บท
ตั้งค่า

chapter8-10

ขณะเดียวกันทางด้านของเรย์ที่กำลังอารมณ์หงุดหงิดได้ที่จากการที่เขาต้องคอยคุ้มกันคนที่โดนจับมานั้นเองก็ต้องชะงักไปในทันทีจากพลังมนตราที่เอย์จิแผ่ออกมาในตอนนี้ดวงตาสีฟ้าครามที่แทบไม่อนาทรร้อนใจกับเรื่องใดๆ เบิกกว้างขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“บะ บ้าน่า ทำไม” สีหน้าที่เคยยิ้มแย้มกวนอารมณ์คนได้ตลอดเวลานั้นแปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึงก่อนตวัดสายตาไปยังทิศทางเจ้าของพลังมนตรานี้แม้มันจะดูเหมือนไม่มีอะไรเป็นพิเศษก็แค่พลังมนตราที่มากมายของคนผู้หนึ่งก็ตามแต่สำหรับเขา คนที่ได้รับการสืบทอดสิ่งนั้นมาเช่นเขาย่อมต้องรู้ดี

“อลัน คาซึกิ ฝากตรงนี้ไว้หน่อย เดี๋ยวฉันมา” ไม่รีรอคำตอบใดๆเรย์พุ่งตัวออกไปในทันทีแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความรวดเร็วเหมือนคาซึกิที่ใช้มนต์ธาตุลมเสริมความเร็วได้ก็ตามแต่ความเร็วที่เกิดจากการฝึกฝนของกล้ามเนื้อนั้นก็ไม่ใช่ระดับธรรมดา

“เดี๋ยวก่อนสิเรย์” แม้จะพยายามร้องเรียกแต่เรย์ในตอนนี้ไม่ได้สนใจเลยสักนิดซึ่งนั่นทำให้คาซึกิแปลกใจเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกับอลันที่มองอยู่เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นเรย์มีท่าทีร้อนรนแบบนั้นมาก่อนเลยราวกับมันไม่ใช่ตัวของเรย์ในตามปกติยังไงยังงั้น

ส่วนทางด้านของคนอื่นๆแม้จะสัมผัสได้ถึงพลังมนตรานี้ก็ตามหากแต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจนักเพราะหากสัมผัสเพียงผิวเผินจะรู้สึกว่ามันคล้ายคลึงกับพลังมนตราของเอย์จิและพวกเขาก็ไม่ได้สัมผัสได้ถึงสิ่งที่พิเศษกว่านั้นเหมือเรย์ด้วยจึงไม่มีใครร้อนรน

“ขืนอยู่ใกล้เจ้าคู่รักจอมเพี้ยนนั่นมีหวังโดนลูกหลงไปด้วยแน่” แค่เจ้าเซโอก็ขึ้นชื่อในด้านความบ้าพลังที่สุดในกองทหารมนตราแล้วยังมีแม่สาวที่สาดกระสุนปืนที่ป่นกำแพงคอนกรีตอย่างหนาให้กระจุยได้ออกมาเป็นว่าเล่นอีกถ้ารับเข้าไปต่อให้เป็นเขาก็ต้องบาดเจ็บอยู่ดี

“แล้วก็ดูเหมือนทางนี้จะมีงานให้ทำอยู่ซะด้วย” ที่เขาถอยห่างออกมาจากเจ้าสองคนนั้นเป็นเพราะสัมผัสได้ว่ามีคนผู้หนึ่งที่ซ่อนกลิ่นอายพลังของตัวเองได้อย่างแนบเนียนและกำลังจะก้าวเท้าหนีไปแล้วเขาจึงลอบตามมาดู

“ให้ตายสิ ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าจะยกคนมาถึงที่นี่เร็วกว่าที่คิด แถมยังสืบหาร่องรอยได้เร็วขนาดนี้อีก” ชายผู้นี้จะเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจากหัวหน้าของพวกโจรลักพาตัวเหล่านั้นเขาคิดเอาไว้ว่ากำลังจะส่งสินค้าแล้วออกไปจากที่นี่แต่นึกไม่ถึงว่าจะโดนเจอเร็วแบบนี้

“เรื่องพรรค์นั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยให้แกรอดไปได้ละ” เขาไม่เคยปล่อยเหยื่อที่ตนหมายตาเอาไว้แล้วหนีรอดไปได้และเขาจะไม่เริ่มจากเจ้านี่ส่วนทางด้านของอีกฝ่ายเมื่อได้ยินดังนั้นก็ถอนใจและลเร่งพลังวัตรของตนออกมาเช่นกัน

“เอาเถอะแค่จัดการแกคนเดียวคงไม่หนักมากหรอกมั้ง ก่อนอื่นฉันจะประกาศชื่อของตัวเองก่อนแล้วกันฉันเอนซิส ไทรอัล” แม้จะอยู่เบื้องหน้าการต่อสู้แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่มีคำว่าหวั่นไหวเลยสักนิดแสดงให้เห็นถึงความเจนศึกไม่น้อยของฝ่ายตรงข้าม

“ฉันไม่มีธรรมเนียมบอกชื่อกับคนที่กำลังจะตาย” ไม่ว่าเปล่าร่างของรากูลพุ่งไปหาศัตรูในพริบตาหมัดขวาถูกปล่อยเข้าใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายในทันทีหากแต่เอนซิสก็เหมือนจะรู้ตัวเพราะแค่เพียงเอี้ยวร่างก็หลบหมัดของเขาไปได้อย่างง่ายดาย

ดาบในมืออีกฝ่ายถูกวาดใส่ร่างของเช่นกันความเร็วของมันนั้นไม่จัดว่าอยู่ในระดับธรรมดาสักนิดแต่รากูลนั้นก็ไม่ได้มีดีแต่ชื่อเขาอาศัยมืออีกข้างกระแทกเข้าที่แขนของอีกฝ่ายซึ่งถือดาบอยู่อย่างรุนแรงจนดาบแทบจะหลุดมือก่อนที่เขาจะงอแขนขวาแล้วเปลี่ยนมาเป็นฟันศอกใส่ศัตรู

แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลนักเพราะอีกฝ่ายใช้มือต้านรับเอาไว้ได้อีกทั้งยังก้าวเท้าถอยเพื่อลดแรงปะทะให้น้อยลงไปอีกจนทำให้พลังทำลายหลงเหลือเพียงสองส่วนจากที่ควรจะเป็นแน่นอนว่าเพียงแค่นั้นย่อมฝ่าพลังวัตรที่ปกคลุมร่างศัตรูเอาไว้ไม่ได้แน่

แต่รากูลไม่ได้ใจเย็นพอจะให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้หมัดขวากำแน่นจนกระดูกลั่นกราวก่อนปล่อยเข้าใส่ศัตรูอีกครั้งหนึ่งความรุนแรงของกำปั้นนี้มากพอชกหินทั้งก้อนให้แตกได้และเขาก็มั่นใจด้วยว่าในสภาพที่ลอยคว้างกลางอากาศหลบหมัดของเขาไม่ได้แน่

ฝ่ายเอนซิสก็ไม่ได้คิดจะหลบมาตั้งแต่ต้นแล้วคมดาบในมือถูกแทงสวนกลับไปปะทะกับหมัดของรากูลในทันทีคมดาบและกำปั้นปะทะกันซึ่งหากเต็มตามปกติมือของรากูลคงถูกแทงทะลุแต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือทั้งดาบและหมัดของทั้งสองฝ่ายกระเด็นออกจากกัน

“ไม่เบานี่” นานมากแล้วที่เขาไม่เคยเห็นคนที่เอาหมัดปะทะกับดาบขอเขาตรงๆโดยไม่หลบเลี่ยงน่าเสียดายที่ในวันนี้เขาจำเป็นจะต้องเร่งจัดการเพื่อหลีกหนีความยุ่งยากมิเช่นนั้นแล้วการสู้กับอีกฝ่ายคงจะน่าสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว

ผิดกับรากูลที่ไม่ได้มีความสนุกในการต่อสู้สักนิดกลับรู้สึกยุ่งยากกว่าเดิมด้วยซ้ำที่เขาต่อสู้อยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะต้องการรายได้จากภารกิจไปใช้เลี้ยงปากท้องของตนเองและน้องสาวเท่านั้นไม่ได้ชอบการต่อสู้หรือกระหายในการผดุงความยุติธรรมอะไรเลยที่เขาสู้เพราะเห็นว่าเป็นงานที่ทำให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ลำบากเท่านั้นเขาจึงไม่เคยปรารถนาจะรับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยสักครั้ง

เมื่อมีเวลาไม่มากจึงเป็นฝ่ายรุกกลับคืนไปบ้างคมดาบถูกวาดเข้าใส่ร่างของรากูลอย่างรวดเร็วหากแต่เขาก็คว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนเตรียมปล่อยหมัดสวนหากแต่ในคราวนี้อีกฝ่ายกลับไวกว่าเขาเพราะมันเตะใส่ขาของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แม้ความรุนแรงจะไม่มากแต่ก็ทำให้รากูลเสียหลักและจังหวะไปในทันทีเปิดโอกาสให้ศัตรูเป็นฝ่ายโจมตีเสียเองคมดาบยังคงพุ่งลงเข้าใส่ร่างของเขาโดยไม่มีความปราณีราวกับจะผ่าร่างของเขาออกเป็นสองเสี่ยงคมดาบอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่เซนติเมตร

มือทั้งสองข้างของรากูลถูกใช้ในการรับดาบของอีกฝ่ายด้วยท่าฝ่ามือประกบดาบทำให้แม้ดาบที่วาดมาจะมีความรุนแรงสูงแค่ไหนแต่ก็ถูกหยุดเอาไว้จนได้ส่งผลให้เอนซิสรู้สึกขัดใจนิดหน่อยเพราะอีกนิดเดียวก็จะส่งอีกฝ่ายไปปรโลกได้แล้ว

ลูกเตะอันทรงพลังของทั้งสองฝ่ายอัดเข้าใส่ชายโครงของศัตรูเบื้องหน้าความรุนแรงของมันส่งผลให้ร่างที่โงนเงนจะล้มของรากูลกระเด็นไปหลายเมตรส่วนเอนซิสก็ล้มกลิ้งไม่เป็นท่าจากการโดนลูกเตะเข้าไปเต็มๆ

“ดันปฏิกิริยาตอบสนองพร้อมกันซะได้” เลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากลูกเตะเมื่อครู่ทำให้เอนซิสบอบช้ำภายในแต่ทางด้านของรากูลนั้นพ่นเลือดออกมาคำโตเช่นกันการปะทะกันเมื่อครู่ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บไปไม่น้อยเลยทีเดียว

แม้จะบาดเจ็บแต่รากูลกลับเป็นฝ่ายเลือกที่จะโจมตีสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะเขาเกลียดความยุ่งยากยิ่งต่อสู้นานเรื่องมันจะยิ่งยุ่งดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดคือเก็บมันให้ไวก่อนที่มันจะทันได้ทำอะไรไปมากกว่านี้พลังวัตรไหลทะลักออกมาจากร่างก่อนทะยานร่างเข้าใส่ศัตรู

หมัดขวาพุ่งเข้าใส่ร่างของศัตรูโดยตรงไร้ซึ่งลูกเล่นส่วนอีกฝ่ายที่เห็นดังนั้นจึงปัดป้องหมัดของรากูลไปได้อย่างง่ายดายแต่ทางฝั่งของรากูลปล่อยหมัดซ้ายตามซ้ำอย่างไม่ลดละหากแต่ในพริบตานั้นเองเขาก็ต้องชักหมัดกลับเพราะอีกฝ่ายแทงดายสวนมาที่ลำคอของเขา

มือซ้ายปัดป้องคมดาบด้วยความไม่ทันระวังคมดาบจึงบาดมือของเขาในทันทีแต่ถึงแบบนั้นในสายตาของรากูลมันก็ยังเป็นเรื่องดีกว่าการให้ดาบของอีกฝ่ายแทงทะลุลำคอของเขาหากแต่ในจังหวะที่เขากำลังจะเริ่มการโจมตีต่อไปนั่นเอง

“อุก” บาดแผลบนมือของเขามีอาการชาวูบแถมยังเริ่มลามเลียไปทั่วทั้งมือซ้ายของเขาแล้วอีกฝ่ายที่เห็นดังนั้นก็ขยับยิ้มก่อนที่จะตวัดดาบเข้าใส่ร่างของรากูลซ้ำอีกครั้งแต่เขาก็ยังสามารถพาร่างของตัวเองหลบเลี่ยงคมดาบและถอยออกห่างศัตรูมาได้

“ดาบนั่นมีพิษ” ไม่จำเป็นต้องคิดหาสาเหตุให้ยุ่งยากเพราะนี่มันอาการของการโดนพิษชัดๆพลังวัตรภายในร่างก็ค่อนข้างติดขัดจนแสดงพลังออกมาได้ไม่ถึงหกส่วนจากปกติดวงตาสีแดงของเขาจับจ้องไปยังร่างของศัตรูที่ยิ้มร่า

“ก็นะบอกแล้วว่าไม่มีเวลาเล่นด้วย ถ้าไม่อยากตายก็รีบๆ ไปให้คนอื่นรักษาซะ” เป็นแผนการที่เรียบง่ายแต่ได้ผลคนปกติคงเลือกจะถอยเมื่อโดนพิษที่เราไม่รู้จักเพราะหากว่ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปอาจมีอันตรายถึงชีวิตเลยก็เป็นได้

“อะ เจอลูกพี่พอดีเลยแบบนี้ก็รอดแล้วสิ” เจ้าโจรคนนึงที่ดูจะดีใจมากเมื่อได้มาเจอเอนซิสเพราะคิดว่าตนจะรอดแน่แล้วส่วนทางด้านของรากูลหรี่ตาลงเล็กน้อยในสภาพที่โดนพิษแถมยังต้องเผชิญหน้ากับศัตรูระดับนี้เขาอาจจำเป็นจะต้องถอยจริงๆยังไงเสียแต่ดั้งเดิมจุดหมายของพวกเขาคือช่วยคนที่โดนจับมาการกวาดล้างโจรเป็นแค่ของแถมถ้าจะถอยตอนนี้ก็ไม่เสียหาย

ในขณะที่เขากำลังใช้ความคิดนั้นคมดาบของเอนซิสก็ตวัดใส่ลูกน้องเต็มแรงร่างของลูกน้องคนนั้นโดนฟันจนขาดสะพ่ายแล่งซึ่งแน่นอนว่าเพียงแค่ดาบเดียวก็ต้องสิ้นใจอย่างแน่นอนในขณะที่เอนซิสมองร่างนั้นราวกับมดปลวก

“อย่ามาตีซี้น่าไอ้พวกกระจอกที่ฉันยอมให้พวกแกเป็นลูกน้องเพราะจำเป็นต้องใช้คน พวกที่อ่อนแอน่ะยังจะเสนอหน้าออกมาอีก” คำพูดที่ไม่แม้แต่จะเหลียวแลอีกฝ่ายนั้นทำเอารากูลอดขมวดคิ้วไม่ได้ไม่นึกเลยว่าเจ้านี่จะสามารถฆ่าลูกน้องของตัวเองได้อย่างไม่ลังเลแบบนี้

“ถ้าจะโทษก็โทษที่ตัวเองอ่อนแอเองแล้วกัน จำเอาไว้ซะ ความอ่อนแอน่ะเป็นบาป” เท้าของเอนซิสขยี้ร่างของคนที่โดนฟันจนสาหัสนั้นไปด้วยทำให้ร่างที่นั้นสั่นกระตุกก่อนจะแน่นิ่งไปบ่งบอกเลยว่าสิ้นชีวิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เอ้า มาต่อกันดีกว่าว่าไงจะถอยหรือว่าจะ...” พูดได้เพียงเท่านั้นเสียงของเขาก็ต้องขาดห้วงไปเนื่องจากในตอนนี้พลังวัตรเริ่มปะทุออกมาจากร่างเบื้องหน้าของเขาโดยไม่สนใจพิษที่กำลังอยู่ในร่างกายของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

“เมื่อกี้ แกว่ายังไงนะ ความอ่อนแอเป็นบาปงั้นเหรอ แกพูดคำนั้นออกมาสินะ ไอ้-บัด-ซบ” ดวงตาสีแดงคู่นั้นทอประกายวาวโรจน์ดุจดั่งสัตว์ร้ายพร้อมจับจ้องไปยังร่างของอีกฝ่ายจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างนั้นทำให้เอนซิสถึงกับเหงื่อไหลซึมไปชั่วครู่

“มีอะไรผิดตรงไหน คนอ่อนแอน่ะไม่มีสิทธิมีเสียงอะไรหรอก โลกนี้น่ะพลังคือทุกสิ่งหรือจะเถียงว่ามันไม่ใช่แบบนั้น” แต่ถึงแบบนั้นเจ้าตัวก็ยังคงยืนยันในแนวคิดเดิมของตนเองโดยไม่รู้สักนิดว่าการพูดเช่นนี้ไม่ต่างอะไรจากการโยนออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าใส่เปลวเพลิงและมันกำลังจะทำให้เปลวเพลิงนั้นลุกโชนและปะทุออกมา!!

ใบหน้าที่เคยเบื่อหน่ายและหงุดหงิดตามปกติมาบัดนี้กลับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธที่ล้นทะลักในวินาทีนี้เขาไม่สนอีกแล้วไม่ว่าจะหลักการของตัวเองหรือเป็นภารกิจอะไรที่ไหนกระทั่งพิษที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของเขายังถูกเมินข้ามเขารู้แค่ว่าจะต้องส่งเจ้าตัวตรงหน้าไปลงนรกให้จงได้

“ลิมิต2” พลังวัตรปะทุออกมาจากร่างของเขาอย่างรุนแรงพลังวัตรสีแดงดุจดั่งเปลวเพลิงห้อมล้อมร่างของรากูลอย่างรวดเร็วทำให้ดวงตาของเอนซิสถึงกับเบิกกว้างเพราะตามปกติแล้วพลังวัตรนั้นจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าได้เลย

กรณีที่มองเห็นด้วยตาเปล่านั้นแสดงว่าพลังของอีกฝ่ายกล้าแกร่งมากเสียจนทำให้สามารถมองเห็นพลังวัตรได้อย่างเด่นชัดสามารถทำให้พลังที่ไม่อาจมองเห็นเข้มข้นจนสามารถมองเห็นขึ้นมาด้วยตาเปล่าได้ที่บอกได้เลยว่าคนที่ทำได้ในโลกนี้มีเพียงหยิบมือเท่านั้น

หากแต่มีสิ่งหนึ่งที่เอนซิสไม่ได้สังเกตเห็นก็คือหลังมือขวาของรากูลที่ส่องแสงออกมาอย่างเจิดจ้าสัญลักษณ์เลขโรมันXV ส่วนทางด้านของรากูลนั้นไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้วเขาพุ่งเข้าใส่ร่างของศัตรูโดยมีคำว่า‘ฆ่า’ลอยอยู่เต็มสมอง

ความรวดเร็วที่สูงขึ้นจนน่าตกใจเพียงแค่ชั่วพริบตาหมัดของรากูลก็อัดใส่หน้าของศัตรูเรียบร้อยแล้วแต่ในสายตาของเอนซิสที่โดนเข้าไปเต็มๆนั้นนี่หมัดนี้รุนแรงราวกับว่าเขาโดนค้อนขนาดยักษ์กระแทกใส่ใบหน้าไม่ใช่หมัด

หมัดอีกข้างและลูกเตะพุ่งออกไปติดกันจนแทบจะมองไม่ทันและแน่นอนว่ามันย่อมปะทะกับร่างของเอนซิสโดยไร้ทางป้องกันแม้จะมีพลังวัตรช่วยคุ้มกันอยู่แต่ไม่ได้ผลมากนักเพราะพลังทำลายของแต่ละหมัดนั้นรุนแรงเหลือเกินเมื่อรวมกับอาการบาดเจ็บดั้งเดิมก็ทำให้เขาแทบยืนไม่ขึ้นแล้วทำให้เขาตัดสินใจวาดดาบใส่ร่างเบื้องหน้า

เสียงดาบปะทะกับร่างหากแต่มันราวกับดาบของเขาไปปะทะกับหินผายังไงยังงั้นดาบในมือถูกอีกฝ่ายรับเอาไว้ได้อย่างง่ายดายโดยไร้ซึ่งบาดแผลใดๆไม่จบแค่นั้นพลังวัตรสีเพลิงนั้นปะทุออกมาจากร่างอย่างบ้าคลั่งก่อนจะ

ดาบถูกขยี้จนแหลกละเอียดในครั้งเดียวแสดงให้เห็นถึงเรี่ยวแรงอันมหาศาลได้เป็นอย่างดีเหตุการณ์เบื้องหน้าทำให้เอนซิสถึงกับอ้าปากค้างเพราะไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะมีใครที่สามารถหักดาบซึ่งแฝงพลังวัตรเข้าไปได้แบบนี้แถมยังหักอย่างง่ายดายไม่ต่างจากการหักไม้บรรทัดพลาสติกอันนึง

แต่ทางฝั่งของรากูลนั้นไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้นหมัดของเขายังคงกระหน่ำใส่ร่างของศัตรูอย่างไม่หยุดยั้งเสียงกระดูกแตกร้าว เลือดของอีกฝ่ายไหลซึมออกมาจากร่างที่โดนต่อยจนเปื้อนหมัดหากแต่รากูลนั้นไม่สนใจในเรื่องนั้นเลยในตอนนี้เขารับรู้แค่การเข่นฆ่าเท่านั้น

“เพราะแก เพราะมีคนอย่างแก รู้ไหมว่ามันทำให้เกิดการสูญเสียมาเท่าไหร่แล้ว!! ไอ้สารเลวเอ๊ย!!” เขางอนิ้วเป็นกรงเล็บก่อนที่จะอัดพลังวัตรลงไปในมือจนล้นทะลักเนื้อหนังที่มือของเขาเริ่มหลุดลอกเนื่องจากพลังวัตรที่มากมายเกินกว่าจะควบคุมก่อนจะ

รอยแผลห้าสายปรากฏขึ้นบนร่างท่ามกลางเสียงร้องอย่างทรมานร่างของเอนซิสในยามนี้ถูกโจมตีเสียจนแทบจะเละไม่เหลือสภาพแขนทั้งสองข้างแตกละเอียด อวัยวะภายในบอบช้ำสาหัส กระดูกในร่างกายแตกเสียหายไปเป็นจำนวนมาก

“ยังๆ ยังหรอก แค่นี้มันยังไม่เพียงพอสำหรับคนอย่างพวกแก” เจ้าคนที่เลือดเข้าตาไปแล้วไม่สนอะไรทั้งนั้นจนกว่าลมหายใจอีกฝ่ายจะหายไปเขาจะไม่หยุดมือจนกว่าที่มันจะดับดิ้นสิ้นชีพเขาจะลงมือให้หนักยิ่งกว่าเดิม ตัวรากูลในยามนี้ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่หลุดจากการควบคุมแม้แต่น้อย

กรงเล็บพุ่งเข้าใส่ลำคอของอีกฝ่ายหมายจะเด็ดชีวิตของศัตรูในครั้งนี้โดยไม่มีคำว่าลังเลหรือยั้งมือ ความหวาดกลัวผุดวาบขึ้นมาในจิตใจของเอนซิสเขาสำนึกแล้วว่าไม่ควรจะมายุ่งกับทหารมนตราพวกนี้เลยโดยเฉพาะเจ้าคนเบื้องหน้านี่

จังหวะนั้นเองที่ข้อมือของรากูลถูกคว้าไว้ก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นคนคุ้นเคยเจ้าคนที่มาคว้ามือของเขาเอาไว้นั้นหาใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากเจ้ารองหัวหน้าหน่วยสองที่ใช้เรี่ยวแรงของตนเองหยุดรากูลไว้ได้อย่างหวุดหวิด

“พอเถอะน่า เราไม่ได้รับคำสั่งให้จับตายฆ่ามันไปเดี๋ยวเป็นเรื่องเปล่าๆ” การฆ่าโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นอาจทำให้พวกเขามีปัญหาได้แม้จะไม่ถึงขั้นโดนลงโทษเพราะอาจจะอ้างได้ว่าป้องกันตัวแต่ก็ยุ่งยากไม่น้อยแต่ทางด้านของรากูลตวัดสายตาไปมองราวกับจะบอกว่า‘แล้วคิดว่าฉันจะสนหรือยังไง’

“ถ้าอยากให้มันชดใช้กรรมก็ให้มันอยู่ต่อไปสิ ด้วยอำนาจของเราสามารถแกล้งมันยังไงก็ได้ การปล่อยให้มันตายต่างหากถึงจะเป็นเรื่องที่สบายเกินไป” หลักการง่ายๆที่เขาเคยได้ยินลูกพี่ของตัวเองพูดมาซึ่งไม่มั่นใจว่าจะใช้ได้ผลหรือเปล่าแต่เขาภาวนาให้มันรามือไปเร็วๆเพราะมิเช่นนั้นเขาก็คงต้องงัดอัลคาน่าของตนออกมาหยุดเจ้านี่แล้ว

แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะได้ผลเพราะรากูลลดมือลงอย่างเชื่องช้าแสดงให้เห็นว่าเจ้านี่ดูจะยอมปล่อยให้อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่แล้วแต่ยังไม่วายตวัดลูกเตะใส่อีกฝ่ายซ้ำจนร่างนั้นกระเด็นเข้าไปฝังในกำแพงก่อนเดินออกไปอย่างเงียบงัน

“อย่าฝังมันลงกำแพงสิฟะ ฉันขี้เกียจแงะมันออกมานะ เอาเถอะให้พวกเฮียปอเขามาแงะเอาเองแล้วกัน” ไม่คิดหรอกว่าจะตายเพราะพวกเขารู้ดีว่าผู้มีพลังวัตรนั้นอึดมากกว่าที่คนอื่นคิดแต่ถ้ายังลงมือต่ออีกสักสองสามครั้งละก็ไม่แน่

“เกิดอะไรขึ้น?” ปกติแล้วเธอไม่เคยเห็นรากูลมีท่าทีเช่นนั้นมาก่อนแม้จะขี้หงุดหงิดแต่รากูลเป็นคนที่สามารถรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้แทบทุกเวลาเธอคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะระเบิดอารมณ์ออกมาได้ขนาดนี้และคงไม่มีคำไหนเหมาะสมกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไปกว่าคำว่า‘คลุ้มคลั่ง’

“เอ้อ เพราะไปก้าวล้ำเส้นของมันเข้าน่ะซี่ เจ้านั่นก็รนหาที่ตายจริงๆ” เขาพอจะเข้าใจความรู้สึกของรากูลสำหรับลูกผู้ชายเรื่องบางเรื่องต่อให้รุนแรงขนาดไหนแต่ในสายตาของพวกเขาก็ยังสามารถทำใจให้ทนกับมันได้แต่บางเรื่องนั้นทันทีที่ก้าวล้ำเส้นเข้าไปสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของพวกเขาก็คือคำว่าฆ่าเท่านั้น

ทางฝั่งของรากูลนั้นเมื่อทะยานร่างออกมาได้สักพักเขาก็ทรุดลงกับพื้นทันทีพิษกระจายไปทั่วร่างเนื่องจากเขาเร่งพลังวัตรของตนเองออกมาอย่างบ้าคลั่งจนแขนซ้ายทั้งแขนเป็นสีเขียวคล้ำทำให้เขาต้องเริ่มโคตรพลังเพื่อขับพิษออกมา

“เสด็จพ่อ ผมคงเป็นอย่างท่านไม่ได้ ท่านเคยบอกว่ากษัตริย์ที่ดีต้องเก็บงำอารมณ์ส่วนตัวของตนเองเอาไว้ แต่ในวันนี้ผมกลับให้อารมณ์ครอบงำสติเสียได้” มันเหมือนกับถอดสลักทั้งหมดออกมาความเกรี้ยวกราดทั้งหมดระเบิดออกมาจนหยุดไม่อยู่สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของเขามีเพียงการฆ่าเท่านั้น

แต่เพราะแบบนี้ทำให้เขาอดที่จะนึกถึงภาพความทรงจำในอดีตไม่ได้ในวันวานที่เขายังคงมีความสุขและสามารถวิ่งเล่นได้อย่างสนุกสนานมีพ่อ แม่และความอบอุ่นของครอบครัวจนกระทั่งสิ่งนั้นได้มาพรากมันไปจากเขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel