บท
ตั้งค่า

chapter6-3

การเดินทางไปในภารกิจครั้งนี้ค่อนข้างเป็นไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากระยะทางที่ไม่ได้ห่างไกลกันมากนักพวกคาซึกิจึงอาศัยการนั่งรถไปเหมือนที่อยู่ในเมืองอูรินในคราวนั้นเพียงแต่สมาชิกในคราวนี้แปลกตากว่าและมีจำนวนมากกว่าเดิมเท่านั้น

แต่สภาพการมาทำภารกิจในครั้งนี้มันไม่เหมือนการมาทำงานเท่าไหร่อย่างน้อยก็ในสายตาของเธอเพราะในรถโดยสารนั้นมีรายการเอาไพ่มาเล่นอีกต่างหากจนดูราวกับว่ามันเป็นการมาปิคนิคหรือไม่ก็ทัศนศึกษาเสียมากกว่าการมาทำภารกิจ

“เซียร์ไม่เล่นด้วยกันหรือคะ” เจ้าหัวหน้าหน่วยที่สามปฏิเสธการมาเล่นไพ่ด้วยอย่างสิ้นเชิงเจ้าตัวเลือกจะนั่งหลับตาเอาเพื่อพักผ่อนเอาแรงเสียมากกว่าตั้งแต่ที่ขึ้นมาบนรถเจ้าตัวยังแทบจะไม่เปิดปากพูดอีกเลยเอาแต่นั่งเงียบอยู่คนเดียว

“ช่างเถอะน่า เจ้าบ้านั่นมันมนุษย์สัมพันธ์ต่ำสุดขีดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พูดแต่ละคำน่าเอาไม้พลองทุบหัวชะมัด” โจทก์เก่าอย่างโคสุเกะนั้นดูจะไม่ชอบใจท่าทีไม่สนใจโลกของเจ้าตัวเท่าไหร่แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจนแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะหลับไปแล้วเลยไม่ได้ตอบโต้จนเป็นเรื่องกันอีก

“งั้นเริ่มกันเลยแล้วกันนะ” เจ้าของไพ่อย่างมีอาทำการแจกไพ่ทั้งห้าสิบสามใบอย่างคล่องแคล่วว่องไวเพียงเวลาไม่ถึงครึ่งนาทีไพ่ทั้งหมดก็ถูกแจกจนกลายเป็นสี่กองพร้อมกับที่การเล่นนั้นเริ่มขึ้นในทันทีโดยเกมที่พวกเธอใช้เล่นคืออีแก่

“อุ” เสียงร้องแผ่วเบาของแม่คุณหนูสาวนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าเธอนั้นจับได้ไพ่อีแก่ท่ามกลางสีหน้าเหนื่อยใจของโคสุเกะเนื่องจากโจ๊กเกอร์นั้นวนไปมาในวงอยู่สองสามรอบและทุกครั้งที่เธอทำสีหน้าแบบนี้ย่อมทำให้ทุกคนอ่านออกทันทีว่าเธอจับได้ไพ่อะไรไป

คนแรกที่ไพ่หมดคือมีอารายนี้นั้นนับได้ว่าเป็นมือโปรด้านการเฟคเลยทีเดียว ด้วยสีหน้าที่ยิ้มตลอดเวลาจนอ่านไม่ออกเลยว่าไพ่แต่ละใบในมือนั้นดีหรือร้ายกระทั่งพยายามจะหลอกให้แสดงสีหน้ายังไม่ได้ผล ต้องยอมรับเลยว่าเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ

ที่ตามไปติดๆคือคาซึกิเพราะเธอมองเพียงว่ามันเป็นแค่เกมไม่ได้สนใจการแพ้ชนะมากนักแม้จะไม่ได้เก่งขนาดมีอาแต่ก็สามารถทำให้ไพ่ของตัวเองหมดได้ในเวลาไม่นานในตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่โคสุกะกับเอเรียเพียงสองคนที่ยังไม่จบ

แต่จริงๆผลลัพธ์มันก็เดาได้อยู่แล้วเพราะเอเรียนั้นแทบจะแสดงทุกอย่างออกมาหมดทางสีหน้าส่วนทางด้านของโคสุเกะนั้นแม้จะไม่ได้เก่งอะไรมากแต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าตนจะเล่นแพ้คนที่แทบจะโกหกใครไม่เป็นคนนี้อย่างแน่นอน

“ฉันแพ้อีกแล้วเหรอคะเนี่ย ทำไมทุกคนเล่นเก่งกันจัง” เธอเอียงคออย่างแปลกใจและสีหน้าเหนื่อยใจของโคสุเกะไม่รู้จะพูดยังไงดีเธอถึงจะรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วหากไม่นับมีอาพวกเขาไม่ได้เล่นเก่งอะไรอะไรหรอกเพียงแต่เธอแสดงอารมณ์ออกมามากเกินไปต่างหาก

“มีอะไรแปลกๆ” เสียงราบเรียบอันเป็นเอกลักษณ์ของใครไปไม่ได้นอกเสียจากหัวหน้าหน่วยที่สามคนนั้นเองดวงตาสีแดงคู่นั้นยังคงปิดอยู่เช่นเดิมหากแต่ทางด้านของคนอื่นๆที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักการเคลื่อนไหวของตนไปในทันที

ในไม่กี่วินาทีต่อมาเสียงระเบิดของรถยนต์คันที่พวกนั่งมาก็ดังสนั่นแรงระเบิดทำให้ตัวรถถึงกับกระจุยไปในทันทีหากว่ามีผู้โดยสารนั่งอยู่ในรถแล้วละก็คาดว่าคงได้ตายเพราะแรงระเบิดครั้งนี้อย่างแน่นอน

“เฮี้ยะ ฮะฮ่า ทหารมนตราก็ไม่เห็นจะแน่เลย แค่นี้ก็จอดแล้ว เสียงร้องตะโกนด้วยความดีใจของเจ้าคนที่ซุ่มอยู่เพราะการระเบิดรถนั้นเป็นฝีมือของเขาเองพร้อมกับเสียงหัวเราะของคนหลายสิบคนที่ซุ่มดูอยู่ที่ตนสามารถจัดการเหล่าทหารมนตราไปได้

“อ้อ ไอ้ปะทัดนั่นเป็นของพวกแกเองสินะ ไอ้พวกเวร” หากแต่ในตอนนั้นเองชายผู้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อพบว่ามีเสียงพูดดังขึ้นมาจากทางข้างหลังตนก่อนจะตวัดสายตาไปมองก็ต้องพบว่าในยามนี้นั้นเหล่าคนที่อยู่บนรถนั้นได้มาอยู่ตรงนี้กันหมดแล้วโดยที่มีโคสุเกะดัดข้อมือเตรียมพร้อม

“เกือบไปแล้วนะเนี่ย ดีที่ไซเตือนไว้เลยช่วยคนขับรถไว้ทัน” พริบตานั้นก็เกือบไปเหมือนกันดีที่ไซออกปากเตือนทำให้เธอร่ายมนต์ขึ้นมาทันและพาตัวเองกับคนขับรถออกมาจากการระเบิดนั้นเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดเช่นเดียวกับคนอื่นๆรวมถึงคาซึกิที่ดีดร่างของตัวเองออกมาได้อย่างไม่ยากเย็น

“พวกคุณสินะคะเจ้าของระเบิดเมื่อครู่นี้ ไม่คิดบ้างหรือไงคะว่ามันอันตรายขนาดไหน ถ้าคนที่มาโดนไม่ใช่พวกเรา” แต่ทางด้านของคุณหนูสาวกลับโกรธขึ้นมาเพราะหากว่าคนที่โดนเป็นรถของคนธรรมดาพวกเขาย่อมไม่มีทางเอาตัวรอดแบบพวกเธอได้เลย

“เฮอะ แล้วไงละคิดว่าจะสู้กับกำลังคนติดอาวุธจำนวนขนาดนี้ได้หรือไงและอย่างน้อยระเบิดก็จัดการไปได้คนนึง” กลุ่มคนติดอาวุธโผล่ออกมาจากที่ซ่อนอย่างพร้อมเพรียงกันแต่ละคนมีอาวุธปืนที่เล็งมาทางพวกเธออย่างเต็มที่

“ว่าไปแล้วทำไมไม่เห็นไซเลย” อย่างที่เจ้าพวกนั้นพูดเพราะเธอยังไม่เห็นเจ้าคนที่ออกปากเตือนชาวบ้านเลยสักนิดทำเอาเธออดแปลกใจไม่ได้เพราะการที่รู้ตัวก่อนใครบวกกับฝีมือระดับนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบไม่ทัน

“ฮิๆ ไม่หรอกน่าหมอนั่นเตือนพวกเราให้หลบก็จริงแต่ตัวหมอนั่นเองน่ะไม่หลบหรอกเพราะเจ้าตัวคิดว่า ของแค่นี้ไม่มีคุณค่าพอจะหลบไงละ” หลักการตรรกะที่ประหลาดเหลือเกินเพราะตามปกติแล้วคนที่โดนแรงระเบิดเข้าไปเต็มๆนั้นต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอนหรืออาจถึงตายเลยเสียด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมหลบเช่นนี้

แต่ก็ควรจะรู้ไว้เช่นกันว่าหลักเกณฑ์ของมนุษย์ธรรมดาใช้กับทหารมนตราระดับหัวหน้าหน่วยไม่ได้

“อ๊าก!!” เป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดีเพราะวินาทีต่อมาประตูรถโดยสารข้างหนึ่งก็ปลิวกระเด็นอย่างน่ากลัวก่อนกระแทกเข้าใส่กลุ่มคนที่รายล้อมนั้นอย่างรวดเร็วซึ่งจะเป็นฝีมือใครไปไม่ได้นอกเสียจาก

“ชิ เจ้าบ้านั่นชอบทำเด่นเหลือเกิน” ร่างของหัวหน้าหน่วยที่สามก้าวเท้าออกมาจากซากรถที่ลุกท่วมด้วยเปลวเพลิงอย่างเชื่องช้าโดยที่ตามตัวมีเพียงคราบเขม่าเปื้อนเล็กน้อยตามร่างกายไม่มีรอยไหม้เลยแม้แต่จุดเดียวไม่น่าเชื่อเลยว่านี่คือชายที่เพิ่งอยู่ในเหตุการณ์ระเบิดรถมา

“อยากมีเรื่องนักก็เข้ามา” ทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากซากรถเจ้าตัวก็แสดงถึงความอหังการส่วนบุคคลได้เป็นอย่างดีดวงตาสีแดงคู่นั้นฉายแววไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อยมือขวากำหมัดแน่นจนกระดูกลั่นกราวอย่างน่าหวาดหวั่น

“หนอย แก!!” คมกระสุนถูกลั่นไกใส่ร่างของเขาหลายร้อยนัดแต่เจ้าตัวกลับเฉยเมยไม่ได้มีทีท่าว่าจะตระหนกตกใจเลยแม้แต่น้อยและไม่มีทีท่าว่าจะหลบกระสุนเลยด้วยเขาแค่ยกแขนขึ้นเพื่อไม่ให้กระสุนเหล่านั้นหลุดมาโดนจุดสำคัญ

พายุกระสุนพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาเป็นห่าฝนจนแทบไม่มีเวลาพักหายใจจำนวนของกระสุนที่ลั่นออกไปนั้นมากมายจนแทบจะไม่อาจนับถึงปริมาณปลอกกระสุนที่ตกลงบนพื้นได้แต่จำนวนที่ยิงออกไปอาจทะลุหลักพันเลยก็เป็นได้

แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือร่างที่ถูกรัวกระสุนใส่อย่างมืดฟ้ามัวดินนั้นกลับยังยืนหยัดอยู่ได้ซ้ำร้ายกระสุนเหล่านั้นแทบไม่ส่งผลใดๆต่อเขาเลยหากจะนับร้ายแรงที่สุดสิ่งที่เกิดขึ้นก็มีเพียงแค่รอยแผลถลอกที่ค่อยๆสมานตัวกันอยู่อีกด้วย

“ทำได้แค่นี้?” ดูเหมือนว่าเจ้าคนที่โดนห่ากระสุนยิงนั้นจะไม่คิดเสียเวลาอีกต่อไปตอนแรกเขานึกว่าพวกมันจะทำอะไรได้มากกว่านี้แต่ถ้าทำได้แค่นี้เขาไม่คิดจะรออีกแล้วคลื่นพลังสีขาวเริ่มหลั่งไหลออกมาจากร่างอย่างรวดเร็วถีบกระสุนที่ปะทะกับคลื่นพลังนั้นให้ตกลงพื้นซึ่งหาใช่อะไรที่ไหนนอกเสียจากพลังพิเศษอีกแขนงหนึ่งพลังวัตร

ซากรถที่ยังคงมีเปลวเพลิงลุกท่วมนั้นถูกเขวี้ยงเข้าใส่คนกลุ่มนั้นในทันทีส่งผลให้เหล่าคนที่รายล้อมต้องหลบหลีกกันจ้าละหวั่นแต่ทางด้านของไซก็หาได้ปาไปเฉยๆเขาทะยานร่างเข้าไปในกลางวงของศัตรูในอึดใจแล้วลงมือทันที

แน่นอนการที่เขาพุ่งเข้ามากลางวงเช่นนี้ย่อมทำให้พวกมันใช้ปืนไม่ได้เนื่องจากจะโดนพวกเดียวกันเองมีดหลายเล่มจึงพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาในทันทีแต่ด้วยความเร็วระดับเขาแล้วของพวกนี้ไม่ต่างอะไรกับพุ่งเข้ามาด้วยความเชื่องช้าสุดขีด

หมัดขวาของเขาพุ่งเข้าใส่ร่างของศัตรูเบื้องหน้าก่อนเขาจะใช้มือซ้ายปัดมีดที่พุ่งเข้ามาใกล้ที่สุดไปปักใส่ร่างของอีกคนแทนตามด้วยถีบใส่ร่างที่พุ่งเข้ามาจากด้านหลังทั้งสองปิดท้ายด้วยการย่อตัวลงและเตะกวาดให้พวกมันล้มลงไปดิ้นกับพื้นในทันที

“ถ้าทำได้แค่นี้ก็ไสหัวไป เสียเวลา” เขาออกปากไล่กลุ่มคนที่กำลังตกตะลึงกับภาพที่ตนได้เห็นบางคนประมวลผลเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ทันแต่ที่แน่ๆคือพวกนั้นไม่มีทางรู้แน่นอนว่าคนที่ล้มลงไปโดนอะไรไปบ้าง

“แต่ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดีฟะ อย่าหวังจะรอดเลย” แน่นอนในขณะที่ไซลงมือคนอื่นก็ไม่ได้อยู่เฉยๆโคสุเกะก็ทำแบบเดียวกันคือพุ่งเข้าหาศัตรูแล้วฟาดไม้พลองใส่ศัตรูอย่างรวดเร็วร่างของศัตรูจำนวนมากถูกกวาดไปอย่างง่ายดายดูเหมือนเจ้าตัวจะถนัดกับการต่อสู้กับศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าพอตัวเลยทีเดียว

“เข้ามา” เจ้าตัวกระแทกไม้พลองก่อนท้าทายศัตรูทั้งหมดด้วยอารมณ์คุกกรุ่นพลังวัตรหลั่งไหลออกมาจากร่างของเจ้าตัวเช่นกันบ่งบอกถึงชนิดของพลังพิเศษของเขาได้เป็นอย่างดีซึ่งหากจะให้พูดไปแล้วมันเหมาะกับรูปแบบอาวุธมากเลยทีเดียว

ส่วนแม่คุณหนูสาวก็ใช่ว่าจะประมาทได้คมดาบคาตานะของเธอนั้นฟาดฟันใส่ร่างของกลุ่มคนได้อย่างรวดเร็วทุกดาบที่ชักออกจากฝักหมายถึงร่างของศัตรูที่ล้มลงหนึ่งคนและแน่นิ่งไม่ไหวติงก่อนจะเก็บดาบเข้าไปในฝักด้วยความรวดเร็วที่แทบมองไม่ทัน

“ฉันไม่ให้พวกคุณรอดไปได้หรอกค่ะ พวกคุณต้องไปชดใช้ความผิดในคุกเท่านั้น” เธอเป็นอีกคนที่มีพลังพิเศษเป็นพลังวัตรแต่การใช้พลังของเธอนั้นแตกต่างจากสองคนที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง ไม่ได้อาศัยความแข็งแกร่งของพลังเข้าปะทะพลังแต่เธอใช้การลงมือที่รวดเร็วและเฉียบคมเป็นการใช้พลังในพริบตาที่แยบยลรู้ตัวอีกทีก็ตอนคมดาบพุ่งเข้ามาแล้วนั่นแหละ

เป็นรูปแบบการโจมตีที่แตกต่างจากคาซึกิพอควรเพราะเธอใช้มนตราธาตุลมในการเสริมการเคลื่อนไหวทำให้รวดเร็วเหมือนสายลมและหลบหลีกได้อย่างว่องไวเธอไม่ได้เน้นโจมตีจุดตายเหมือนเอเรียแต่เธอเน้นความปั่นป่วนให้ศัตรูที่อยู่เป็นหมู่คณะเสียรูปขบวนมากกว่า

แม้รูปแบบของคาซึกิกับเอเรียจะคล้ายกันตรงที่เป็นการโจมตีที่ศัตรูคาดไม่ถึงแต่ก็ต่างกันมากเพราะเอเรียนั้นเน้นความนิ่งสงบของการเคลื่อนไหวเหมือนดั่งผิวน้ำไร้ระลอกคลื่นก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นยักษ์ถาโถมปลิดชีพศัตรูในพริบตาโดยที่ศัตรูแทบไม่รู้ว่าตัวเองโดนเข้าไปได้ยังไง ผิดกับคาซึกิที่เน้นการก้าวเท้าอย่างว่องไวและรวดเร็วเพลงดาบก็เน้นไปที่ความว่องไวเป็นการโจมตีจากในระยะห่างที่เมื่อรู้ตัวเธอก็เข้ามาในระยะดาบและฟาดฟันใส่เป็นที่เรียบร้อยแล้วเป็นความพริ้วไหวเหมือนดั่งสายลมพัด

ส่วนมีอานั้นเธอเป็นคนเดียวที่ยืนอยู่วงนอกและคอยร่ายมนต์โจมตีและคอยก่อกวนศัตรูที่คิดจะร่ายมนต์โจมตีการร่ายมนต์ของเธอรวดเร็วมากรวดเร็วพอๆกับเรย์เสียด้วยซ้ำแต่นั่นก็เป็นเพราะเธอยืนร่ายอยู่วงนอกแต่เรย์นั้นร่ายมนต์เมื่อยามเข้าปะทะในระยะใกล้ทำให้ความยากผิดกับหลายขุม

ร่างของคนสามคนทรุดลงไปกับพื้นด้วยฝีมือของโคสุเกะก่อนที่เจ้าตัวจะนำกระบองของตนเองไปพาดไว้บนหลังอีกครั้งเพียงแค่ไม่ถึงห้านาทีคนกว่าครึ่งร้อยก็ถูกอัดหมอบกระแตลงไปจนสิ้น

“เฮ้ย บอกมาซะ แกเป็นผู้ก่อการร้ายใช่ไหม รังของพวกแกอยู่ที่ไหน?” เมื่อเสร็จสิ้นการต่อสู้แล้วเขาจึงเค้นถามข้อมูลรังของศัตรูจากร่างที่โดนอัดเพราะเขาแน่ใจว่าเจ้าพวกนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มที่เขาจะมากวาดล้างอย่างแน่นอน

“เฮอะ ใครจะบอกให้โง่” แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะถูกฝึกมาดีใช่เล่นเพราะทันทีที่ถูกถามนั้นเจ้าตัวก็ถ่มน้ำลายลงพื้นแทนราวกับว่าไม่ว่าจะเป็นเช่นไรก็ไม่ยอมตอบทำเอาโคสุเกะที่เห็นดังนั้นกำหมัดแน่นหากแต่ในตอนนั้นเอง

“หลบไปซะ ฉันจัดการเอง” ร่างของโคสุเกะถูกดันถอยออกมาทำเอาเจ้าตัวหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนที่ในคราวนี้หัวหน้าหน่วยที่สามจะก้มลงไปหาร่างที่นอนกองอยู่บนพื้นพร้อมตรงเข้าคว้าลำคอของอีกฝ่ายขึ้นมาและยกร่างนั้นขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ขอบอกไว้ก่อน ฉันไม่ใช่คนใจดีนักหรอกนะ ทีนี้ก็บอกมาซะว่ารังของพวกแกน่ะอยู่ที่ไหน” ความราบเรียบในน้ำเสียงและแววตาจากดวงตาสีแดงเข้มคู่นั้นทำเอาชายที่ถูกยกร่างขึ้นนั้นรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาทันตาทั้งที่มันไม่ใช่น้ำเสียงข่มขู่อะไรเลยแต่ความหวาดกลัวนั้นมากกว่าตอนที่โดนโคสุเกะขู่หลายเท่าตัว

“ ทีนี่มีเหยื่อที่จะมาแทนแกอีกเพียบ ถ้าแกไม่ยอมบอกฉันก็ไม่คิดจะเอาไว้หรอกนะ ฉันจะนับถึงสาม ถ้าหลังจากนั้นไม่บอกก็ตายไปซะ” แรงที่ถูกบีบที่ลำคอหนักหนาขึ้นจนการหายใจเริ่มติดขัดแค่แววตาของอีกฝ่ายก็ทำให้รู้ได้ในทันทีว่าร่างที่อยู่เบื้องหน้าของเขาเอาจริงแน่นอน

“หนึ่ง” การนับแรกเริ่มต้นหากแต่ทางด้านของชายคนนั้นก็ยังปากแข็งแม้ว่าจะตัวสั่นไปด้วยความหวาดกลัวแล้วก็ตามแต่ด้วยศักดิ์ศรีจึงยังไม่ยอมบอกออกมาซึ่งแน่นอนว่าไซหาได้สนใจเรื่องพรรค์นั้นเลยก่อนที่เขาจะนับต่อ

“สอง” ในคราวนี้แรงบีบเพิ่มขึ้นไปอีกจนแทบจะหายใจไม่ออกแววตาจากดวงตาสีแดงเข้มฉายแววอำมหิตและเฉยชาราวกับสิ่งที่เขากำลังจะเด็ดชีวิตนั้นหาใช่มนุษย์แต่เป็นแมลงตัวนึงทำเอาร่างที่ถูกข่มขู่นั้นสติแทบแตกก่อนละล่ำละลักบอกในจังหวะที่ไซกำลังจะนับอีกครั้ง

“ยะ อยู่ที่โรงงานร้างหะ ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้สิบกิโลเมตร ค่อกๆ” ร่างนั้นเริ่มมีสีหน้าเขียวคล้ำจากการขาดอากาศหายใจแต่ก็พยายามเค้นเรี่ยวแรงทั้งหมดออกมาเหมือนจะรู้ดีว่ามัจจุราชผู้นี้ไม่มีทางปราณีตนแน่นอน

“งั้นแกก็หมดประโยชน์แล้ว” น้ำคำสั้นๆ ทำเอาร่างของชายคนนั้นหนาวเยือกขึ้นมาอีกครั้งเพราะพลังวัตรเริ่มเข้าห่อล้อมมือขวาที่ใช้ยกร่างของตนเป็นที่เรียบร้อยแล้วแค่ลงมือทีเดียวร่างของอีกฝ่ายก็จะคอหักตายไม่ต่างจากการหักขนมเลยด้วยซ้ำหากแต่

“พอเถอะค่ะ สิ่งที่จะใช้ลงโทษเขาคือกฎหมายนะคะไม่ใช่ศาลเตี้ย เขาไม่ได้ลงมือต่อสู้แล้วไม่มีเหตุผลจะทำแบบนั้นนะคะ” แต่มีแม่สาวคนนึงที่เข้ามาห้ามเอาไว้ได้ทันมือบางของเธอเข้ากุมมือซ้ายของบุรุษผู้นี้เอาไว้ราวกับไม่ต้องการให้เขาทำแบบนั้น

ร่างที่ถูกยกสูงนั้นถูกปล่อยตกตามแรงดึงดูดโดยไม่สนใจใยดีแต่เพียงเท่านี้ก็นับว่าปราณีมากแล้วหากไม่ได้แม่คุณหนูสาวที่ออกตัวห้ามเอาไว้ละก็เจ้าคนที่ถูกยกร่างขึ้นนั้นคงถูกฆ่าทิ้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ชิ แบบนี้ทุกที” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำแม้ว่าหมอนั่นจะทำเหมือนไม่สนใจแต่ทุกครั้งที่จัดการศัตรูเสร็จหมอนั่นจะแทบสังหารศัตรูทุกคนทิ้งเลยเสียด้วยซ้ำหากไม่มีเอเรียแล้วละก็คงไม่มีภารกิจจับเป็นส่งมาให้ถึงไซอย่างแน่นอน

“เอ้า ไปกันเถอะ รีบไปทำลายรังของพวกผู้ก่อการร้ายกันดีกว่านะ” เช่นเดียวกับมีอาที่ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะเดินนำทุกคนให้ไปยังรังผู้ก่อนก่อการร้ายราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่สวนสนุกเท่านั้นท่ามกลางคนอื่นๆในหน่วยที่ก้าวเท้าตามไปติดๆ

ส่วนคาซึกินั้นหลังจากที่หน่วยที่สามเดินไปกันแล้วเธอถึงพึ่งได้สติเพราะในพริบตาเมื่อครู่นั้นเธอถูกแรงกดดันที่ชายชื่อไซคนนั้นแผ่ออกมากดดันใส่จนแทบไม่กล้ากระทั่งกระดิกนิ้วมันเป็นจิตที่ราวกับว่าไม่สนใจใยดีใดๆในชีวิตเลยแม้แต่น้อยกระที่งเธอที่เป็นพวกเดียวกันยังอดหนาวเยือกขึ้นมาไม่ได้

และนี่แหละคือนิสัยที่เป็นปัญหาที่สุดของหัวหน้าหน่วยที่สามไซอาเซีย คราซิสเพราะนอกจากจะไม่สนใจในกฏระเบียบใดๆแล้วทุกการลงมือของหมอนั่นมันราวกับจะเข่นฆ่าศัตรูให้ตายโดยไม่สนใจสักนิดหากไม่มีเอเรียอยู่ด้วยแล้วละก็เจ้าตัวจะไม่ต่างอะไรไปกับสัตว์ร้ายที่ไม่มีการควบคุมเลยทีเดียว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel