บท
ตั้งค่า

chapter5-5

“นะ นายรู้อยู่แล้วงั้นเหรอ” เมื่อได้ยินที่พูดดังนั้นคาซึกิที่ในตอนแรกนิ่งค้างไปจากสิ่งที่เห็นนั้นจึงหันมาถามหัวหน้าหน่วยของตนเองเพราะจะว่าไปแล้วเรย์นั้นดูรู้เรื่องนี้ดีจนน่าผิดสังเกต

“ก็นะเพิ่งเดาได้ไม่นานน่ะ ถ้าประมวลผลจากข้อมูลที่มีทั้งหมด ระยะเวลาโจมตีของโจรสลัดพวกนี้จะค่อนข้างครอบคลุมอยู่ในช่วงเวลาใกล้ๆคืนวันเพ็ญซะส่วนใหญ่เพราะมันเป็นคืนที่อำนาจทางด้านมืดสูงที่สุดจนพวกมันปรากฏตัวออกมาได้”

“กลิ่นอายของพื้นที่บริเวณนี้ที่พวกนายอาจจะไม่รู้สึกแต่ฉันสัมผัสได้ตั้งแต่เรือแล่นมาแถวนี้แล้วว่ามันเป็นที่ๆมีความมืดสูงจากการที่แถวนี้มีคนตายเยอะ และวิธีการที่ราวกับโจรสลัดสมัยก่อนทั้งยังมีมนตราธาตุมืดห้อมล้อมในปริมาณมหาศาล เมื่อนำมารวมกันทำให้ฉันสันนิฐานว่าพวกมันเป็นโจรสลัดผี ที่ให้อลันยิงดูก็จะทดสอบว่าเป็นพวกวิญญาณจริงรึเปล่า เพราะพวกมันค่อนข้างแพ้ธาตุแสงเลยทำให้ฉันแน่ใจ ”

“ตอนนี้เรามาช่วยกันคิดดีกว่าครับว่าจะรับมือพวกมันยังไง พวกมันเข้าใกล้จนจะประชิดเรือของเราแล้วนะครับ” กระสุนถูกลั่นไกเข้าใส่ตัวเรือของโจรสลัดผีพวกนั้นแต่มันกลับไม่เป็นผลเลยสักนิดตัวเรือแทบไม่มีรอยขีดข่วนจากกระสุนของเขาและของบอดี้การ์ดคนอื่นที่ยิงเข้าไปเลย

“กระสุนธรรมดาทำอะไรตัวพวกนี้ไม่ได้หรอก ใช้กระสุนพวกนี้แทนซะอลัน” เรย์ยื่นกระสุนชุดหนึ่งให้อลันในทันทีส่วนทางด้านของเจ้าของนั้นกลับมีสีหน้าแปลกใจนิดหน่อยเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหยิบกระสุนของตนออกมาตอนไหน

“มันเป็นกระสุนที่ฉันประจุพลังมนตราธาตุแสงลงไปน่าจะเป็นอาวุธฆ่าพวกมันได้ สอยพวกมันทุกตัวที่คิดจะเหยียบขึ้นมาบนเรือ คาซึกินายไปกับฉัน เราจะไปเก็บพวกมันในเรือกันเลย” ไม่เพียงแค่ล่วงรู้ถึงศัตรูแต่ยังสร้างอาวุธในการจัดการเอาไว้ล่วงหน้าแล้วด้วยเมื่อได้ยินเช่นนั้นอลันก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

“เดี๋ยวก่อนแล้วถ้าพวกซอมบี้นั่นหลุดเข้ามาในเรือละจะทำยังไง” แต่คาซึกิกลับไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงเพราะหากทำเช่นนั้นเท่ากับว่าพวกเขาปล่อยให้ผู้คนจำนวนมากต้องเผชิญกับฝูงซอมบี้พวกนี้และอาจทำให้คนเหล่านั้นได้รับอันตรายได้

“อย่าห่วงน่า ทหารมนตราที่อยู่บนเรือไม่ได้มีแค่พวกเราหรอก เชื่อสิมีคนจัดการให้แน่นอน” คำพูดของเรย์ทำให้คาซึกิและอลันอดแปลกใจอีกครั้งไม่ได้แต่ที่น่าตกใจคือสีหน้าที่เคยยิ้มแย้มกวนอารมณ์คนนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจขึ้นมาแทนไปชั่วครู่หนึ่ง

“ถ้านายพูดแบบนั้น ฉันจะเชื่อ” ถึงจะไม่เข้าใจก็ตามแต่ในเมื่อเรย์แสดงให้เห็นแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้มีคนตายเขาก็เชื่อว่าเจ้าตัวจะต้องมีแผนการอะไรรองรับอยู่อย่างแน่นอนดังนั้นเขาจึงเคลื่อนไหวตามเรย์บุกเข้าไปในเรือผีสิงทันที

“ฮิๆ ถึงเป็นศพแต่จำนวนเยอะขนาดนี้ก็น่าสนุกดีนะครับเนี่ย” ทางด้านของอลันที่เมื่อเห็นว่าตอนนี้ตนมีเป้ายิงจำนวนมากก็เริ่มหัวเราะด้วยความสนุกสนานขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนหวานระรื่นหูแต่ทำให้เรย์ที่เปิดเครื่องสื่อสารอยู่นั้นรู้สึกอยากกระชากมันออกขึ้นมาในทันที

ด้วยความที่ตอนนี้นั้นระยะห่างระหว่างเรือทั้งสองลำมีไม่มากทำให้ทั้งสองคนตัดสินใจกระโดดทะยานพาร่างของตัวเองข้ามจากเรือฝั่งหนึ่งไปเรืออีกฝั่งหนึ่งอย่างรวดเร็วเป็นความบ้าระห่ำส่วนบุคคลที่ทั้งสองดันเข้ากันได้เป็นอย่างดี

ทางด้านของซอมบี้โจรสลัดนั้นก็ใช่ว่าจะยอมกันง่ายๆพวกมันปล่อยศรออกจากธนูพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของทั้งสองในทันทีแม้ความรุนแรงจะไม่มากแต่ปริมาณลูกศรที่มีอยู่หลายสิบดอกหากต้องรับเอาไว้อาจกลายเป็นเม่นก็เป็นได้

มนตราธาตุแสง คมดาบแสงไร้จำกัด

มนตราธาตุลม สายลมหวน

ทั้งสองคนใช้มนตราตอบโต้ในทันทีคมดาบแสงทั้งเจ็ดเล่มฟาดฟันถูกธนูที่พุ่งมาทางตนอย่างง่ายดายโดยที่เรย์ไม่เสียจังหวะการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อยนิดแต่คาซึกินั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเขาใช้สายลมของตนพัดพาลูกธนูเหล่านั้นกลับไปอีกทั้งอาศัยจังหวะนี้นำสายลมมาใช้เสริมการก้าวเท้ากลางอากาศทำให้วินาทีต่อมาร่างของเขาก็อยู่บนเรือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คมดาบคาตานะถูกชักออกมาจากฝักแล้วฟาดฟันศัตรูโดยรอบอย่างรวดเร็วเศษชิ้นส่วนกระจายออกจากกันในทันทีการลงดาบของคาซึกิในยามนี้ไร้ความปราณีอีกต่อไปเพราะยังไงเสียศัตรูก็เป็นสิ่งที่ตายไปแล้วแม้จะฟาดฟันซ้ำเข้าไปก็คงไม่เป็นไร

แต่เหล่าผีดิบที่ถูกดาบฟันนั้นกลับไม่ยอมตายส่วนที่เหลือนั้นยังคงพุ่งเข้าใส่ร่างของคาซึกิและยังรวดเร็วกว่าเดิมทำเอาเจ้าตัวชะงักพร้อมก้าวเท้าหลบเลี่ยงด้วยความตกใจศรลมหลายดอกพุ่งเข้าใส่ร่างของผีดิบเหล่านั้นซ้ำ

เหล่านั้นล้มกลิ้งจากพลังทำลายของศรลมแต่ก็เท่านั้นศรลมเหล่านี้ไม่อาจสังหารพวกมันได้เพราะในเวลาไม่นานพวกมันก็ลุกขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับพุ่งเข้าใส่เขาอีกครั้งหนึ่งจนเจ้าตัวไม่รู้จะทำเช่นไรกับพวกมันดี

แต่ชิ้นส่วนเหล่านั้นกลับถูกคมดาบแสงทิ่มแทงอย่างรวดเร็วและในพริบตาถัดมาร่างของพวกมันก็เริ่มสูญสลายไปอย่างง่ายดายสร้างความแปลกใจให้กับคาซึกิไม่น้อยก่อนหันไปหาเจ้าของคมดาบแสงเหล่านั้น

“ดูเหมือนว่าต้องใช้มนตราธาตุแสงในการฆ่ามันเท่านั้น ธาตุอื่นคงต้องเป็นมนต์ระดับกลางๆขึ้นไปถึงจะเห็นผลฟะ” คำพูดของเรย์ทำเอาคาซึกิเครียดเขม็งในทันใดเพราะการใช้มนต์ระดับกลางสำหรับเขาที่ไม่ใช่พวกผู้ใช้มนตราโดยตรงนั้นต้องเอ่ยปากร่ายซึ่งการจะร่ายระหว่างการตะลุมบอลเช่นนี้นั้นสำหรับเขาเป็นไปได้ยากทีเดียว

“ช่วยไม่ได้ละนะ” เขาก็รู้ถึงปัญหาของคาซึกิดีก่อนที่เขาจะเอื้อมมือขวาของตนไปจับคมดาบคาตานะในมือของคาซึกิอย่างรวดเร็วก่อนที่จะ

คมดาบบาดเข้าไปในเนื้อของเจ้าตัวพร้อมกับหยดเลือดสีแดงฉานที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลไหลลงมาตามตัวดาบก่อนที่จะย้อมตัวดาบอย่างรวดเร็วหากแต่การกระทำนี้ทำเอาคาซึกิตกตะลึง

“ทะ ทำอะไรของนาย” แม้คำพูดจะแข็งกระด้างแต่น้ำเสียงที่เจ้าตัวใช้นั้นแฝงเอาไว้ด้วยอารมณ์ตกใจและความเป็นห่วงอย่างชัดเจนแม้บาดแผลของเรย์จะเลือนหายไปจากมนต์รักษาแล้วก็ตามแต่ก็ทำให้เขาอดแปลกใจไม่ได้

“เลือดของฉันคือโลหิตแห่งพระผู้เป็นเจ้าที่มีคุณสมบัติทางธาตุแสงเข้มข้น สำหรับพวกผีก็มีฤทธิ์ไม่ต่างกับน้ำมนต์ขั้นสูงเลยล่ะ ในกรณีที่ฉันประจุมนตราให้อาวุธไม่ทันวิธีนี้ก็เวริคเหมือนกันแค่ต้องเสียเลือดนิดหน่อย” แต่โดยส่วนตัวแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจมากนักเพราะไม่บ่อยหรอกที่จะได้สู้กับพวกผีดิบหรือพวกตระกูลความมืดแท้ๆ

“อย่าทำหน้าแบบนั้นน่า รีบจัดการพวกมันดีกว่าแล้วจะได้ไปนอนเล่นให้สบายกับทริปที่เหลือ” เมื่อเห็นสายตาที่แสดงความรู้สึกผิดของคาซึกิเขาก็ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีแล้วควบคุมดาบแสงที่ลอยอยู่ให้สังหารศัตรูพร้อมกับกวัดแกว่งดาบในมือจัดการผีดิบตัวอื่นไปด้วย

“ขอบคุณ” เสียงนั้นแผ่วเบาจนแทบจะเลือนหายไปกับสายลมพร้อมกับที่คาซึกิก้าวเท้าเข้าไปหาศัตรูในทันทีคมดาบคาตานะในมือฟาดฟันศัตรูอีกครั้งแต่คราวนี้กลับทำให้ผีดิบเหล่านั้นร้องโหยหวนท่าทางจะสมกับราคาที่คุยเอาไว้จริงๆ

ทางด้านของฝูงผีดิบนั้นก็หาได้ยอมแพ้มันพุ่งตรงเข้าใส่ร่างขอคาซึกิเช่นกันแต่เจ้าตัวกลับสามารถหลบหลีกคมอาวุธของพวกมันไปได้อย่างพริ้วไหวก่อนหมุนตัวกลับมาฟาดฟันเข้าใส่ร่างของผีดิบเหล่านั้นในทันที

เพลงดาบลมฝนใบไม้ร่วง บุปผาล่องลอย

ดาบที่พริ้วไหวดุจสายลมแต่อ่อนช้อยราวกับการร่ายรำนั้นสะกดให้เรย์จ้องมองอย่างลืมตัวไปชั่วขณะการวาดดาบที่แม้จะงดงามแต่แฝงไว้ด้วยอันตรายนั้นทำให้เรย์อดจะแปลกใจในกระบวนดาบแบบนี้ไม่ได้แต่ก็ไม่มีเวลาสนใจมากนัก

มนตราธาตุแสง ชุมนุมดาวตก

ศรแสงหลายสิบดอกพวยพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วศรแสงทุกดอกนั้นพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของผีดิบทั้งหมดอย่างแม่นยำราวกับจับวางพลังทำลายล้างของมันทำให้ผีดิบเหล่านั้นสูญสลายไปในทันทีส่วนทางด้านของเรย์เมื่อมองผลงานของตนก็ขยับยิ้ม

“เอาล่ะ เข้ามาเลยเจ้าพวกผีลืมหลุมทั้งหลาย พ่อจะส่งกลับหลุมให้เหี้ยนเลย”

กระสุนปืนของอลันและบอดี้การ์ดหลายคนระดมยิงเข้าใส่ร่างของผีดิบเหล่านั้นแต่ด้วยจำนวนที่มากเกินไปทำให้อลันไม่อาจกำจัดพวกมันได้หมดอีกทั้งบอดี้การ์ดเหล่านั้นก็ไม่มีกระสุนที่ประจุมนตราธาตุแสงเอาไว้เหมือนอลันทำให้มีผีดิบหลายตัวหลุดเข้ามาภายในตัวเรือ

“กรี๊ด ไม่นะ” เสียงร้องของเด็กสาวคนหนึ่งที่ตอนนี้ตนจนมุมในการหนีเจ้าผีดิบโจรสลัดนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วและมันกำลังพุ่งเข้ามาฆ่าเธอด้วยความหวาดกลัวทำให้เธอส่งเสียงร้องและหลับตาลงตามสัญชาตญาณแต่ในขณะที่เธอคิดว่าตนต้องตายแน่ๆแล้วนั่นเอง

เปรี้ยง

เสียงดังกึกก้องกัมปนาทราวกับเสียงฟ้าผ่าทำเอาเธอเผลอลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าเจ้าซอมบี้เบื้องหน้าของเธอนั้นชะงักค้างไปกลางอากาศก่อนที่อาวุธในมือของมันจะร่วงหล่นลงไปในพื้นอย่างรวดเร็วและล้มลงไปกองในทันที

“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ คุณหนู” เสียงนุ่มนวลดังตามขึ้นมาติดๆก่อนเธอจะพบว่าเบื้องหน้าของเธอนั้นมีร่างของชายผู้หนึ่งผู้สวมชุดสูทเป็นพิธีการ ใบหน้าคมคายที่มีสีหน้าจริงจังนั้นทำให้ชายเบื้องหน้าดูราวกับบุรุษผู้เอาจริงเอาจังในหน้าที่ผมสีเทาถูกจัดแต่งอย่างประนีตดวงตาสีเงินของเขาวาววับราวกับส่องประกายอยู่ยังไงยังงั้น

“เดี๋ยวพาไปที่รวมตัวกันก่อนดีกว่านะ” ชายคนนั้นประคองร่างของเธอไปอย่างนุ่มนวลก่อนที่เขาและเธอจะมายังที่รวมตัวหลบภัยของเหล่าชนชั้นสูงทั้งหลายที่กำลังสติแตกกันอย่างเต็มที่ บางคนกลัวจนพร่ำเพ้อไม่เป็นภาษาภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยตนเอง บางคนกรีดร้องสติแตกอย่างบ้าคลั่ง บางคนนั้นกำลังพยายามกู้ระบบสื่อสารกลับมาแต่ก็ไม่เป็นผลสถานการณ์วุ่นวายจนน่าปวดหัวไปหมด

“เงียบ!!” เสียงตวาดที่มาพร้อมกับสายฟ้าฟาดดังสนั่นทำให้ทุกคนที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งความกลัวหันกลับมามองชายผู้นี้อย่างรวดเร็วสายตาของทุกคนจับจ้องมายังร่างของเขาด้วยความงุนงงจากเสียงสายฟ้าฟาดที่เกิดขึ้น

“โวยวายเป็นผึ้งแตกรังไปทำไม จะสวดมนต์หาพระเจ้าเพื่ออะไร พระเจ้าไม่ช่วยใครหรอก สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือสั่งการอย่างมีระบบเพื่อที่พวกเราจะรอดไปด้วยกันได้ ไม่ใช่มาร้องห่มร้องไห้อย่างไร้ความหมาย ถ้าจะทำแบบนั้นรอให้สิ้นหวังสุดๆก่อนยังไม่สาย” บุรุษผู้นี้ตะโกนให้แทบจะทั่วทั้งเรือได้ยินทั่วกันเสียงตวาดที่ดุดันแต่ก็ทรงพลังและน่าเกรงขามเสียจนมีหลายคนสั่นสะท้าน

“แล้วแกเป็นใครวะไอ้หนู กล้าดียังไงมาขึ้นเสียง” ชายผู้หนึ่งที่ดูจะไม่พอใจกับการประกาศศักดาของเขาคนนี้ก้าวเท้าเข้ามาราวกับอยากจะมีเรื่องแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับดวงตาสีเงินที่เปี่ยมด้วยอำนาจคู่นี้ก็ถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว

“ผมคือ ซาคายามะ ไรชิน หัวหน้าหน่วยที่หกแห่งกองทหารมนตราเมืองลาเฟสต้า ผมมาพักผ่อนเฉยๆแต่ไม่นึกว่าจะต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้และผมขอให้ทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติตามคำสั่งของผม ได้ใช่ไหม” มันไม่ใช่ประโยคคำถามสักนิดเพราะความทรงอำนาจในน้ำเสียงและแววตานั้นมันทำให้ทุกคนหมดสิ้นคำแย้งไปโดยปริยาย

“พวกบอดี้การ์ดที่มีปืน เน้นยิงพวกข้อต่อการเคลื่อนไหวซะ พวกมันไม่ยอมตายก็จริงแต่ร่างกายอิงหลักกายภาพอยู่ดี ส่วนพวกที่ใช้มนตราให้ร่ายมนต์ระดับกลางยิงใส่มนต์ระดับล่างๆไม่ได้ผลหรอก ส่วนพวกที่มีพลังวัตรพยายามสำรวจว่ามีใครตกค้างอยู่ในมุมต่างๆของเรือรึเปล่าและพามารวมกันไว้ที่นี่จะได้สะดวกในการป้องกัน” เสียงสั่งการที่ทำให้ทุกคนทำตามอย่างรวดเร็วความปั่นป่วนและชุลมุนกลายเป็นความมีระเบียบในทันตาเพียงแค่เขาตวาดครั้งเดียว

“เอาละ คุณอยู่ที่นี่จะปลอดภัยกว่า” สิ้นคำเขาก็พุ่งออกไปจากบริเวณนี้ในทันทีรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดแต่ทางด้านของเธอก็ไม่ได้ห้ามอะไรเพราะรู้ว่าเขายังมีเรื่องต้องจัดการอีกมากได้แต่เก็บความประทับใจนี้เอาไว้

“ไอ้รุ่นน้องบ้านั่น ภารกิจของตัวเองแท้ๆดันใช้งานรุ่นพี่ที่กำลังพักร้อนซะได้ ให้มันได้อย่างนี้สิ” เขาคือคนที่จ้องเรย์ในตอนนั้นนั่นเองแม้เขาจะจงใจเป็นคนทักทายไปก็ตามแต่คาดไม่ถึงว่าเจ้ารุ่นน้องนั่นจะมาใช้งานเขาเสียแบบนี้จนอดที่จะหงุดหงิดเล็กๆไม่ได้แต่อันที่จริงก็ต้องโทษนิสัยที่ชอบยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องชาวบ้านของเขาด้วยละนะ

“เตรียมตัวให้ดีไอ้พวกผีดิบเวรตะไล คนที่มารบกวนเวลาพักร้อนของฉันน่ะ ฉันไม่เคยเอามันไว้” สายฟ้าที่อยู่โดยรอบอาการเริ่มลั่นเปรี๊ยะก่อนที่มันจะผ่าลงมาใส่ร่างของบรรดาผีดิบเหล่านั้นความรุนแรงของมันทำให้ผีดิบเหล่านั้นตายลงไปอีกรอบในทันทีก่อนที่จะออกวิ่งต่อไป

ส่วนทางด้านของพวกเรย์นั้นก็กำลังรับมือกับฝูงผีดิบอยู่อย่างหนักหนาสาหัสไม่น้อยแม้จะมีมนตราธาตุแสงก็ตามหากแต่ถึงแบบนั้นจำนวนของพวกมันก็มีมากมายราวกับไม่มีวันหมดสิ้นจนเรย์อดที่จะแปลกใจไม่ได้

“แปลกชะมัด ทำไมวิญญาณของพวกโจรสลัดมันเยอะขนาดนี้” จำนวนที่เขาและคาซึกิลงมือฆ่าไปนั้นรวมกันน่าจะประมาณสองสามร้อยตัวได้แล้วไม่รวมพวกที่ปีนเข้าไปในเรืออย่างไม่ขาดสายอีกทั้งที่ในความจริงแล้วมันไม่น่าจะเยอะได้ถึงขนาดนี้

แม้เขาจะไม่เหนื่อยแต่ก็สูญเสียพลังมนตราไปแล้วไม่น้อยจากการต่อสู้เป็นระยะเวลานานส่วนคาซึกินั้นน่าห่วงไม่น้อยเพราะตั้งแต่ที่เริ่มมาเจ้าตัวใช้วิชาดาบออกไปไม่รู้กี่ครั้งคิดว่าคงเหนื่อยแรงมากแล้วแน่ๆสังเกตได้จากเม็ดเหงื่อที่ผุดพราวอยู่ทั่วร่างขืนเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังพลาดท่าแน่

‘หรือว่า...’ สมองของเขาประมวลผลอย่างรวดเร็วความเป็นไปได้นี้มีค่อนข้างสูงเสียด้วยเมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงเริ่มขยับปากร่ายมนต์อย่างแผ่วเบาคลื่นพลังธาตุแสงที่ล้อมรอบตัวของเรย์นั้นยิ่งทรงพลังขึ้นกว่าเดิมจนผีดิบหลายตัวเริ่มพุ่งเข้าใส่ร่างของเรย์

แม้พลังมนตราธาตุแสงนั้นจะเป็นธาตุอริที่ผีดิบอยากหลีกหนีแต่ถ้าเป็นถิ่นของตัวผีหรือวิญญาณนั้นพวกมันจะกรูเข้ามาโจมตีคนที่มีพลังสายนี้ในทันทีดังนั้นหากไม่มีฝีมือมากพอแล้วละก็ต่อให้มีมนตราธาตุแสงก็อย่าได้โผล่เข้ามาในถิ่นของวิญญาณร้ายเด็ดขาด

เพลงดาบลมฝนใบไม้ร่วง บุปผาล่องลอย

กระบานท่าเดิมถูกใช้ออกอีกครั้งแต่ในคราวนี้มันกวาดเป็นวงกลมกวาดศัตรูที่คิดจะเข้าใกล้ชายผู้นี้ออกไปจนหมดสิ้นแม้จะไม่รู้ว่าเรย์จะทำอะไรแต่เขาก็จะสนับสนุนหมอนี่เต็มที่เพราะเชื่อว่าเจ้าหมอนี่ต้องมีความคิดอะไรดีๆแน่นอน

“ข้าขอวิงวอนแด่เฮเมร่า เทพีแห่งแสงผู้ส่องสว่างและทอประกาย ศัตรูของข้าคือศัตรูของท่านโปรดสาดส่องแสงสว่าง แหวกม่านหมอกแห่งความมืดมิดทำลายศัตรูของข้าให้ดับสูญ แสงอรุณแหวกนภา” สิ้นคำท้องฟ้าที่แต่เดิมเคยมืดมิดและมีเมฆหมอกบดบังก็ถูกแหวกออกกลายเป็นลำแสงสีฟ้าขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากฟากฟ้าในทันที

ลำแสงสายนั้นปะทะเข้ากับเรือลำนี้อย่างไม่มีการยั้งแรงพลังมนตราของเรย์สูญสิ้นไปเป็นจำนวนมากแต่มันก็ทำให้ตัวเรือถึงกับสั่นไหวผีดิบทั้งหมดที่อยู่บนเรือนั้นสูญสิ้นไปจากการโจมตีด้วยพลังธาตุแสงอันเข้มข้นนี้อย่างรวดเร็ว

“สุด ยอด” เสียงของคาซึกิหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากอย่างแผ่วเบาพลังทำลายล้างของมนตรานี้นั้นกวาดศัตรูไปจนหมดสิ้นแต่กลับไม่ทำอันตรายเขาเลยแม้แต่น้อยแสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้ใช้มนตราบทนี้ได้เป็นอย่างดีก่อนที่แสงสว่างนั้นจะดับหายไป

“ฟู่ เอาละ ออกมาซะฉันเก็บลูกกะจ๊อกไปหมดแล้ว เลิกหลบๆซ่อนๆแล้วออกมาสู้กันสักที” เจ้าของมนตราอลังการงานสร้างเมื่อครู่นั้นเปรยเบาๆพร้อมกันนั้นเองที่มีร่างๆหนึ่งผุดขึ้นมาจากพื้นดินตามคำบอกของเจ้าตัวในทันที ร่างเจ้าของเรือลำนี้

ร่างนั้นอยู่ในชุดกัปตันดูหรูหราไม่ได้เน่าเปื่อยเหมือนผีดิบตัวอื่นๆเลย นอกจากผิวที่ขาวซีดแล้วร่างตรงหน้าแทบไม่ต่างจากคนธรรมดาจริงๆหากแต่คลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของอีกฝ่ายนั้นบ่งบอกถึงความร้ายกาจได้เป็นอย่างดี

“ข้า จอลลี โรเจอร์ จงประกาศนามของเจ้ามาเสีย” ร่างนั้นส่งเสียงออกมาพร้อมดึงดาบเล่มหนึ่งติดมือมาด้วยภายในดวงตาคู่นั้นราวกับกลวงโบ๋จนดูน่าหวาดหวั่นทำให้คาซึกิเผลอกระชับดาบคาตานะในมือแน่นโดยไม่รู้ตัวผิดกับเรย์ที่ผิวปากอย่างถูกใจ

“ราคิออส ไรคาลิส ส่วนเจ้านี่คือคามิงาริ คาซึกิ คนที่จะมาเตะโด่งแก รับรู้เอาไว้แล้วตายไปอีกรอบซะ” เสียงประกาศอันเต็มไปด้วยความมั่นใจในฝีมือตนเองคมดาบแสงทั้งเจ็ดลอยวนอีกครั้งหนึ่งนี่จะเป็นศึกที่จะบ่งบอกเลยว่าเขาจะสามารถทำลายเรือผีนี่ได้หรือไม่เพราะมนตราที่หล่อเลี้ยงเรือทั้งหมดมาจากเจ้าตัวเบื้องหน้านี่!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel