ชายผู้พี่ทั้งสองยังต้องยอมลงให้หมิงเฉิงถึงสามส่วน

แต่ทั้งหมดทั้งมวลไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเบื้องหลังความสำเร็จของหมิงเฉิงคือหมิงจิน ซึ่งเป็นโอรสอีกพระองค์ของฮ่องเต้ต้าหมิง และเป็นโอรสที่แท้จริงของเจียงฮองเฮา ผู้สืบทอดบัลลังก์ที่แท้จริงตามกฎมณเฑียรบาลอันศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าหมิง

“พี่สามเคยเห็นหน้าตาว่าที่พระชายาหรือไม่?”

หมิงจินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ชวนพี่ชายคุยเรื่อยเปื่อย พลางจิบชาด้วยท่าทีผ่อนคลาย

หมิงเฉิงตอบอย่างเย็นชาไม่ใส่ใจ “หน้าตานางเป็นเช่นไรหาได้สำคัญ ตระกูลโหวเป็นตระกูลเรืองอำนาจ นายท่านโหวมากบารมี ฝ่ายภรรยาเอกมีต้นตระกูลสูงส่ง เป็นประมุขของเจ็ดตระกูลใหญ่ ช่วยหนุนเราได้อย่างดี การแต่งงานที่จะเกิดขึ้นกับข้า ก็คือได้ตัวบุตรสาวของเขามาไว้ในกำมือ เพื่อมิให้พวกเขาบังอาจเหิมเกริมกับเรา”

ผู้ฟังเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วหยั่งเชิง “หากว่าพวกเขาซื่อสัตย์ไว้ใจได้ ไร้การคิดคดทรยศต่อราชวงศ์ พระองค์จักทำเช่นไร จะยกพระชายาให้กระหม่อมหรือไร?”

หมิงเฉิงแค่นเสียงเย็นอย่างไม่แยแส “หากเจ้าต้องการ ข้าก็จะไม่แตะต้องนาง เพียงรอเวลาที่เหมาะสม ข้าย่อมมอบให้”

“พี่สามของข้า ใจกว้างเกินไปแล้ว...”

ผู้ถูกชมเชยเพียงยกถ้วยชาขึ้นมาใกล้ปลายจมูกโด่งสัน เพื่อชื่นชมกับกลิ่นหอมเฉพาะของชาชั้นดี ก่อนจะจิบด้วยท่าทางเคร่งขรึมเรียบเฉยไม่คิดต่อคำใดอีกเลย

เรื่องนี้นับเป็นเรื่องจริงหาได้พูดเกินตัว

สตรีงดงามที่หมิงเฉิงรับเข้าวังมา หากพิจารณาดูแล้ว เห็นว่ามีประโยชน์ต่อน้องชายในภายภาคหน้า เขาก็จะเก็บเอาไว้อย่างดี ดูแลทะนุถนอมใส่ใจ หาได้แตะต้องนางแม้แต่คืนเดียว เพื่อรอส่งต่อคล้ายสมบัติเปลี่ยนมือให้น้องชายตน

แต่หากมองดูแล้วไร้ค่า ก็ยังมีประโยชน์เอาไว้ปลดปล่อยอารมณ์ยามกระสัน

สตรีย่อมมีค่าเพียงเท่านั้น ไม่นับว่าเป็นอะไร

ทว่าหากมีสตรีใดที่บังอาจร่ายมารยาหรือใช้เล่ห์คิดไม่ซื่อ เขาก็จัดการเชือดทิ้งเสีย ไม่มีทางเก็บไว้แน่!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel