chapter8-8
ภายในโกดังร้างแห่งนี้นั้นหลังจากที่จับตัวผู้หญิงสองคนล่าสุดและไปซื้ออาหารกลับมาก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีกเนื่องจากว่าตอนนี้ใกล้ได้เวลาที่ต้องส่งผู้หญิงพวกนี้ไปให้นายหน้าแล้วในขณะที่ยามเหล่านั้นก็ยังคงเดินตรวจตราบริเวณที่ขังผู้หญิงพวกนั้นไปในตัว
“คราวนี้จะได้เงินเท่าไหร่ว้า พวกเราอุตส่าห์จับสาวๆหน้าตาดีมาตั้งหลายคนคราวนี้ขอหนักๆหน่อยแล้วกัน” โดยไม่ได้มีความสำนึกเลยแม้แต่น้อยเป็นพวกที่หวังแต่จะหาประโยชน์ส่วนตนเพียงอย่างเดียวเจ้ายามคนแรกที่ถือปืนนั้นลูบมือเบาๆ พลางคิดถึงรายได้ในครั้งนี้ไปด้วย
“แต่คิดว่าคงทำได้อีกไม่นานแล้วล่ะวะ หัวหน้าบอกว่าเดี๋ยวเราต้องย้ายเมืองแล้วไม่งั้นจะโดนเล่นเอา แถมสาวๆที่นี่ก็จะหมดแล้วด้วย” พวกเขาทำการค้าที่นี่มาสองถึงสามเดือนแล้วส่งสินค้าออกไปร่วมสามถึงสี่ล็อตดังนั้นจึงควรที่จะย้ายทำเลกันบ้างได้แล้ว
“ก็จริงของหัวหน้าละนะฮะๆๆ สาวๆส่วนใหญ่โดนพวกเราจับมาหมดแล้วแต่หัวหน้าก็กังวลมากไป จะมีใครมาจับพวกเราได้กันก็ในเมื่อพวกเราติดสินบนกับทางการไปแล้วนี่นา” เสียงหัวเราะของยามอีกคนที่ปราศจากความเกรงกลัวใดๆเพราะเชื่อว่าที่นี่ไม่มีทางถูกค้นพบอีกทั้งต่อให้พบก็ไม่มีทางโดนจับอีกด้วยเช่นเดียวกับยามอีกคนที่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะร่วนเช่นกัน
“นะ นี่พี่ๆ ทั้งสองคน เดี๋ยวก่อน” คำพูดที่ทำให้เท้าของยามทั้งสองชะงักกึกไปในทันทีก่อนหันไปมองก็ต้องพบว่าเจ้าของเสียงที่รั้งพวกเขาเอาไว้นั้นเป็นร่างบอบบางที่อยู่ในชุดเดรสแสนหวาน เรือนผมสีขาวยาวสยายดวงตาสีฟ้าครามคู่นั้นฉายแววอ่อนแรงเป็นอย่างยิ่ง
“มีอะไรหรือน้องสาว แต่ถ้าจะบอกให้พี่ปล่อยออกไปละก็ทำใจเถอะนะคงไม่มีทาง” เป็นบุญตาโดยแท้แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตามเพราะชุดที่แม่สาวน้อยคนนี้สวมนั้นหลุดลุ่ยจนเผยให้เห็นหัวไหล่และซอกคอที่ขาวนวลเนียนอีกทั้งกระโปรงยังขาดจนขาอ่อนขาวๆแลบออกมาอีกด้วย
“ปะ ปวดท้องมากเลยไม่รู้เป็นอะไรขอร้องละ ขอยากินหน่อยเถอะนะ” ใบหน้าที่ฉายชัดถึงความทรมานพร้อมกับเม็ดเหงื่อจำนวนมากที่ผุดพราวตามใบหน้าแต่ทางด้านของเจ้ายามสองตัวนี้นั้นกลับไม่ได้สนใจท่าทีทรมานของเธอเลยสักนิดเพราะพวกมันมองหน้ากันทีนึงก่อนยิ้มเผล่
“เอางี้เดี๋ยวพวกพี่ขอดูอาการน้องหน่อยแล้วกัน” มันตรงเข้าไปเปิดประตูพร้อมกับจ้องมองผิวขาวเนียนของเธอราวกับจะมองให้ลึกเข้าไปในส่วนที่เป็นร่มผ้ามากกว่านี้แม้จะน่าเสียดายนิดหน่อยที่หน้าอกของเธอเล็กไปนิดแต่ก็นับว่าเป็นเด็กสาวที่มีสเน่ห์มากทีเดียว
ประตูที่คุมขังร่างนั้นเอาไว้ถูกเปิดออกพร้อมกับที่ร่างบางลงมือในทันทีสันมือฟาดเข้าใส่ลำคอของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วและแม่นยำชนิดที่ว่าอีกฝ่ายยังไม่ทันที่จะรู้สึกตัวก็สลบไปทันทีส่วนยามอีกคนนั้นก็ใช่ว่าจะรอดไปได้คมมีดเล่มหนึ่งพุ่งเข้าปักร่างของเจ้าตัวอย่างรวดเร็ว
“อัก” คมมีดจมลึกลงไปบนร่างแต่มันไม่จบเท่านั้นเพราะร่างในชุดเดรสที่เพิ่งซัดคนร่วงไปหนึ่งศพนั้นยังคงไม่ได้หยุดนิ่งตามไปด้วยหมัดของร่างนั้นเสยปลายคางของเขาอย่างรวดเร็วส่งผลให้ร่างของยามผู้นั้นล้มลงไปกองอีกคน
“เจ้าพวกโง่เอ๊ย ไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย มีอย่างที่ไหนบอกสินค้าที่ตัวเองต้องส่งด้วยสายตาแบบนั้น” ถ้าไม่ติดว่าเนียร์อยู่ที่นี่เขาเลยไม่อยากทำรุนแรงไม่แน่ว่าเขาอาจควักลูกตาของพวกมันสองตัวออกมาแล้วก็เป็นได้มีอย่างที่ไหนคิดจะทำมิดีมิร้ายกับสินค้าของตัวเองและยังกล้าส่งสายตาน่าขยะแขยงนั่นมาทางเขาอีก
“สำเร็จสินะคะ รุ่นพี่เรย์” มีดสั้นที่พุ่งออกมาจะเป็นฝีมือของใครไปไม่ได้นอกจากเธอคนนี้แม้จะไม่มีพลังมนตราก็ตามแต่การปามีดให้เข้าเป้านั้นเธอค่อนข้างมั่นใจมากเลยทีเดียวยิ่งเป็นเป้าที่อยู่นิ่งๆด้วยแล้วต่อให้ไม่มีพลังพิเศษเธอก็พอจะจัดการได้
“อา เนียร์เดี๋ยวเอากุญแจพวกนี้ไปไล่เปิดให้พวกผู้หญิงที่โดนจับตัวอยู่ออกมาแล้วไปอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนไปรวมตัวกันให้เป็นกลุ่มไว้จะได้คุ้มกันง่ายหน่อย” ที่เขาอุตส่าห์ลงทุนถึงขนาดฉีกเสื้อผ้าและแสดงถึงขนาดนี้เพราะอยากได้กุญแจของห้องขังพวกนี้มาเพื่อให้ทุกคนไปกระจุกรวมกันเพื่อง่ายต่อการคุ้มกัน
“แล้วเธอจะทำยังไงที่บอกว่าคุ้มกันพวกเรา ก็เธอยังโดนผนึกพลังพิเศษอยู่เลยนี่นา” หากเป็นตามปกติเธออาจจะพอวางใจได้แต่กับสถานการณ์ตอนนี้นั้นมันผิดกันการที่ไร้พลังพิเศษแล้วไปปะทะกับพวกนั้นมีแต่ตายกับตายอย่างเดียว
“พูดถึงใครเหรอ?” ไม่ว่าเปล่าเจ้าตัวโยนกำไลสองวงที่อยู่ที่ข้อมือขวาของตนทิ้งอย่างไม่ใยดีก่อนที่เนียร์และมิเชลจะสังเกตเห็นว่าแท้จริงแล้วนั้นกำไลทั้งสองวงถูกปลดได้นานแล้วแต่เจ้าตัวแกล้งทำเป็นยังคงสวมมันอยู่เท่านั้นเอง
“ ทำได้ยังไงน่ะคะหรือว่าบนตัวของพวกมันจะมีกุญแจ ” แต่ถึงแบบนั้นเธอก็แทบไม่เห็นเลยว่ารุ่นพี่คนนี้ไปปลดกำไลออกตอนไหนเพราะเธอเห็นเพียงแค่เขาโยนกุญแจพวงนี้มาให้เธอเท่านั้นแต่ถ้าเธอสามารถปลดกำไลนี้ออกได้การคุ้มกันก็จะง่ายขึ้น
“เสียใจด้วยตัวของเจ้าพวกนี้ไม่มีกุญแจกำไลพวกนี้หรอก” ถ้ามีจะง่ายกว่านี้มากเพราะเขาคิดว่าในบรรดาคนที่โดนจับมาน่าจะมีคนที่ใช้พลังพิเศษได้อยู่ด้วยถ้าวางระบบกันดีๆอาจทำให้เรื่องง่ายขึ้นอีกขั้นแต่สิ่งที่เขาหวังเอาไว้มันก็ไม่เป็นไปตามคาดนักส่วนสองสาวนั้นกลับประหลาดใจยิ่งกว่าเก่า
“ต้องขอบคุณเจ้านี่ละนะ กว่าจะปลดเจ้าสองวงนี้ออกได้ก็เหนื่อยนิดหน่อยเหมือนกัน” ในมือของเรย์นั้นมีอุปกรณ์เล็กๆที่ถูกเรียกว่า‘คลิปหนีบกระดาษ’อยู่ด้วยแต่ตอนนี้มันถูกดัดจนบิดงอผิดรูปอีกทั้งส่วนปลายยังบิ่นไปอีกด้วย
“อย่าบอกนะว่าใช้เจ้านี่ปลดออกมา” เธอไม่อยากจะเชื่อว่าจะสามารถใช้ของแบบนี้ปลดออกได้จริงๆเพราะแม้ว่าหนังในสมัยก่อนจะเคยมีคนใช้ของแบบนี้สะเดาะกุญแจมือได้ก็ตามแต่ต้องเข้าใจว่าสมัยนี้ระบบกุญแจรัดกุมกว่าเดิมหลายเท่าแต่ยังสามารถใช้เจ้านี่แกะออกได้อีกนี่มัน
“ก็ลำบากนิดหน่อยนั่นละ แต่ก็นะเจ้านี่มันอุปกรณ์สารพัดประโยชน์จริงๆค้นยาก ต่อให้ถูกค้นเจอก็ไม่ค่อยเป็นที่สงสัยด้วย หึๆๆ” เป็นคำพูดที่ชั่วร้ายยังไงพิกลจนเธอไม่แน่ใจแล้วว่าเจ้าคนตรงหน้านั้นแท้จริงแล้วมันยังเป็นทหารมนตราหรือผู้ก่อการร้ายกันแน่
“เอารีบๆ ไปซะไป อีกเดี๋ยวถ้าเจ้าพวกนี้ไม่ติดต่อไปละก็พวกมันต้องมาตรวจดูที่นี่แน่นอน เรื่องตรงนี้ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ถ้าหากยังมีคนอยู่ตรงนี้ยิ่งทำให้เขาสู้ได้ลำบากมากขึ้นทำให้สองสาวรีบไปไขประตูห้องที่ใกล้ที่สุดของตัวเองแล้วเข้าไปพูดคุยกับคนด้านในอย่างรวดเร็ว
“งั้นเราก็ ส่งสัญญาณไปหาพวกเอย์จิดีกว่าเนอะ” เมื่อเห็นว่าเรื่องทุกอย่างเป็นไปตามแผนแล้วเขาจึงลงมือตามที่ตนตั้งใจไว้ประสายแสงสีฟ้ามาอยู่ในมือของเรย์อย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะวาดมือไปด้านบนนี่คงเป็นสัญญาณที่อลังการที่สุดที่ใช้ได้ผลเสมอและเขาคิดว่าถ้าพวกนั้นตาไม่บอดก็ย่อมต้องรู้สึกตัว
มนตราธาตุแสง ลำแสงชำระบาป
มนตราที่เขาหน่วงเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้นั้นถูกปลดปล่อยออกไปอย่างไม่ออมแรง แสงสีฟ้าสาดส่องไปทั่วอาณาบริเวณทำให้ทุกสรรพสิ่งในรัศมีหลายร้อยเมตรเจิดจ้าเปลี่ยนเวลาจากยามราตรีที่มืดมิดให้กลายเป็นยามทิวาที่ส่องสว่างในทันที
แน่นอนว่านอกจากพวกโจรและผู้หญิงที่ถูกจับเอาไว้จะได้เห็นแสงนี้แล้วพวกเอย์จิที่นั่งตั้งเต๊นท์กันมาได้เป็นวันที่สามก็ต้องเห็นแสงสว่างที่จงใจยิงขึ้นฟ้านี้เช่นกันนี้และแน่นอนทันทีที่เห็นพวกเขาก็พุ่งออกไปโดยไม่ต้องนัดแนะกันเลยสักคำ
“ชอบทำอะไรแปลกๆเหมือนเดิมเลยนะครับเนี่ย” คู่หูของเจ้าของลำแสงบ้าพลังนี้อดถอนใจเล็กๆไม่ได้เพราะมนต์ระดับสูงแบบนี้สมควรที่จะเก็บเอาไว้ใช้ในการต่อสู้แต่เจ้าตัวกลับเอามายิงทิ้งขว้างเหมือนกับว่ามันเป็นของธรรมดาเสียแบบนั้น แต่แม้ปากของเขาจะบ่นแต่มุมปากของเขากลับยกขึ้นมานิดหน่อย
“เรย์ก็ยังคงทำอะไรสมเป็นเรย์ล่ะนะ” ตอนแรกคาซึกิยังคิดอยู่เลยว่าคนๆนั้นจะเอาอะไรมาใช้แทนสัญญาณที่ไหนได้ดันใช้มนต์ระดับสูงแบบนี้แต่ต้องยอมรับว่าสมกับเป็นการกระทำของเรย์จริงๆโดยไม่รู้ตัวสักนิดว่ายามที่พูดถึงเขาคนนั้นเธอจะเผยรอยยิ้มที่น้อยครั้งจะปรากฏออกมา
“ยะฮู้!! ลูกพี่เขาเปิดทางให้ขนาดนี้เราต้องอาวะวาดให้เต็มที่” เจ้าจอมบ้าพลังอย่างเซโอนั้นยินดีปรีดาเป็นอย่างมากร่างของเขาทะยานออกไปดุจดั่งกระสุนปืนความรวดเร็วในการวิ่งไม่ต่างอะไรจากกระสุนที่ถูกลั่นไกออกไปจากรังเพลิงเขาเป็นคนที่ดีใจที่สุดเมื่อมีคำสั่งให้ลุยมาได้เสียที
ผิดกับแม่สาวที่เฉยชาต่อสิ่งรอบตัวอย่างเทรีเซียที่จ้องมองเพื่อนร่วมงานของตนเองด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายใจเล็กๆ ส่วนรากูลนั้นไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้นเพราะในทันทีที่แสงสว่างปรากฏขึ้นเขาก็พุ่งออกไปได้เร็วกว่าใครแล้วอีกทั้งด้วยความเร็วของเขาอีกเพียงสามก้าวก็จะไปถึงหน้ารังของศัตรูแล้ว
“พี่เอย์จิพี่กำลังจะไปช่วยพี่สาวของผมแล้วสินะ?” ด้วยความที่เขาเป็นเพียงเด็กธรรมดาไม่ได้มีพลังมากมายแบบทหารมนตราทำให้เด็กชายรั้งท้ายคนอื่นแต่ถึงแบบนั้นเอย์จิที่มีหน้าที่ดูแลเด็กชายไปด้วยนั้นก็กำลังมุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วไม่ผิดกับเด็กชายมากนัก
“อืม จะไปช่วยพี่สาวของเราและคนที่ถูกจับทั้งหมดกันตอนนี้เลย” แม้ว่าเขาจะออกตัวช้าแต่ไม่ได้ร้อนใจใดๆเลยเพราะเขาเชื่อมั่นในฝีมือของสมาชิกที่เหลือต่อให้เขาเดินทอดน่องเข้าไปด้านในก็ไม่คิดว่าต้องเป็นห่วงคนอื่นๆแต่อาจต้องเป็นห่วงพวกโจรนิดเพราะพวกที่พุ่งไปก่อนใครนั้นยั้งมือกันไม่ค่อยเป็นเสียด้วย
ร่างที่พุ่งเข้ามาก่อนใครอย่างรากูลนั้นเขาอาศัยจังหวะที่ยามเฝ้าหน้าประตูกำลังตกตะลึงและวุ่นวายกับแสงสีฟ้านั้นจัดการอัดพวกนั้นให้ล้มลงไปกองอย่างรวดเร็วพลังวัตรที่เขาใช้งานนั้นแม้จะไม่ทรงพลังฟ้าถล่มดินทลายแต่ก็รวดเร็วและเฉียบคมเป็นอย่างยิ่ง
ลูกเตะแรกอัดเข้าก้านคอของร่างแรกก่อนที่เขาจะใช้ขาอีกข้างเปลี่ยนอีกฝ่ายนั้นเป็นฐานส่งตัวแล้วพุ่งเข้าใส่คนที่สองในทันทีพร้อมต่อยเสียอีกฝ่ายนั้นล้มกลิ้ง เร็วจนพวกนั้นไม่รู้ตัวย่อมไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะรับมือเขาทันหรือไม่
สไตล์การต่อสู้ของรากูลตามปกตินั้นไม่ได้เน้นพลังทำลายมากนักแต่จะเน้นไปในด้านของความเร็วที่ติดอันดับต้นๆของกองทหารมนตราอีกทั้งแม้จะไม่ได้ใช้อาวุธร่วมด้วยแต่เขาก็ลงมือได้อย่างเด็ดขาดจนแม้จะไม่มีอาวุธแต่ก็ไม่ด้อยกว่าใครสักนิด
แรงระเบิดจากการทำลายล้างและความวินาศดังขึ้นมาในทันทีเมื่อร่างของเซโอนั้นวิ่งมาถึงรังของศัตรูแน่นอนว่าเขาวิ่งมาสุดแรงโดยไม่คิดจะเสียเวลาเบรกเลยสักนิดดังนั้นเขาจึงพุ่งชนเข้าใส่ประตูเข้าอย่างจัง
แต่แทนที่ร่างของเซโอจะกระเด้งออกมาเพราะการวิ่งชนประตูแต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้นเพราะในช่วงวินาทีสุดท้ายเขาฟันศอกเข้าใส่ประตูบานนั้นด้วยแม้จะเป็นแค่การฟันศอกแต่พลังวัตรที่ห่อหุ้มร่างของเขาไม่ได้ธรรมดาไปด้วยแรงปะทะในครั้งนี้ส่งผลให้ประตูขนาดยักษ์ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี
มนตราสารพัดชนิดถูกส่งมาทักทายเขาที่เป็นแขกไม่ได้รับเชิญแต่ถึงแบบนั้นเซโอก็ไม่ได้เครียดต่อให้มนต์หลายบทที่เขาทั้งจำได้และจำไม่ได้บินเข้าใส่ตัวเองตรงข้ามเขากลับยกยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีกและยืนรับมนต์เหล่านั้นโดยไม่ขยับเขยื้อนใดๆ
พลังทำลายล้างในครั้งนี้นั้นแม้จะไม่แน่ใจมากนักแต่พวกเขาก็คิดว่าไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตใดที่ถ้าโดนมนต์ไปมากขนาดนี้จะยังรอดอยู่ได้แต่ถึงแบบนั้นในพริบตาต่อมาพวกเขากลับรู้สึกว่าตนกำลังยืนอยู่ในฝันร้าย
ร่างของศัตรูนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิมหนำซ้ำแทนที่จะบาดเจ็บแต่เปล่าเลยเจ้าตัวยังคงยืนยิ้มแฉ่งได้เช่นเดิมจนพวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาหากไม่มีรอยเปื้อนของชุดและร่องรอยความเสียหายโดยรอบพวกเขาอาจคิดด้วยซ้ำว่าตนไม่ได้ปล่อยมนต์ออกไป
“ดูถูกพลังวัตรของฉันเกินไปหน่อยมั้ง ถ้าจะยิงกันจริงๆ ล่ะก็ต้องยิงให้แรงกว่านี้สักสิบเท่านะพวก” ไม่เพียงว่าเปล่าเขายังพุ่งเข้าใส่ร่างของศัตรูที่อยู่ใกล้ที่สุดในทันทีแม้จะพยายามวิ่งหนีแต่การหันหลังให้เขานั้นเป็นเรื่องโง่เง่าเป็นที่สุดเพราะเขาง้างดาบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คมดาบฟันใส่ร่างของศัตรูอย่างรวดเร็วคมดาบกรีดผ่านเนื้อของอีกฝ่ายแม้จะยั้งมือเอาไว้ไม่ให้ตายแต่การโจมตีครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความน่ากลัวของอีกฝ่ายในใจของพวกเขาให้มากยิ่งขึ้นไปอีกก่อนที่จะมีชายผู้หนึ่งที่ลอบโจมตีเขาจากทางด้านหลัง
หมัดแฝงพลังวัตรอัดใส่ร่างของเซโอในทันทีหมัดที่รุนแรงมากพอจะชกหินที่ใหญ่กว่าตัวคนให้แตกละเอียดได้แต่หมัดของเขานั้นกลับเป็นฝ่ายเจ็บเสียเองหมัดที่ต่อยใส่ร่างของเซโอนั้นมีเลือดไหลซึมออกมาในทันทีราวกับไปชกภูผาหินทั้งลูกก็ไม่ปาน
“โอ้ หมัดแรงไม่เบาเลย งั้นขอจัดเต็มที่ให้หน่อยแล้วกัน” ลูกเตะอัดใส่ร่างของศัตรูสวนกลับไปทำให้อีกฝ่ายปลิวกระเด็นไปไกลนับสิบเมตรพลังวัตรที่ห่อหุ้มร่างเอาไว้แทบไม่ต่างจากเศษหินที่โดนกะเทาะออกอย่างง่ายดายเมื่อเจอการโจมตีอันรุนแรงของเขาเข้าไป
พลังวัตรของเซโอจะเป็นสายพลังของแท้ ในด้านอื่นนั้นเซโอจะไม่เด่นในด้านใดเลยแต่พลังวัตรของเซโอจะสามารถรักษาความเรียบง่ายของคำว่า‘พลัง’เอาไว้อย่างครบถ้วนเป็นพลังอันเป็นที่สุดที่ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรได้
พลังวัตรของเซโอนั้นทั้งแข็งแกร่งและดุดันการต่อสู้ของเซโอจะมีรูปแบบเดียวคือเข้าปะทะโดยตรงวัดกันที่พลังทำลายของการโจมตีล้วนๆแม้จะมีจุดด้อยในด้านรูปแบบการโจมตีแต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีใครเลยสักคนที่กล้าบอกว่าเขาอ่อนแอ
กระบวนท่าใดๆ เขาก็แทบไม่มีเลยสักอย่างเซโออาศัยมวยวัดมั่วซั่วและสัญชาตญาณในการต่อสู้ที่ผ่านการกรำศึกและใช้พลังอันแข็งแกร่งปิดจุดอ่อนนั้นแทน พลังอันแข็งแกร่งซึ่งเป็นที่สุดในการโจมตีและป้องกันหลักการง่ายๆที่ต่อให้เด็กอนุบาลก็คิดได้แต่ผู้ทำได้จริงมีเพียงแค่เซโอเท่านั้น
อาวุธของเขาคือดาบก็จริงแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้ใช้แค่ดาบในการโจมตีทั้งหมัด ศอก เท้าทุกส่วนที่โจมตีได้เขาใช้หมดขอแค่มันทำให้อีกฝ่ายร่วงไปได้เท่านั้นซึ่งมีเพียงคนบ้าที่กล้าทำแบบนี้แต่คนบ้าคนนี้เองที่ขึ้นทำเนียบผู้ใช้พลังวัตรอันดับต้นๆของกองทหารมนตรา
กระสุนปืนรัวใส่พร้อมกับที่ร่างของศัตรูสามร่างที่ล้มลงอย่างรวดเร็วตามด้วยร่างบอบบางร่างหนึ่งที่พุ่งตามเซโอมาปืนในมือของเธอลั่นไกกระสุนออกไปจัดการศัตรูอย่างรวดเร็วแม้อาวุธที่ใช้จะเป็นปืนสั้นแต่ความรุนแรงกลับมากพอๆกับปืนไรเฟิลเลยทีเดียว
ปืนในมือของเธอถึงจะดูเหมือนปืนสั้นธรรมดาก็ตามหากแต่แท้จริงแล้วนั่นเป็นเดสเสริทอีเกิ้ล ปืนสั้นที่เป็นที่ครั่นครามในเรื่องพลังทำลายที่สามารถเป่าหัวคนให้กระจุยได้ไม่ต่างจากแตงโมที่โดนไม้ทุบซึ่งแรงสะท้อนของมันนั้นมากมายมหาศาลชนิดที่อาจทำให้ไหล่หลุดได้ง่ายๆจนต้องจับสองมือจึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก
ไม่เท่านั้นปืนในมือของเธอยังถูกดัดแปลงซ้ำให้สามารถใส่กระสุนได้เพิ่มและยังมีพลังทำลายล้างสูงขึ้นไปอีกซึ่งหากว่ามีคนมาลองยิงเล่นละก็อย่าแปลกใจในเรื่องที่อาจมีรายการกระดูกแขนหักหรือแตกจากการยิงปืนกระบอกนี้
แต่เธอกลับใช้มือเพียงข้างเดียวลั่นไกมันได้อย่างสบายชนิดที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าแขนบอบบางของผู้หญิงคนนี้จะสามารถทำได้ไม่เท่านั้นเธอยังแฝงพลังวัตรที่ทำให้พลังทำลายของกระสุนนี้รุนแรงขึ้นไปอีกจนแทบจะเป็นฝันร้ายของศัตรูเลยทีเดียว
ส่วนในมืออีกข้างของเธอนั้นเป็นมีดเล่มหนึ่งซึ่งไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากมายแต่หากลองมองดูดีๆแล้วมีดเล่มนี้จะทอแสงอ่อนจางออกมานิดหน่อยเพราะมันตอบสนองต่อพลังวัตรของเธอชนิดที่เรียกได้ว่ายิ่งใส่พลังลงไปมากเท่าไหร่ความคมของมันก็จะยิ่งพุ่งสูงมากขึ้นเท่านั้นเป็นสิ่งที่เธอใช้ต่อสู้ในระยะประชิดเป็นหลัก
อาวุธในมือของเทรีเซียแทบจะไม่ต่างไปจากทหารมาตราฐานเลยก็จริงแต่คนที่สู้กับเธอนั้นย่อมรับรู้ได้เลยว่าเธอไม่ใช่ธรรมดาโดยเฉพาะอย่างยิ่งแค่โดนยิงที่หัวไหล่แค่นัดเดียวแต่แขนของเขาแทบจะขาดกระจายจนตอนนี้ได้แต่กุมแผลร้องโอดโอยบนพื้น
“เอางี้แล้วกัน มาแข่งว่าใครจะเก็บพวกมันได้มากกว่าเงื่อนไขเดิม” เกมที่เธอเคยเล่นถูกเสนอขึ้นมาอีกครั้งซึ่งในครั้งก่อนเธอโดนบังคับให้กินข้าวและไปเดทกับเขาหนึ่งวันเต็มๆจนทำให้เธออดหงุดหงิดไม่ได้ที่ต้องเสียเวลาอันล้ำค่าไปเรื่องจะรับปากซ้ำนั้น...
“อา แต่ถ้ากลัวแพ้ก็ไม่เป็นไรนะ ฉันเข้าใจว่าเธอเพิ่งแพ้มาหมาดๆเลยอาจไม่มีความมั่นใจที่จะชนะฉันได้” และแน่นอนด้วยความที่รู้จักกันมานานทำให้เซโอป้องกันการปฏิเสธของแม่สาวคนนี้อย่างรวดเร็วพร้อมกับสิ่งที่เรียกว่าเส้นสติของเด็กสาวที่ขาดผึ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ฉันจะทำให้นายมาหมอบแทบเท้าฉันทั้งวันเลย” ปืนในมือส่งเสียงคำรามออกมาเบาๆราวกับบ่งบอกความไม่พอใจของผู้เป็นนายเช่นเดียวกับมีดในมือของเธอที่ถูกกระชับแน่นส่วนเซโฮที่ได้ยินเช่นนั้นก็กระชับดาบของตนเขาก็ประมาทไม่ได้เหมือนกันเพราะถ้าแพ้เขาโดนเอาคืนทบต้นทบดอกในคราวที่แล้วอย่างแน่นอน
