chapter8-6
หลังจากหมดสติไปเพราะยานอนหลับเนียร์ก็ได้สติขึ้นมาอีกครั้งในตอนแรกที่เธอตื่นขึ้นมารู้สึกแปลกใจนิดหน่อยเพราะตอนแรกนั้นสมองของเธอยังคงรู้สึกมึนงงจากยานอนหลับที่ได้รับเข้าไปและยังไม่เข้าใจด้วยว่าตนเองอยู่ที่ไหน
“ไง ฟื้นแล้วเหรอเนียร์” คำทักทายที่ทำให้แม่สาวน้อยเบนสายตาไปหาซึ่งก็หาใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากเรย์ที่ยังอยู่ในชุดวันพีทตัวเดิมหากแต่สิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิมก็คือชุดที่เลอะเทอะกว่าเดิมนิดหน่อยอีกทั้งตอนนี้ที่ข้อมือข้างขวามีกำไลรูปร่างแปลกตาอยู่สองวงด้วย
“รุ่นพี่เรย์ที่นี่ที่ไหนคะ? แล้วทำไมชั้นถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ล่าสุดเท่าที่เธอจำได้ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ในห้องที่โรงแรมนั้นอยู่เลยแต่ทำไมพอตื่นขึ้นมาเธอถึงมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้แถมยังเป็นห้องปิดทึบที่แทบมองไม่เห็นแสงสว่างเลยแบบนี้อีก
“พวกเราโดนจับตัวมาน่ะสิ ดูเหมือนว่าเหยื่อจะกินเบ็ดไวกว่าที่คิดน่ะ?” ในประโยคหลังเรย์เพียงแค่ขยับปากแต่ไม่เปล่งเสียงเนื่องจากไม่ต้องการให้คนอื่นรู้แต่ถึงแบบนั้นทางด้านของเนียร์ก็ดูออกได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก
“เธอนี่เข้มแข็งจังเลยนะ ทั้งที่ถูกลักพาตัวมาที่ไหนก็ไม่รู้ยังสามารถยิ้มได้อีก” เสียงของคนอีกผู้หนึ่งก่อนที่เนียร์จะสังเกตว่าภายในห้องเล็กๆนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอสองคนหากแต่ยังมีเด็กสาวที่อายุไล่เลี่ยกับเธออีกคนนึง
“ก็นะ ไม่รู้จะเครียดไปทำไมในสถานการณ์แบบนี้ต่อให้เครียดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะงั้นก็อย่าเพิ่มความเครียดจนเป็นภาระให้ร่างกายและระบบประสาทจะดีกว่า” เป็นหลักเกณฑ์ที่พิลึกพิลั่นสุดฤทธิ์แต่พอมองจากสีหน้าคนพูดแล้วมันกลับดูน่าเชื่อถือขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“แต่ที่น่าแปลกก็คือไม่นึกเลยจริงๆว่าพวกนั้นจะรวยถึงขนาดใส่กำไลผนึกพลังให้พวกเราแบบนี้นะเนี่ย” กำไลที่ข้อมือข้างขวาของเขานั้นแน่นอนว่ามันไม่ใช่ของเขาแต่เป็นของที่เจ้าพวกลักพาตัวมาพวกนั้นใส่ให้กับเขาในตอนที่จับเขามาต่างหาก
กำไลผนึกพลังนั้นเป็นอุปกรณ์ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาหลังจากที่เรื่องผู้ใช้พลังพิเศษแพร่หลายแล้วซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทำไว้ใช้ในการต่อต้านผู้มีพลังพิเศษโดยเฉพาะโดยกำไลผนึกพลังวัตรนั้นจะทำให้การเร่งพลังวัตรออกมาภายนอกร่างกายทำได้อย่างยากลำบากส่งผลให้การใช้พลังวัตรนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก
ส่วนกำไลผนึกมนตรานั้นจะมีผลทำให้ไม่สามารถดึงพลังจากธรรมชาติรอบตัวมาได้หรือให้พูดง่ายๆก็คือทำให้ไม่สามารถใช้มนต์บทใดได้เลย ทำให้อุปกรณ์สองอย่างนี้เป็นที่นิยมในวงคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องต่อสู้กับผู้มีพลังพิเศษ
ทางด้านของเนียร์ที่เห็นดังนั้นเธอก็สีหน้าเปลี่ยนไปในทันทีเพราะในสภาพที่ใช้พลังพิเศษไม่ได้นั้นเธอก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับคนธรรมดาเลยสักนิดแถมกำไลวงนี้ก็ถูกสร้างให้ทนทานต่อการโจมตีในระดับนึงอีกด้วยถ้าไม่ใช้กุญแจไขออกเกรงว่าจะหมดหนทางในการทำอะไรได้เลย
“ว่าแต่ทำไมคนที่โดนจับมามีแค่สามคนเองล่ะเนี่ย หรือพวกมันจะเพิ่งเริ่มงาน” แต่เจ้าเรย์ก็ยังไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวใดๆทั้งสิ้นแม้สถานการณ์จะเข้าขั้นวิกฤติก็ตามเขายังคงสามารถดำเนินการตามแผนเดิมได้อย่างไม่หวั่นเกรงใดๆทั้งสิ้น
“คนอื่นโดนจับเอาไว้อีกห้องอื่นน่ะ ดูเหมือนว่าพวกมันจะจับพวกเราให้ขังแยกห้องเอาไว้เพื่อป้องกันการรวมตัวกันหลบหนี แถมข้างนอกยังมีคนคอยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกับเฝ้าตลอดเวลาด้วย แต่เท่าที่ได้ยินพวกมันคุยกันน่าจะมีไม่ต่ำกว่ายี่สิบคนละมั้ง” หากทำได้เธอก็อยากหนีอยู่เหมือนกันแต่พวกมันเล่นผนึกพลังพิเศษเอาไว้แถมยังป้องกันเสียเต็มที่ทำให้ไม่มีทางหลบหนีได้เลย
“งั้นเหรอ” เรย์เอามือทาบผนังอย่างแผ่วเบาพลางหลับตาไปด้วยอาจเป็นเพราะพวกมันคิดว่าผนึกพลังพิเศษทั้งหมดไปแล้วเลยทำให้ห้องที่ใช้ขังนั้นเป็นห้องธรรมดาๆซึ่งเรี่ยวแรงผู้หญิงไม่มีทางจะทำลายได้อย่างแน่นอน
“ทำไงดีคะรุ่นพี่เรย์ เราติดต่อให้พวกหัวหน้าเขาเปลี่ยนแผนดีไหม?” แน่นอนหากเป็นคนปกติที่ถูกผนึกพลังพิเศษไปนั้นย่อมไม่มีทางใช้มือเปล่าสู้กับศัตรูที่ยังไม่แน่ว่าจะมีจำนวนมากเท่าไหร่ได้เลยแต่ถึงแบบนั้นเรย์กลับส่ายหน้า
“อย่าคิดมากน่า แค่โดนจับมาแถมผนึกพลังพิเศษไปแค่นี้เอง ทางรอดน่ะมีอยู่แล้วอย่ากลัวไปเลย” เขาเล่นละครให้กับผู้หญิงอีกคนที่ถูกขังไว้ที่เดียวกันไปด้วยและตอบแม่สาวน้อยคนนี้ไปในตัวว่าเขามีวิธีที่จะสามารถฝ่าออกไปได้แน่นอน
‘ปัญหาที่เฉพาะหน้าที่หนักกว่านั้นก็คือ ทำยังไงถึงจะสามารถคุ้มกันคนทั้งหมดเอาไว้ได้เนี่ยสิ’ เขามั่นใจในฝีมือของตัวเองแต่สภาพการณ์บวกกับเงื่อนไขแบบนี้นั้นจะให้บุกฝ่าศัตรูเหมือนที่ทำอย่างทุกทีคงไม่ได้คงจำเป็นจะต้องพลิกแพลงให้มากหน่อยละ
ส่วนทางด้านของพวกเอย์จินั้นตามสัญญาณที่ติดไว้กับตัวเรย์มาในที่สุดพวกเขาก็ตามมาถึงรังของพวกมันจนได้รังของพวกมันอยู่ในป่าค่อนข้างลึกแถมยังมีภูมิประเทศที่เป็นภูเขาซึ่งยากต่อการที่ทางการจะหาเจอได้ต่อให้ค้นหาจากทางอากาศก็ไม่แน่ว่าจะเจอเนื่องจากติดต้นไม้ที่บดบังทัศนวิสัย
“ที่เหลือเราก็คงทำได้แค่รอให้ลูกพี่ติดต่อมาเท่านั้นอะนะ?” แม้จะรู้สถานที่กบดานของศัตรูแต่ด้วยเนื้องานทำให้พวกเขาไม่สามารถที่จะบุกตะลุยไปเลยได้แบบทุกทีมิเช่นนั้นแล้วละก็ภารกิจคราวนี้คงจบไปเรียบร้อยแล้ว
“ระหว่างนี้เราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากซุ่มรออยู่แบบนี้” ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ นั่นแหละเพราะ การช่วยตัวประกันนั้นไม่ใช่ของง่ายคนที่ผ่านภารกิจมามากมายอย่างเธอย่อมต้องรู้ดีคงได้แต่คาดหวังว่าชายคนนั้นจะทำสำเร็จในเร็ววันเท่านั้น
“ระหว่างนี้เราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา ถ้าเรย์ติดต่อมาเราจะบุกเข้าไปทันที” ถึงคนที่เคยอยู่หน่วยเดียวกับเรย์มาก่อนอย่างเขาจะรู้ดีว่ารายนั้นต้องเอาตัวรอดเองได้แต่การต้องคุ้มกันคนจำนวนนับสิบอาจหนักมือจนเกินไปดังนั้นหากเรย์ติดต่อมาเขาจะรีบเข้าไปด้านในทันที
“เดี๋ยวนะครับ ทำไมที่นี่มีเด็กมาด้วยล่ะ” ด้วยความสามารถทางการมองเห็นของอลันทำให้เขาสามารถมองเห็นร่างเล็กๆ ของเด็กชายคนนึงในระยะห่างออกไปหลายร้อยเมตรที่กำลังก้าวเท้าเข้าไปยังรังของพวกนั้นโดยคิดว่าไม่มีใครเห็นท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องไปทางนั้น
“ปล่อยไว้แบบนี้พวกมันรู้ตัวแน่” แค่มองก็รู้ว่าเด็กคนเดียวแทบท่าทางลอกแลกแบบนั้นหากเข้าไปเผชิญหน้ากับเจ้าพวกที่นั่งเฝ้าอยู่หน้ารังของคนร้ายแล้วละก็ถ้าไม่ถูกยิงตายก็ต้องถูกจับเข้าไปอย่างแน่นอนแต่ไม่ทันที่คาซึกิจะลงมือกลับมีร่างของคนผู้หนึ่งที่กลับว่องไวยิ่งกว่า
“ลิมิต1” เป็นรากูลที่พุ่งไปตั้งแต่รู้ตัวว่ามีเด็กอยู่ตรงนั้นแล้วพร้อมสั่งใช้ความสามารถของตัวเองในทันทีพลังวัตรภายในร่างปะทุขึ้นมาพร้อมกับที่เขาทะยานร่างออกไปเร็วเสียจนเห็นเงาไหววูบวาบเป็นความเร็วระดับสูงที่คนทั่วไปหรือคนที่ฝีมือไม่ถึงขั้นแทบไม่มีทางมองตามได้ทัน
เขาจัดการคว้าร่างเล็กนั้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับเอามืออุดปากร่างนั้นไว้แล้วทะยานร่างกลับมาในทันทีเป็นจังหวะที่ไม่มีทางที่จะมีใครรู้ตัวเพราะเขาลงมืออย่างไร้ร่องรอยและอำพรางพลังของตัวเองเป็นอย่างดีก่อนที่เขาจะโยนร่างของเด็กชายลงกับพื้น
“โอ๊ย เจ็บ” แน่นอนว่าการโดนโยนลงพื้นมันย่อมต้องเจ็บแต่นี่นับว่าปราณีมากแล้วเพราะในวินาทีต่อมาเด็กชายก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าไม่กี่วินาทีก่อนตนยังอยู่ตรงหน้ารังของเจ้าพวกลักพาตัวอยู่เลยแต่มายามนี้กลับมีคนหลายต่อหลายคนมาล้อมเขาซะแบบนั้น
“คิดอะไรเรอะเจ้าหนู วิ่งเข้าไปหาพวกนั้นอยากถูกยิงตายรึไง?” การวิ่งเข้าไปของเด็กคนนี้ในสายตาของเซโอไม่ต่างอะไรกับการไปตายนอกจากว่าเด็กคนนี้จะแข็งแกร่งเท่าพวกเขาการวิ่งเข้าไปแบบนั้นจึงจะดูมีความคิดขึ้นมานิดนึง
“ผมจะไปช่วยพี่สาว พี่สาวของผมถูกจับอยู่ในนั้นผมจะไปช่วยพี่!!” เป็นคำกล่าวที่เถรตรงและทำให้เหล่าทหารมนตราที่อยู่ที่นั่นชะงักไปในทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดวงตาสีน้ำตาลที่มุ่งมั่นคู่นั้นด้วยแล้วทำเอาพวกเขาเงียบกันไปในทันที
“ใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้เรายังไม่รู้เลยว่าพี่สาวของเราถูกจับไว้ส่วนไหนของบ้านหลังนั้น ถ้ารีบร้อนพลีพลามไปอาจทำให้พี่สาวของเราได้รับอันตรายแทนก็ได้” อลันที่ถนัดในการรับมือเด็กที่สุดเกลี้ยกล่อมในทันทียังไงพวกเขาก็ทนมองเด็กคนนี้เข้าไปในนั้นตัวคนเดียวไม่ได้
“อุ” เด็กชายคนนั้นชะงักไปในทันทีเพราะเขาไม่เคยคาดคิดในจุดนี้เลยและเป็นจริงอย่างที่พี่คนนี้พูดหากเขาฝืนเข้าไปต่อให้สามารถเข้าไปได้แต่ถ้าพวกมันทำอะไรพี่สาวของเขาขึ้นมาไม่เท่ากับว่าพี่สาวจะตายเพราะเขาหรอกเหรอ
“และอีกอย่างถึงเข้าไปแล้วมั่นใจเหรอว่าจะเอาชนะพวกนั้นแล้วช่วยพี่ของตัวเองออกมาได้ เจ้าพวกนั้นเป็นมืออาชีพต่อให้เป็นเด็กพวกมันก็ไม่ลังเลจะฆ่าหรอกนะ” แค่การที่พวกนั้นกล้าลักพาตัวเด็กไปขายคาซึกิก็ไม่คิดสักนิดว่าหากจำเป็นพวกมันจะลังเลในการฆ่าเด็กพวกนั้นที่เป็นสินค้าเพราะงั้นเด็กคนนี้พวกมันก็กล้าลงมือฆ่าทิ้งแน่นอน
“เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง ผมไม่สนหรอกขอแค่ช่วยพี่สาวออกมาได้เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญ” เป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแนวแน่ราวกับไม่ใช่เด็กอายุประมาณสิบขวบเลยสักนิดชนิดที่ว่าคนมองยังอดแปลกใจไม่ได้
“เข้าไปตายแล้วก็ให้พี่สาวของตัวเองเสียใจอย่างนั้นเหรอ แล้วไม่คิดหรือไงว่าต่อให้พาพี่สาวออกมาได้แล้วจะไม่โดนตามล่า” ในสายตาของเทรีเซียนั้นเธอมองทุกอย่างในแง่ของผลลัพธ์เสียมากกว่าและในสายตาของเธอสิ่งที่เด็กคนนี้จะทำมีโอกาสสำเร็จไม่ถึงหนึ่งในหมื่น
“แล้วจะให้ผมทำยังไง!! ผมไม่ยอมอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้พี่สาวเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาหรอก!! ถ้าพวกพี่ไม่มาช่วยก็อย่ามาขวาง” เป็นคำพูดที่แม้จะเป็นการเอาแต่ใจของเด็กแต่ก็ตรงใจของคนฟังอย่างมากก่อนที่ร่างเล็กนั้นจะเริ่มเดินไปตรงนั้นอีกครั้งหนึ่งแต่ในตอนนั้นเอง
ร่างของเด็กชายลอยขึ้นสูงจากการที่ร่างของเด็กชายค่อยๆโดนยกขึ้นให้ลอยเหนือพื้นอย่างรวดเร็วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นหาใช่ฝีมือของใครเลยนอกเสียจากชายที่ไปคว้าร่างของเด็กคนนี้ขึ้นหรือก็คือรากูลนั่นเอง
“อย่าปากดีมากนักไอ้หนู แกยังไม่เคยรู้จักการเข่นฆ่าจริงๆด้วยซ้ำ การสักแต่พุ่งเข้าไปดีแต่จะไปหาที่ตาย” แรงบีบลำคอนั้นแม้จะไม่มากแต่ทำให้เด็กชายเริ่มรู้สึกอึดอัดร่างเล็กดิ้นไปมาแรงกดดันที่รากูลแผ่ออกมานั้นทำให้เด็กชายกำลังสั่นน้อยๆด้วยความหวาดกลัว
“ผมไม่มีวันปล่อยพี่สาวให้เป็นอะไรไปโดยเด็ดขาดถ้าจะให้ผมตาย ผมก็ขอตายเพื่อพาพี่สาวกลับมา” ความกลัวทำให้เสียงของเจ้าตัวสั่นไปเล็กน้อยแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ดวงตาสีน้ำตาลแม้จะหวาดกลัวแต่ก็ไม่มีคำว่ายอมแพ้ปรากฏอยู่เลยสักนิด
“พอได้แล้ว ปล่อยเด็กคนนี้ซะชั้นจะดูแลเด็กคนนี้เอาไว้เอง” เจ้าคนที่มีตำแหน่งมากสุดในที่นี้นั้นออกปากและบีบบังคับให้รากูลปล่อยมือออกจากเด็กคนนี้ส่วนทางด้านของเจ้าตัวก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากนอกจากปล่อยคอเสื้อของเด็กชาย
“เราชื่ออะไร?” ตั้งแต่เปิดการสนทนามาเขายังไม่ได้รู้ชื่อของเด็กคนนี้เลยเนื่องจากประโยคแรกเซโอนั้นเรียกเด็กคนนี้ว่าเจ้าหนูแล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีใครคิดถามไถ่ชื่อของเด็กคนนี้แม้แต่คำเดียวส่วนทางด้านเด็กชายกระพริบตาปริบๆ
“ผมชื่อรีน่อน นาเรียสครับ”
“ตอนนี้ใจเย็นๆ ก่อนพวกพี่เป็นกองทหารมนตราที่จะมาช่วยพี่สาวของเราและคนที่โดนจับไป แต่ตอนนี้เรายังบุกเข้าไปไม่ได้เพราะอาจทำให้คนที่โดนจับได้รับอันตรายได้ เพื่อนของพี่เข้าไปด้านในเพื่อช่วยเหลือคนที่โดนจับแล้วรอให้เพื่อนของพี่เขาส่งสัญญาณออกมาแล้วเราจะเข้าไปช่วยพี่สาวของเราทันที ตกลงไหม” ถ้าทำได้เขาก็อยากบุกเข้าไปด้านในเลยเหมือนกันแต่จนกว่าเรย์จะติดต่อมาเขายังทำแบบนั้นไม่ได้ส่วนทางด้านของเด็กชายที่ได้ยินดังนั้นก็เงียบไป
“ตกลง แต่ตอนที่พวกพี่บุกเข้าไป ผมขอเข้าไปด้วยได้ไหม?” ผิดกับท่าทีที่ใช้กับคนอื่นโดยเฉพาะเจ้ารากูลโดยสิ้นเชิงเพราะความนอบน้อมที่แฝงมากับน้ำเสียงนั้นผิดกันลิบลับแต่คำพูดนี้ทำให้คนอื่นๆอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้
“พี่สาวเราน่ะไม่ต้องเป็นห่วงหรอกพวกพี่จะช่วยเอง เรากลับไปเถอะเวลาพี่สาวของเรากลับบ้านจะได้ดีใจที่ได้เจอเราไง” พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องเพิ่มภาระให้กับตัวเองดังนั้นอลันจึงพยายามเกลี้ยกล่อมเด็กชายเต็มที่แต่เจ้าตัวก็ส่ายหน้าอยู่ท่าเดียว
“มั่นใจนะว่าเอาตัวรอดเองได้เจ้าหนู เราไม่ได้จะไปเล่นกันนะเราจะไปสู้กับอาชญากรจริงๆ” โดยส่วนตัวแล้วเซโอไม่ห้ามเพราะจากแววตาแล้วเขารู้ดีว่าห้ามไปก็เท่านั้นเด็กคนนี้แม้จะอายุยังน้อยแต่แววตากลับแน่วแน่เกินตัวคิดว่าคงรักพี่สาวมากและต่อให้บอกว่าอันตรายแค่ไหนก็คงจะเข้าไปให้ได้อยู่ดี
ส่วนรีน่อนนั้นเม้มปากแน่นใช่ว่าเขาจะไม่รู้มันเป็นคำขอที่เอาแต่ใจเกินไปแต่ถึงแบบนั้นเขาก็อยากจะไปช่วยพี่สาวด้วยอยากจะไปหาพี่สาวให้เร็วที่สุดว่าพี่สาวของเขานั้นไม่เป็นไรแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้คนเหล่านี้พาเข้าไปด้วยดี
“พี่จะพาไปด้วยก็ได้ถ้า เราเชื่อฟังที่พี่พูดในระหว่างที่บุกเข้าไปห้ามไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาดไม่งั้นพี่จับส่งออกมาแน่ ตกลงไหม?” และเป็นเอย์จิที่ยอมรับปากกับเด็กคนนี้และเป็นอีกครั้งที่ทำให้หลายต่อหลายคนแปลกใจส่วนเด็กชายที่ได้ยินดังนั้นพยักหน้ารับถี่ๆ
“ตกลงครับ ผมจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนขอบคุณมากครับพี่ชาย” ไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมพี่ชายคนนี้ถึงยอมช่วยเขาแต่ถึงแบบนั้นเขาก็รู้สึกดีใจที่อย่างน้อยก็มีคนยอมช่วยเหลือเขาในขณะที่คนอื่นๆไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก
“จะดีเหรอการพาเด็กคนนี้เข้าไปอาจจะอันตายก็ได้” คาซึกิมองในอีกมุมนึงเพราะการเพิ่มเด็กคนนี้เข้าไปจะทำให้พวกเขาต้องมาคอยห่วงหน้าพะวงหลังแม้จะพอเข้าใจและชื่นชมในความรู้สึกที่อยากช่วยพี่สาวของเด็กคนนี้แต่มันคนละเรื่องกัน
“ก็ยังดีกว่าให้เด็กคนนี้แอบลอดเข้าไปเองละนะ ถึงเวลานั้นจะกลายเรื่องใหญ่กว่านี้อีก” เพราะเชื่อได้เลยว่าถ้าพวกเขาไม่ยอมพาเข้าไปเด็กคนนี้จะต้องบุกเข้าไปแบบเดิมอีกอย่างแน่นอนเมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่มีใครในกลุ่มแย้งสิ่งใดอีก
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจปล่อยเด็กตัวเล็กๆคนนึงถูกเจ้าพวกนั้นทำอะไรได้อยู่แล้วส่วนพวกที่ไม่เห็นหัวใครอย่างรากูลหรือพวกที่ประเมินความสำเร็จของภารกิจเป็นหลักอย่างเทรีเซียนั้นคิดดูแล้วว่าต่อให้รวมเด็กคนนี้เข้าไปด้วยการจะทำภารกิจให้สำเร็จก็ไม่ยากมากนักจึงไม่ได้แย้งอะไรอีก
แต่แท้จริงแล้วไม่มีใครรู้หรอกว่าที่เอย์จิออกปากแย้งและช่วยเหลือเด็กคนนี้นั้นเพราะชั่วเสี้ยววินาทีนึงเขาเห็นเด็กคนนี้ซ้อนทับกับตัวเองต่างหากในชั่ววินาทีที่เด็กคนนี้ดื้อจะไปช่วยพี่สาวของตัวเองให้ได้ทำให้เขาคิดถึงวันนั้นขึ้นมาในทันที
‘พาทุกคนออกไปก่อนเถอะเอย์จิตรงนี้พี่จัดการเอง ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพี่จะรีบตามไปให้ไวเลย’ เขายังจำได้อย่างไม่ลืมเลือนในวันที่พี่ชายของเขาออกปากให้เขาถอยไปก่อนแล้วตนจะถ่วงเวลาเอาไว้ให้ในสถานการณ์ที่แทบไม่น่าจะรอดมาได้เลยแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ต้องทำเพราะปล่อยให้ลูกน้องใต้บังคับบัญชาตายมากไปกว่านั้นไม่ได้
แต่ถ้าในวันนั้นเขาเลือกที่จะอยู่สู้พร้อมพี่ชายของเขาแล้วละก็ในวันนี้พี่ชายของเขาก็อาจจะยังเป็นหัวหน้าหน่วยที่สองอยู่ก็ได้ตำแหน่งที่ตกทอดมาจากพี่ชายของเขาและหล่นมาถึงเขานั้นไม่ได้ทำให้เขาดีใจเลยสักนิดกลับมีแต่ทำให้เขาเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น
ถึงแบบนั้นเขาก็ยังไม่ยอมลงจากตำแหน่งไม่ว่าใครจะมาท้าทายก็ตามเพราะเขาจะเก็บตำแหน่งนี้เอาไว้ให้พี่ไคหากมันมีโอกาสแม้สักเล็กน้อยที่ว่าพี่ชายของเขายังมีชีวิตอยู่แล้วละก็เขาก็จะเชื่อเช่นนั้นและจนกว่าจะถึงวันนั้นเขาก็จะยังเป็นหัวหน้าหน่วยที่สองต่อไปจนกว่าพี่ชายของเขาจะกลับมา
