บท
ตั้งค่า

chapter6-4

แม้ว่าจะไม่มีรถโดยสารให้นั่งมาเหมือนในตอนแรกแล้วก็ตามแต่ถึงแบบนั้นการเดินทางของพวกเขาก็เป็นไปด้วยความรวดเร็วเนื่องจากสามในห้าคนนั้นมีพลังพิเศษเป็นพลังวัตรที่โดดเด่นในด้านการเสริมความสามารถของร่างกายอยู่แล้วความเร็วของแต่ละคนจึงสูงใช่ย่อยส่วนคาซึกิกับมีอาที่เป็นผู้ใช้มนตรานั้นก็มีธาตุหลักคือลมที่มีคุณสมบัติในการส่งเสริมการเคลื่อนไหวที่ดีที่สุดทำให้พวกเขาเดินทางมาถึงรังของศัตรูอย่างรวดเร็ว

“อืม ดูเหมือนว่าจะมีคนอยู่เยอะเหมือนกันนะ ร่วมสองสามร้อยได้เลย แถมยังมีหลายคนที่มีพลังพิเศษอยู่ในระดับใช้ได้ด้วย” ด้วยความที่เป็นผู้ใช้มนตราสายลมการตรวจสอบเรื่องพวกนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้แต่ถึงขั้นที่สามารถบ่งบอกถึงระดับพลังได้โดยที่ศัตรูไม่รู้นี่นับว่ามีอานั้นเป็นผู้ใช้มนตราที่มีระดับสูงเลยทีเดียว

“ ฉันกับโคสุเกะเข้าปะทะ เอเรียกับคาซึกิลอบโจมตี ส่วนมีอาคุมเชิง จัดการไปเรื่อยๆจนกว่าจะฆ่าพวกมันหมด” เป็นแผนการที่หยาบสุดขีดเหมือนดั่งที่เรย์และเธอมักทำประจำทำให้คาซึกิไมได้ว่าอะไรและดูเหมือนคนในกลุ่มก็เคยชินกับเรื่องนี้อยู่แล้วแต่สิ่งที่ต่างกันระหว่างพวกเธอกับชายผู้นี้คือความปรารถนาในการเข่นฆ่านั่นแหละ

“ไม่ได้นะคะ ถ้าทำได้ก็อย่าพยายามฆ่าใครเลยได้ไหมคะ เซียร์” เธอรู้มันอาจเป็นคำขอที่เกินไปเพราะการเข้าไปตะลุยกับคนหลายร้อยแถมยังเป็นคนที่มีพลังพิเศษอีกด้วยนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดหากจะพลั้งมือฆ่าไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ถึงแบบนั้นเธอก็อยากให้เขาฆ่าให้น้อยที่สุด

“ จะพยายามแต่ไม่รับปาก ” คำตอบที่ออกจากปากของเขาทำให้เอเรียมีความหวังขึ้นมานิดหน่อยก็พยักหน้ารับด้วยความยินดีก่อนที่จะเริ่มดำเนินการตามแผนการด้วยการที่ไซและโคสุเกะนั้นเดินอาดๆเข้าไปยังรังของคนกลุ่มนั้นโดยตรง

“เฮ้ย ทหารมน อ่อก” คนที่เฝ้าหน้าประตูตั้งท่าจะร้องเรียกคนที่อยู่ด้านในแต่ไซไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเขาใช้พลังวัตรระเบิดความเร็วสูงในชั่วพริบตาและจัดการซัดเจ้าคนที่อยู่ด้านหน้าให้สลบในทันทีเช่นเดียวกับโคสุเกะที่อาศัยไม้พลองของตนอัดใส่ศัตรูจนล้มลงอย่างง่ายดาย

ตูม!!

เป็นการเปิดประตูที่รุนแรงสุดกู่เพราะเขาใช้หมัดของตนที่เสริมด้วยพลังวัตรกระแทกประตูเต็มแรงแม้ประตูโรงงานจะถูกสร้างใช้ทนทานเพียงไรก็ตามแต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ทนมากพอสำหรับหมัดของชายผู้นี้

“ระหว่างยอมถูกพิพากษาด้วยกฎหมายกับตายอยู่ที่นี่ พวกแกจะเลือกอย่างไหน” ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปเขาก็ออกปากถามทุกคนที่อยู่ในโรงงานด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามแบบฉบับในทันทีหากแต่ทางด้านของคนเหล่านั้นกลับไม่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย

“หนอย แกต่างหากที่ต้องตาย!!” เป็นอีกครั้งที่คมกระสุนถูกลั่นไกเข้าใส่ร่างของไซหากแต่ในครานี้เจ้าตัวกลับไม่ได้ตั้งท่ารับกระสุนเหมือนครั้งก่อนเพราะทุกตำแหน่งที่กระสุนเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่นั้นไม่เกิดบาดแผลใดๆเลยแม้แต่น้อยแม้กระทั่งจุดบอบบางที่สุดอย่างดวงตาก็ตาม

“พวกแกเลือกจะตาย งั้นก็ลงนรกไปซะ” อึดใจต่อมาร่างนั้นก็พุ่งไปอยู่กลางวงล้อมของศัตรูเป็นที่เรียบร้อยแล้วและนั่นทำให้โคสุเกะที่อยู่เบื้องหลังถึงกับตาเบิกกว้างเนื่องจากห่ากระสุนพุ่งตรงมายังตัวเองแทน

ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ร้อนรนพลองในมือถูกควงเป็นวงกลมให้แปรสภาพเป็นโล่เมื่อรวมเข้ากับพลังวัตรของเขาด้วยแล้วทำให้มันเหมือนโล่เหล็กที่ทรงอานุภาพทางการป้องกันอย่างมากแทบไม่มีทางที่กระสุนเหล่านั้นจะฝ่าเข้ามาได้เลย

“ไอ้เจ้าบ้านั่น มันจะทำเท่ไปถึงไหน” ไม่ว่าเปล่าเพราะในพริบตาเดียวกันเขาก็ใช้พลังวัตรของตนวาดออกไปเป็นคลื่นพลังปัดกระสุนกลับไปด้วยเช่นกันส่งผลให้พวกมือปืนที่อยู่แถวหน้าสุดนั้นร่วงลงไประนาวในครั้งเดียว

ไซที่หายเข้าไปในดงศัตรูนั้น หมัดและเท้าของเขาพุ่งออกมาเป็นพายุทุกจุดที่ซัดล้วนเป็นจุดตาย แต่เขายังออมแรงเอาไว้ไม่ให้คนเหล่านั้นหมดลมแม้เขาจะไม่มั่นใจว่าพวกมันจะตายหรือไม่หลังจากนี้แต่นั่นไม่ใช่เรื่องของเขาพวกมันควรสำนึกบุญคุณของเอเรียแล้วด้วยซ้ำที่ขอไม่ให้เขาฆ่าพวกมันทิ้งจนหมด

ส่วนเอเรียและคาซึกิเมื่อเห็นไซและโคสุเกะพุ่งไปทางด้านหน้าแล้วพวกเธอจึงใช้จังหวะนี้ในการลอบโจมตีอีกทิศทางแต่ต่างกับสองคนนั้นตรงที่พวกเธอลอบโจมตีโดยไม่ให้รู้ตัวแทนทุกดาบของพวกเธอล้วนเงียบกริบแต่ทำให้ทุกครั้งที่วาดดาบนั้นต้องมีหนึ่งคนที่ล้มลงไปกับพื้น

ส่วนทางด้านของมีอานั้นเธอเป็นคนเดียวที่คอยโจมตีจากระยะไกลเช่นเคยศรลมหลายสิบดอกปลิวว่อนไปหมดจำนวนศรลมที่เธอใช้ได้โดยไม่ต้องร่ายนั้นมีจำนวนสูงสุดถึงสามสิบดอกซึ่งถือว่ามากเลยทีเดียวเพราะเรย์ยังใช้ได้เพียงแค่สิบสามดอกเท่านั้น(เป็นจำนวนในร่างปกติในร่างอัลคาน่าขีดจำกัดสูงสุดคือหนึ่งร้อยดอก)

มนตราธาตุลม สายลมโหมกระหน่ำ

มนต์ระดับกลางถูกใช้ออกไปทำให้ร่างของคนจำนวนมากล้มกลิ้งจุดประสงค์ในการโจมตีครั้งนี้ไม่ได้หมายชีวิตอย่างการสังหารหมู่แต่เน้นการโจมตีเป็นวงกว้างเพื่อทำให้คนเหล่านั้นล้มลงจนต้องเสียเวลาในการตั้งขบวนใหม่ต่างหาก

การต่อสู้ดำเนินมาได้พักใหญ่ในตอนนั้นเองดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ร่างของไซอย่างรวดเร็วแต่ไม่เพียงแค่ดาบเท่านั้นยังมีเปลวเพลิงที่ลุกโชนขึ้นมาจากพื้นและคมอาวุธอีกสองชนิดที่พุ่งเข้าใส่ร่างของเขาในทิศทางที่ต่างกัน

แน่นอนหากเป็นคมอาวุธตามปกติไซไม่แม้แต่จะชายตาไปแล ทว่าอาวุธที่กำลังพุ่งเข้าใส่เขานี้มันไม่ใช่แบบนั้นทุกชิ้นแฝงเอาไว้ด้วยพลังวัตรที่จัดได้ว่าอยู่ในระดับไม่ธรรมดาต่อให้เป็นเขาหากพลั้งเผลอหรือประมาทก็อาจถูกจัดการได้ยังไม่นับรวมมนต์ระดับกลางที่ถูกยิงใส่เขาจากพื้นเบื้องล่างอีก

เขาอาศัยจังหวะนี้กระโดดขึ้นเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีด้วยมนต์พร้อมใช้มือข้างหนึ่งปัดป้องดาบที่พุ่งเข้ามา มืออีกข้างก็ปัดป้องคมอาวุธอีกชิ้น ส่วนอาวุธชิ้นสุดท้ายนั้นในทีแรกชายคนนั้นยิ้มกริ่มเมื่อเห็นเขาหันไปต้านทานอาวุธอีกสองชิ้นเพราะคิดว่าเขาหมดหนทางต้านรับแต่เขาใช้จังหวะนี้ถีบสวนกลับไปจนชายผู้นั้นล้มกลิ้งไปในทันที

“ไม่เบานี่เจ้าหนุ่ม ในจังหวะที่ถูกโจมตีขนาบแบบนั้นยังต้านรับและสวนกลับได้อย่างสมบูรณ์แบบ ฝีมือไม่ธรรมดาเลยนะ” เสียงของชายผู้หนึ่งจากกลุ่มคนนับร้อยชายผู้นั้นสวมหมวกเหล็กปิดบังใบหน้า ชายร่างยักษ์ผู้นี้ในมือมีขวานเล่มโตที่แทบจะใหญ่เท่าตัวคนอยู่ด้วย

ในทีแรกโคสุเกะและไซนั้นหยุดมือลงในทันทีเพราะพวกเขารู้ดีว่าชายผู้นี้มีฝีมือที่เรียกได้เต็มปากว่าเก่งกาจแค่เพียพลังวัตรที่แผ่ออกมาก็รู้แล้วไม่เหมือนพวกปลาซิวที่ไซเพิ่งซัดไปก่อนหน้าชายผู้นี้จัดได้ว่าเป็นผู้มีฝีมืออย่างแท้จริง

ทางด้านของเอเรียก็เริ่มประสบปัญหาในการต่อสู้แล้วเช่นกันคมดาบที่เคยจัดการคนอื่นได้ในดาบเดียวมาตลอดของเธอนั้นถูกรับเอาไว้ได้อย่างหน้าตาเฉยทำเอาเธออดที่จะแปลกใจไม่ได้การที่เป็นแบบนี้หมายความว่าศัตรูเบื้องหน้ามีฝีมือการต่อสู้ไม่เบาทีเดียว

เช่นเดียวกับคาซึกิที่เธอหลบฉากการโจมตีของศัตรูมาได้อย่างหวุดหวิดเพราะพริบตาเมื่อครู่เธอถูกโจมตีสวนเสียจนต้องถอยร่นกลับไปเช่นกันส่วนทางด้านของมีอาที่เห็นเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงจึงหยุดการโจมตีของเธอลงและเปลี่ยนมาเป็นหน่วงมนต์เอาไว้แทน

“พวกเจ้าก็น่าจะรู้ว่าถ้าปะทะกับคนที่เหลือย่อมต้องหลีกไม่พ้นอาการบาดเจ็บ ถ้าเช่นนั้นทางที่ดีเราควรจะยอมถอยทั้งสองฝ่าย พวกเจ้ากลับไปซะแล้วข้าจะออกไปจากเมืองนี้ ถือว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย” ข้อเสนอของอีกฝ่ายนั้นจัดว่าได้ประโยชน์กันทั้งคู่จริงๆเพราะทางฝ่ายไซก็สามารถเลี่ยงการต่อสู้แล้วไปรายงานผลสำเร็จของภารกิจได้เลย ส่วนทางด้านของผู้ก่อการร้ายก็สามารถหลีกหนีความเสียหายครั้งใหญ่จากการต้องปะทะกับทหารมนตราได้

“ฉันไม่เคยเจรจากับสวะ” ไม่มีรีรอหรือหยุดคิดเป็นคำตอบที่แน่วแน่เกินใครไม่เพียงแค่นั้นเขายังคว้าร่างของศัตรูที่อยู่ใกล้ที่สุดเอาไว้แล้วโยนเข้าใส่ร่างยักษ์นั้นทันทีโชคร้ายที่คนๆนี้แม้มีพลังพิเศษแต่ก็มีประสาทตอบสนองที่ช้าเกินไปทำให้ตอบโต้ไซไม่ทัน

“เช่นนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่น พวกเราฆ่ามัน” ขวานในมือถูกวาดเข้าใส่ร่างที่โชคร้ายซึ่งกำลังพุ่งเข้ามาจนร่างนั้นกลายเป็นสองท่อนก่อนที่คนอื่นๆจะตรงเข้าสู่สนามรบอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับไซและโคสุเกะที่เร่งพลังวัตรออกมามากกว่าเดิม

คมดาบเล่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่ร่างของโคสุเกะในทันทีแต่เขาก็อาศัยไม้พลองในมือในการต้านรับอย่างไม่ยากเย็นพร้อมกับที่ทางด้านหลังของเขามีศัตรูอีกคนที่ซัดกำปั้นเข้าใส่ร่างของเขาด้วยเช่นกันแต่โคสุเกะก็กระแทกด้ามพลองของตนหยุดการโจมตีของศัตรูเอาไว้ได้

“อึก” แต่การโจมตีครั้งที่สามนั้นเขาไม่ทันระวังตัวทำให้ถูกกระแสน้ำสายหนึ่งกระแทกเข้าใส่กลางหลังแม้จะมีพลังวัตรในการคุ้มกันแต่ดูเหมือนว่ามันก็ยังหนักหนาอยู่ดีเพราะหลังของเขาปรากฏรอยฟกช้ำขึ้นมาบางส่วน

“น่าสนุกนี่ คิดว่าฉันจะยอมแพ้ ฝันไปเถอะ” แม้จะบาดเจ็บแต่ใจยังไม่ยอมแพ้พลังวัตรอันกล้าแข็งยังคงถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างพร้อมกับที่เขาพุ่งเข้าโรมรันศัตรูอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่พุ่งเข้าใส่ร่างของโคสุเกะเช่นกัน

ตอนนี้โคสุเกะ เอเรียและคาซึกินั้นต่างถูกศัตรูดึงตัวไปจนไม่มีเวลาลดจำนวนศัตรูเลยแม้แต่น้อยส่วนมีอานั้นคอยโจมตีสนับสนุนและต้องคอยรับมือผู้ใช้มนตราที่หันมาโจมตีเธอด้วยเช่นกัน ผู้ที่ลงมือจริงๆจึงเหลือแค่ไซเพียงคนเดียวแต่ถึงแม้เขาจะต้องกับปะทะกับคนจำนวนหลักร้อยก็ไม่ได้เสียเปรียบแต่อย่างใดตรงข้ามกลับเป็นฝ่ายกดดันศัตรูเสียด้วยซ้ำ

เขางอนิ้วก่อนเกร็งมันจนกลายเป็นกรงเล็บเมื่อเสริมด้วยพลังวัตรแล้วทำให้นี่ไม่ต่างจากกรงเล็บของสัตว์ร้ายทุกครั้งที่มันตะปบใส่ใครหรือะไรต้องมีหยาดโลหิตที่สาดกระเส็นออกมาการโจมตีที่ดุดันและป่าเถื่อนดั่งสัตว์ร้ายที่ขอแค่มีจุดบอดหรือผลั้งเผลอของเหยื่อก็จะเข่นฆ่าจนดับดิ้นนั้นน่าหวาดหวั่นจนทำให้คนจำนวนมากเคลื่อนไหวฝืดลง

ร่างที่ถูกเขาตะปบนั้นล้มทรุดลงไปในทันทีเพราะสิ่งที่เขาตะปบคือคอหอยและกระชากหลอมลมออกมาทำให้ร่างนั้นล้มโงนเงนพร้อมกับเลือดสีแดงฉานที่ไหลออกมาเจิ่งนองพื้นภาพเหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนนิ่งค้างไปด้วยความโหดเหี้ยมของเขาจนเป็นเหยือให้เข่นฆ่าง่ายๆ

ไซในตอนนี้ไม่ออมมืออีกต่อไปแล้วเขาเลือกที่จะลงมือให้หนักหน่วงและเมินคำขอของเอเรียชั่วคราวเพราะรูปการณ์แบบนี้หากยังไว้ชีวิตอีกฝ่ายไม่แน่ว่าเขาอาจต้องเหนื่อยตายก่อนก็เป็นได้เขาต้องลงมือให้โหดเหี้ยม รุนแรงและอำมหิตเพื่อข่มขู่ศัตรูให้เสียขวัญไปในตัวแต่ดูเหมือนเป้าหมายที่เขาเล็งไว้จะไม่ง่ายเท่าไหร่นัก

“เฮ้ย!! เจ้าพวกโง่ถอยออกมาซะไปจัดการคนอื่น ข้าจะลงมือเอง” ชายสวมหมวกเหล็กคนนั้นกระโดดลงมาร่วมในสนามรบอย่างรวดเร็วเพียงครั้งเดียวก็มาเผชิญหน้ากับไซเรียบร้อยแล้วส่วนทางด้านของเจ้าตัวที่เห็นดังนั้นก็หยุดมือลง

“ไม่เลวนี่เจ้าหนุ่ม ขนาดเหลือตัวคนเดียว ยังข่มขวัญลูกน้องข้าได้ขนาดนี้ นี่ถ้าไม่มีข้าพวกมันอาจต้องตายกันหมดเลยก็เป็นได้” เขาเป็นอีกคนที่เล็งเห็นถึงฝีมือของบุรุษคนนี้ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะถนัดด้านการสงครามมากทีเดียวจึงสามารถสร้างความปั่นป่วนได้แบบนี้

“ถึงมีแกพวกมันก็ต้องตายกันหมด” ในสายตาของไซแล้วจะมีจำนวนมากน้อยก็ไม่ต่างกันเพราะสุดท้ายเขาก็จะฝังพวกให้หมดอยู่ดีเพียงแด่อาจจะเปลี่ยนแผนจากการโจมตีพวกกระจอกเพื่อข่มขวัญมาเป็นการโจมตีตัวหัวหน้าเพื่อทำลายกำลังใจแทน

“ก็อาจจะจริง ฝีมือของเจ้าน่ะน่ากลัวแต่เจ้ามั่นใจนะว่ากว่าจะจัดการกับข้าและเจ้าวพวกนั้นได้ คนของเจ้าจะยังปลอดภัย” แน่นอนถ้าในแง่ฝีมือส่วนตัวแล้วอาจสูสีจนกินกันไม่ลงแต่กว่าจะตัดสินได้นั้นก็อาจทำให้คนที่ตามมาด้วยนั้นต้านทานไม่ไหวแล้วก็เป็นได้

“มีช่องโหว่!!” ร่างกายที่ใหญ่โตนั้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อเผลอเพียงอึดใจก็เข้ามาในระยะโจมตีเรียบร้อยแล้วขวานในมืออีกฝ่ายพุ่งเข้าใส่ร่างของไซอย่างรวดเร็วความรุนแรงของมันนั้นหากต้องรับเข้าไปตรงๆต่อให้เป็นเขาก็ใช่ว่าจะไม่บาดเจ็บและระยะขนาดนี้เขาก็หลบไม่ได้แล้วด้วย

แต่ไซก็ไม่ได้โง่เขามองว่าการโจมตีที่หลบไม่ได้ก็ต้องรับไว้แต่ไม่ใช่การต้านรับ ขวานที่แฝงพลังมาขนาดนี้ถ้าปะทะกันอีกฝ่ายโดยตรงรังแต่จะเสียแรงเปล่าๆเขาจึงอาศัยหลังมือเบี่ยงขวานออกไปแม้จะเพียงเล็กน้อยแต่เขาก็อาศัยแรงส่งจากขวานนั้นเบี่ยงมันออกไปให้มากที่สุด

เป็นครั้งแรกที่คมอาวุธสามารถจมลึกเข้าไปในร่างของไซได้ถึงขนาดนี้ที่แขนซ้ายของเขานั้นเกิดบาดแผลถูกเฉือนเป็นทางยาวขึ้นมาในทันทีแต่แค่นี้ก็นับว่าเยี่ยมแล้วเพราะขวานของศัตรูนั้นแต่เดิมหมายจะผ่าร่างของเขาออกเป็นสองเสี่ยงด้วยซ้ำ

แต่ในเมื่ออีกฝ่ายโจมตีมาสุดตัวเช่นนี้ก็เป็นโอกาสของเขาแล้วเช่นกันหมัดขวาของไซพุ่งสวนเข้าใส่ร่างยักษ์เบื้องหน้าในทันทีโดยที่สมองของเขาแทบไม่ต้องสั่งการหากแต่เขากลับรู้สึกได้ในพริบตานั้นว่าใบหน้าภายใต้หมวกเหล็กนั้นยิ้มออกมา

ตูม!!

เสียงปะทะดังหนักแน่นแต่กลับไม่เป็นไปตามที่หวังพลังวัตรจากหมัดของเขานั้นไม่ได้ปะทะกับศัตรูในจุดเดียวเหมือนดั่งที่เขาตั้งใจให้เป็นแต่มันกลับไหลกระจายไปทั่วทั้งร่างและนั่นย่อมส่งผลให้อีกฝ่ายสามารถต้านทานได้อย่างง่ายดาย

ในวินาทีนั้นเขารู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายใช้วิชากระจายพลังเป็นหนึ่งในวิชาฉันสูงที่จัดได้ว่าร้ายกาจไม่เบาเพราะมันจะทำให้พลังที่เขาโจมตีทั้งหมดถูกกระจายออกตามหลักการแห่งการกระจายแรงและส่งผลให้การโจมตีของเขาแทบไม่เป็นผลเลย

แต่เขาก็ไม่สนใจมากนักเพราะในจังหวะเดียวกันเขาตวัดเท้าเข้าใส่ร่างของศัตรูอีกครั้งหนึ่งและแน่นอนว่ามันย่อมไม่เป็นผลพลังของเขาถูกกระจายไปทั่วทั้งร่างจนแทบจะทำความเสียหายให้ไม่ได้เลยแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาหวังไว้เพราะที่เขาต้องการก็คือการที่ร่างอันใหญ่โตของศัตรูถอยออกไปต่างหาก

“ก็บอกแล้วไงว่าจะฆ่าข้าน่ะ มันไม่ง่ายนักหรอก”

“ไร้สาระ แค่นี้คิดว่าจะรอดไปได้หรือไง” มันไม่เกี่ยวกันเลยว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถแบบไหนเพราะสำหรับเขาแล้วศัตรูนั้นมีทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวคือลงนรกไปด้วยมือของเขาเสียเท่านั้นก่อนที่เขาจะดีดร่างของตนเข้าใส่อีกฝ่ายและคราวนี้หมัดของเขาพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของศัตรูแทน

แต่แน่นอนการโจมตีตรงๆแบบนี้ย่อมไม่มีทางที่จะเอาชนะอีกฝ่ายได้แค่เพียงโยกหัวหลบเท่านั้นมันก็พลาดเป้าไปได้อย่างง่ายดายพร้อมกับขวานเล่มโตที่ถูกวาดใส่เขาอีกครั้งแต่ในครานี้นั้นไซเตรียมรับมือเอาไว้ก่อนแล้วเพราะ

หมัดซ้ายกระทบเข้ากับแขนที่ถือขวานเล่มยักษ์นั้นอย่างรวดเร็วแม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายแต่แรงปะทะของมันก็เป็นผลให้ขวานยักษ์นั้นหยุดชะงักไปแต่เขาไม่ยอมจบแค่นี้ลูกเตะถูกวาดใส่ขาของอีกฝ่ายในทันที

ร่างยักษ์โงนเงนไปชั่วครู่จากการถูกเขาเตะเจาะยางและในจังหวะสุดท้ายนั้นเขาก็หมุนตัวพร้อมกระแทกศอกเข้าใส่หมวกเหล็กนั้นเต็มแรงพลังวัตรที่แฝงลงไปในการโจมตีครานี้นั้นทำให้ร่างภายใต้หมวกเหล็กล้มลงเสียงดังสนั่น

ไม่จบเท่านั้นเพราะในจังหวะที่ร่างนั้นล้มลงไซแถมลูกถีบเข้าใส่ร่างนั้นอีกครั้งด้วยความที่อยู่ในสภาพมึนงงจากแรงปะทะทำให้ไม่มีโอกาสได้ใช้วิชาที่ภาคภูมิใจลูกเตะของเขาในคราวนี้จึงปะทะเข้ากับร่างแบบเต็มที่

“อัก” ถึงจะมีพลังวัตรมาต้านรับแต่ก็ต้องมีอาการบาดเจ็บก่อนที่เจ้าตัวจะพ่นเลือดออกมาคำโตดวงตาภายใต้หมวกเหล็กนั้นจ้องมาทางร่างของไซด้วยความเคียดแค้นส่วนทางด้านของเจ้าตัวนั้นดวงตาสีแดงเข้มยังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์เช่นเดิม

“วิชาดีๆ เอามาให้สวะแบบแกใช้ก็เสียเปล่า” เป็นคำพูดที่ตรงดีเหลือเกินเพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นแค่รู้วิชานี้แบบงูๆปลาๆเท่านั้นหากว่าเก่งจริงละก็ป่านนี้เขาคงถูกเล่นงานไปแล้วส่วนทางด้านของชายภายใต้หมวกเหล็กนั้นจ้องมองมาทางเขาด้วยสายตาเคียดแค้นแต่เจ้าตัวกลับไม่สนสายตานั้นเลย

“เอ้า แน่จริงลุกขึ้นมาสิวะเจ้าสวะ ฉันจะขยี้แกให้เป็นผุยผงเลย” ความเกรี้ยวกราดและบ้าคลั่งดุจดั่งสัตว์ร้าย ดวงตาสีแดงเข้มที่ทอประกายอำมหิตคู่นั้นจ้องเขม็งมาทางชายร่างยักษ์เบื้องล่างตอนนี้เขาไม่สนแล้วว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไรเพราะเขาจะขอบดขยี้เจ้านี่ให้กลายเป็นเศษธุลีมันตอนนี้เลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel