บท
ตั้งค่า

chapter7-2

หลังจากเหตุการณ์ลอบโจมตีในครั้งนั้นภารกิจของพวกเขาก็เดินทางด้วยความสงบมาตลอดเส้นทางไม่มีเหตุการณ์ต้องออกแรงอะไรอีกด้วยทำให้การทำภารกิจของอลันในคราวนี้เจ้าตัวดูเหมือนมาเที่ยวเล่นยังไงพิกลเพราะกระสุนสักนัดก็ยังไม่ได้ลั่นไกออกไปจากปากกระบอกปืน

“ฮึก ทำไมต้องให้พระเอกตายตอนจบด้วยอะ ไม่เห็นยุติธรรมเลย น่าจะให้อยู่กับนางเอกอย่างมีความสุขมากกว่าอะ” แทนที่ตู้รถไฟจะเงียบเพราะการที่คนทั้งหมดที่อยู่บนรถไฟนั้นก้มหน้าก้มตาสนใจแต่หนังสือในมือของตนเองทว่ามันกลับไม่เป็นแบบนั้น

“เอ่อ ใจเย็นก่อนดีไหมเซจิโร่ มันก็แค่เรื่องที่แต่งขึ้นมาเองนะ” ทางฝั่งเจ้าของหนังสือที่ดูจะงุนงงกับคนที่อินเนื้อเรื่องในหนังสือมากเกินเหตุตอนแรกเขาหยิบเล่มนี้มาเพราะคิดว่าจะเอามาอ่านคั่นเวลาเล่นแต่ดันมีคนที่อินกับเนื้อหาขนาดนี้ถ้าคนแต่งได้มาเห็นคงดีใจน่าดู

“แต่มันไม่เห็นดีเลยรุ่นพี่อลัน ทำไมคนดีๆ ต้องตายแล้วคนชั่วถึงได้มีชีวิตรอดอะ” เจ้าตัวยังคงงอแงไม่เลิกทำเอาอลันที่อยู่ตรงนั้นขมวดคิ้วเขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นรุ่นน้องที่เด็กกว่าเขาหนึ่งปีหรือเด็กเจ็ดขวบกันแน่เนี่ย

“ก็มันเป็นสัจธรรมของโลกไปแล้วนี่ครับเซจิ คนดีมักตายไวส่วนคนชั่วมักตายยาก” สายตาของยูโตะยังคงจับจ้องไปยังหนังสือเนื่องจากชินชากับท่าทีเช่นนี้ของหัวหน้าตนเองแล้วโดยไม่มีใครสังเกตเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันของเขาเลยแม้แต่คนเดียว

“ไม่เอาแล้ว ไม่อ่านแล้ว นอนดีกว่า” เจ้าตัวจะหยิบหมอนและผ้าห่มขึ้นมาก่อนเอนหลังลงบนตู้นอนในรถไฟแล้วผลอยหลับไปอย่างรวดเร็วราวกับเด็กที่พอเล่นจนเหนื่อยแล้วก็นอนหลับส่วนยูโตะที่เห็นดังนั้นก็อดยิ้มไม่ได้

“ขอโทษด้วยนะครับรุ่นพี่อลัน ที่เซจิออกจะเอาแต่ใจตัวเองและงอแงไปหน่อย” เมื่อเห็นว่าเซจิโร่หลับแล้วเขาจึงเอ่ยปากขอโทษอลันในทันทีเพราะนิสัยของเซจิโร่นั้นเหมือนเด็กเกินไปอาจทำให้คนบางคนเกิดความไม่พอใจขึ้นมาได้

“ไม่หรอก ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรนอกจากแปลกใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง ฉันเคยต้องรับมือเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาก่อนน่ะแค่นี้ยังนับว่าน่ารักนะ” โชคดีที่คนมาเป็นเขาถ้าคนที่มาเป็นคาซึกิละก็เจ้าตัวคงเหวอจนทำอะไรไม่ถูกและภาพลักษณ์ของหัวหน้าหน่วยจะต้องป่นปี้หมดแน่นอน

“ไม่แปลกหรอกครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำอีท่าไหนถึงได้เป็นหัวหน้าหน่วยได้นะ เรื่องฝีมือก็ไม่ขอเถียงหรอก แต่เรื่องนิสัยนี่ถ้าไม่ใช่เวลาลงสนามจริงยังต้องปรับปรุงอีกเยอะ” ถ้าไม่ใช่คนที่เคยชินกับนิสัยเช่นนี้ของเซจิโร่อย่างเขาหรือคนที่เคยเห็นเจ้าตัวในสนามรบล่ะก็รับรองยอมรับไม่ได้แน่ที่หมอนี่ได้เป็นหัวหน้าหน่วย

“แต่ที่น่าแปลกใจกว่าก็คือนายนะ ทำไมนายยอมให้เซจิโร่เป็นหัวหน้าหน่วยล่ะ ทั้งที่ในแง่ของความสามารถแล้วนายไม่ได้ด้อยกว่าเซจิโร่เลยนี่” เท่าที่เขาดูก็รู้ได้เลยว่าถ้าสู้กันจริงๆละก็คนๆนี้ไม่แพ้หัวหน้าหน่วยของตนเองแน่นอนแต่ที่เขาไม่เข้าใจเท่าไหร่คือทำไมถึงยอมอยู่ใต้คนๆนี้ทั้งที่ตัวเองมีความสามารถมากพอ

“ผมไม่ชอบเป็นผู้นำใครน่ะ ภาระแบบนั้นผมแบกเอาไว้ไม่ไหวหรอก ให้เซจิเป็นแล้วมีผมคอยสนับสนุนอีกทีจะดีกว่า” เขาไม่ต้องการแบกรับชีวิตของคนอื่นหรอกเพราะหากเป็นเช่นนั้นเท่ากับว่าเขาจะไม่อาจใช้ชีวิตตามที่ตนปรารถนาได้

“ถ้ารุ่นพี่อลันจะนอนพักก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมรับหน้าที่เวรยามเฝ้าของให้เอง” สำหรับเขาแล้วต่อให้ไม่ต้องนอนสองสามวันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลดังนั้นเขาจึงเหมาะสมที่สุดที่จะอยู่เฝ้าของท่ามกลางสีหน้าลำบากใจของอลัน

“ให้พี่เฝ้าเองดีกว่ามั้ง พี่ยังไม่ได้สู้เลยน่าจะเหนื่อยน้อยกว่านะ” อันที่จริงตั้งแต่เริ่มภารกิจมาเขายังไม่ได้ทำอะไรเลยมากกว่านอกจากอ่านหนังสือดังนั้นเขาจึงสมควรที่จะเป็นคนเฝ้ายามหากแต่ทางด้านของยูโตะกลับสั่นหัว

“ผมไม่นอนสักวันก็ไม่เป็นไร แต่รุ่นพี่มั่นใจนะครับว่าตัวเองจะมือไม่ตกเพราะนอนไม่พอ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้พวกเราจะเจออะไรบ้าง ผมอยากให้กำลังรบของพวกเราพร้อมที่สุดน่ะ” เขารู้ศักยภาพตัวเองดีดังนั้นจึงออกปากไปแบบนั้นอีกทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าพรุ่งนี้จะเจออะไรบ้างแต่ที่แน่ใจได้ก็คือเจอชุดใหญ่กว่านี้อย่างแน่นอน

“เอางั้นก็ได้ งั้นฝากด้วยนะ” เมื่ออับจนด้วยคำพูดอลันจึงยอมนอนตามคำบอกของรุ่นน้องส่วนยูโตะเมื่อเห็นอีกฝ่ายหลับไปแล้วดวงตาสีอำพันของเจ้าตัวก็กลับไปจับจ้องหนังสือของตัวเองต่อโดยที่แววตาของเขาในยามนี้แปรเปลี่ยนจากเดิมไปโดยสิ้นเชิง

“หึ ผมน่ะไม่เหมาะกับเป็นหัวหน้าหน่วย งานเบื้องหน้ามันไม่เหมาะกับคนอย่างผมหรอกครับ รุ่นพี่” เป็นคำพูดที่เขาไม่ได้คาดหวังว่าใครจะได้ยินใบหน้าของเจ้าตัวยังคงประดับด้วยรอยยิ้มเช่นเดิมดวงตาสีอำพันคู่นั้นตวัดสายตาไปมองร่างเล็กที่หลับปุ๋ยไปแล้วชั่วครู่นึงแล้วกลับมาอ่านหนังสือต่อ

เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงเช้าด้วยความสงบเงียบโดยที่ยูโตะนั้นไม่ได้นอนแม้แต่นิดเดียวแต่ก็อย่างที่เจ้าตัวได้บอกไปแล้วแม้ว่าจะไม่ได้นอนมาทั้งคืนก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อยสีหน้าของเจ้าตัวยังคงยิ้มแย้มได้เหมือนเดิม

“อืม อา~รุณ~สา~หวาด~ยู~จาง ฮ้าว” หัวหน้าหน่วยตัวน้อยยังคงปรือตาด้วยความมึนงงเล็กน้อยจากการเพิ่งตื่นนอนผิดกับอลันที่พับผ้าห่มของตนเสร็จเรียบร้อยแล้วสภาพของเจ้าตัวนั้นดูไม่คล้ายกับทหารมนตราเลยแต่เหมือนเด็กตัวเล็กๆคนนึงมากกว่า

“รีบๆ ตาสว่างได้แล้วครับเซจิ คิดว่าเดี๋ยวเราก็คงเจอการต้อนรับชุดใหญ่แล้วนะครับ” เจ้าคนที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนนั้นตอนนี้เก็บหนังสือและสัมภาระทั้งหมดของตนลงกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อยแล้วพร้อมมองดูนาฬิกาเล็กน้อย

“สถานีต่อไปสินะ” แน่นอนอลันที่เคยทำภารกิจมาไม่น้อยทำให้รู้ได้ในทันทีว่าจุดไหนจะเป็นจุดเสี่ยงที่ทำให้สามารถดักปล้นของไปได้และแน่นอนสถานีรถไฟต่อไปที่เป็นสถานีรถไฟเก่าไม่ค่อยได้ใช้งานแล้วนั้นเป็นจุดที่อันตรายที่สุด

“เตรียมตัวให้พร้อมละครับ เพราะผมคิดว่าพวกเราจะได้ออกแรงกันมากพอดูเลย” แม้จะบอกแบบนั้นแต่ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มเช่นเดิมดูไม่ต่างจากหัวหน้าหน่วยสี่เลยแม้แต่น้อยแต่สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างทั้งสองก็คือเรย์นั้นชอบประดับรอยยิ้มกวนอารมณ์แต่ยูโตะนั้นเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรื่นเริง

และเป็นไปตามคาดรถไฟขบวนนี้หยุดตรงสถานีรถไฟร้างในทันทีทั้งที่ในหมายกำหนดการของพวกเขานั้นไม่มีทางหยุดตรงนี้ได้เลยซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าที่เป็นเช่นนี้คงเพราะมีคนไปขวางทำให้เหล่าคนที่อยู่ในรถไฟกระชับอาวุธของตน

“เอาเป็นว่าเราออกไปเลยแล้วกันครับ อุตส่าห์ให้การต้อนรับกันดีแบบนี้ถ้าไม่ออกไปคงเสียมารยาทแย่” ถ้าจะรอให้อีกฝ่ายมาล้อมเราละก็สู้พวกเขาออกไปเองดีกว่าก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวเท้าออกไปจากรถไฟด้วยความเร็วเนิบนาบเหมือนการเดินปกติ

เสียงปืนขึ้นไกดังต้อนรับทันทีที่ยูโตะก้าวเท้าออกมาจากรถไฟจำนวนปืนที่เล็งมาทางเขานั้นอย่างต่ำก็น่าจะสามสิบกว่ากระบอกได้แต่ถึงแบบนั้นทางด้านของคนที่ถูกเล็งปืนใส่นั้นกลับไม่ได้ร้อนใจใดๆ

“ส่งของที่แกมีมาซะ” หนึ่งในคนที่จ่อปืนใส่เขาอยู่นั้นส่งเสียงออกมาหากจะให้ว่ากันตรงๆจำนวนขนาดนี้นั้นการจะหลบหลีกทั้งหมดเป็นไปได้ยากยิ่งบางกระบอกจ่อเข้ามาเกือบจะอยู่ในระยะประชิดแล้วด้วยแต่ถึงกระนั้นก็ตาม

“กลัวว่าเอกสารนี่จะไปถึงชั้นศาลประเทศตัวเองมากขนาดยอมลงทุนแบบนี้เลยหรือครับเนี่ย?” คำพูดของยูโตะนั้นทำเอาคนที่กำลังจ่อปืนใส่เขาหรือกระทั่งพวกเดียวกันอย่างอลันหรือเซจิโร่นั้นอดจะแปลกใจไม่ได้เนื่องจากไม่คาดคิดว่ายูโตะจะรู้ถึงของที่อยู่ภายในทั้งที่มันเป็นกล่องที่ถูกบรรจุหีบห่ออย่างแน่นหนาแท้ๆ

“แค่สถานที่ส่งกับการคาดเดาจากข้อมูลที่มีนิดหน่อยก็คำนวณได้ไม่ยากแล้วครับ การล่วงรู้ถึงของภายในมันก็ทำให้คาดเดาศัตรูได้ง่ายขึ้นด้วย” อาจผิดกฎไปเสียหน่อยแต่ถ้ามันน่าสนุกพอเขาก็ยินดีจะแหกกฎเหล่านั้นด้วยมือของตัวเองนั่นคือหลักเกณฑ์ของเขา

“แล้วก็อีกอย่างนะครับ ในสายตาของผมแล้วการขู่ของพวกคุณมันน่ารักมากเลย แค่ปืนแค่นี้น่ะฆ่าผมไม่ได้หรอก” สิ้นคำปืนที่จ่อเขาอยู่ทั้งหมดก็ขาดสะบั้นจนสิ้นเช่นเดียวกับมือปืนที่จ่อเขาอยู่จากระยะไกลที่ถูกเข็มของเซจิโร่ปักใส่จนปืนหล่นลงไปกับพื้น

“เซจิ รุ่นพี่อลันไปกันก่อนเถอะครับ ทางนี้ผมจะจัดการเอง” ร่างของศัตรูที่อยู่เบื้องหน้าของเขานั้นเพียงพริบตาก็ถูกฝ่ามือของเขาวาดผ่านจนเกิดบาดแผลเรียบร้อยแล้วแต่ไม่จบเท่านั้นเพราะเจ้าตัวก้าวเท้าเข้าไปในวงของศัตรูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ไปกันเถอะรุ่นพี่ รีบเอาของไปส่งกันดีกว่า” ไม่มีใครจะรับรู้ถึงฝีมือของยูโตะได้ดีเท่าเขาอีกแล้วเจ้าตัวจึงไม่ได้ห่วงรองหัวหน้าของตัวเองเลยแม้แต่น้อยเข็มบินถูกปาออกไปใส่ร่างของศัตรูที่ขวางหน้าอย่างรวดเร็วและรั้งกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ

“อา เอางั้นก็ได้” เช่นเดียวกับอลันที่เคยเห็นฝีมือของยูโตะมาแล้วเช่นกันจึงเลือกจะไปตามคำบอกปืนสั้นในมือถูกลั่นไกออกไปอย่างรวดเร็วขณะที่อีกมือหนึ่งนั้นถือกล่องพัสดุที่พวกเขาจะต้องนำไปส่งเอาไว้แน่นพร้อมกับวิ่งไปด้วยความรวดเร็วแม้จะไม่เร็วเท่าสองคนนี้ที่เป็นสายความเร็วอยู่แล้วก็ตามแต่ถึงแบบนั้นก็ไม่จัดว่าช้า

คมกระสุนจำนวนมากถูกลั่นไกตามร่างของทั้งสองตามไปติดๆเพราะพวกเขาได้รับมอบหมายงานมาว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องชิงเอกสารเหล่านั้นกลับมาให้ได้โดยไม่ต้องสนใจสิ่งอื่นหากแต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกนั้นคำนวณพลาดไป

กระสุนที่พุ่งเข้าใส่ร่างของทั้งสองคนนั้นกลับถูกผ่าขาดออกจากกันอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่ร่างของรองหัวหน้าหน่วยที่ห้านั้นก้าวเท้าเข้ามาขวางทางระหว่างคนกลุ่มนี้และคนสองคนที่ล่วงหน้าไปก่อนอย่างรวดเร็วแม้จะมีปืนหลายสิบกระบอกจ่อมาทางตนก็ตาม

“ขอโทษด้วยนะครับแต่ผมปล่อยให้พวกคุณทำอะไรสองคนนั้นไม่ได้ อีกอย่างผมไม่มีวันปล่อยให้ความสนุกหลุดมือไปหรอกนะครับ” รอยยิ้มที่เคยสุภาพซึ่งประดับอยู่บนใบหน้าของเจ้าตัวเสมอมานั้นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นรอยแสยะยิ้มด้วยความยินดีดวงตาสีอำพันคู่นั้นเบิกกว้างขึ้นมาราวกับกำลังรื่นเริง

เขารออยู่แล้วรอให้พวกนี้เล็งปืนใส่เขา รอจิตสังหารที่กำลังปรารถนาในการเอาชีวิตของเขา รอการที่จะได้ลงมือต่อสู้เขาเลือกที่จะให้พวกนั้นล่วงหน้าไปก่อนก็เพื่อช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาที่เขาจะสามารถปลดปล่อยตัวตนออกมาได้อย่างไร้ความกังวล

แม้จะรู้ว่ามันอันตรายแต่นั่นแหละคือสิ่งที่เขาต้องการยิ่งการต่อสู้รุนแรงมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่ง การเข่นฆ่าดุเดือดมากเพียงไรเขาก็ไม่เคยหวาดกลัวตรงข้ามกลับพุ่งเข้าหามันด้วยความยินดีเพราะนี่คือสิ่งที่เขาตั้งตารอการได้ต่อสู้ชนิดเป็นตายเพื่อจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกถึงคุณค่าของการมีชีวิต

และนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้เรย์เกลียดหมอนี่เข้ากระดูกดำเพราะยูโตะนั้นมักชอบนำตัวเองไปเสี่ยงอันตรายโดยใช่เหตุและชอบชักนำสถานการณ์ไปในทางวุ่นวายเพื่อความพอใจของตัวเองแม้ทุกครั้งจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยมแต่ในสายตาของเรย์แล้วเขาไม่ชอบที่เจ้านี่ใส่หน้ากากยิ้มแย้มปิดบังความบ้าคลั่งของตัวเองเอาไว้ภายใต้หน้ากากสุภาพอันนั้นตลอดเวลา

คมกระสุนมากมายถูกลั่นไกเข้าใส่ร่างของเขาแต่ยูโตะไม่ได้เกรงกลัวใดๆเขาพุ่งตรงเข้าหาฝนกระสุนเหล่านั้นอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าพลังวัตรไหลไปรวมกันอยู่ที่ฝ่ามือก่อนเขาจะวาดฝ่ามือออกไปเพียงครั้งเดียวกระสุนเหล่านั้นก็ขาดครึ่งและร่วงหล่นลงสู่พื้น

แต่ไม่จบเพียงเท่านั้นเพราะเขาวาดฝ่ามือใส่สองร่างที่อยู่เบื้องหน้าของตนเองอย่างรวดเร็วจนปืนรวมถึงแขนของสองคนเบื้องหน้าขาดกระเด็นพร้อมกับที่ร่างสองร่างนั้นล้มทรุดลงไปทันทีก่อนที่เขาจะวาดฝ่ามือผ่านลำคอของชายอีกคนจนร่างนั้นล้มลงไปเช่นกัน

“วะ เหวอ” เมื่อเห็นการลงมือที่โหดเหี้ยมของชายผู้นี้แล้วความหวาดกลัวก็ผุดวาบขึ้นมาในใจก่อนที่เขาจะลั่นไกออกมาอย่างบ้าคลั่งหมายจะสังหารอีกฝ่ายทิ้งแต่แน่นอนการลั่นไกใส่ศัตรูที่อยู่กลางวงล้อมเช่นนี้ย่อมทำให้พวกของตนถูกกระสุนฝ่ายเดียวกันล้มลงไปอย่างคับแค้น

คมกระสุนถากแก้มขวาและกรีดสีข้างของเขาจนเหลือไหลซิบพลังวัตรของยูอิจิแตกต่างจากคนปกติไปโขเพราะคนส่วนใหญ่นั้นจะนำพลังวัตรไปเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายแต่ยูอิจินั้นไม่ใช่เลยตามปกติเขาแทบไม่ได้นำพลังของตัวเองไปเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายสิ่งที่เขาเสริมมีเพียงขาที่ใช้ในการเพิ่มความเร็วและฝ่ามือของตนให้คมกริบดุจดาบเท่านั้นหากศัตรูไม่แข็งแกร่งจริงๆเขาไม่แม้แต่จะรั้งพลังวัตรกลับมาคุ้มกันร่างกายของตัวเองด้วยซ้ำเหมือนในตอนนี้

“รสชาติใช้ได้ แต่มันยังไม่ค่อยถึงใจเลยนะครับ ช่วยทำให้ผมสนุกมากกว่านี้อีกสักนิดสิ” เขาเลียเลือดที่ไหลออกมาจากรอยแผลบริเวณแก้มบาดแผลที่เขาได้รับในครั้งนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกรื่นเริงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

“หนอย แก” ทางด้านของคนกลุ่มนั้นเมื่อเห็นว่าใช้ปืนรังแต่จะโดนพวกเดียวกันจึงเปลี่ยนมาใช้มีดแทนคมมีดหลายสิบเล่มพุ่งเข้ามาจากมุมที่แตกต่างแต่โดยส่วนตัวแล้วยูโตะนั้นไม่ได้เกรงกลัวต่อคมอาวุธของอีกฝ่ายเลยสักนิด

กระบวนดาบเทพเจ้า เปลวเพลิง

ฝ่ามือของเขาตวัดใส่ลำคอของเหล่าศัตรูที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งพร้อมกับที่เลือดสีแดงฉานกระฉูดออกมาจากบาดแผลแต่ทางด้านของยูโตะกลับไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลยดวงตาสีอำพันยังคงจับจ้องไปยังเหยื่อรายต่อไป

“มะไม่เอาแล้ว นี่มันปีศาจชัดๆ” ชายอีกคนที่เมื่อเห็นการสังหารเมื่อครู่ก็วิ่งหนีออกไปจากบริเวณนี้อย่างรวดเร็วเพราะชายคนนี้ร้ายกาจจนเกินไปส่วนคนอื่นๆที่เห็นดังนั้นจึงชักเริ่มลังเลว่าตนควรจะสู้ต่อหรือจะหนีไปดีซึ่งดูเหมือนอย่างหลังเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าโข

“ใครอยากหนีก็ตามใจนะครับผมไม่ห้าม เพียงแต่ว่าคุณมั่นใจนะครับว่าถ้าหนีแล้วคนเบื้องหลังของคุณจะปลอดภัย” แค่น้ำคำสั้นๆแต่ทำเอาเหล่าคนที่คิดจะหนีถึงกับหยุดชะงักไปในทันทีเพราะมันเป็นไปอย่างที่อีกฝ่ายพูดหากพวกเขาหนีแล้วครอบครัวของพวกเขาจะเป็นเช่นไร

ยูโตะนั้นไม่คิดเสียเวลาไล่ตามศัตรูใครที่หนีเขาก็จะปล่อยไปแต่เขาจะวางกับดักทางจิตวิทยาเอาไว้หนึ่งชั้นบีบเงื่อนไขให้ศัตรูถอยไม่ได้และเลือกที่จะสู้ตายกับเขานั่นแหละคือสิ่งที่เขาโปรดปรานมากที่สุด การต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต!!

“เอ้า ว่าไงครับจะสู้หรือจะหนี ผมให้โอกาสพวกคุณเลือกเลยนะครับ เพียงแต่อาจลำบากสักนิดเพราะผมก็ไม่คิดจะปล่อยเหยื่อของตัวเองไปง่ายๆเหมือนกัน” เป็นคำขู่ไปอีกขั้นนึงแน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดจะตามจริงหรอกการที่จะต้องไล่ล่าเหยื่อที่หนีหัวซุกหัวซุนมันไม่ใช่รสนิยมของเขาแต่ก็อย่างว่าเจ้าพวกนี้ไม่รู้นี่นะ

“ถ้าจะตาย อย่างน้อยขอให้ได้จ้วงแกสักแผลเถอะวะ!!” เมื่อจนตรอกถึงขีดสุดมนุษย์จะหันหลังกลับมาสู้สุดชีวิตไม่เพียงเท่านั้นศักยภาพในด้านต่างๆจะสูงขึ้นด้วย พลังวัตรหลั่งไหลออกมาจากร่างอย่างบ้าคลั่งพร้อมพุ่งเข้าใส่ร่างของยูโตะอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับคนอื่นๆที่พุ่งเข้าใส่เขาด้วยเช่นกัน

ศรธาตุและมนตราหลากหลายพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาอย่างรวดเร็วแต่ทางด้านของยูโตะก็ไม่ได้เป็นรองหัวหน้าแต่ชื่อเขาก้าวเท้าหลบเลี่ยงมนตราเหล่านั้นพร้อมสะบัดฝ่ามือสร้างคลื่นดาบเข้าใส่ร่างของศัตรูจากในระยะไกลไปด้วย

เป็นอีกครั้งที่คมอาวุธกรีดผ่านร่างของเขาไปแต่เจ้าตัวก็วาดฝ่ามือสวนศัตรูกลับไปเช่นกันจนร่างของอีกฝ่ายแทบจะขาดสะพายแล่งแต่ถึงแบบนั้นก็ยังมีศัตรูที่ดาหน้าเข้ามาแบบหมายจะแลกชีวิตกับเขาเรื่อยๆแทบไม่ขาดสาย

“ดูเหมือนว่าพวกคุณจะน่าสนุกกว่าที่คิดนะครับ งั้นผมจะให้เกรียติพวกคุณสักนิด โดยการงัดเจ้านี่มาใช้คงไม่ว่ากันละนะ” พลังวัตรหลั่งไหลออกมาจากร่างพร้อมกันนั้นเองที่หลังมือขวาของเขาเปล่งแสงออกมาอย่างรวดเร็วเป็นสัญลักษณ์ตัวเลขโรมัน XVII ที่ฉายชัดออกมาพร้อมรอยแสยะยิ้มอันน่าพรั่นพรึงของเจ้าตัว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel