ตอนที่6 องค์รัชทายาท
พระราชวังหลวงของต้าหมิงนับได้ว่าใหญ่โตมากนัก
มีตำหนักขององค์จักรพรรดิที่งดงามใหญ่โตกินพื้นที่กว้างขวาง ประกอบได้ด้วยตำหนักน้อยใหญ่และเรือนอีกมากมายล้อมรอบ
ทว่าที่ห่างออกมาจากพระราชวังชั้นในส่วนพระองค์ก็ใหญ่โตและกว้างขวางไม่แพ้กันก็คือทิศบูรพาของพระราชวัง
ภายในตำหนักบูรพา ลึกเข้าไปยังเรือนหลักของตำหนัก หมิงเสียงกง หนึ่งในสถานที่ส่วนพระองค์ของรัชทายาทหมิงเฉิง
บนที่นั่งอันโออ่าลวดลายประณีตสีทองอร่าม มีเรือนร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีดำสนิทแผ่บารมีของผู้สูงศักดิ์ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
เขาเพียงนั่งนิ่งๆ ไร้การเคลื่อนไหว ทว่าท่าทางทรงพลังน่าเกรงขามกลับแผ่กลิ่นอายสังหารเป็นวงกว้างอยู่รอบด้าน สร้างความหวาดหวั่นสั่นสะพรึงให้เหล่าบริวารเกินพรรณนา
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยไรหนวดเขียวครึ้ม เสริมให้เกิดความดำทะมึนหนาวเหน็บปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ดวงตาเรียวดำลึกล้ำทอประกายเฉียบคมตลอดเวลา ยามมองกราดเพียงแวบเดียวก็แผ่รังสีชั่วร้ายออกมา บ่งบอกได้ถึงอันตรายไร้ขีดจำกัด ทำเอาบ่าวไพร่พากันขนลุกเสียวสันหลังวาบ
หมิงเฉิงโบกมือเบาๆ เพื่อไล่ขันทีออกไปอย่างไม่ใส่ใจ หลังจากฟังคำรายงานเกี่ยวกับการส่งอนุหลายนางเข้าวังมา ในยามที่เขามิได้อยู่ประจำตำหนักบูรพา อีกทั้งยังมีราชโองการแต่งชายาเอกในอีกสามเดือนข้างหน้า
ชายหนุ่มได้ฟังก็ยกจอกเหล้าขึ้นดื่มด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์อันใดออกมาเลยแม้แต่น้อย
สตรีที่ถูกส่งเข้ามาให้เขาล้วนแล้วแต่เป็นเบี้ยทางการเมือง หาได้มีค่าอันใดทั้งสิ้น ไม่ต่างอันใดจากตัวประกันเพื่อคุมเชิงมิให้หลายสกุลใหญ่กล้าเหิมเกริมก็เท่านั้น
แค่มดปลวก จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด ไม่นับเป็นอะไร!
เมื่อขันทีและเหล่านางกำนัลออกไปแล้ว พลันมีหญิงสาวงดงามผู้หนึ่งย่างกรายนวยนาดเข้ามาด้วยกิริยาแช่มช้อย
นางสวมอาภรณ์บางพลิ้วชวนวาบหวามหวิวใจไม่เบา เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของรัชทายาทหนุ่ม แล้วยอบกายระหงลงต่ำเผยเนินเนื้ออวบอิ่มที่โผล่พ้นสาบเสื้อกว้างอย่างจงใจล่อลวง พลางเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงหวานล้ำ
“หม่อมฉันเซียงเซียง พร้อมปรนนิบัติพระองค์เพคะ”
เจ้าของร่างงามสง่าเพียงปรายหางตามองนางนิ่งๆ
เซียงเซียงช้อนตามองอีกฝ่ายอย่างยั่วยวน ดวงตาของนางหยาดเยิ้มชวนหลงใหล ริมฝีปากแต้มชาดบนใบหน้าราวเทพธิดาคลี่ยิ้มได้งดงามจับตาละมุนละไม นางกล่าวอย่างออดอ้อนอีกคราว่า “ขอพระองค์ทรงเกษมสำราญเพคะ”
จบคำก็ขยับกายหอมกรุ่นเดินอ้อมมาหยุดอยู่เบื้องหลังร่างแกร่งแล้วเอื้อมมือเรียวเสลานุ่มนิ่มราวไร้กระดูกขึ้นมาตรงไหล่กว้างที่มีเนื้อตึงแน่น แล้วนวดคลึงเบาๆ อย่างยั่วเย้ายวนใจ ริมฝีปากนิ่มชื้นก็กระซิบเสียงหวานเจือกระเส่าที่ข้างหูรัชทายาทหนุ่มว่า
“ทรงถอดเสื้อออกดีหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะได้...อ๊ะ!”
เอ่ยยังไม่ทันหมดประโยค ร่างอ้อนแอ้นก็ถูกวงแขนล่ำสันข้างหนึ่งโอบเอวบาง ฝ่ามือหนาอีกข้างก็จับกระชับตรงหน้าอกอวบตึงหยุ่นนุ่มล้นทะลักเอาไว้มั่น จากนั้นอาภรณ์บางเบาก็ถูกฉีกดังแควก เปิดเปลือยเนื้อนวลขาวเนียนจนสิ้น
เซียงเซียงผุดรอยยิ้มสมใจแล้วกัดเม้มริมฝีปากทำตาปรือหมายยั่วยวนอย่างลึกซึ้ง
ทว่าเสี้ยวเวลานั้น ร่างของนางกลับลอยละลิ่วเพราะแรงเหวี่ยงอย่างไร้ปรานีไปที่หน้าประตูห้อง กระทั่งบั้นท้ายงามงอนตกกระแทกพื้นเสียงดังตุบ กลิ้งขลุกขลักอีกสองตลบ หมดสภาพสาวงาม
“กรี๊ด!” หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียง ตกใจอย่างมาก ผิดคาดไปหมด
ทันใดนั้น ทหารก็พุ่งพรวดเข้ามา “รัชทายาท!”
“ลากนางออกไป!” หมิงเฉิงคำรามเสียงต่ำ สายตาคมดำสาดประกายคมกริบราวกับจะปลิดชีพผู้คนได้
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารก้มหัวรับคำแล้วรีบลากร่างเกือบเปลือยของเซียงเซียงไปในสภาพอนาถยากขายได้ต่อ
“ไม่นะเพคะ ...ไม่!” เซียงเซียงดิ้นรนขัดขืนด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด “หม่อมฉันถูกส่งตัวมาจากขุนนางสกุลมู่นะเพคะ”
ร่างสูงยืนตระหง่านไม่ไหวติง ดวงตาสงบนิ่ง หาได้สนใจ
แน่นอนว่าสกุลมู่เป็นตระกูลใหญ่ แต่ตำหนักบูรพาก็มีสาวงามจากสกุลมู่แล้วหนึ่งคนมิใช่หรือไร?
ส่งมาเพื่อการใดอีก!
ล่วงเข้ายามดึก...
เปลวเพลิงบนเชิงเทียนหลายเล่มเริ่มมอดดับ ภายในห้องกว้างขวางที่เงียบสงัดจนวังเวง จึงมืดสลัวจนน่ากลัวเกินพรรณนา
เรือนร่างใหญ่โตของหมิงเฉิงยังคงนั่งนิ่งคล้ายแท่นศิลาหินดำทะมึนไม่ไหวติง ฝ่ามือหนายกจอกเหล้าขึ้นมาเพื่อดื่มน้ำเมาเข้าปากอึกใหญ่ ก่อนจะวางลงบนโต๊ะแล้วปัดออกห่างอย่างไร้เยื่อใยอีกต่อไป
ร่างสูงค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปยังทิศทางหนึ่ง ก่อนจะผ่านม่านลูกปัดมุกเข้าห้องอาบน้ำ ที่สร้างบ่อน้ำพุร้อนเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ มีควันกรุ่นร้อนลอยวนตลอดเวลา
ที่หลังฉากกั้นลายพยัคฆ์ หมิงเฉิงถอดเสื้อคลุมออกไปให้พ้นตัว เผยสัดส่วนอันงดงามน่าเกรงขาม ไหล่หนา แขนล่ำ เส้นสายลายกล้ามแลดูเย้ายวนระคนน่ากลัว
รูปร่างเช่นนี้พาให้สตรีใจเต้นระรัวรุนแรง ทั้งยังเต้นระส่ำระส่ายแทบทะลุอกออกมา นักต่อนัก
ชายหนุ่มพาเรือนร่างสมส่วนชวนครั่นคร้ามไปหย่อนกายกำยำลงในสระน้ำอุ่น
ยามอาบน้ำ หมิงเฉิงมิใคร่นิยมให้นางกำนัลมาปรนนิบัติรับใช้ หรือแม้แต่สาวงามคนใด อนุนางใดก็ไม่เคยได้ปรนนิบัติชิดใกล้ให้รำคาญใจในห้องแห่งนี้
หากเขาต้องการปลดปล่อยก็จะให้สิทธิ์พวกนางเพียงรองรับอารมณ์ยามกระสันบนเตียงนอกห้องเท่านั้น
ทุกนางล้วนไร้ซึ่งพันธะหรือพันธนาการหัวใจ เสน่ห์หานางใดล้วนไม่อาจสะกดเขาให้ลืมตนจนปลดความระแวดระวังได้
โดยเฉพาะในยามนี้ ยามที่เป็นเวลาส่วนตัวที่สุดของเขา ให้เขาได้ทอดอารมณ์บางประการจนพอใจ
สายตาคมดำของเขาเหลือบมองสิ่งของบางอย่างตรงแผงอกหนาแน่นอันเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากคมดาบและเขี้ยวหมาป่า สิ่งนั้นที่ห้อยคอแกร่งของเขามาเนิ่นนาน
ชายหนุ่มเอื้อมมือขึ้นจับที่เขี้ยวแหลมคมสีขาวขึ้นพินิจใกล้ๆ ประกายเฉียบคมในแววตาจ้องมองสิ่งนี้อย่างลึกล้ำครู่ใหญ่
เกือบสิบปีแล้วที่เขายังคงระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นไม่เสื่อมคลาย
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตัวเขาในวัยสิบเจ็ดปีได้มีโอกาสออกท่องเที่ยวนอกวังหลวงแบบส่วนตัว มิคาดว่าครานั้นจะเป็นกลอุบายให้ผู้ร้ายส่งนักฆ่านับร้อยล่าสังหารเขา ในขณะที่เขามีองครักษ์ติดตามเพียงไม่กี่คน
พวกมันต้อนเขาให้จนมุมไร้หนทางรอด กระทั่งเขาต้องหนีตายเข้าไปในป่าใหญ่รกทึบอันเร้นลับอับชื้น เจอกับฝูงหมาป่าตัวโตเขี้ยวใหญ่
พวกมันได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งของเขาที่ได้รับจากคมดาบฝ่ายศัตรู จึงรุมขย้ำเขาจนเลือดสาด เกือบสิ้นลมหายใจอยู่ใต้ต้นไม้เย็นเยียบ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หมิงเฉิงก็ค่อยๆ หลับตา นำพาความมืดมิดเข้าแทนที่แสงสลัวเลือนรางภายในห้องอาบน้ำ
แม้ม่านตาดำถูกเปลือกตาปกคลุมจนสิ้น หากแต่ห้วงคำนึงยังคงเห็นภาพของสตรีนางน้อยในชุดจิ้งจอกขนเงิน
บางทีอาจนางมิใช่สตรีธรรมดา ทั้งยังไม่แน่ว่าอาจจะเป็นหนวี่เสิน[1]
แต่เมื่อได้ไตร่ตรองให้ดี ชายหนุ่มก็แน่ใจว่าเด็กน้อยนางนั้นมิใช่ภูตผี เพราะลมหายใจกรุ่นร้อนที่รินรดยามก้มหน้ามองเขา และฝ่ามืออบอุ่นที่แตะไหล่ของเขา ล้วนบ่งบอกได้ดีว่านางเป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง ทว่าพลังลมปราณเหนือสามัญเยี่ยงนั่นคืออันใดเขายังไม่แน่ใจ
หลายวันที่มีชีวิตรอดออกมาจากป่าทึบ หลายปีที่มีชีวิตหลังจากนั้น ระหว่างสืบหาศัตรูที่หมายเอาชีวิตเขาแล้วจัดการกับผู้ต้องสงสัยจนฉิบหายวายวอดหมดตระกูล เขาก็ออกเดินทางกลับไปตามหานาง
เคยได้ยินมาว่าคนจากโพ้นทะเลอีกฝั่งหนึ่งของแผ่นดิน อาจจะมีผมสีทอง นัยน์ตามิใช่สีดำ บ้างเป็นสีฟ้า บ้างเป็นสีเขียว เขาจึงออกเรือไปตามหานาง จนเรือล่มแทบจะจมน้ำตาย ทว่ายังไร้ร่องรอยให้สืบค้นอันใดแม้แต่น้อย แต่กระนั้นตลอดห้าปีก็ยังคงไม่ลดละที่จะตามหานาง
จวบจนกระทั่งเขาอายุได้ยี่สิบสองปี ครั้งนี้หลังจากวุ่นวายกับการเข้ารับตำแหน่งรัชทายาท เสร็จสิ้นงานเฉลิมฉลอง เขาจึงถือโอกาสตามหานางอีกครา แต่ทว่าสิ่งไม่คาดคิดพลันบังเกิด เมื่อรัชทายาทหมาดๆ เช่นเขากลายเป็นเป้าหมายให้พวกผู้ร้ายหมายช่วงชิงตำแหน่งอันหอมหวานอย่างอุกอาจ
พวกมันเห็นเขายังไม่มั่นคงในตำแหน่งจึงหมายมาดว่าจะกำชัย จึงพากันมาหลายร้อยคน ส่วนเขามีราชองครักษ์นับร้อยเช่นกัน
แต่กระนั้น ฝีมือของทั้งสองฝ่ายกลับเท่าเทียม การตามล่าดำเนินไปไกลถึงกลางป่า การสังหารยังเป็นลักษณะของพวกนักฆ่าพลีชีพ เจ้าตายข้าม้วย ตายตกไปตามกัน ยากสืบสาว
หลังจากที่ทุกคนสิ้นชีพกันจนหมด ทั้งฝ่ายศัตรูและฝ่ายองครักษ์ ตัวเขาก็สิ้นไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะหายใจ ทำได้เพียงนอนแน่นิ่งเฝ้ารอความตาย
ทันใดนั้น สิ่งไม่คาดคิดพลันปรากฏเบื้องหน้า พร้อมปลายเท้าน้อยๆ คู่หนึ่ง
เด็กหญิงในวันวาน นางเติบโตขึ้นมาก แต่ยังคงเป็นเพียงดรุณีรุ่นเยาว์ ในวัยราวสิบเอ็ดสิบสองปี
ท่ามกลางแสงจันทรางดงาม เขาเห็นนางผ่านม่านตาพร่าเลือน ไม่อาจรับรู้ได้แจ่มชัด ว่าใบหน้าของนางเป็นเช่นไร ก่อนจะสิ้นสติไป
ภาพตราตรึงเมื่อความมืดคลี่คลุม คือดวงตาสีเขียวมรกต เส้นผมสีทอง สีผิวเรืองรอง ในห้วงแห่งความฝัน เขายังรู้สึกและรับรู้ได้ ถึงปราณเย็นสายหนึ่ง หลังจากนั้น ก็ไม่รับรู้สิ่งใด
เมื่อตื่นลืมตามาอีกครา จึงได้เห็นองครักษ์ประมาณห้าคนกำลังลากองครักษ์คนหนึ่งมาตามทาง มือของมันกำแส้หนังเอาไว้แน่น และกำลังร่ำไห้เสียขวัญ หลังจากสอบถาม จึงได้รู้ว่าเจ้านั่นถูกเด็กรังแก
ตัวเขาปราศจากวาจาอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะสั่งปลดองครักษ์ทั้งหกคนให้ไปเป็นยามเฝ้าประตูวังแทน โทษฐานปล่อยแน่งน้อยของเขาหนีหายไป
ตลอดสามปีให้หลัง เขายังคงอดทนตามหานางไม่ย่อท้อ ด้วยภาพวาดจากปากยามเฝ้าประตูอดีตองครักษ์เหล่านั้น
เนื่องจากเจ้าพวกนั้นมองใบหน้าของนางไม่ชัดเจน รู้เพียงนางมีวรยุทธ์ที่สูงส่ง วิชาตัวเบาเป็นเลิศ ท่วงท่าปราดเปรียวจนน่าตกใจ หายตัวฉับไว และมีดวงตากลมโตแดงก่ำ
ภาพที่วาดออกมาจึงแปลกประหลาดนัก
หาอย่างไรก็ไม่พบ!
จวบจนตอนนี้เขาก็อายุอานามไม่น้อยแล้ว นางเองก็คงเติบโตเป็นสาวสะพรั่งเต็มวัยแล้วเช่นกัน แต่ตัวเขาก็ยังไร้วี่แววได้พบพานกับนาง
หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาเองก็ยังไม่ว่างเว้นในการตามหาอย่างโง่งม แต่ทว่าความหวังยังคงริบหรี่เต็มทน
หมิงเฉิงเอื้อมมือขึ้นลูบสันกรามและปลายคางที่สากระคายเพราะหนวดเคราเขียวครึ้ม เนื่องจากเดินทางไกลเข้าป่าใหญ่หลายราตรี แล้วกลับมาพร้อมความว่างเปล่าเหมือนทุกที
ชายหนุ่มถอนหายใจลึกยาวอยู่ในอก ก่อนจะเลื่อนกายแกร่งลงต่ำจมน้ำไป เส้นผมดำขลับแผ่สยายตามแรงกระเพื่อมของม่านน้ำไหว มองคล้ายภูตพรายงามภายใต้กระแสธารกรุ่น
เขาปล่อยตัวปล่อยใจให้อยู่ในห้วงคำนึงเนิ่นนาน ก่อนจะเลิกคิดไปเหมือนเช่นทุกครั้ง แล้วจัดการกับธุระของตนเองจนเสร็จสิ้น โกนหนวดเคราจนเผยใบหน้าหล่อเหลางามสง่าชวนมอง
ร่างสูงที่มีหยดน้ำเกาะเพราไปทั่วในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม เปี่ยมเสน่ห์แห่งบุรุษเพศเข้มข้น เดินมาหยุดอยู่ที่ชั้นหนังสือนอกห้องอาบน้ำถัดจากห้องนอน ข้างกายเป็นชั้นไม้สลักลวดลายวิจิตรมีช่องลับประณีตช่องหนึ่ง
หมิงเฉิงถอดสร้อยเถาวัลย์เขี้ยวราชสีห์ออกจากลำคอ นำไปใส่กล่องเอาไว้แล้วเก็บเข้าชั้นอย่างดี มิให้เกิดแม้แต่ริ้วรอย กระทั่งเถาวัลย์ยังจัดการหาใยไหมทองคำมาถักทอสอดประสานจนเหนียวแน่นไม่เปราะแตกหรือฉีกขาด เขาจะนำมาสวมเฉพาะยามเข้าป่าไปตามหาสตรีปริศนาก็เท่านั้น
ทว่า...นานมากแล้ว...
นานเหลือเกินที่เขาพบเพียงความว่างเปล่า การกระทำของเขาที่ผ่านมาช่างไร้ความหมาย
บางทีคงถึงเวลาแล้ว ที่เขาควรตัดใจ...
----------
[1]女神 Nǚshén เทพธิดา
