บทที่ 03 ผู้ชายในฝัน
ซุนลี่ลืมตาขึ้นมากลางดึกจากความฝันที่วนเวียนซ้ำอยู่เรื่องเดิมมานานหลายปี นางจะข่มตานอนก็นอนไม่หลับ นางจึงก้าวลงจากตั่งเตียงมายังหน้าต่าง เปิดหน้าต่างออกมองดวงจันทร์ที่ทอแสงอยู่บนฟากฟ้าในยามราตรี
“กงจู่เพคะ บรรทมไม่หลับหรือเพคะ หม่อมฉันจะนำชาดอกท้อมาถวายเพคะ” นางกำนัลนามว่าเจาจวินถามเอ่ยซุนลี่ และนำผ้าคลุมไหล่คลุมที่ไหล่ของนางทั้งสองข้าง
“ข้าแค่ฝันซ้ำแต่เรื่องเดิมๆ ตั้งแต่ข้าจำความได้” ซุนลี่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และหันกลับมามองนางกำนัลสาว
“กงจู่ไม่ได้ฝันถึงเรื่องนั้นมาสักพักหนึ่งแล้วไม่ใช่หรือเพคะ”
“ใช่ แต่สามสี่วันนี้มานี่ ข้าฝันถึงผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว แต่เห็นไม่เหมือนทุกครั้ง ในความฝันเขาเดินเข้ามาใกล้ข้า ข้ากลับเห็นใบหน้าของเขาที่เลือนรางไม่ชัดเจน” ซุนลี่เอ่ยบอกและถอนหายใจ
“กงจู่เชื่อในพรหมลิขิตไหมเพคะ” เจาจวินเอ่ยบอกเช่นนี้ ซุนลี่เลิกคิ้วขึ้นมองนางด้วยความสงสัย
“พรหมลิขิตหรือ?” ซุนลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ชายที่กงจู่ฝันถึงตั้งแต่ทรงพระเยาว์ อาจจะเป็นชายที่สวรรค์ส่งมาให้เป็นเนื้อคู่ของกงจู่ก็เป็นได้ ยิ่งเห็นใบหน้าของเขามากขึ้นเท่าไหร่ กงจู่อาจจะได้พบเจอชายผู้นี้ในเร็ววันก็เป็นได้” เจาจวินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“เจาจวิน เจ้าจำไว้นะ ข้าจางซุนลี่ผู้นี้จะไม่แต่งงานกับใครหน้าไหนทั้งนั้น” ซุนลี่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หม่อมฉันจะเชื่อ” เจาจวินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าจุดกำยานเพิ่มอีก ข้ารู้สึกว่ากลิ่นมันใกล้หมดแล้ว” ซุนลี่เอ่ยบอก แล้วเดินขึ้นตั่งเตียงโดยทันที
“เพคะ”
“มู่เยว่หัวหวางเย่รับราชโองการ”
เสียงของมหาขันทีนามว่าหวังเตอยืนรอมู่เยว่หัวหวางเย่ตรงหน้าประตูเมืองเอ่ยบอก ชายหนุ่มที่อยู่บนหลังมา ด้านหลังของมู่เยว่หัวมีทหารนับหมื่นนับแสนที่อยู่ด้านหลัง พวกเขาที่อยู่บนหลังมาจึงลงมาคุกเข่าเช่นเดียวกับเยว่หัวที่นั่งคุกเข่ารอรับพระราชโองการจากหวังเตอ
“ต้าหวางมีพระราชโองการ มู่เยว่หัวหวางเย่ ฆ่าขุนพล ทลายกองทัพทัพซีเป่ย เอาชนะศัตรูที่อยู่ไกลเป็นหมื่นลี้ ทำลายบารมีกองทัพศัตรูของแคว้นมู่ สร้างสันติสุขให้ใต้หล้า หลังจากศึกครั้งนี้ แผ่นดินเริ่มสงบสุข คุณความดีโดดเด่น บัดนี้ข้าขอแต่งตั้งมู่เยว่หัว ซื่อหวางเย่ เป็นต้าเจียนจวิน ควบคุมกองทหารแสนนายทั้งในเมืองหลวงและนอกเมืองหลวง และมอบตราพยัคฆ์สามารถโยกย้ายกำลังพลโดยไม่ต้องกราบทูล อนุญาตให้พกกระบี่เข้าท้องพระโรง ขุนนางกองพิธีการไม่ขาดชื่อยามเข้าเฝ้า” หวังเตอเอ่ยกล่าวเสียงดังฟังชัด พออ่านจบมอบให้ทหารคนสนิทของเยว่หัว ทหารผู้นั้นรับพระราชโองการทันที (ต้าเจียนจวิน แปลว่า เสนาบดี)
“หม่อมฉันซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ” มู่เยว่หัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และลุกขึ้นยืน หวังเตอเผยรอยยิ้มกว้างก้าวเดินมาหาเยว่หัวทันที พร้อมกับถวายบังคม
“ถวายบังคมซื่อหวางเย่ ต้าหวางรู้ว่าซื่อหวางเย่จะเสด็จกลับมาถึงวันนี้ ต้าหวางบรรทมไม่หลับทั้งคืน แต่เนื่องด้วยกฎมนเทียรบาลที่ให้แม่ทัพนายกองเข้าเฝ้าท้องพระโรง ห้ามออกมารับนอกกำแพงเมือง ต้าหวางจึงรอพระองค์อยู่ในท้องพระโรง” หวังเตอเอ่ยบอกเช่นนี้ (ซื่อหวางเย่ แปลว่า องค์ชายสี่)
เยว่หัวจึงขึ้นม้าเข้าไปในเมืองหลวงพร้อมด้วยเหล่าขุนพลจำนวนนับสิบคน
