บท
ตั้งค่า

chapter8-9

ในขณะที่พวกเซโอนั้นกำลังบุกกวาดทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้าอลันกับคาซึกิกลับเลือกที่จะมุ่งไปทางด้านหลังของรังพวกมันเพื่อปิดทางของพวกที่คิดจะหลบหนีและเพื่อติดตามเครื่องส่งสัญญาณที่ติดตัวเขาคนนั้นเอาไว้

คมกระสุนถูกลั่นไกออกมาจากปืนในมือของอลันในยามนี้นั้นเขาไม่ได้ใช้ปืนไรเฟิลเพื่อโจมตีจากระยะห่างอีกต่อไปแต่เจ้าตัวกลับเลือกจะใช้ปืนสั้นสองกระบอกและลั่นไกกระสุนออกไปใส่ศัตรูที่ขวางหน้าอย่างรวดเร็ว

ส่วนคาซึกินั้นเธออาศัยความว่องไวในการก้าวเท้าพุ่งไปด้านในรังของศัตรูอย่างรวดเร็วพร้อมอาศัยคมดาบที่เสริมด้วยสายลมฟาดฟันใส่ศัตรูทั้งสองคนไม่ได้เล็งใส่จุดตายทำให้ร่างที่ล้มลงไปส่วนมากเป็นเพราะสลบเสียมากกว่า

“จะว่าไปก็สงสารเรย์นิดๆเหมือนกันนะครับเนี่ย อยู่ในชุดผู้หญิงมาตั้งหลายวัน” เขาย่อมรู้จักเรย์ดีกว่าใครและรู้ด้วยว่าที่เรย์อุตส่าห์ยอมแต่งชุดเมดทุกวันนี้เป็นคำขอของเรเดียแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังคะยั้นคะยอแกมบังคับให้เรย์แต่งชุดแบบนั้นโดยไม่เต็มใจซะได้คิดๆแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย

“ใครใช้ให้ตานั่นแต่งหญิงขึ้นละ” เช่นเดียวกับคาซึกิที่รู้สึกว่าตนจะทำเกินไปนิดหน่อยเหมือนกันแม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่หลังจากที่ได้ทำงานร่วมกันมากพักนึงเธอก็พอจะเข้าใจในตัวเรย์มากขึ้นและอดคิดเหมือนอลันขึ้นมาไม่ได้

“จบงานนี้ผมว่าเราไปขอโทษเรย์กันหน่อยดีกว่า” เป็นความคิดที่เข้าท่าไม่น้อยเพราะคนอย่างเรย์นั้นถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขอโทษเพียงครั้งเดียวก็น่าจะจบหากไม่นับคำบ่นกระปอดกระแปดหลังจากนั้นอีกพักนึงละก็นะ

ขณะที่คนที่ถูกพูดถึงนั้นก็กำลังระบายความเครียดสะสมหลายวันมานี้อย่างเต็มที่ดาวตกจำนวนหลายสิบพวยพุ่งออกมาเข้าใส่ร่างของศัตรูอย่างไม่ปราณีใดๆ ดาบแสงนับร้อยลอยวนกลางอากาศพร้อมจะฟาดฟันศัตรูอีกทั้งยังมีโล่มนตราเตรียมการต้านรับเอาไว้อย่างเต็มที่

“เป็นอะไรไปเข้ามากันเยอะๆ หน่อยสิ ฉันยังไม่ทันหายหงุดหงิดเลยนะเฟ้ย” คนที่เข้าไปเผชิญหน้ากับเรย์ในตอนนี้ถ้าไม่บ้าก็ต้องเมาอย่างแน่นอนเพราะแค่ดาบแสงและโล่มนตรานั้นก็น่ากลัวเกินเหตุแล้วเจ้าตัวยังมีมนต์อีกหลายบทที่หน่วงเอาไว้อีกต่างหากถ้าเผชิญหน้าตอนนี้มีแค่คำว่าตายเท่านั้นที่รออยู่

“ไปเรียกตัวหัวหน้าหรือตัวเก่งๆ มาให้หมด พ่อจะเชือดให้เหี้ยนเลย มา!!” แน่นอนในสภาพการณ์นี้คงไม่มีใครอยากพาสินค้าที่สามารถหนีได้ตลอดเวลาไปด้วยแน่นอนคำท้าทายของเรย์จึงไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นักยิ่งทำให้เจ้าตัวหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

ส่วนทางด้านของเอย์จิที่หอบหิ้วเด็กคนนึงมาด้วยนั้นเขาไม่ได้ปะทะกับศัตรูเหมือนคนอื่นๆแต่พาเด็กชายหลบเลี่ยงศัตรูให้มากที่สุดแม้เขาจะมั่นใจในฝีมือของตนแต่ก็ไม่อยากให้เด็กคนนี้เสี่ยงมากจนเกินไปอีกทั้งเนื่องด้วยการโดนบุกโจมตีถึงสองทิศทางทำให้แทบไม่มีใครมาขวางเขาเลย

“ดีจังผมจะได้เจอพี่สาวแล้ว” ความดีใจทำให้เจ้าตัวยิ้มแก้มแทบปริเนื่องจากว่าอีกสักพักเขาก็จะได้เจอกับพี่สาวของเขาแล้วหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นอาทิตย์ส่วนทางด้านของเอย์จิที่เห็นดังนั้นใบหน้าที่มักจะไม่ค่อยแสดงอารมณ์มากนักก็อดเผยรอยยิ้มออกมาบางๆไม่ได้

“เดี๋ยว” แต่เขาต้องชะงักฝีเท้าพร้อมดึงร่างเล็กให้หยุดลงด้วยเพื่อพบว่าเบื้องหน้าของตนมีคนจำนานนึงที่ขวางทางเอาไว้อยู่ดูเหมือนพวกนี้กำลังหาทางหนีทีไล่อื่นแทนด้านหลังที่ถูกพวกคาซึกิและอลันโจมตีอยู่ซึ่งเอย์จิก็ไม่คิดจะปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้ต่อหน้าต่อตาแน่

“รออยู่ตรงนี้ ห้ามไปไหนเด็ดขาด เข้าใจไหม?” สิ่งเดียวที่เขากังวลหากเปิดฉากการต่อสู้คือร่างเล็กนี้นั่นแหละเพราะถ้าเขาไม่ได้มีความสามารถในการปกป้องใครสูงเหมือนเรย์ถ้าต้องสู้กันจริงๆละก็เขาไม่มั่นใจเหมือนกันว่าตนจะคุ้มกันเด็กคนนี้ได้สักเท่าไหร่

ส่วนรีน่อนนั้นพยักหน้ารับถี่ๆ สำหรับเขาแล้วเอย์จินั้นเป็นพี่ชายที่ใจดีมากที่ให้เขาทำแบบนี้คงเพราะความปลอดภัยของตัวเขาเองแน่นอนอีกทั้งเขายังสัญญาเอาไว้แล้วด้วยว่าจะทำตามที่พี่ชายคนนี้พูดเมื่อเอย์จิเห็นดังนั้นก็เบาใจได้เปราะหนึ่ง

ถ้าเทียบในบรรดาหัวหน้าหน่วยทหารมนตราทั้งหมดแล้วเอย์จิคิดว่าตัวเขาเองไม่ได้มีอะไรที่เป็นขีดสุดเลยแม้แต่อย่างเดียวเรย์มีความสามารถในการป้องกันและเยียวยาสูงที่สุด ครอสมีความสามารถในการพลิกแพลงรูปแบบของพลังมากที่สุด ไรชินมีความสามารถในการโจมตีด้วยมนตรารุนแรงที่สุดในขณะที่เขาไม่มีจุดเด่นพวกนั้น

แต่ในขณะเดียวกันหลายต่อหลายคนก็รับรู้ดีว่าเอย์จินั้นไม่ได้อ่อนแอแม้แต่น้อย(เจ้าพวกบ้านั่นต่างหากที่ดันเก่งกันเกินมนุษย์ไป)เพราะหากเทียบในแง่ของกระบวนท่าวิชาในการต่อสู้ล้วนๆเอย์จิจะเป็นที่หนึ่งในบรรดาหัวหน้าหน่วยเลยทีเดียว

เขาก้าวเท้าไปด้านหน้าอย่างว่องไวเพียงพริบตาเดียวร่างของเขาก็มาหยุดยืนเบื้องหน้าศัตรูแล้วคมดาบคาตานะที่หลับไหลอยู่ในฝักถูกชักออกมาอย่างรวดเร็วกระบวนท่าพื้นฐานของดาบคาตานะอย่างอิไอถูกใช้ออกมาด้วยความว่องไว

แม้จะใช้สันดาปแต่บาดแผลมันก็ราวกับถูกคมดาบจริงๆ ฟาดฟันนี่ถือว่าเอย์จิปราณีให้มากแล้วเพราะถ้าเป็นคนอื่นอาจไม่ออมมือให้เช่นนี้ก็ได้ส่วนทางด้านของคนอื่นๆ ในบรรดาพวกมันนั้นเมื่อเห็นศัตรูอยู่เบื้องหน้าจึงรีบปล่อยหมัดใส่ร่างของเอย์จิในทันที

แต่แน่นอนว่าเจ้าตัวสามารถหลบหลีกการโจมตีนี้ไปได้อย่างง่ายดายร่างของเขาไหววูบอย่างรวดเร็วเพียงพริบตาต่อมาก็ก้าวเท้าไปอยู่ด้านหลังของคนผู้นั้นแล้วไม่เพียงเท่านั้นเปลวเพลิงยังเริ่มลุกท่วมใบดาบในมือก่อนที่เขาจะตวัดดาบใส่ร่างของอีกฝ่ายส่งผลให้ศัตรูลดลงไปอีกหนึ่ง

หากแต่ในชั่วจังหวะนั้นเองที่เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากทางเบื้องหลังและนับเป็นครั้งแรกที่ดวงตาสีแดงอ่อนของเอย์จิเบิกกว้างขึ้นมาเป็นครั้งแรกก่อนที่เขาจะอาศัยดาบในมือต้านรับดาบที่พุ่งเข้ามาจากทางด้านหลัง

แรงปะทะมหาศาลที่ทำให้เอย์จิแทบทรุดทั้งที่เขาใช้สองมือในการต้านรับคมดาบของอีกฝ่ายแท้ๆไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีเรี่ยวแรงได้มากขนาดนี้ต่อให้อีกฝ่ายเป็นพวกผู้มีพลังวัตรก็ตามหากแต่เขาก็ไม่มีเวลาคิดมากนัก

“เห ไม่เบานี่แต่จะรับเล่มนี้ได้หรือเปล่า?” ในชั่วขณะที่เอย์จิใช้ดาบในมือต้านรับดาบอีกฝ่ายไว้ได้คมดาบอีกเล่มก็พุ่งเข้าใส่ในทิศทางที่แตกต่างด้วยความรวดเร็วแถมสภาพการณ์ของเขายังถูกเรี่ยงแรงมหาศาลของอีกฝ่ายกดไว้จนกระดิกไม่ได้อีกต่างหาก

ถึงจะถูกกดดันเต็มที่แต่เอย์จิไม่ได้กังวลเหมือนในครั้งแรกเมื่ออีกฝ่ายใช้แรงกดจากบนลงล่างวิธีรับมือก็ง่ายกว่าที่คิดเขาเบี่ยงดาบของตนที่ใช้ต้านรับโดยตรงออกส่งผลให้ร่างของอีกฝ่ายเสียสมดุลก่อนอาศัยจังหวะที่ได้มานี้หลบเลี่ยงออกมาได้อย่างง่ายดาย

‘คนๆ นี้อันตราย’ ไม่จำเป็นต้องให้ใครหน้าไหนมาบอกสัญชาตญาณของเอย์จิมันบอกมาแบบนั้นหากเขายังปล่อยให้อีกฝ่ายโจมตีต่อไปไม่แน่ว่าเขาอาจกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดคือชิงเก็บอีกฝ่ายเสียก่อน

เพลงดาบวิหคอัคคี วิหคเพลิงถลาลม

ดาบที่ทั้งร้อนแรงและรวดเร็วพุ่งเข้าใส่ร่างเบื้องหน้าในทันทีดุจดั่งวิหคที่พุ่งโฉบเข้าหาเหยื่อทางด้านของอีกฝ่ายที่เห็นดังนั้นกลับไม่ได้หวาดหวั่นแม้แต่น้อยเขาเอี้ยวร่างหลบคมดาบของเอย์จิไปได้เช่นกันแต่นั่นเองคือสิ่งที่เอย์จิรออยู่

เอย์จิก้าวเท้าลึกไปอีกขั้นตามติดศัตรูไปอย่างว่องไวและวาดดาบซ้ำอีกครั้งความรุนแรงของดาบเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมากโขทำให้สีหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่นั้นเลือนหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะใช้ดาบคู่ของตนต้านรับดาบของเอย์จิ

ความรุนแรงในครั้งนี้ส่งผลให้ร่างที่ต้านรับดาบลอยเหนือพื้นในทันทีไม่อยากจะนึกเลยสักนิดว่าหากตนรับไว้ไม่ทันดาบนี้ต้องผ่าร่างของเขาออกเป็นสองเสี่ยงอย่างแน่นอนแต่ก็ใช่ว่าจะมัวมานิ่งนอนใจได้เพราะเอย์จิยังคงพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ลดละ

ต่อหน้าเพลงดาบวิหคอัคคีแล้วการต้านรับเป็นแค่การฆ่าตัวตายเพราะในทุกดาบที่วาดออกไปนั้นจะรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆเพลงดาบที่ทั้งรวดเร็วและร้อนแรงขึ้นตามการโหมกระพรือยิ่งโจมตีต่อเนื่องมันยิ่งร้อนแรงและรวดเร็วเหมือนดั่งเปลวเพลิงที่ลุกลามอย่างไร้ผู้ต่อต้าน

เพลงดาบวิหคอัคคี วิหคเพลิงเริงระบำ

ดาบที่วาดออกไปนั้นแม้จะดูเหมือนวาดออกไปดาบเดียวแต่มันแยกออกถึงสามสายหมดหนทางที่จะทำให้ร่างของศัตรูเบื้องหน้าของเขาหลบเลี่ยงได้โดยสิ้นเชิงและยิ่งฝืนป้องกันเขายิ่งโจมตีให้ดุดันขึ้นเอย์จิมั่นใจว่าอีกไม่เกินสองดาบอีกฝ่ายจะต้องได้แผล

ทว่ากลับเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นร่างที่สมควรจะอยู่ตรงนั้นกลับหายวับไปกับตาทำเอาเอย์จิตื่นตะลึงเพราไม่คิดว่าดาบของตนจะต้องหวดใส่อากาศเช่นนี้เปลวเพลิงที่แยกดาบออกเป็นสามสายพุ่งเข้าใส่ผืนเพดานเหนือหัวในทันที

เพดานแตกกระจายและร่วงหล่นลงมาสู่พื้นตามแรงทำลายท่ามกลางความแปลกใจของเอย์จิก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ว่าแท้จริงแล้วร่างของศัตรูไปอยู่เบื้องหลังเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนที่เขาจะตวัดสายตามองไปยังร่างของอีกฝ่ายด้วยสายตาแปลกใจ

“นายนี่มันเก่งชะมัดสมคำร่ำลือเลย ไม่ไหวๆ จะให้รับมือเพลงดาบประหลาดแบบนั้นถ้าไม่ใช้พลังเต็มที่มีหวังโดนเชือดเองแหงแซะ” แม้จะพูดแบบนั้นแต่เจ้าตัวยังคงท่าทีสบายๆเอาไว้เช่นเดิมแต่ที่เอย์จิไม่เข้าใจก็คืออีกฝ่ายทำได้ยังไงในการหลบเลี่ยงคมดาบของเขาไปได้

แต่ในตอนนั้นเองหลังมือของเอย์จิก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นมาอย่างรวดเร็วหากแต่นั่นเองที่ทำให้เขาขมวดคิ้วพลังมนตราของเขาสูงขึ้นอย่างกระทันหันพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกโชนมากยิ่งขึ้น สัญลักษณ์ที่โผล่ขึ้นมาเป็นตัวเลขโรมันXIX สัญลักษณ์แห่งอัลคาน่านั่นเอง!!

แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เอย์จิแปลกใจใหญ่เขาไม่ได้สั่งใช้อัลคาน่าเลยสักนิดแต่ทำไมมันถึงทำงานขึ้นมาเองได้ที่ผ่านมานอกจากตอนที่พลังแห่งอัลคาน่าตื่นขึ้นมาครั้งแรกถ้าเขาไม่เรียกใช้มันก็ไม่เคยทำงานขึ้นมาเลยแท้ๆแต่ทำไมในวันนี้มันถึงปรากฏขึ้นมาเองได้

“อ้าว นี่นายเป็นอัลคาน่าเรอะ แล้วก็ไม่บอกก่อนฟะ!!” แต่ที่น่าประหลาดยิ่งกว่าคืออีกฝ่ายดันรับรู้ถึงตัวตนของอัลคาน่าเช่นเขานี่เสียได้ไม่ใช่แค่นั้นยังตั้งท่าจะหนีอีกแม้จะไม่ค่อยเข้าใจมากเท่าไหร่นักแต่ร่างกายก็เคลื่อนไหวเร็วกว่าความคิดเท้าพุ่งไปหาพร้อมฟาดฟันดาบเข้าใส่ในทันที

ส่วนอีกฝ่ายนั้นดูเหมือนจะอ่านออกเช่นกันพลังวัตรไหลไปรวมกันที่ดาบก่อนจรดเป็นรูปกากบาทแล้วตวัดคลื่นพลังวัตรใส่ร่างของเอย์จิอย่างรวดเร็วส่วนทางด้านของเจ้าตัวเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงก้าวเท้าหลบด้วยความเคยชินก่อนหมายจะตามศัตรูต่อแต่ก็ต้องพบว่าเพียงพริบตาต่อมาร่างนั้นก็หายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

‘เจ้านั่นเป็นใคร? ทำไมรู้ตัวตนของอัลคาน่า?’ ปัญหาคาใจที่เกิดขึ้นมาเพราะเขาไม่เข้าใจสักนิดว่าอีกฝ่ายที่ตอนแรกตั้งท่าจะสู้กับเขาทำไมพอรู้ว่าเขาเป็นอัลคาน่าแล้วถึงได้หลีกหนีไปอย่างไม่คิดชีวิตราวกับว่าต้องการเลี่ยงการปะทะยังไงยังงั้น

ในจังหวะนั้นเองกลับมีเสียงๆหนึ่งเรียกเอย์จิออกมาจากห้วงความคิดเพราะมันราวกับเป็นเสียงของคมดาบที่เฉือนลงไปบนร่างของใครสักคนแน่นอนว่านั่นย่อมไม่ใช่เขาที่หลบหลีกไปแล้วหากแต่เป็นอีกร่างหนึ่งที่ซุ่มมองอยู่

ร่างของเด็กชายคนนั้นถูกคลื่นพลังวัตรที่เขาหลบหลีกไปนั้นฟันใส่ร่างอย่างเต็มที่จนร่างเล็กนั้นสั่นกระตุกคราหนึ่งก่อนล้มลงในทันทีพลังวัตรอันน้อยนิดของเขาแทบไม่ช่วยในการป้องกันเลยแถมเขายังไม่ได้ฝึกตอบสนองให้สามารถเร่งพลังวัตรป้องกันการโจมตีด้วยดังนั้นจึงไม่ต่างจากคนไร้พลังพิเศษเลยสักนิด

“รีน่อน!!” เขาไม่ได้คาดคิดว่าเด็กชายจะมาอยู่ตรงนี้ได้เพราะสถานที่ๆให้เด็กชายหลบซ่อนตัวนั้นห่างออกไปจากที่นี่พอสมควรและไม่นึกด้วยว่ามันจะโดนเด็กชายเข้าแบบนี้ดวงตาสีแดงของเขาเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกในทันที

“แฮะๆ ขอโทษครับพี่ชาย พอดีตรงที่ผมยืนอยู่มันเกิดเพดานถล่มเลยต้องมาอยู่ตรงนี้แทน อึก” แม้จะพยายามทำตัวเหมือนดั่งปกติแต่สีหน้าที่บิดเบี้ยวของเด็กชายก็ทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่าร่างเล็กๆนั้นกำลังทรมานอยู่

แน่นอนว่าเพดานที่ถล่มนั้นไม่ได้เกิดจากฝีมือของใครอื่นนอกเสียจากตัวของเอย์จิเองเพราะเพลงดาบของเขาพลาดเป้าไปโดนเพดานไม่แปลกเลยที่เพดานทั่วอาณาบริเวณจะถล่มลงมาของแบบนี้อาจไม่มีผลกับเขาแต่กับเด็กชายนั้นแค่จะหลบหลีกก็เต็มกลืน

“ไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวพี่จะพาเราไปรักษาเดี๋ยวนี้แหละ” ถ้าหากว่าเขาพาเด็กคนนี้ไปหาเรย์แล้วละก็น่าจะมีโอกาสทำให้เด็กคนนี้รอดเขาบอกตัวเองแบบนั้นทั้งที่ในใจของตัวเองก็รับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าโอกาสที่เด็กคนนี้จะรอดแทบเป็นศูนย์

ตัวเขานั้นไม่เป็นมนต์รักษาเลยแม้แต่บทเดียวเพราะมนตราธาตุไฟนั้นมีแต่มนต์ที่ใช้ในการโจมตีและการป้องกันโดยตรงเท่านั้นไม่มีมนต์แบบอื่นเลยแต่สภาพแบบนี้เขาก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าเด็กคนนี้จะทนได้จนถึงเวลาที่เขาพาไปหาเรย์หรือเปล่า

“ไม่ต้อง คิดมากหรอกครับ ผมเป็นคนดื้อขอให้พี่พาเข้ามาเอง ดังนั้นคนผิดคือผมเอง” เขาไม่ได้โทษพี่ชายคนนี้เลยเพราะรู้ดีว่าเขาไม่ได้ตั้งใจยิ่งเมื่อเจอกับแววตาที่โศกเศร้าของพี่ชายคนนี้ด้วยแล้วยิ่งทำให้เด็กชายอดยิ้มออกมาไม่ได้

“อยากเจอพี่สาว...อีกสักครั้งจัง แต่ไม่เป็นไร...อย่างน้อยผมก็ได้เจอพี่ชายแล้วนี่นา” แม้จะเสียดายที่ไม่ได้เจอพี่สาวของตัวเองแต่แค่การได้เจอกับพี่ชายคนนี้ก็นับว่าดีแล้วสำหรับเขาพี่ชายคนนี้นั้นแม้จะค่อนข้างแสดงอารมณ์น้อยไปหน่อยแต่ก็ใจดีและอ่อนโยนกับเขาเหมือนพี่สาวไม่มีผิด

“อย่าพูดแบบนั้น เราได้เจอพี่สาวแน่นอน อดทนเอาไว้” ถึงจะรู้ตำแหน่งของเรย์แล้วก็ตามแต่จากเส้นทางและความเร็วสูงสุดของเขาคำนวณคร่าวๆก็ต้องใช้เวลาอย่างต่ำสี่ถึงห้านาทีอย่างน้อยเขาก็อยากให้เด็กคนนี้ทนให้ได้

แม้ว่าลมหายใจของร่างเล็กจะแผ่วเบา แม้ว่าพลังวัตรที่เปรียบเสมือนพลังชีวิตของเด็กชายจะเริ่มไหลออกจากร่างจนแทบจะไม่หลงเหลือ แม้ว่าเลือดสีแดงฉานจะชุ่มเสื้อผ้าและแขนที่ใช้อุ้มร่างเล็กแล้วก็ตามแต่เขายังคงมีความหวังว่าหากไปถึงเรย์เด็กคนนี้จะรอด

“ขอบคุณมากนะครับ...หลายวันมานี้สนุกมากเลย...พี่ชาย” เสียงกระท่อนกระแท่นในที่สุดก็ขาดห้วงลงพร้อมกับดวงตาของเด็กชายที่ปิดลงราวกับจะบ่งบอกได้ว่าร่างนี้ได้สูญสิ้นพลังชีวิตไปแล้วและนั่นเองที่ทำให้ขาทั้งสองข้างของเอย์จิหยุดลง

“เดี๋ยวสิรีน่อน อย่าตายนะ อย่าตาย!!” แม้จะตะโกนเช่นนั้นแต่ความหวังที่เด็กชายจะรอดชีวิตได้นั้นไม่เหลืออีกแล้วเขารู้ดีแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กคนนี้ต้องตายหากแต่แม้จะพยายามทำเช่นไรตัวเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้เลยกระทั่งจะห้ามเลือดยังมิอาจทำได้เพราะบาดแผลของเด็กชายนั้นหนักหนาเกินไป

ภาพความทรงจำผุดขึ้นมาอีกครั้งภาพผ้าคลุมที่มีสัญลักษณ์หยดน้ำผืนนั้นเปื้อนเลือดภาพของพี่ชายที่เขาทิ้งเอาไว้เพื่อเอาตัวรอดแม้สถานการณ์ในตอนนั้นกับตอนนี้จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือมีคนกำลังจะจากเขาไปอีกครั้ง

ตั้งแต่ในวันที่เขาสูญเสียพี่ชายไปเขาก็กลัวมาตลอดกลัวการที่จะมีคนตายไปต่อหน้าต่อตาแม้ว่าเขาจะเคยฆ่าคนก็ตามแต่ถ้าให้เลี่ยงได้เขาก็พยายามจะเลี่ยงถึงที่สุดและเพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เขาทุ่มเทให้กับภารกิจโดยเฉพาะภารกิจที่เกี่ยวพันถึงชีวิตคนเขาจะไม่เอามาเสี่ยงเด็ดขาดหากไม่แน่ใจเขาไม่มีวันลงมือแต่ในวันนี้เด็กตัวเล็กๆ คนนึงกำลังจะตายไปต่อหน้าต่อตาเขาโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้อีกครั้ง

“ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา พอแล้ว ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกแล้ว พอสักที ขอร้องละใครก็ได้ช่วยเด็กคนนี้ที” เสียงกู่ร้องที่กลายเป็นคำวิงวอนหยดน้ำตาไหลอาบแก้มของเอย์จิ เขาไม่อยากเห็นอีกแล้วการที่จะต้องมีคนตายเพราะเขาแบบนี้ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง

แต่ในตอนนั้นเองปีกสีเพลิงคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับที่แววตาที่สั่นไหวราวกับกำลังจะร่ำไห้เริ่มแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นความสงบนิ่งอีกครั้งหนึ่งพลังมนตราอันบริสุทธิ์หลั่งไหลออกมาจากร่างของเอย์จิพร้อมกับสติของเจ้าตัวที่ดับวูบลงแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ได้ยินเสียงสุดท้ายดังก้องอยู่ในหัวก่อนจะหมดสติไป

‘ไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยเด็กคนนี้เอาไว้เอง’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel