บท
ตั้งค่า

chapter5-4

“รู้สึกว่านายจะเอ็นจอยกับการมาเที่ยวครั้งนี้ที่สุดเลยนะอลัน” ไอ้ตัวเขานั้นเป็นประเภทชอบการพักผ่อนอยู่บ้านจึงไม่รู้ว่าไปทำอะไรดีผิดกับอลันที่ดูร่าเริงมากกับการได้มาเที่ยวเล่นเช่นนี้ส่วนทางด้านของเจ้าตัวหัวเราะคิกคักเบาๆ

“อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ เรย์ก็มาเล่นด้วยกันสิครับ” ตามปกติแล้วเขาไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวอย่างนี้เพราะแต่เดิมอลันนั้นเป็นเด็กที่เติบโตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแต่บังเอิญมีความสามารถในการยิงปืนจึงทำงานเก็บเงินและสมัครเข้ากองทหารมนตรามาแล้วเขาจึงไปทาบทามมาเข้าหน่วย

จนทุกวันนี้อลันก็ยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเพราะโดยมากการเดินทางของอลันถ้าไม่ใช่ไปเพราะภารกิจก็จะไปสนามรบเสียมากอีกทั้งอลันยังส่งเงินไปให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของตนทุกเดือนและรสนิยมชอบปรับแต่งปืนของเจ้าตัวเองด้วยเลยมีเงินเก็บไม่เยอะนัก

“พวกนายคงยังไม่ลืมกันใช่ไหม พวกเรามาทำภารกิจกันน่ะ” คาซึกิที่อาการเมาเรือดีขึ้นมากแล้วจึงปรามทั้งสองคนทั้งที่ปกติแล้วนี่เป็นหน้าที่ของอลันมากกว่าที่ต้องมาคอยปรามคนอื่นแต่มาวันนี้ไม่รู้ทำไมเจ้าตัวกลับร่าเริงจนเหมือนเด็กๆแบบนี้

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ยังไงโจรสลัดพวกนั้นก็ยังไม่บุกมาตอนนี้หรอก” แต่ทางด้านของเรย์กลับตอบอย่างมั่นใจทั้งที่ไม่มีอะไรมายืนยันเลยสักนิดว่าพวกนั้นจะมาตอนไหนทำให้ทั้งสองคนที่ฟังอยู่อดขมวดคิ้วก่อนมองไปทางเจ้าตัวเป็นทางเดียว

“เชื่อฉันสิ จากข้อมูลที่ผ่านมากับการได้มาลงพื้นที่จริง คิดว่าวันนี้พวกมันน่าจะมาประมาณอีกสามชั่วโมง ระหว่างนั้นนายจะไปเล่นอะไรก็ตามสบายเลยอลัน” รอยยิ้มของเจ้าตัวปรากฏขึ้นที่มุมปากหลังจากที่ดูนาฬิกาท่าทางอมพะนำเช่นนี้ทำให้เรย์ดูน่าหมั่นไส้ขึ้นมาทันตา

“งั้นผมไปเล่นก่อนนะ” ส่วนพ่อหนุ่มหน้าหวานที่ตามปกติเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มนั้นก็เดินออกไปจากห้องพักอย่างไม่ลังเลท่ามกลางสายตาขบขันของเรย์และสายตาแปลกใจของคาซึกินั้นกลับมองตามพ่อหนุ่มหน้าหวานไปด้วยความแปลกใจ

“ฮะๆ นายคงงงละสิ นานๆอลันจะแสดงด้านนี้ออกมาให้เห็นบ้างน่ะ ฉันเลยอยากให้หมอนั่นสนุกให้เต็มที่สักหน่อย” สำหรับเขาแล้วแม้จะเป็นอะไรที่แปลกตาแต่ไม่แปลกใหม่เท่าไหร่เพราะอลันเคยแสดงท่าทางแบบนี้ให้เขาดูมาบ้างแล้ว

“ว่าแต่สนใจจะไปเดินเล่นกันหน่อยมะ ไหนๆที่นี่ก็มีคาสิโนทั้งที ลองไปกอบโกยเงินสักหน่อยก็ไม่เสียหาย” งานนี้โทษเขาไม่ได้ใครใช้ให้ที่นี่มีคาสิโนขนาดใหญ่แบบนั้นละแถมแต่ละเกมนั้นยังน่าร่วมลงไปแจมอย่างมากเลยด้วย

“การพนันมันเป็นสิ่งไม่ดี และผิดกฏด้วย” ในยุคนี้นั้นคาสิโนไม่ใช่สิ่งผิดกฏหมายแต่ถูกจำกัดเอาไว้อย่างเข้มงวดไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดร่วมไปลงได้แต่ถ้าอ้างฐานะของทหารมนตราแล้วละก็การจะเข้าไปนั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

“นายไม่บอกฉันไม่บอกใครจะรู้ละ สนใจจะร่วมหน่อยไหม” แน่นอนมนุษย์อย่างเรย์นั้นไม่เคยสนกฏข้อนี้มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วไม่สิ อันที่จริงคนอย่างเรย์มันก็ไม่เคยจะสนกฏเกณฑ์อยู่ แล้วส่วนทางด้านของคาซึกิส่ายหน้าเบาๆเป็นการปฏิเสธก่อนที่เรย์จะเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบงัน

“เอาละ เราจะไปโต๊ะไหนก่อนดีหว่า” ในขณะที่เขากำลังจะเข้าไปในคาสิโนนั่นเองเจ้าตัวก็ต้องชะงักไปครู่หนึ่งสัมผัสพลังมนตราที่แผ่วเบาและเลือนลางแต่กลับทรงพลังจนน่าหวาดหวั่นทำให้ดวงตาสีฟ้าของเขาตวัดสายตามองไปยังทางด้านนั้นในทันที

แต่มันกลับว่างเปล่าทิศทางที่มีพลังมนตราอยู่หายไปแล้วไม่สิ ควรบอกว่าเคยมีต่างหากเพราะสัมผัสนั้นเลือนหายไปราวกับภาพลวงตาทำให้เรย์หรี่ดวงตาลงเล็กน้อยแม้จะเพียงแค่ครู่เดียวแต่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าตนไม่ได้สัมผัสไปเองอย่างแน่นอน

“ชิ ทำเสียอารมณ์เลยแฮะ” เขาก้าวเท้าออกไปแต่เป็นในทิศทางตรงข้ามกับคาสิโนโดยสิ้นเชิงก็อย่างที่พูดไปตอนนี้เขาหมดอารมณ์จะเล่นพนันกับใครแล้วจึงหันเหทิศทางไปสู่ด้านนอกเพื่อรับลมทะเลในยามค่ำคืนแทนท่ามกลางสายตาจากดวงตาสีเงินคู่นึงที่จับจ้องร่างของเขาเอาไว้อยู่

“เรย์หายไปไหนละครับนี่ ผมนึกว่าเขาจะกลับมาที่ห้องแล้วซะอีก” แม้ว่าจะเล่นจนเพลินแต่ยังไงเสียอลันก็ยังคงเป็นอลันเมื่อถึงเวลาตามที่บอกเขาก็กลับมายังห้องพักตามคำบอกของเรย์แต่กลับไม่พบหัวหน้าหน่วยของตนเองซะแบบนั้น

“เห็นบอกว่าไปคาสิโนน่ะ ยังไม่กลับมาเลย” ไม่ค่อยแน่ใจนักว่ารายนั้นเล่นจนลืมเวลาหรือยังไงถึงได้ไม่มาปรากฏตัวแบบนี้เพราะตามปกติแล้วเรย์จะเป็นคนรักษาเวลาในระดับนึงจะสายอย่างมากก็ไม่น่าจะเกินสิบนาที

“เอ๋ ไม่มีนี่ครับตอนขากลับมาผมแวะดูแล้ว ไม่เห็นเรย์อยู่ที่โต๊ะไหนสักโต๊ะเลย” แต่อลันอ่านขาดกว่านั้นเขาคาดการณ์ไว้แล้วและแวะไปดูโต๊ะในคาสิโนด้วยแต่กลับไม่พบเรย์เขาเลยนึกว่าเจ้าตัวเดินออกมาจากคาสิโนแล้วเสียอีก

“แล้วหมอนั่นหายไปไหน” มาคราวนี้พวกเขาทั้งสองคนกลายเป็นฝ่ายที่ต้องแปลกใจแทนแล้วว่าเรย์หายไปไหนเพราะคนอย่างเรย์นั้นหากไม่อยู่ในสถานที่ๆบอกและในห้องพักแล้วการตามหาเจ้าตัวเป็นอะไรที่ยากเอาการโดยเฉพาะเรือที่โคตรกว้างแบบนี้

“ลองติดต่อดูไหมครับ?” เครื่องติดต่อสื่อสารที่เสียบไว้ที่หูนั้นถูกนำมาใช้งานเพราะพวกเขานัดแนะกันแล้วว่าในยามที่ออกไปจากห้องหรือไปไหนเพียงลำพังนั้นจะต้องเปิดเครื่องติดต่อสื่อสารนี้เอาไว้ตลอดเวลาหากแต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่อาจติดต่อกับเรย์ได้อยู่ดีมีแต่เสียงสัญญาณรบกวนเต็มไปหมด

“นี่มันอะไรกัน?” คาซึกิอดขมวดคิ้วไม่ได้เพราะเครื่องติดต่อสื่อสารของหน่วนทหารมนตรานั้นเป็นระบบกันน้ำ กันกระแทกแถมยังใช้คลื่นสัญญาณพิเศษที่ไม่น่าจะถูกรบกวนได้เลยการที่เข้ามารบกวนคลื่นสัญญาณนี้ได้หากไม่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยจริงๆก็ต้องเป็น

อาณาเขตมนตรา!!

ส่วนทางด้านของคนที่กำลังถูกพูดถึงอยู่นั้นในยามนี้เขากำลังอยู่บนดาดฟ้าของเรืออย่างเงียบงันดวงตาสีฟ้าครามของเขาทอแววเย็นเยียบจ้องมองผืนฟ้ายามราตรีที่ในวันนี้นั้นดวงจันทราทอแสงสีเหลืองนวลด้วยความสงบนิ่งก่อนดูนาฬิกาอีกครั้ง

“ได้เวลาแล้วละมั้ง” ไม่ทันขาดคำหมอกจำนวนมากก็ตรงเข้าปกคลุมอาณาบริเวณอย่างรวดเร็วบดบังทัศนวิสัยไปจนหมดสิ้นดูเผินๆแล้วนี่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันแสนจะแปลกประหลาดแต่ในสายตาของคนที่มีพลังพิเศษแล้วกลับไม่เป็นแบบนั้น

“เปิดฉากด้วยการลดการมองเห็นของศัตรูงั้นเหรอ มุกโบราณเอาเรื่องเลยนี่แต่ก็นะจะไปว่าก็ไม่ได้ละ” ในสายตาของเขาแล้วหมอกพรรค์นี้เขาสามารถปัดเป่าทิ้งไปได้อย่างง่ายดายด้วยการลงมือเพียงแค่ครั้งเดียวแต่เขาก็ยังไม่ทำ

แน่นอนแขกเหรื่อทั้งหลายที่เกือบทั้งหมดนั้นเป็นเพียงมหาเศรษฐีไร้หัวสมองนั้นแทบไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้เลยมีเพียงส่วนน้อยกับพวกบอดี้การ์ดที่เริ่มเอะใจกับเหตุการณ์ตรงหน้านี้แล้วแต่ก็ยังไม่ได้เคลื่อนไหวเนื่องจากยังไม่แน่ใจถึงเหตุการณ์ตรงหน้า

ในไม่กี่นาทีหลังจากนั้นเรือสำเภาลำหนึ่งก็ลอยออกมาจากหมอกนั้นอย่างเงียบงันซึ่งแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะยังมีเรือประเภทนี้หลงเหลืออยู่เพราะโดยมากยานพาหนะในปัจจุบันนั้นรวดเร็วและสะดวกกว่าเรือสำเภาลำนี้หลายเท่านัก

แต่สิ่งที่ทำให้เรือลำนี้น่าหวาดหวั่นก็คือตัวเรือนั้นเป็นสีดำสนิททั้งที่น่าจะทำมาจากไม้แท้ๆไม่เพียงแค่นั้นบนธงที่อยู่บนเรือนั้นยังมีธงสีดำสนิทที่โบกสะไหวอยู่ด้วยสัญลักษณ์ที่อยู่บนธงเป็นสัญลักษณ์รูปหัวกะโหลกไขว้สัญลักษณ์ที่เด่นชัดที่สุดของโจรสลัด

ในทันทีที่โผล่ออกมาปืนใหญ่กระบอกหนึ่งบนเรือลำนั้นก็ถูกยิงออกมาในทันทีตรงเข้าปะทะกับตัวเรือสำราญที่พวกเขาอยู่หากแต่ทางด้านของเรือสำราญของพวกเขานั้นก็นับว่าเตรียมตัวมาดีเพราะมีม่านพลังขึ้นมาต้านทานการโจมตีได้อย่างทันท่วงที

“โจรสลัด ว้าก!!” เสียงจากภายในตัวเรือดังสนั่นมาถึงภายนอกเป็นเสียงโหวกเหวกของพวกเศรษฐีเหล่านั้นแน่นอนเรย์ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้เขาต้องการดูการเคลื่อนไหวของเจ้าเรือตรงหน้าว่ามันคิดจะทำอะไรต่อไป

ปืนใหญ่ที่อยู่บนตัวเรือลำนั้นถูกยิงเข้ามาอีกครั้งแต่ม่านพลังที่คุ้มครองเรือลำนี้อยู่นั้นก็ยังสามารถต้านทานไว้ได้แม้จะสั่นไหวไปบ้างหากแต่เขารับรู้ได้ในทันทีว่าถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปม่านพลังนี่จะต้องถูกทำลายแน่นอน

แต่เรือสำราญลำนี้นั้นแม้จะมีม่านพลังป้องกันแข็งแกร่งขนาดไหนแต่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นเพราะแต่เดิมตัวเรือไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานในการสู้รบย่อมไม่มีอาวุธจะยิงตอบโต้ไปได้อย่างแน่นอนและม่านพลังจะต้องถูกทำลายในที่สุด

“แถมยังติดต่อใครไม่ได้แบบนี้ วางดักหน้าไว้ทุกทางเลยนะเนี่ย” ปากนั้นเหมือนกำลังจะบอกว่าสถานการณ์เบื้องหน้ากำลังย่ำแย่แต่สีหน้าของเขากลับไม่เป็นแบบนั้นเลยสักนิดเจ้าตัวยังคงสามารถยิ้มอย่างสบายอารมณ์และกวนประสาทได้เช่นเดิม

เขาไม่รีบร้อนจะลงมืออยู่แล้วเพราะเป้าหมายของเขาก็คือการรอให้ม่านพลังนี่แตกนั่นแหละ เขาจะได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้องหรือไม่แต่แม้จะไม่ได้ลงมือแต่ตัวเขาเองก็เริ่มร่ายมนต์เตรียมพร้อมต่อสู้เอาไว้แล้วหลากหลายบท

“เรย์” เสียงเรียกชื่อของเขาดังขึ้นมาและแน่นอนคนที่จะรู้จักเขานั้นอาจมีมากแต่คนจะเรียกเขาแบบนี้คงมีไม่เยอะบนเรือและเจ้าของเสียงนี้เขาจำได้ดีเพราะมันเป็นคนที่เขาเพิ่งจะเคลียณืเรื่องไปหมาดๆเมื่อวันนี้เองใช่แล้วคนที่เรียกเขาคือคาซึกินั่นเอง

“ไงคาซึกิ อลันก็มาด้วย ดีเลยๆ กำลังคิดอยู่เลยว่าถ้าพวกนายอยู่ด้วยก็ดี”

“มัวใจเย็นอะไรอยู่พวกโจรสลัดบุกมาแล้วนะ ถ้าเราไม่รีบตอบโต้ละก็...” เสียงร้องด้วยความตระหนกของคาซึกิดังขึ้นมาคลื่นมนตราที่อัดแน่นในอากาศบ่งบอกอย่างดีว่านี่คือขอบเขตมนตราของศัตรูทำให้เจ้าตัวเครียดมากขึ้นไปอีก

“เย็นไว้ ร้อนรนไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกน่า สถานการณ์ยิ่งรุนแรงเราต้องยิ่งเป็นตัวของตัวเองอย่าได้เดินไปตามเกมของใครแต่จงให้ผู้อื่นมาเดินตามเกมของเรา” คำพูดและท่าทางของเรย์ทำให้คาซึกินั้นแปลกใจเป็นอย่างยิ่งเพราะแต่เดิมแล้วเรย์นั้นเป็นคนที่ทำอะไรตามใจตัวเองจนดูเหมือนคนไม่คิดอะไรมาตลอดแต่มายามนี้เขากลับรู้สึกว่ากระบวนความคิดของคนๆนี้ล้ำลึกเกินคาด

“อลัน ลองใช้ไรเฟิลของนายส่องไปยังเรือลำนั้นสักนัดสิ” แม้จะไม่เข้าใจแต่อลันก็ยังคงสมเป็นอลันไรเฟิลถูกประกอบอย่างรวดเร็วและถูกยิงออกไปในทันทีตัวกระสุนแหวกฝ่าม่านหมอกไปยังเรือลำนั้นหากแต่หายเงียบไปอย่างน่าประหลาด

“แปลกมากเลยครับ ขนาดความสามารถทางการมองเห็นของผมยังมองไม่เห็นเลย ถึงจะบอกว่าตอนนี้มันมืดก็ไม่น่าจะเป็นขนาดนี้” สัมผัสการมองเห็นของอลันนั้นเป็นพรสวรรค์เฉพาะตัวเพราะเขามีระยะการมองได้ดีกว่าคนทั่วไปอีกทั้งยังสามารถมองเห็นได้ในที่มืดดีกว่าคนทั่วไปด้วยความสามารถที่ถูกเรียกว่า ‘เนตรอินทรี’

แต่มาวันนี้มันกลับไม่เป็นแบบนั้นเพราะเขามองไม่เห็นเลยว่ากระสุนที่ตนลั่นไกออกไปมีผลลัพธ์เป็นเช่นไรทำให้เขาอดแปลกใจไม่ได้เพราะแม้จะมืดแต่ระยะแค่ไม่กี่ร้อยเมตรนี่ก็ไม่น่าจะส่งผลมากขนาดนั้นคาดว่าจะเป็นเพราะอาณาเขตมนตราของศัตรู

“หรอ งั้นอลันขอยืมกระสุนของนายสักนัดสิ” กระสุนนัดหนึ่งถูกส่งให้เรย์อย่างรวดเร็วส่วนทางด้านของเจ้าตัวไม่ได้กล่าวอะไรเพราะในวินาทีต่อมาพลังมนตราธาตุแสงก็แผ่ออกมาจากร่างในทันทีแม้จะบางเบาแต่ก็อบอุ่นราวกับเป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในความมืดมิดนี้

“ทีนี้ลองใหม่ ยิงออกไปอีกครั้งนึง” แม้จะไม่เข้าใจความหมายแต่อลันยังคงทำตามที่บอกต่อไปลำกล้องถูกเล็งเข้าใส่ตัวเรืออีกครั้งก่อนที่เจ้าตัวจะลั่นไกกระสุนที่อยู่ในรังเพลิงออกไปในช่วงพริบตากระสุนบินฝ่าเมฆหมอกอีกครั้งหากแต่คราวนี้มันมีแสงสีฟ้าจางๆอยู่ด้วย

“อ๊าก” เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาจากเรือลำนั้นหากแต่ไม่ใช่แค่หนึ่งเสียงมันกลับเป็นเสียงของคนจำนวนมากที่ร้องอย่างทุกข์ทรมานจนทำให้คาซึกิและอลันนั้นถึงกับนิ่งงันไปครู่หนึ่งแต่ทางด้านของเรย์กลับขยับยิ้มออกมาเสียมากกว่า

“เอาล่ะ ทีนี้เราก็รอให้เจ้าพวกนั้นทำลายม่านพลังนี่อย่างสบายใจกันดีกว่า” เมื่อพอใจกับผลลัพธ์ที่ต้องการแล้วเขาจึงเลิกสนใจเหตุการณ์เบื้องหน้าและเมินเฉยกระสุนปืนใหญ่ที่ยังคงยิงถล่มเรือนี้ไปอย่างหน้าตาเฉยทำให้อีกสองคนที่เหลือนั้นตาเบิกกว้าง

“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น พวกนายก็น่าจะรู้ถึงฉันจะยิงมนต์ในระยะไกลได้แต่ภายในอาณาเขตมนต์ของฝ่ายตรงข้ามก็ทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม แถมระยะทำการที่ดีที่สุดของฉันคือระยะของดาบถ้าไม่รอให้พวกมันเข้าใกล้กว่านี้ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก” เป็นเหตุผลที่เหมือนฟังดูดีเพราะการใช้มนตราในอาณาเขตของศัตรูนั้นสิ้นเปลืองพลังอย่างมหาศาลแถมแต่ดั้งเดิมเรย์ยังเป็นนักดาบถึงแบบนั้น

“นายจะปล่อยให้พวกมันโจมตีแบบนี้ให้ชีวิตผู้บริสุทธิ์แขวนบนเส้นด้ายงั้นเหรอ” เขาไม่เข้าใจเรย์สักนิดทั้งที่ในตอนที่พ่อลูกหมีทำร้ายยังไม่มีการตอบโต้ใดๆแต่มาวันนี้ชีวิตที่พอจะช่วยได้คนๆนี้กลับละเลยที่จะช่วยเช่นนี้

“เราไม่ใช่พระเจ้าคาซึกิ เราช่วยทุกคนไม่ได้ พวกเรามีหน้าที่แค่จัดการโจรสลัดเท่านั้นนายคิดว่าพวกที่ก่อการปล้นมานับครั้งไม่ถ้วนจะมีฝีมือกระจอกงั้นเหรอเราไม่ควรเสียพลังกันไปโดยไม่ใช่เหตุ และอีกอย่างเจ้าพวกนั้นก็มีบอดี้การ์ดกันอยู่แล้ว ถ้าจ้างพวกไม่ได้ความนั่นมาคุ้มกันก็ถือว่าตัวเองโง่เองนั่นละ”

“แล้วนายคิดว่านายจะเอาอะไรไปต้านทานปืนใหญ่แบบนั้นได้ ดาบงั้นเหรอ นายไม่แข็งแกร่งพอที่จะพูดแบบนั้นคาซึกิ ถ้านายอยากจะทำตามใจอยากนายต้องมีพลังมากกว่านี้หรืออาจจะต้องมีพลังมากกว่าฉันถึงจะทำแบบนั้นได้” คำพูดของเรย์ทำเอาคาซึกิอับจนหนทางเขาไม่มีความสามารถไปช่วยเหลือคนเหล่านั้นได้จริงๆแต่ถึงแบบนั้นการจะปล่อยให้คนอื่นตายต่อหน้าโดยไม่ทำอะไรสำหรับเขาแล้วมัน

“อีกอย่างฉันจะปล่อยให้ม่านพลังนี่ถูกทำลายก็จริงแต่ ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้พวกมันทำลายเรือลำนี้หรอกนะ อลัน” คำพูดของเรย์ทำเอาอลันขยับยิ้มก่อนบรรจุกระสุนนัดหนึ่งลงไปในรังเพลิงของปืนไรเฟิลอย่างฉับไวก่อนที่จะ

ม่านพลังที่คอยคุ้มกันเรืออยู่สลายไปพร้อมกับกระสุนปืนใหญ่ที่พุ่งเข้าใส่ตัวเรือแต่ทางด้านของอลันยิงกระสุนจากปืนไรเฟิลในมือสวนกลับไปโดยมีจุดหมายคือกระสุนปืนใหญ่ที่กำลังพุ่งเข้ามาเบื้องหน้า

เสียงระเบิดดังกึกก้องไม่น่าเชื่อว่าแค่กระสุนปืนไรเฟิลนัดเล็กๆนั้นจะสามารถป่นกระสุนปืนใหญ่ให้แหลกสลายก่อนมากระทบตัวเรือได้ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ดวงตาสีเขียวดุจผืนป่าของคาซึกิอดเปิดกว้างขึ้นมาไม่ได้

“กระสุนหัวระเบิดน่ะครับ ถึงจะนัดเล็กแต่อานุภาพการทำลายก็มากพอจะเป่ากระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายนั้นได้เลย” เจ้าตัวหยิบกระสุนแบบเดียวกันอีกนัดหนึ่งขึ้นมาก่อนเอามาให้คาซึกิดูก่อนที่คาซึกิจะตวัดสายตากลับไปหาหัวหน้าของตัวเอง

“ทีหลังฉันสั่งอะไรก็หัดฟังให้ดีก่อน อย่าเพิ่งเอาไปตีโพยตีพายนี่ดีนะนายไม่พุ่งออกไปรับแทนไม่งั้นละงานงอกเลย ไอ้บ้าเอ๊ย”

“ก็หัดพูดมาให้ชัดสิ” คาซึกิส่งเสียงประท้วงเบาๆเพราะนึกว่าเรย์จะปล่อยให้คนภายในเรือรับกระสุนปืนใหญ่นัดนั้นซึ่งหากเป็นแบบนั้นก็คงไม่ปฏิเสธในเรื่องที่เขาจะพุ่งไปหาทางจัดการกระสุนปืนใหญ่นัดนั้นเองจริงๆนั่นละ

“เอาละ ทีนี้พวกมันก็จะเข้ามาปล้นด้านในเรือจากข้อมูลที่ได้รับมามันเป็นโจรสลัดยุคดั้งเดิมจริงๆ ใช้ปืนใหญ่เด็ดเขี้ยวเล็บศัตรูแล้วค่อยบุกจัดการมันทีเดียว” เป็นอย่างที่พูดเรือลำนั้นค่อยๆลอยเข้ามาใกล้กับพวกเขาทีละน้อยๆราวกับว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆหากแต่นั่นยิ่งทำให้กลิ่นอายแห่งความน่ากลัวของเรือลำนั้นเด่นชัดขึ้นไปอีก

“ลมหายใจแห่งเปลวเพลิง” มนตราธาตุไฟถูกใช้ออกไปใส่เรือที่กำลังเข้ามาหากแต่อานุภาพมันกลับเบากว่าปกติมากนักเพราะอยู่ในอาณาเขตมนตราของฝ่ายตรงข้ามอีกทั้งที่นี่ยังเป็นทะเลเขตที่ธาตุไฟอ่อนแรงจึงทำให้อานุภาพลดทอนลงไปอีกแต่สิ่งที่น่าแปลกประหลาดคือตัวเรือที่ทำจากไม้กลับไม่ติดไฟตามที่ควรจะเป็น

“นะ นี่มันอะไรกัน” อลันที่มองผ่านเนตรอินทรีและลำกล้องปืนนั้นได้เห็นภาพของเรือเบื้องหน้าก่อนใครจนทำให้ดวงตาสีน้ำเงินเข้มลุ่มลึกคู่นั้นฉายแววตื่นตะลึงทำเอาคนรอบนอกอย่างคาซึกิอดที่จะแปลกใจไม่ได้ ผิดกับเรย์ที่ยังคงยิ้มอย่างสบายอารมณ์ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร

และในที่สุดเรือโจรสลัดเบื้องหน้าก็มาอยู่ในระยะที่พวกเขาเห็นได้ตัวเรือนั้นเต็มไปด้วยหยากไย่สีเขียวราวกับว่าไม่ได้ทำความสะอาดมานานหลายปี ภายในเรือนั้นทรุดโทรมมากกว่าที่คิดไว้ กลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้นทำเอาทุกคนโดยรอบอดขนลุกไม่ได้แต่ที่หนักหนาที่สุดก็คือลูกเรือภายในนั้นอยู่ในสภาพที่ราวกับเป็นศพมานานเพราะแต่ละคนนั้นเริ่มมีกลิ่นเน่าและชิ้นเนื้อที่แหว่งไปจากร่างกาย

“กะแล้วเชียว ทั้งเวลาโจมตีที่ผ่านมา ทั้งกลิ่นอาย ทั้งวิธีการเมื่อเอามาประมวลรวมกันทั้งหมดคำตอบของมันก็คือ เรือโจรสลัดผีสิงที่พวกนี้เป็นซอมบี้ทั้งก๊วน” ตรงข้ามกับเรย์เขาไม่แปลกใจเลยสักนิดเพราะนี่คือสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วและที่ให้อลันยิงปืนใส่เรือลำนั้นก็เป็นเพราะต้องการพิสูจน์เรื่องนี้นี่แหละ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel