บทที่ 3 – ให้หนูอยู่ด้วยนะคะ
เวลาผ่านไปสิบนาทีกว่า ไอ้ผาดก็เดินออกมาจากห้องนอนอีกครั้งด้วยชุดที่เรียบร้อยเป็นเสื้อยืดคอกลมสีดำกับกางเกงยีนส์สีเข้มเดินออกมา ผมก็ถูกจัดแต่งเป็นทรงเข้ากับใบหน้าดุดันที่ล้อมกรอบไปด้วยหนวดเครา เท้าหนาเดินตรงไปยังโต๊ะทานข้าวที่กวางน้อยหลงทางมาขออาศัยเตรียมไว้ให้
“มานั่งกินข้าวด้วยกันสิ กินอิ่มแล้วฉันจะไปส่งที่บ้าน”
คำเรียกของเขาดังขึ้น แม้มันจะติดแข็งกระด้าง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอหวาดกลัว ณดาเดินกะเผลกไปยังโต๊ะรับประทานอาหารแล้วดึงลากเก้าอี้ออกมานั่งพร้อมดึงหม้อหุงข้าวที่วางใกล้ๆ มาตักข้าวให้เขาและตนเอง
“รีบกิน ฉันจะได้ไปส่ง”
ไอ้ผาดมองดูผิวหน้านวลเนียนเกลี้ยงเกลาของณดาที่ต่างจากเมื่อคืน ตอนนี้มันไม่มอมแมมแล้ว มันกลับดูอ่อนหวานจิ้มลิ้มสมวัยของเจ้าหล่อน และไม่แปลกที่แม่เลี้ยงจะขายหล่อนให้เสี่ยที่สนใจ ก็เธอสวยหวานน่ารักสมวัยขนาดนี้ แถมปากยังอวบอิ่มจิ้มลิ้มสีชมพูน่า ‘จูบ’ อีกต่างหาก แล้วไอ้ผาดก็ต้องรีบสลัดความคิดนั้นของตัวเองทิ้ง สนใจจานข้าวตรงหน้าตัวเอง
อีกครั้งที่เธอได้ยินคำว่าจะไปส่ง ‘บ้าน’ หน้าที่ยิ้มแย้มก็เปลี่ยนเป็นเศร้าซึมและมือน้อยที่จับช้อนก็ปล่อยช้อนวางไว้ที่เดิมแล้วเงยหน้าที่มองจานข้าวมองไปทางคนที่นั่งหัวโต๊ะที่กำลังทานข้าวไข่เจียวฝีมือตนเอง
“หนูไม่ไปได้ไหมคะ หนูไม่อยากกลับบ้าน หนูกลัว”
“จะกลัวอะไร นั่นคือบ้านเธอ”
“ไม่ใช่แล้วค่ะ มันไม่ใช่แล้ว หนูกลับไป แม่เลี้ยงก็ต้องส่งหนูให้เสี่ยแน่นอนค่ะ หนูไม่อยากเป็นของเล่นของใครค่ะ” สาวน้อยบอกเสียงสั่นเครือพร้อมส่ายหน้าไปมาขอร้องคนตัวโต
“อุวะ! เพล้ง!” ไอ้ผาดเกลียดที่สุดคือน้ำตาของผู้หญิงและยิ่งน้ำตาของเด็กผู้หญิงด้วยแล้ว เขาวางช้อนและช้อนส้อมในมือลงกับจานข้าวทันทีด้วยความหงุดหงิด
“งั้นฉันจะไปส่งเธอกับคนรู้จัก รู้จักใครบ้างคิดสิ คิดว่ามีที่ไหนที่ไปอยู่ได้บ้าง”
“มะ...ไม่มีค่ะ” เธอกลัวเมื่ออยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด ยิ่งได้สบดวงตาที่แข็งกร้าวก็ยิ่งกลัว
“ไม่มี? ให้ตายสิวะ! งั้นก็กินข้าว กินให้อิ่มแล้วค่อยคุยกันอีกที”
“หนู...ขอบคุณคุณผาดนะคะที่ช่วยหนู ขอบคุณนะคะ” ณดาอยากขอบคุณเขาอีกครั้งแม้ว่าเมื่อคืนจะพูดไปแล้ว แต่ก็อยากจะพูดอีกพร้อมมือน้อยยังยกขึ้นปาดป้ายเช็ดน้ำตาที่ไหลเอ่อล้นออกมาจากดวงตาออกจากแก้ม
หึหึ
ไอ้ผาดแค่นขำในลำคอเมื่อได้ยินสาวน้อยที่ตัวเองเพิ่งเก็บมาจากข้างทางเรียกตัวเองว่า ‘คุณ’ แปลกหูพิลึก
“ไม่เป็นไร ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันไม่เสือกไปยุ่งแน่นอน อีกอย่างยังไงเธอก็ต้องกลับบ้านของเธอหลังจากกินอิ่ม”
น้ำเสียงของเขายังคงจริงจังหนักแน่นและนั่นทำให้ณดานั่งเก้าอี้ไม่ติดลุกจากเก้าอี้ไปทรุดกายคุกเข่ากับพื้นข้างเก้าอี้ของเขาเพื่อขอร้อง
“ไม่นะคะ หนูไม่อยากกลับบ้าน หนูกลับไปพวกนั้นก็ตามไปจับหนูมาอีก คุณผาดให้หลินอยู่ด้วยนะคะ หลินทำงานบ้านได้ทุกอย่าง ให้หนูอยู่ด้วยนะคะ” เธอเงยหน้าอ้อนวอนคนตัวโตให้เมตตาตัวเอง
“ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย” ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้หญิงมานั่งคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาจากตนเอง เขาเห็นมาเยอะจากเด็กผู้หญิงหลายคนที่พ่อกับแม่พามาใช้หนี้ในซ่อง
“นะคะ...นะคะ” สาวน้อยวัยสิบแปดขยับตัวมาเกาะแขนอ้อนอย่างใสซื่อ และดวงตากลมโตใสซื่อของเธอก็ทำให้ใจของคนบาปอย่างเขากระตุกไหวจนต้องแกะมือน้อยออกแล้วผลักเธอออกห่างอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกว่าสัมผัสของเด็กสาวมันเหมือนกระแสไฟทำให้กายของเขาชาวาบไปทั้งตัวและเลือดลมในกายก็แล่นพล่านจนปั่นป่วนไปหมด
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน รู้ไหมว่าชายหญิงไม่ควรแตะต้องกัน”
“รู้ค่ะ แต่คุณผาดเป็นคนดี” เธอตอบตาใสไม่หลบตาดุดันที่ก้มมองตัวเองด้วยความไม่พอใจ
หึหึ
เขาแค่นขำในลำคออีกครั้งกับคำพูดใสซื่อของเจ้าหล่อน ‘ช่างไร้เดียงสาเสียจริง’ เขาพึมพำในใจกับตนเอง
“รู้ได้ไงว่าฉันเป็นคนดี?”
“ก็คุณผาดช่วยหนู ให้หนูอยู่ด้วยนะคะ หนูไม่อยู่เฉยๆ แน่นอนค่ะ หนูทำงานได้ทุกอย่าง คุณผาดใช้หลินได้เต็มที่เลยนะคะ”
“คนดี?” เขาถามสาวน้อยอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินคำพูดนี้ เพราะใครต่อใครก็ต่างด่าว่าสาปแช่งเขาสารพัด แต่เด็กนี้กลับบอกว่าเขาเป็น ‘คนดี’ เพียงแค่บังเอิญผ่านทางไปเมื่อคืนเนี่ยนะ
หึหึ
“ค่ะ คุณผาดเป็นคนดี ถึงหน้าตาจะเหมือนโจรป่าห้าร้อยก็เถอะ” สาวน้อยตอบเสียงใสพร้อมเช็ดน้ำตาไปด้วยเมื่อสังเกตเห็นมุมปากหนายักยิ้ม
พอได้ยินแบบนั้น ไอ้ผาดก็ยกมือลูบสันกรามที่รกครึ้มไปด้วยเคราของตัวเองทันที ณดาเป็นคนแรกที่พูดกับเขาแบบนี้และมันก็ทำให้เขารู้สึกแปลกตรงหัวใจที่มันเต้นแรงจนต้องละมือที่ลูบสันกรามรกครึ้มไปด้วยเคราของตนเองมากุมหน้าอก ใช้มือที่ว่างคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
