บท
ตั้งค่า

chapter8-4

หลังจากหาที่ซ่อนรถกันดีแล้ว(หรือต่อให้ไม่ดีเรย์ก็ไม่สนอย่างมากขากลับก็เรียกรถประจำหน่วยมารับ)พวกเขาจึงหาที่นั่งเหมาะๆแล้วนั่งประชุมกันเสียก่อนเนื่องจากว่าจนตอนนี้ก็ยังไม่มีแผนการอะไรดีๆเกี่ยวกับภารกิจในครั้งนี้เลยสักนิด

“แล้วตกลงจะเอายังไงที่บอกว่ามีแผน” แม่สาวที่เห็นภารกิจเป็นสำคัญออกปากเพราะเท่าที่เธอดูแล้วในตอนนี้นั้นเธอยังมองไม่เห็นทางเลยว่าจะทำยังไงถึงจะหารังขององค์กรค้ามนุษย์เจอแถมยังต้องช่วยตัวประกันอีกด้วย

“มันมีก็มีอยู่หรอก แต่ไม่มั่นใจนะว่าจะสำเร็จหรือเปล่า บอกไว้เลยว่าแผนนี้ความเสี่ยงสูง พวกนายกล้าจะเสี่ยงหรือเปล่าละ” เขาคิดไว้สักระยะแล้วเพียงแต่ว่ามันมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงถ้าพลาดขึ้นมามีโอกาสเป็นอันตรายทั้งพวกเขาทั้งตัวประกันเลยด้วย

“เหอๆ ของผมเอาไงก็ได้ขอแค่เป็นคำสั่งของลูกพี่ จะบุกน้ำลุยไฟเจอเสือ จระเข้ งูเห่า ฉลามหรือตัวอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ” เจ้าคนที่ไม่ซีเรียสกับชีวิตอีกคนนึงไม่ได้สนใจถึงความเสี่ยงในแผนการเท่าไหร่นักเพราะโดยส่วนตัวแล้วเชื่อในแผนการของลูกพี่และฝีมือของตัวเอง

“ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่นะ หวังว่าไอ้ที่คิดมามันจะได้ผลแล้วกัน” เจ้าคนมนุษย์สัมพันธ์ต่ำก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำเช่นไรจึงจะเคลียร์เงื่อนไขนี้ได้เพราะนี่ไม่ใช่ภารกิจที่จะทำได้แบบสุ่มสี่สุ่มห้าหากพลาดขึ้นมาย่อมหมายถึงชีวิตของตัวประกันและอีกอย่างแม้เขาจะไม่ค่อยได้ทำงานร่วมกับใครแต่เคยได้ยินชื่อเสียงของเรย์มาพอควรอีกทั้งเขายังเคยเห็นฝีมือของอีกฝ่ายมาก่อนแล้วด้วย

“ลองพูดมาดูสิ เพราะยังไงตอนนี้ก็ไม่มีแผนการอื่นแล้วด้วย” เช่นเดียวกับเอย์จิแต่ต่างนิดตรงที่เขาค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวเพื่อนคนนี้เพราะในตอนที่ยังอยู่หน่วยเดียวกันหลายต่อหลายครั้งแผนการพิสดารของเรย์ทำให้พวกเขาชนะในศึกที่ยากลำบากมาแล้วส่วนอลันและคาซึกิไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรทั้งสิ้นเพราะเชื่อนมั่นในตัวของเรย์เช่นกัน

“ก็ง่ายๆ เราจะแกล้งส่งเหยื่อล่อไปให้มันจับตัวแล้วติดเครื่องส่งสัญญาณไปด้วย พวกมันคงไม่คิดหรอกว่าเหยื่อที่มันจับไปจะมีทหารมนตราอยู่ด้วย แล้วหลังจากนั้นก็ให้คนที่ถูกจับไปคุ้มกันตัวประกันแล้วค่อยให้พวกที่เหลือบุกถล่มด้วยพลังทั้งหมดก็พอ” เป็นแผนการง่ายๆสำหรับเหตุการณ์นี้ในเมื่อเขาหาศัตรูไม่เจอก็รอให้พวกมันมาหาแล้วให้พวกมันจับไปก่อนถอนรากถอนโคนให้จบก็แค่นั้น

“วิธีนี้จะได้ผลหรือคะ มันจะระแวงคนที่มาใหม่รึเปล่า เพราะที่นี่เป็นเมืองที่ไม่ค่อยได้รับการสนใจจากเมืองหลวงด้วย อีกอย่างยังไม่แน่เลยว่าพวกมันจะมาจับเหยื่อที่เราวางเอาไว้จริงๆ หรือเปล่า” เป็นเหตุผลในการแย้งที่นับได้ว่าดีมากเลยทีเดียวกระทั่งเรย์ยังอดชื่นชมเล็กๆไม่ได้เพราะถ้าไม่ใช่สายข้อมูลจริงๆจะไม่ค่อยรู้เรื่องนี้นัก

“เมืองนี้น่ะเป็นเส้นทางต่อไปยังเมืองราเรียสที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทางนึงแต่ไม่ค่อยมีคนใช้เส้นทางนี้จากสภาพถนน แค่อ้างว่าพวกเราจะไปยังเมืองราเรียสก็ถือว่าสมเหตุสมผล ส่วนในเรื่องนั้นไม่น่าห่วงแกล้งบอกว่าพวกเราเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่คุ้นกับเส้นทางก็โอเคแล้ว” แน่นอนเขาคิดถึงเหตุผลรองรับเอาไว้อยู่แล้วถึงได้กล้าเสนอแผนการบ้าระห่ำเช่นนี้แถมยังเตรียมอุปกรณ์มาพร้อมแล้วด้วยแต่ถึงแบบนั้นในกรณีที่ทำจริงก็ยังจัดได้ว่าอันตรายอยู่ดีตอนแรกเขาจึงยังไม่ได้เสนอออกไป

“ทำไมถึงปลอมเป็นนักท่องเที่ยวแล้วจะดีละครับ?”

“อ่อ โทษทีอลันลืมอธิบายไปเพราะนักท่องเที่ยวน่ะเป็นเป้าหมายที่พวกมันหมายตามากที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยมากคนต่างถิ่นจะพูดภาษาท้องถิ่นไม่เป็นเท่าไหร่ทำให้ไม่ค่อยมีคนพูดคุยมากนักหากคุยภาษาถิ่นของคนๆนั้นก็สามารถตีสนิทได้ง่าย ที่สำคัญคือต่อให้นักท่องเที่ยวคนนั้นหายตัวไปก็จะคิดเพียงแค่ว่าเดินทางไปต่อแล้วส่วนทางบ้านก็จะคิดเพียงแค่ว่ายังไม่กลับ กว่าจะรู้ตัวว่าโดนจับไปก็โดนจับส่งขายไปแล้ว” มันเป็นหลักการง่ายๆที่ถ้าลองคลุกคลีไปนานๆจะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติและถ้าคิดจะอยู่ในวงการนี้ก็ควรจะศึกษาเอาไว้

เป็นแผนการที่ทำให้ทุกคนเงียบไปแม้จะมีความเสี่ยงสูงแต่ในทางตรงข้ามก็มีความสำเร็จสูงด้วยเช่นกันเพราะขอแค่เข้าไปในรังของพวกมันได้ก็สามารถคุ้มกันคนที่ถูกจับไปได้ง่ายแถมยังสามารถส่งข่าวมาบอกตำแหน่งรังของพวกมันแก่คนที่เหลือได้ด้วย

“ตัวแผนการผมไม่ว่าหรอกนะลูกพี่แต่เรื่องคนที่จะทำนี่จะเอายังไง ในกลุ่มเรามีผู้หญิงแค่สองคนเอง อย่าบอกนะว่า...” ไอ้ตัวแผนการเขาก็เห็นด้วยเพราะคิดว่ามันมีโอกาสสำเร็จสูงถ้าทำดีๆหน่อยภารกิจนี้ก็สามารถทำได้ไม่ยากเพียงแต่เขามีปัญหานิดตรงคนที่จะไปทำ

“ก็แหงกลุ่มเป้าหมายของมันจับผู้ชายไหมละ ก็ต้องให้เทรีเซียกับเนียร์แฝงตัวไปอะดิ” ถ้ามันยอมจับผู้ชายไปสิที่เขาจะเชือดพวกมันทิ้งให้หมดการที่มันจับผู้หญิงไปก็ยังนับว่ารสนิยมของคนในโลกนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นปกติอยู่

“ขอค้านเลยลูกพี่ เรื่องอื่นอาจพอทำใจได้แต่เรื่องนี้ผมไม่เห็นด้วย” แต่ในคราวนี้คนที่ทุกทีจะเออออไปกับเรย์ในทุกๆสถานการณ์กลับออกปากปฏิเสธอย่างชัดแจ้งดวงตาสีเหลืองอ่อนของเจ้าตัวนั้นวาวโรจน์ขึ้นมาชั่วขณะราวกับจะบอกว่าไม่ว่าจะยังไงก็ไม่คิดจะยอมความอีกด้วย

“เทรีเซียเฉยชาเกินไป ผู้หญิงที่ไหนเวลาถูกจับตัวไปแล้วจะเฉยได้เท่านี้อีก ผมคิดว่าต่อให้เธอโดนพวกมันจับไปก็คงทำหน้าแบบนี้จนผิดสังเกตเปล่าๆ” เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงและมีเหตุผลอย่างยิ่งเพราะนิสัยอย่างเทรีเซียนั้นไม่ใช่คนที่จะแสดงอารมณ์มากเท่าไหร่นักยิ่งให้แสดงท่าทีตกใจกลัวนั้น...กระทั่งเซโอที่ทำงานร่วมกันมานานยังแทบจะจินตนาการไม่ออกแต่นั่นก็ทำให้แม่สาวข้างตัวคิ้วกระตุกไปนิดหน่อยเพราะมันราวกับบอกกลายๆว่าเธอไม่เหมือนผู้หญิง

“เรื่องนั้นมันก็ใช่แฮะ” เป็นจุดบอดในแผนการที่เขาคาดไม่ถึงไปในบัดดลเพราะดันมีคนเฉยชาสนิทได้ขนาดนี้แต่มันก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอีกคนอีกคนที่เป็นผู้หญิงคือคาซึกิแต่เขาสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่บอกใครเรื่องของเธออย่าว่าแต่จุดเด่นของเธอคือดาบถ้าถูกริบดาบไปก็จะลดทอนพลังต่อสู้ลงไปมากเลยด้วย

“แต่จะให้เนียร์ไปคนเดียวก็ไม่ได้ มันเสี่ยงเกินไป” ฝีมือของเนียร์อยู่ในขั้นไหนเขาย่อมรู้ดีการให้เธอคุ้มกันคนจำนวนมากนั้นเท่ากับบีบให้เธอละทิ้งจุดเด่นของตัวเองจนอาจเกิดอาการบาดเจ็บสาหัสส่งผลให้ภารกิจล้มเหลวได้ง่ายๆไม่นับรวมเรื่องที่เด็กผู้หญิงอายุสิบห้าเดินทางคนเดียวไม่สมเหตุสมผลอีก

“เรื่องมันก็ง่ายนิดเดียวนี่ครับ ไม่จำเป็นต้องใช้ผู้หญิงจริงๆสักหน่อยก็แค่หา‘คนหน้าตาคล้ายผู้หญิง’ก็พอไม่ใช่เหรอ” เจ้ามือปืนประจำทีมเบนสายตามายังเรย์ที่กำลังครุ่นคิดหากแต่คำพูดนี้เองที่เหมือนกับตัวจุดประกายให้กับทุกคน

“นั่นสินะ ปกติร่างอัลคาน่าของเจ้านี่ก็ครึ่งหญิงครึ่งชายอยู่แล้วด้วย” ด้วยเหตุผลบางประการทำให้รากูลนั้นเคยเห็นเรย์แต่งชุดเมดมาแล้วเหมือนกันซึ่งในตอนแรกแม้เขาจะรู้จากกลิ่นอายแต่ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้อยู่ดี

“เดี๋ยวๆ ไอ้เนียนเนี่ยมันหมายความว่า...” ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าการคิดแผนการเช่นนี้ออกมานั้นมันเป็นเรื่องที่วกงานเข้ามาหาตัวเองยังไงพิกลสังเกตได้จากสายตาของทุกคนในที่นี้ยกเว้นเนียร์ที่มองมาทางเขาอย่างพร้อมเพรียงด้วยแล้ว

“จะให้เรย์แต่งหญิงเข้าไปเป็นเหยื่อล่อสินะ แบบนี้อาจได้ผลก็ได้” ไม่รู้ว่าเธอคิดเช่นนั้นจริงหรือแค่ต้องการเอาคืนเรื่องที่เขาจับหน้าอกของเธอกันแน่คาซึกิถึงได้เห็นดีเห็นงามไปด้วยกับแผนการนี้ทั้งที่ตามปกติเป็นคนที่ไม่ชอบการทำตามแผนแท้ๆ

“เฮ้ย ไม่มีรายการถามความสมัครใจหน่อยเหรอฟะ จะเผด็จการไปเปล่า?” ถ้าหากไม่รีบหาทางแก้มีหวังงานนี้เขาได้แต่งหญิงจนจบภารกิจแน่นอนไอ้ตามปกติที่เขายอมแต่งเป็นเพราะคำขอของเรเดียหรอกนะแต่ไอ้เรื่องแบบนี้มันผิดกัน

“โทษทีนะเรย์ งานนี้เพื่อภารกิจและชีวิตคนบริสุทธิ์น่ะ” ในแง่ของความสามารถแล้วเรย์ก็เหมาะสมที่สุดทั้งความสามารถในการป้องกันและการรักษาอีกทั้งอาวุธของเรย์ยังเป็นแค่สร้อยเส้นเล็กๆที่เหมือนเครื่องประดับไม่เด่นสะดุดตามากอีกต่างหากไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าหมอนี่แล้วดังนั้นเอย์จิจึงสนับสนุนอย่างเต็มที่

“แหะๆๆ ลูกพี่ขอรับไหนๆลูกพี่ก็เป็นคนเสนอแผนการเพราะงั้นถ้าให้ลูกพี่ปฏิบัติเองย่อมต้องดีที่สุดสิขอรับ” เช่นเดียวกับเจ้าเซโอที่เตรียมจะใช้กำลังเต็มที่หากว่าเขาไม่ยอมแต่โดยดีถ้าเจ้านี่คนเดียวยังพอว่าแต่ถ้ารวมคนอื่นๆไปด้วยถ้าเขายังหนีได้ก็เก่งเกินละ

“ยอมรับชะตากรรมเถอะน่า” วาจาเชือดเฉือนทำเอาเรย์อยากเอาดาบแสงแทงใส่มันสักทีหากแต่มันก็เป็นอย่างที่เจ้านี่ว่ามาดูเหมือนว่าเขาจะโดนโหวตให้ทำตามแผนการของตัวเองเสียแล้วแถมยังไม่สิทธิปฏิเสธอีกด้วย

“แหม อย่าคิดมากสิครับเรย์ เรื่องแค่นี้เอง” เจ้าตัวแสบที่เป็นตัวต้นเรื่องนั้นยิ้มแย้มอย่างสนุกสนานที่ได้เห็นความทุกข์ของเขาจนเรย์ได้แต่คาดโทษในใจเพราะอันที่จริงหากเจ้าบ้านี่ไม่เป็นตัวต้นเรื่องละก็เรื่องอาจไม่เลยเถิดมาหาเขาก็ได้

ร่างสองร่างกำลังก้าวเดินไปในถนนลูกรังอย่างแช่มช้าโดยเป็นร่างของสองสาวที่ดูงดงามกันไปคนละแบบร่างหนึ่งเป็นร่างที่อยู่ในชุดวันพีทสีฟ้าอ่อนมีลวดลายคลื่นน้ำอย่างพอเหมาะ เรือนผมสีขาวสะอาดถูกมัดรวมไว้หลวมๆ ดวงตาสีฟ้าครามดุจดั่งท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งเมฆหมอกนั้นฉายแววขุ่นเคืองเหมือนกับไม่พอใจอะไรบางอย่างอยู่

ส่วนอีกร่างหนึ่งนั้นดูเด็กกว่านิดหน่อยเธออยู่ในชุดกางเกงค่อนข้างทะมัดทะแมงตามแฟชั่นที่วัยรุ่นชอบใส่เรือนผมสีแดงอ่อนออกไปทางชมพู ดวงตาสีแดงจนราวกับเม็ดทับทิมอันงดงามเมื่อมารวมกับใบหน้าน่ารักแล้วทำให้เธอดูงดงามไม่แพ้คนแรกแต่เป็นความงดงามกันคนละแบบ ในมือของทั้งสองลากกระเป๋าเดินทางกันคนละใบไปด้วย

“เวรเอ๊ย รู้งี้ไม่น่าคิดแผนการนี้ขึ้นมาเลย ปล่อยให้พวกมันนั่งหัวโตกันต่อไปยังจะดีซะกว่า” ดูเหมือนว่าแม่สาว(?)คนแรกจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เสียงที่ติดออกไปทางหวานนั้นฉายแววไม่สบอารมณ์ค่อนข้างมาก

“แหะๆ ทำไงได้ละคะรุ่นพี่เรย์ ไม่มีใครเหมาะสมกับหน้าที่นี้เท่ารุ่นพี่แล้วนี่นา อา ฉันหมายถึงความสามารถน่ะค่ะ” สายตาไม่พอใจที่ทำให้สาวน้อยแท้ๆต้องเก็บคำพูดของตนเองแล้วเปลี่ยนใหม่มิเช่นนั้นอาจมีคนเหวี่ยงหนักกว่าเดิม

“ก็ไม่ใช่ไม่เข้าใจหรอก แต่มันเซ็งนะ ปกติที่ฉันยอมแต่งนี่เพราะเรเดียอ้อนแต่ภารกิจนี้อันที่จริงยังมีตัวเลือกอื่นตั้งเยอะ ทำไมต้องให้ฉันมาแต่งหญิงด้วยฟะ” หากจะให้พูดไปแล้วเจ้าอลันก็ใช่ว่าจะไม่เหมาะเพราะรายนั้นถ้าสวมวิกแล้วแต่งหน้าสักนิดก็ไม่ต่างจากผู้หญิงเหมือนกับเขานั่นแหละ

อีกอย่างเจ้าพวกนั้นทำเอาสะใจชัดๆเอย์จิ รากูลและเทรีเซียน่ะดูเหมือนจะทำเพื่อภารกิจจริงๆแต่เจ้าเซโอ อลันและคาซึกินั้นมันเอาความสนุกมาแจมด้วยส่วนหนึ่งโดยเฉพาะอลันที่ก็น่าจะรู้จักเขาดีกว่าใครแต่ก็ยังแกล้งกันแบบนี้อีก

“แต่นี่ก็เป็นวิธีที่มีโอกาสช่วยคนที่โดนจับตัวไปมากที่สุดแล้วไม่ใช่หรือคะรุ่นพี่” เป็นอย่างนั้นจริงๆมิเช่นนั้นเขาไม่ยอมทำตามแผนการบ้าๆนี่หรอกแต่ถึงแบบนั้นเขาก็อดจะเคืองไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละว่าทำไมมันต้องเป็นเขา

“จะว่าไปรุ่นพี่เรย์นี่ใจดีกับเรเดียจังเลยนะคะ เรเดียน่ะพูดตลอดเลยว่ารุ่นพี่เป็นพี่ชายที่ดีที่สุดในโลก” ถึงเรย์จะมีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีนักถึงคนอื่นจะบอกว่าเรย์เป็นยังไงก็ตามแต่ตัวเธอนั้นรับรู้ได้ถึงความใจดีของคนข้างตัวได้เป็นอย่างดี

เธอก็รู้และดูออกโดยไม่ต้องบอกด้วยว่าที่เรย์นั้นยอมแต่งชุดเมดเป็นเพราะเพื่อนของเธอขอเพราะเธอก็โดนลากมาแต่งชุดเมดเป็นประจำซึ่งหากถามว่าอายไหมต้องตอบว่าตอนแรกเธออายมากเลยทีเดียวกว่าจะสามารถทำงานต้อนรับลูกค้าแบบนั้นได้ใช้เวลาพักใหญ่เลย

แต่คนข้างตัวของเธอไม่ใช่เพราะเขายอมแต่งชุดเช่นนี้อย่างเต็มใจและไม่อายเลยสักนิดทั้งที่เขาเป็นผู้ชายแม้จะไม่ชอบแต่เขาไม่เคยปฏิเสธคำขอของเรเดียเลยแม้แต่ครั้งเดียวเรื่องนี้เธอได้รับการยืนยันจากเพื่อนของเธอเองเลยด้วย

“ถามว่าอายไหม? ต้องตอบว่าไม่ละนะแค่ไม่ชอบและอีกอย่างเราจะอายไปทำไมละ ถ้าการทำแบบนี้ทำให้คนสำคัญของเรามีความสุขได้แค่ความไม่ชอบใจนิดหน่อยน่ะ พี่ทนได้อยู่แล้ว” เขาไม่ได้คิดว่าการแต่งชุดเมดนี่เป็นภาระเท่าไหร่เขาแค่ไม่ได้รู้สึกชอบชุดร่มร่ามแบบนั้นมันก็เท่านั้นเองไม่มีอะไรที่มากไปกว่านั้นเลย

สำหรับเขาแล้วขอแค่คนสำคัญของเขามีความสุขเรื่องอื่นจะเป็นยังไงเขาไม่สนทั้งนั้นแต่เดิมเขาไม่เคยสนใจหน้าตาและชื่อเสียงของตัวเองอยู่แล้วต่อให้ต้องเสียไปมากกว่านี้อีกสักนิดก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเพียงแต่ที่เขาปิดบังตัวตนแต่งชุดเมดเพราะมันอาจส่งผลกระทบกับยอดขายของร้านมันก็เท่านั้นเอง

“แล้วก็พอได้ฟังเรื่องตอนที่เรเดียเจอกับรุ่นพี่ครั้งแรกนี่ตอนนั้นฉันตกตะลึงเลยล่ะค่ะ ไม่นึกว่ารุ่นพี่จะเป็นคนที่จัดการคดีผู้ก่อการร้ายจี้รถไฟเมื่อห้าปีก่อน” มันนับเป็นข่าวที่ดังมากเลยทีเดียวเนื่องจากตอนนั้นผู้ก่อการร้ายเข้าจี้คนในรถไฟเป็นตัวประกันโดยให้เงื่อนไขว่าต้องปล่อยพวกของตัวเองออกมาไม่อย่างนั้นจะระเบิดรถไฟทั้งคันทิ้งแต่เรื่องในคราวนั้นกลับถูกคลี่คลายได้อย่างปริศนาโดยปราศจากผู้เสียชีวิตทั้งที่หน่วยทหารมนตราไม่ทันลงมือด้วยซ้ำ

“ก็แค่บังเอิญพวกมันมากวนประสาทกันเลยจัดการพวกมันให้หน้าหงายเท่านั้นแหละน่า ไม่มีอะไรมากหรอก” แม้ปากจะบอกแบบนั้นแต่ชนวนระเบิดบนรถไฟทั้งหมดถูกปลดทิ้งแถมยังทำการหยุดรถไฟที่หลุดออกจากการควบคุมจนเกือบชนสถานีอีกด้วยเรียกได้ว่าห่างกับไม่มีอะไรไปหลายโยชน์

การคุยเล่นเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติจนดูไม่เหมือนกับการแฝงตัวเลยสักนิดดูราวกับทั้งสองเป็นพี่สาวกับน้องเสียมากกว่า หากแต่ในจังหวะที่พวกเธอเดินไปอยู่นี้เองก็มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นสวนมาตัวรถนั้นดูเหมือนเป็นรถขนของธรรมดาๆก่อนที่รถคันนั้นจะหยุดลงอยู่ตรงหน้า

“หนูๆ ทั้งสองจะไปไหนกันเหรอถึงมาเดินกันบนถนนแบบนี้” คนขับรถที่เข้าวัยกลางคนถามขึ้นมาเนื่องจากแค่ดูจากผิวพรรณที่ขาวนวลของทั้งสองและกระเป๋าเดินทางก็สามารถมองออกได้อย่างไม่ยากเย็นว่าทั้งสองคนเป็นนักท่องเที่ยว

“พอดีพวกเรากำลังจะเดินทางไปเมืองราเรียสน่ะค่ะ แต่ไม่มีรถผ่านเลยต้องเดินเอา” เป็นคำตอบที่ถูกวางเอาไว้อย่างสมเหตุสมผลในกรณีที่ถูกถามพวกนี้เขาคำนวณไว้เบื้องต้นแล้วว่าควรจะตอบเช่นไรจึงจะไม่เป็นที่ผิดสังเกต

“ทำไมพวกหนูถึงไม่ไปตามเส้นทางจากเมืองราวินาสละหนู ถ้าไปทางนั้นมันสั้นกว่านะ” แน่นอนว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆเส้นทางจากเมืองที่ว่ามานั้นสั้นกว่าที่นี่โขแทนที่จะเดินทางจากที่นี่สู้ตีรถจากเมืองราวินาสจะใกล้กว่า

“พอดีพวกเราไม่รู้น่ะค่ะแล้วก็เดินทางมาทางนี้แล้วจะให้ย้อนกลับไปก็เสียเวลาด้วย หนูกับน้องสาวเลยเดินทางไปทางนี้แทน” เป็นคำกล่าวที่ผ่านการศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดีดังนั้นจึงแทบจะไร้ช่องโหว่เมื่อรวมกับสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสที่มาแทนที่จนสีหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อครู่ราวกับโกหก

“งั้นติดรถลุงมาไหม ลุงกำลังจะเข้าเมืองพอดีเลย”

“เอ๋ จริงหรือคะ ขอบคุณมากค่ะคุณลุง ไปเร็วเข้าเนียร์ ได้คุณลุงใจดีเขาไปส่งให้แล้วนะ” เป็นการแสดงที่แนบเนียนอย่างไม่น่าเชื่อถ้าเธอไม่เคยเห็นเรย์ในตอนปกติมาก่อนอาจคิดไปเลยก็ได้ว่าแท้จริงแล้วคนๆนี้เป็นผู้หญิง

“แต่จริงๆ หนูสองคนไม่น่าจะมาเส้นทางนี้เลยนะ เพราะเมืองเลสไตน์ที่พวกเรากำลังจะไปน่ะมีพวกที่จับสาวๆ อย่างพวกหนูไปด้วย” เป็นข้อมูลที่ตรงกับที่ได้รับมาจริงๆแต่ถึงแบบนั้นเรย์ก็ยังปั้นหน้ากากเด็กสาว(?)ผู้แสนซื่อต่อไปอย่างแนบเนียน

“ทำไมไม่ไปแจ้งทางการละคะ?” เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมทางการถึงได้อยู่เฉยๆไม่ยอมทำอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียวเพราะแต่ละประเทศย่อมมีหน่วยตำรวจและทหารเป็นของตัวเองและในความจริงแล้วเรื่องพวกนี้ควรจะถึงมือพวกตำรวจก่อนถึงมือทหารมนตราอย่างพวกเขา

“โอ๊ย พวกนั้นจะทำอะไรแจ้งไปเท่าไหร่ก็ไม่เห็นจะจับได้ กระทั่งลูกสาวของลุงยัง?” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของชายวัยกลางคนก็ฉายชัดถึงความคับแค้นมือที่กำพวงมาลัยอยู่นั้นบีบแน่นจนราวกับจะขยี้มันให้แหลกคามือทำเอาเรย์เงียบไปชั่วครู่

“อะ ขอโทษทีลืมตัวไปหน่อย เอาเป็นว่าหนูสองคนระวังตัวไว้นะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นพยายามเข้าไปอยู่ในฝูงชนเข้าไว้” พริบตาบรรยากาศเหล่านั้นก็หายไปหากแต่แววตาของชายวัยกลางคนผู้นี้ยังไม่กลับมาเป็นปกติเพราะมันยังมีแววควารมเศร้าสร้อยและคับแค้นแฝงเอาไว้อยู่

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เดี๋ยวเจ้าพวกนั้นจะต้องถูกกวาดล้างและลูกสาวของคุณลุงต้องกลับมาแน่” คำกล่าวนี้ทำเอาชายวัยกลางคนยิ้มออกมาเล็กน้อยแม้จะเพิ่งรู้จักกับแต่เด็กคนนี้อ่อนโยนมากเลยทีเดียวที่ช่วยปลอบคนที่ไม่รู้จักเช่นเขาแบบนี้

“นั่นสินะ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีเหมือนกันนะหนู ลุงจะภาวนาให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ” เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมากเพราะเขาหวังจนเลิกหวังแล้วเบาะแสอะไรก็ไม่มีโดยไม่ได้รู้สักนิดว่าแท้จริงแล้วคนที่จะช่วยเขาได้นั่งอยู่ด้านข้างแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel