บท
ตั้งค่า

chapter5-6

“ไม่นึกเลยนะเนี่ย ว่าจะได้เจอกับคุณโจรสลัดในตำนานกันตัวเป็นๆแบบนี้ไม่สิ จะเรียกว่าตัวเป็นๆก็คงไม่ได้เพราะดันตายไปแล้วนี่นา” คำพูดกวนประสาทคนยังคงหลุดออกมาจากปากได้ดีเช่นเดิมถึงแบบนั้นทางด้านของโจรสลัดผีกลับยังคงนิ่งสนิทไม่เปลี่ยนแปลง

“ไหนๆ แล้วก็เป็นตำนานไปเลยแล้วกัน” ยังไงเสียเขาก็ไม่ใช่พวกซุ่มรอโอกาสอยู่แล้วดังนั้นเมื่อมีโอกาสเช่นนี้เขาก็เป็นฝ่ายเปิดการโจมตีก่อนเสียเลยเพราะยังไงเสียมนตราธาตุแสงก็เป็นดาวข่มของบรรดาผีทั้งหลายอยู่แล้วน่าจะได้เปรียบไม่ยาก

มนตราธาตุแสง ชุมนุมดาวตก

ศรแสงพวยพุ่งเข้าออกมาราวกับฝนดาวตกพุ่งเข้าใส่ร่างของผีโจรสลัดเบื้องหน้าในทันทีแต่ทางด้านของผีนั้นกลับไม่ได้ใส่ใจศรแสงของเรย์เลยแม้แต่น้อยมันสะบัดดาบออกไปคราหนึ่งพร้อมกับที่ลูกไฟขนาดใหญ่ลูกหนึ่งพุ่งสวนกลับไป

“คิดว่าของแค่นี้จะหยุดกันได้เรอะไง” ศรแสงหักเลี้ยวหลบหลีกลูกไฟไปได้อย่างง่ายดายและตรงเข้าใส่ร่างของศัตรูจากทุกทิศทางส่วนทางด้านของเรย์และคาซึกินั้นกระโดดหลบลูกไฟเบื้องหน้าของตนเองอย่างรวดเร็ว

แต่ทางด้านของโจรสลัดผีนั้นก็สมกับที่เคยจารึกชื่อเอาไว้ในตำนานคมดาบในมือนั้นฟาดฟันศรแสงของเรย์ที่ปล่อยออกไปทั้งหมดอย่างแม่นยำโดยที่ศรแสงเหล่านั้นไม่มีโอกาสจะได้กระทบร่างเลยแม้แต่น้อยแสดงถึงฝีมือเชิงดาบได้เป็นอย่างดี

“ไม่ธรรมดาเลยแฮะ” แค่ฝีมือการวาดดาบนั้นก็บ่งบอกได้แล้วว่าแข็งแกร่งไม่นับรวมปฏิกิริยาตอบสนองที่ปัดศรแสงของเขาทิ้งได้ทั้งหมดอีกทางด้านคาซึกิที่เห็นว่าการโจมตีของเรย์ไม่ได้ผลนั้นก็ก้าวเท้าเข้าใส่ศัตรูอย่างรวดเร็วหมายจะโจมตีในระยะประชิด

“อ่อนหัด” โจรสลัดผีไม่แม้แต่จะชายตาแลร่างของคาซึกิเพราะมันรู้ดีว่าร่างนี้อ่อนด้อยกว่าบุรุษที่มีพลังมนต์ธาตุแสงอยู่มากจึงซัดพายุหมุนออกไปลูกหนึ่งโดยที่มันพุ่งเข้าใส่ร่างของคาซึกิที่ก้าวเท้าเข้าไปจนแทบไม่เหลือหนทางหลบเลี่ยง

แต่สิ่งที่คาซึกิทำกลับเหลือเชื่อกว่านั้นเมื่อเล็งเห็นพายุเขากลับไม่หลบเลี่ยงซ้ำยังก้าวเท้าเข้าไปหาด้วยความรวดเร็วที่ยิ่งกว่าเดิมโดยนำพลังมนตราทั้งหมดไปเสริมการเคลื่อนไหวที่เท้าของตนเป็นการกระทำที่แม้แต่เรย์ยังไม่คิดจะทำ

และราวกับเป็นปาฏิหารย์พายุหมุนลูกนั้นแหวกออกจากกันอย่างไม่น่าเชื่อเหตุการณ์ตรงหน้าสร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทั้งพวกเดียวกันอย่างเรย์และเจ้าของพายุหมุนลูกนี้อย่างโจรผีเป็นอย่างมากคมดาบคาตานะสีเงินที่อาบเลือดของศักดิ์สิทธิ์เอาไว้วาดใส่ศัตรูทันที

คมดาบสีเงินกรีดเข้าไปในเนื้อของอีกฝ่ายเลือดที่อาบบนดาบนั้นยังคงแสดงประสิทธิภาพของมันได้อย่างดีเยี่ยมแต่ทางด้านของโจรสลัดผีนั้นกลับไม่มีทีท่าเจ็บปวดสักนิดมันหันมาวาดดาบเข้าใส่ร่างของคาซึกิแทน

โล่มนตราสีฟ้าใสปรากฏขึ้นมาต้านรับดาบของโจรสลัดผีเอาไว้ได้ซึ่งก็ไม่ใช่โล่ของใครที่ไหนนอกเสียจากเรย์นั่นเองหากแต่ถึงแบบนั้นดาบนี้ก็ยังรุนแรงเสียจนโล่มนตราของเขาแทบจะต้านทานเอาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว

“น่ารำคาญจริง” เสียงของโจรสลัดผีพร้อมลูกไฟที่พุ่งกระจายออกไปในสองทิศทางโจมตีพวกเขาอย่างไม่ปราณีทางด้านของคาซึกินั้นแม้จะมีโล่มนตราของเรย์ต้านเอาไว้ให้แต่การโจมตีของอีกฝ่ายก็ยังรุนแรงเสียจนโล่มนตราแตกกระจายเปลวเพลิงบางส่วนเผาเสื้อผ้าของเขาไปเล็กน้อยหากแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจตนเองเลยสักนิด

“เรย์!!” เขารู้สึกเป็นห่วงคนที่ใช้พลังของตนเองกางโล่มาต้านรับเปลวเพลิงให้กับเขาต่างหากเพราะมันเท่ากับว่าฝ่ายนั้นแทบจะไร้การป้องกันไปโดยสิ้นเชิงในวินาทีเมื่อครู่และหากว่าต้องรับการโจมตีเข้าไปตรงๆต่อให้เป็นเรย์ก็อันตรายเช่นกัน

“หึๆ เกือบไปนะเนี่ย” โล่แสงสีฟ้าปรากฏขึ้นต้านรับเอาไว้ได้หวุดหวิดนับว่าเป็นโชคดีที่เจ้าตัวรับเอาไว้ได้แต่ถึงแบบนั้นก็แสดงให้เห็นชัดเลยว่าเขากางโล่มนตราช้าไปทำให้ร่างกายบางส่วนมีแผลไหม้จากเปลวเพลิงนั้น

“น่าสนใจดีนี่ ถ้าเช่นนั้น...” ผีดิบจำนวนมากผุดขึ้นมาจากผืนดินอีกคราหนึ่งก่อนที่มันจะพุ่งเข้าใส่ร่างของคาซึกิอย่างรวดเร็วจำนวนที่มากมายของพวกมันทำให้เจ้าตัวไม่มีทางเลือกต้องก้าวเท้าหลบเลี่ยงออกจากบริเวณนี้

“มาดวลกันหน่อยเป็นไร” คำท้าทายของโจรผีทำเอาเรย์เผยรอยยิ้มขึ้นมาหากดูเผินๆแล้วการที่เรย์ดวลเดี่ยวกับโจรสลัดผีตัวนี้เป็นเรื่องโง่เขลาเพราะขนาดร่วมมือกับคาซึกิเขายังตึงมือหากแต่นั่นไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อยนิด

ที่เขาต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ส่วนนึงเป็นเพราะคาซึกิเขารู้ว่าโล่มนตราเจ้านั่นไม่มีทางต้านเปลวเพลิงระดับนี้ได้แน่จึงจำต้องส่งพลังไปช่วยอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้วค่อยดึงพลังกลับมาใช้ป้องกันตัวเองแต่ก็ส่งผลให้เขาได้ไปหลายแผลหากเมื่อครู่เขาอยู่คนเดียวการต้านทั้งหมดด้วยมนต์ป้องกันใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

“ก็มาสิฟะ” ไม่ว่าเปล่าศรแสงสิบสามดอกถูกปล่อยออกมาด้วยแต่ทางด้านของโจรสลัดผีไม่ได้เห็นของพวกนี้อยู่ในสายตาเจ้าตัวหลบเลี่ยงศรแสงไปได้อย่างง่ายดายแล้วจึงทะยานร่างเข้าใส่เรย์ระยะห่างร่วมสิบเมตรหายไปในพริบตาเดียวก่อนที่อีกฝ่ายจะวาดดาบใส่ร่างของเขา

ดาบโจรสลัดและดาบแสงปะทะกันอย่างรุนแรงแต่พลังที่แฝงลงมาในดาบโจรสลัดนั้นสูงกว่าดาบแสงโขทำให้ตัวดาบในมือของเขาเริ่มสลายไปแต่เรย์ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลยเขาเรียกเล่มใหม่มาแล้ววาดสวนกลับไปทันที

แต่โจรสลัดผีก็ไม่กระจอกหลบหลีกดาบของเขาไปได้เช่นกันพร้อมวาดดาบสวนคืนกลับมาเรย์ที่เห็นดังนั้นจึงเอี้ยวร่างหลบหลีกคมดาบเล่มนั้นไปอย่างหวุดหวิดก่อนอาศัยจังหวะนี้อัดศรแสงเข้าใส่ร่างของศัตรูในระยะประชิด

ทางด้านของโจรสลัดผีก็ไม่แพ้กันเมื่อเห็นว่าตนไม่อาจหลบเลี่ยงได้พ้นก็อาศัยจังหวะนี้ปล่อยไอวิญญาณแค้นเข้าใส่ร่างของเรย์ด้วยเช่นกันและแน่นอนในระยะติดตัวย่อมไม่มีทางที่เรย์จะสามารถกางโล่แสงที่ถนัดได้อย่างแน่นอน

ร่างของโจรผีถอยไปหลายก้าวจากฝีมือของศรแสงเจ็ดดอกที่เรย์จงใจอัดพลังไปเป็นจำนวนมากแต่แม้ว่าบนร่างจะมีแผลไหม้จากผลของมนตราธาตุแสงแต่มันกลับไม่มีทีท่าจะรู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิดเดียว

ส่วนเจ้าของการโจมตีนั้นอย่างเรย์ก็ไม่ได้ดีใจเลยสักนิดเพราะไอ้ที่เขาถูกสวนมานั้นทำให้เขาแทบทรุดวิญญาณแค้นที่กำลังกัดกร่อนร่างของเขานั้นสร้างความทรมานราวกับมีมีดเสียบแทงอยู่แล้วถูกบิดคว้านไปเรื่อยราวกับไม่มีวันสิ้นสุดเหงื่อเม็ดโป้งไหลซึมออกมาแต่เจ้าตัวก็ยังไม่ส่งเสียงร้องสักแอะเดียว

“ไม่เบานี่หว่า เจ็บจิ๊ดใช้ได้เลย” นี่ขนาดเขามีโลหิตแห่งพระผู้เป็นเจ้าอยู่กับตัวที่ทำให้พลังของมันลดทอนลงไปบ้างแล้วยังขนาดนี้ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าคนโดนเป็นคาซึกิจะขนาดไหนดูเหมือนว่าเขาต้องจัดการเจ้าตัวเบื้องหน้านี่เองแล้ว

“เจ้าก็เช่นกัน” โจรสลัดผีนั้นแม้จะนิ่งแต่ต้องยอมรับว่าศรแสงที่ตนโดนนั้นเป็นศรแสงที่แรงที่สุดตั้งแต่ที่เคยเห็นมาก็ว่าได้เพราะมันส่งผลในเชิงลึกไม่เบาการโจมตีอัดใส่กันในครั้งนี้เรียกได้ว่าสร้างความเสียหายรุนแรงได้ทั้งสองฝ่ายเลยทีเดียว

“งั้นลองนี่หน่อยเป็นไง” คมดาบแสงสามเล่มลอยพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยมีจุดหมายอยู่ที่ร่างของผู้เป็นศัตรูแต่นั่นไม่ได้ทำให้โจรสลัดผีหวั่นเกรงใดๆเป็นอีกครั้งที่คมดาบในมือปัดป้องการโจมตีของเขาเอาไว้ได้แต่ถึงแบบนั้นเรย์กลับไม่ได้ร้อนใจใดๆ

คมดาบแสงสามเล่มพุ่งเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายจากทางด้านหลังเช่นกันเพียงแต่เขาพรางให้มันเนียนกว่าและใช้คมดาบแสงสามเล่มโจมตีเพื่อดึงความสนใจของอีกฝ่ายเอาไว้เป็นครั้งแรกที่โจรสลัดผีเริ่มตระหนักถึงความร้ายแรงของการโจมตีนี้

เปลวเพลิงสีแดงฉานลูกหนึ่งระเบิดในระยะประชิดโจรผียินดีบาดเจ็บจากเปลวเพลิงของตัวเองมากกว่าจะต้องยอมโดนคมดาบของอีกฝ่ายเพราะบาดแผลจากเปลวเพลิงนั้นรักษาได้ง่ายดายกว่าดาบแสงของศัตรูอยู่โขหากแต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยนักเพราะเรย์นั้นบุกเข้ามาในระยะประชิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทางด้านของโจรสลัดผีนั้นก็ตอบโต้โดยการโบกมือออกไปครั้งหนึ่งก็เกิดลมพายุลูกหนึ่งขึ้นมาในทันทีและนั่นทำให้เรย์ที่พุ่งเข้าใส่ร่างของศัตรูเสียจังหวะไปในชั่วพริบตาก่อนที่คมดาบของโจรสลัดจะวาดเข้าใส่ร่างของเรย์อย่างรวดเร็ว

มนตราธาตุแสง โล่แสงพิทักษ์สวรรค์

สุดยอดแห่งการป้องกันถูกนำขึ้นมาใช้ต้านทานคมดาบของศัตรูหากแต่ด้วยระยะเวลาที่ฉุกละหุกอีกทั้งเรี่ยวแรงและพลังที่แฝงลงไปในดาบของโจรสลัดผีนั้นมากกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ทำให้คมดาบแหวกทำลายโล่มนตราของเขาเข้ามาอย่างง่ายดาย

คมดาบบางส่วนกรีดใส่ร่างของเขาแต่นับว่าโชคดีที่เรย์ที่ลอยอยู่กลางอากาศพลิกตัวกลับมาใช้ดาบแสงในมือของตนต้านทานเอาไว้ได้ทำให้คมดาบของอีกฝ่ายกรีดเข้ามาไม่ลึกมากนักพร้อมกับที่เขาซัดศรแสงสวนกลับไปเช่นกันทำให้โจรผีจำต้องถอยไปอย่างเสียไม่ได้

“แบบนี้ท่าทางจะแย่แฮะ” ดาบของฝ่ายนั้นแฝงพลังรูปแบบเดียวกับที่ใช้สวนศรแสงของเขากลับมาและมันกำลังกัดกร่อนร่างของเขาอยู่อย่างไม่หยุดยั้งจนทำให้บาดแผลที่เขาได้รับอยู่ในตอนนี้นั้นแทบจะเป็นขี้ปะติ๋วไปเลยทีเดียว

“ฝีมือแค่นี้เองหรือ มนุษย์เอ๋ย นึกว่าทหารเยี่ยงเจ้าจะมีฝีมือมากกว่านี้เสียอีก” ฝ่ายที่กุมความได้เปรียบก็ข่มเรย์อย่างเต็มที่แน่นอนเรย์ไม่ได้บ้าพอจะหลงไปตามคำยั่วยุของอีกฝ่ายแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ประเมินสถานการณ์ตอนนี้ไปในตัว

พลังมนตราของเขาในตอนนี้เหลือไม่มากเขาใช้มนตราที่ร่ายเตรียมไว้ไปกับลูกน้องผีมากพอดูแถมยังใช้มนต์แรงๆไปบทนึงเสียด้วยจนตอนนี้มนตราแรงๆที่ทรงอานุภาพนั้นต้องอาศัยการร่ายอีกพักใหญ่และอีกฝ่ายคงไม่ยินยอมให้เขาใช้เฉยๆแน่นอนครั้นจะใช้การต่อสู้ระยะประชิดถ้าฝ่ายนั้นใช้ลูกเล่นในการโจมตีแล้วละก็ถึงเขาจะมั่นใจในฝีมือดาบแต่ก็คงต้องตกเป็นรองแน่นอน

“ก็เอาสิ งั้นคงได้เวลางัดมันมาใช้แล้วมั้ง” รอยยิ้มที่มุมปากของเรย์ปรากฏขึ้นมาเขาไม่ได้เป็นประเภทที่ชอบเก็บงำไพ่ตายเหมือนครอสเพียงแต่ถ้ายังไม่ถึงเวลาจำเป็นเขาก็ยังไม่อยากเปลืองแรงไปโดยใช่เหตุก็เท่านั้นเองแต่ถ้ามันจำเป็นเขาก็จะใช้มันโดยไม่ลังเล

สร้อยข้อมือของเขานั้นเปล่งแสงสีฟ้าออกมาจนเจิดจ้ากางเขนที่ประดับอยู่นั้นหมุนวนอย่างรวดเร็วกว่าครั้งใดๆการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำเอาโจรผีที่เฝ้ามองอยู่นั้นตกตะลึงไปชั่วขณะคลื่นพลังธาตุแสงขยายตัวออกมาจากร่างของเขาเป็นเท่าทวีและกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีหยุดยั้ง

โดยไม่รีรออีกต่อไปเปลวเพลิงหลายลูกพุ่งเข้าใส่ร่างของเรย์อย่างรวดเร็วหากแต่ทางด้านของเจ้าตัวนั้นกลับไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลยสักนิดโล่แสงสีฟ้าปรากฏขึ้นมาอีกครั้งและมันก็ต้านทานการโจมตีเบื้องหน้าของตนเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

เรือนผมสีขาวที่เคยสั้นมาบัดนี้เริ่มยาวสยายจนถึงเอว ร่างกายที่เคยสมส่วนแปรเปลี่ยนเป็นบอบบางอรชร ผิวพรรณที่เริ่มขาวเนียนจนดูราวกับอิสตรี ที่สำคัญที่สุดก็คือที่หลังมือซ้ายของเขาในยามนี้นั้นมีสัญลักษณ์ XI อยู่ด้วย

“อะไรน่ะ” คาซึกิที่กำลังรับมือกับฝูงผีดิบอยู่นั้นขมวดคิ้วขึ้นมาเมื่ออยู่ๆพลังมนตราธาตุแสงของหัวหน้าตนก็สูงขึ้นจนน่าตกใจจนเขาอดตวัดสายตาไปมองไม่ได้แต่ก็ไม่อาจเห็นรายละเอียดอะไรได้มากนักเพราะแสงสีฟ้านั้นเจิดจ้าไปหมด

“อืม เรย์เอามาใช้แล้วสินะครับ” ผิดกับทางด้านของอลันที่ไม่ได้ตกใจกับเหตุการณ์นี้เลยแค่แปลกใจนิดหน่อยเท่านั้นตอนนี้ตัวเขาเปลี่ยนเป้าหมายมายิงสนับสนุนคาซึกิเนื่องจากว่าผีดิบส่วนใหญ่โดนมนตราธาตุแสงของเรย์กวาดไปและพวกมันกำลังเล็งเล่นงานคาซึกิแทนแต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็นแล้วเพราะหากเรย์งัดเจ้านี่ออกมาใช้การต่อสู้นี้มันก็จะจบลงแล้ว

“ในที่สุดก็งัดออกมาใช้จนได้สินะ ราชันแห่งแสงสว่าง” ไรชินที่ตอนนี้กำลังหาที่นั่งพักเอกเขนกสบายอารมณ์หลังจากทำลายพวกผีดิบที่อยู่บนเรือไปแล้วทั้งหมดแล้วเขาก็ได้เห็นแสงสว่างที่เจิดจ้าออกมาจากเรือผีสิงลำนั้นที่ใช้ตาตุ่มคิดก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร

“เจ้า เป็นใครกันแน่?” พลังธาตุแสงอันสูงส่งจนไม่น่าเชื่อนี้ทำเอาโจรผีอดหวาดหวั่นไม่ได้เพราะระดับพลังของอีกฝ่ายสูงล้ำกว่ามันไปโขส่วนทางด้านของเรย์นั้นยิ้มบางแต่ไม่ตอบคำคลื่นพลังธาตุแสงมารวมตัวกันอย่างรวดเร็วก่อนที่จะ

มนตราธาตุแสง คมดาบแสงไร้จำกัด

มนตราบทเดิมถูกใช้ออกมาอีกครั้งแต่ในคราวนี้นั้นคมดาบแสงไม่ได้มีเพียงเจ็ดเล่มอีกต่อไปจำนวนของมันมากมายเสียจนมีนับร้อยเล่มแปรเปลี่ยนหมอกแห่งความมืดมิดจากฝีมือของโจรสลัดผีนั้นให้กลายเป็นแสงสว่างไปได้อย่างง่ายดาย

คมดาบแสงทั้งหมดโหมเข้าใส่ร่างของโจรสลัดผีในทันทีแต่ทางด้านของโจรผีก็มิได้อยู่เฉยๆเปลวเพลิงถูกซัดกระหน่ำออกไปหลายสิบลูกเพื่อหักล้างกับดาบเหล่านั้นอีกทั้งยังมีพายุหมุนขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันในการโจมตีอีกชั้นหนึ่ง

แต่มันไม่เป็นผลใดๆเปลวเพลิงเหล่านั้นสามารถทำลายดาบไปได้เพียงส่วนเดียว พายุหมุนนั้นก็ถูกคมดาบแสงเจาะทะลวงเข้าไปได้เช่นกันโจรผีที่เห็นดังนั้นดวงตาที่กลวงโบ๋ของมันจึงเปิดกว้างแม้จะพยายามใช้ดาบในมือของตนปัดป้องคมดาบแสงเอาไว้ก็ตามแต่ก็แทบไม่เป็นผลเลยสักนิด

คมดาบแสงหลายสิบเล่มเสียบแทงร่างของโจรสลัดผีตนนั้นอย่างไม่มีการปราณีทุกส่วนของร่างโจรผีนั้นถูกคมดาบแสงเสียบทะลุเสียจนถูกตรึงเอาไว้อย่างง่ายดายคลื่นพลังธาตุแสงของดาบแต่ละเล่มกำลังแผดเผาร่างของมันให้กำลังทรมานราวกับอยู่ในขุมนรก

“เจ็บปวดใช่ไหมละ นั่นแหละคือความเจ็บปวดของคนที่ถูกแกฆ่าไป” ดวงตาสีฟ้าครามของเรย์เย็นเยียบราวกับคนละคน น้ำเสียงของเขาเฉยชาและสงบนิ่งแตกต่างจากในยามปกติโดยสิ้นเชิงร่างของเขาค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปหาร่างของศัตรูอย่างเอื่อยเฉื่อยแต่ในสายตาของโจรผีนั้นคนผู้นี้ราวกับมัจจุราชที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาหาตนต่อให้ตนไม่ได้ถูกดาบแสงเหล่านี้ตรึงเอาไว้ก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเคลื่อนไหวหนีจากคนผู้นี้ไปได้หรือไม่

“จงไปชดใช้ความผิดบาปของเจ้า ในนรกซะ”

กระบวนดาบวัฏสังสาร พิภพนรก

ไร้ความลังเลใดๆคมดาบสะบั้นศรีษะของโจรผีเบื้องหน้าไปอย่างรวดเร็วจนหัวของมันกลิ้งลงไปบนพื้นทางด้านของเรย์ที่เห็นดังนั้นจึงสลายดาบแสงของตนทิ้งไปจนหมดสิ้นพร้อมกับที่ร่างไร้ศรีษะของอีกฝ่ายจะล้มลงไปด้วยเช่นกัน

“ต้องถอนรากถอนโคนให้หมดสินะ” พลังมนตราธาตุแสงเริ่มแผ่ขยายออกมามากขึ้นกว่าเดิมพลังมนตราที่มากมายจนราวกับไม่ใช่มนุษย์มากจนไม่น่าเชื่อว่ามันจะมาจากคนๆเดียวพร้อมกับที่เขาขยับปากเอ่ยบทร่ายอย่างรวดเร็ว

“ข้าขอวิงวอนแด่เฮเมร่า เทพีแห่งแสงผู้ส่องสว่างและทอประกาย โปรดเมตตาสรรพชีวิตทั้งมวลด้วยแสงเจ็ดสี ชำระล้างความผิดบาปให้แก่ผู้หลงผิด ปลดปล่อยดวงวิญญาณจากความทุกข์ทรมานแห่งชีวา เจ็ดแสงสวรรค์ชำระวิญญาณ” แสงเจ็ดสีเจิดจ้าจากฟากฟ้าดุจดั่งแสงแห่งสายรุ้งปัดเป่าม่านหมอกทั้งหลายให้มลายสิ้นไปในพริบตาก่อนที่แสงทั้งเจ็ดสีนั้นจะพุ่งเข้าทำลายเรือลำนี้ในทันที

เสียงปะทะดังสนั่นพลังทำลายล้างที่ส่งผลโดยตรงถึงเจ็ดระลอกนั้นรุนแรงจนเกินกว่าใครจะคาดคิดเรือสีดำที่เคยถูกอาบย้อมด้วยความมืดมิดของดวงวิญญาณนั้นถูกชำระล้างจนหมดสิ้นพลังทำลายล้างที่แทบจะทำให้ความมืดมิดสลายไปอย่างสมบูรณ์

“เท่านี้ก็จบละ” เจ้าของผลงานปาดเหงื่อไปเล็กน้อยการใช้มนตราขั้นสูงต่อให้อยู่ในสภาพแบบนี้ก็สูญเสียพลังไปไม่ใช่เล่นๆแต่ผลลัพธ์ของมันก็น่าพอใจเพราะหลังจากนี้ไปจะไม่มีเรือโจรสลัดผีสิงอีกแล้วเพราะมันถูกเขาชำระล้างไอความมืดไปหมดสิ้นแล้วนั่นเอง

“เรย์เหรอ” เสียงเรียกอย่างแผ่วเบาจากทางด้านหลังทำเอาเขาชะงักไปชั่วครู่ไม่จำเป็นต้องหันไปมองก็รู้ได้ในทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นใครที่ไหนไปไม่ได้นอกเสียจากคาซึกินั่นเอง

หากแต่ทางด้านของคาซึกินั้นอดแปลกใจขึ้นมาไม่ได้เพราะแม้ว่าเขาจะเคยเห็นเรย์ในสภาพเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแบบนั้นแววตาของเจ้าตัวก็ยังคงเป็นเรย์เช่นเดิมแต่เมื่อครู่นั้นแววตาของชายผู้นี้กลับเย็นเยียบจนราวกับไม่ใช่เรย์คนที่ตนรู้จักเลยสักนิด

“แหงดิ นายคิดว่าฉันเป็นใครฟะ นายก็เคยเห็นฉันในสภาพแบบนี้แล้วนี่นาทำเป็นลืม ไป ได้” น้ำเสียงของร่างเบื้องหน้าทำเอาคาซึกิลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบาเพราะเป็นน้ำเสียงที่เรย์มักใช้อยู่เป็นประจำดังนั้นแววตาของเรย์เมื่อครู่คงเป็นเขาที่ตาฝาดไปเองโดยไม่ได้สังเกตร่างกายของตัวเองและท่าทางของเรย์ในเวลานี้เลยแม้แต่น้อย

“คะ คาซึกิ นะ นะ นั่น” เรย์ที่อ้าปากค้างพร้อมชี้นิ้วมายังร่างของคาซึกิทำเอาเจ้าตัวอดแปลกใจไม่ได้ก่อนที่จะก้มลงมองแล้วจึงพบว่าตอนนี้ชุดเครื่องแบบทหารมนตราที่ตนสวมใส่อยู่นั้นถูกเปลวเพลิงเผาไปจนเผยให้เห็นหัวไหล่ขาวนวลและบอบบาง...รวมไปถึงหน้าอกหน้าใจขนาดไม่ธรรมดาที่เสื้อผ้าเสียหายจนเผยจนให้เห็นร่องระหว่างกลางของมัน

“เฮ้ย!! / ว้าย!!” เสียงร้องสองเสียงผสานกันในจังหวะเดียวโดยเสียงแรกเป็นเสียงแห่งความตื่นตะลึงของเจ้าคนที่ได้เห็นเนื้อหนังภายใต้ร่มผ้าของอีกฝ่ายส่วนอีกเสียงนั้นเป็นเสียงร้องด้วยความเขินอายของแม่สาวที่แต่งหนุ่มมาตลอดนั่นเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel