บท
ตั้งค่า

chapter5-1

แม้จะไม่ค่อยอยากยอมรับเท่าไหร่แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ร้านอาหารของพี่สาวเขาจะมีพนักงานคนใหม่ที่เป็นเจ้าหญิงแห่งเสียงดนตรีเสียแล้วซึ่งต้องนับว่าโชคดีที่ถ้าไม่ได้เป็นพวกรอบรู้เรื่องต่างๆหรือชอบอ่านหนังสืออย่างครอสก็มีเพียงพวกที่ฟังดนตรีคลาสสิกจริงๆเท่านั้นจึงจะรู้จักหน้าตาของเธอซึ่งเป็นวงจำกัดมิเช่นนั้นร้านอาหารของเขาได้วุ่นวายโกลาหลแน่นอน

“ไม่นึกเลยนะว่านายจะเหมาะกับชุดเมดมากขนาดนี้เนี่ย” เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีผู้ชายที่เหมาะแก่การสวมชุดเมดมากขนาดนี้แต่วันนี้ไม่เชื่อเธอก็จำต้องเชื่อเพราะเธอได้มาเห็นเต็มสองตาเป็นที่เรียบร้อย

“ว่าแต่นายไปทำอีท่าไหนถึงได้แต่งหญิงขึ้นแบบนี้ล่ะเนี่ย ทั้งผมนี่ ทั้งผิว แถมขนาดตัวอีก” เธออดแปลกใจไม่ได้เพราะเรย์ในยามนี้นั้นตัวบางลงไปกว่าเดิมโขจากเด็กหนุ่มผู้สมส่วนกลายมาเป็นเด็กสาวผู้บอบบางได้หน้าตาเฉย ผิวก็ขาวเนียนมากขึ้นแถมผมที่ยาวขึ้นนี่อีก

“เรื่องนั้นความลับ ขืนบอกก็เสียข้อมูลทางการค้าหมดสิ ว่าแต่ไปทำงานได้แล้ว” แน่นอนเขาไม่คิดจะบอกข้อมูลทางการค้าให้กับแม่สาวคนนี้ฟังแน่นอนพร้อมกับที่เขาดันหลังของแม่สาวคนนี้ให้ออกไปทำงานในทันที

“อะ พี่เรย์พี่เซโอมาหา” เสียงใสของแม่น้องสาวพร้อมชี้ไปยังเจ้าคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะๆหนึ่งตั้งแต่เปิดร้านส่วนเจ้าคนโดนชี้เมื่อเห็นว่าคนที่ตนต้องการพบออกมาแล้วก็เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็วก่อนประสานมือทั้งสองข้างและ

“โอ๊ทส์ คารวะขอรับ ลูกพี่” เสียงที่ดังกึกก้องพร้อมกับท่าคำนับแบบชาวจีนทำเอาคานาเดะถึงกับรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะผิดกับสองพี่น้องในชุดเมดที่ไม่ได้มีท่าทีอื่นใดนอกจากความเฉยชากับท่าทางของหมอนี่เลยแม้แต่น้อย

“ฉันบอกนายกี่ทีแล้วเซโอ เวลาอยู่ในสภาพนี้ให้เรียกฉันว่าเรย์ หรือนายอยากโดนฉันอัดอีกสักรอบถึงจะจำได้” แน่นอนกับอีแค่คำเรียกนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจมากนักเลวร้ายกว่านี้ก็เคยโดนเรียกมาแล้วแต่ตอนนี้เขาเป็นพนักงานให้ร้านอาหารของพี่สาวของเขาอยู่หากเขาเสียชื่อมันจะลามมาถึงพี่สาวและน้องสาวของเขาด้วยซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขายอมไม่ได้

“ขออภัยด้วยขอรับลูกพี่ พอดีผมเห็นว่าตอนนี้ยังไม่มีคนเลยเผลอไปหน่อย ว่าแต่คุณหนูท่านนี้คือ?” เขารู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นลูกพี่ออกมาพร้อมผู้หญิงคนอื่นอันที่จริงพนักงานในร้านนี้นอกจากเรเดียแล้วก็มีแค่เรย์จึงไม่น่าแปลกหากเซโอจะอดแปลกใจไม่ได้

“ชิโรคาวะ คานาเดะพนักงานใหม่ประจำร้านค่ะยินดีที่ได้รู้จัก” เธอแนะนำตัวเองอย่างอารมณ์ดีเพราะดูแล้วคนๆนี้เป็นคนตลกดีส่วนทางด้านของเซโอนั้นมองสาวเจ้าเขาครู่หนึ่งก่อนหันมาหาเรย์

“โอ้ พนักงานใหม่หรือครับนี่ ไอ้ผมก็นึกว่าเป็นสาวที่ลูกพี่ไปฉุดมา แว้ก!!” เซโอส่งเสียงร้องด้วยความตระหนกเพราะตอนนี้ที่คอของเขามีดาบแสงเล่มหนึ่งมาจ่อไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วไม่เพียงเท่านั้นทุกข้อต่อของเขายังมีดาบแสงมาพาดรอเตรียมไว้หมดแล้วด้วย

“เฮ้ย เซโอฉันจะเตือนนายอีกครั้งเดียวถ้ายังพูดเหมือนฉันเป็นแก๊งยากูซ่า ฉันจะถล่มนายด้วยมนต์ที่แรงที่สุดของฉันเลย” ประกายแสงมารวมอยู่ตรงฝ่ามือข้างขวาและแน่นอนเขาเป็นประเภทพูดจริงทำจริงแน่ทำเอาเซโอได้แต่กลืนน้ำลายดังเอื้อก

“ขออภัยด้วยขอรับลูกพี่ผมมันปากเปราะไปนิด ไม่สิขออภัยด้วยขอรับท่านเรย์” เขารีบเปลี่ยนคำเรียกเมื่อพบว่าคมดาบแสงจ่อเข้าชิดกว่าเดิมส่วนทางด้านของเรย์เมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมทำตามที่ตนพูดแล้วจึงสลายพลังของตัวเองทิ้งไป

เซโอ คาเรนอสเป็นชายที่มีมีผมสีน้ำตาลยุ่งฟูไม่เป็นทรงราวกับชีวิตนี้ไม่เคยรู้จักคำว่าหวี ดวงตาสีเหลืองอ่อนที่แม้จะสีอ่อนจางแต่ยามที่เจ้าตัวเอาจริงก็จะดูแข็งกร้าวขึ้นมาทันตา เป็นรองหัวหน้าหน่วยที่สองผู้ใต้บังคับบัญชาของเอย์จิ

ที่เซโอเรียกเรย์ว่าลูกพี่นั้นเป็นเพราะสมัยก่อนสองคนนี้มีเรื่องกันและเรย์เป็นฝ่ายอัดเซโอเสียหมอบราบคาบแก้ว หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาเซโอก็มักเรียกเขาว่าลูกพี่อยู่เสมอทั้งที่เขาเคยบอกแล้วว่าไม่ต้องก็ได้แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธตลอดมา

“วันนี้มีธุระอะไรล่ะ อย่าบอกนะว่าว่างงานเลยมานั่งเล่น” เขาพอจะรู้ข้อมูลของเอย์จิอยู่ว่าหมอนั่นเพิ่งเสร็จภารกิจล่าสุดมาในเวลาไล่เลี่ยกับเขาดังนั้นในสองถึงสามวันนี้คงจะไม่มีภารกิจไปอีกสักพักนึงและนั่นหมายความว่าเจ้าเซโอจะว่างงานไปอีกพักใหญ่

“โอ้ เปล่าขอรับ พอดีนัดอีกคนนึงไว้มากินข้าวที่นี่ไหนๆก็ไม่ได้เลี้ยงฉลองกันมาตั้งนานเพิ่งกลับมาจากภารกิจเหนื่อยๆเลยอยากชวนมากินข้าวหน่อย เพราะงั้นช่วยจัดรายการอาหารให้ตามนี้ทีนะขอรับ” แม้หลายครั้งเขาจะเคยมานั่งเล่นที่นี่ทั้งวันโดยเคยสั่งน้ำเพียงแค่แก้วเดียวแต่วันนี้นั้นเขาตั้งใจจะเลี้ยงอาหารเพื่อนร่วมทีมเสียหน่อย

“อ้อ รายนั้นเองเหรอ เอาเห็นเป็นกรณีพิเศษเดี๋ยวฉันตั้งใจทำให้สุดฝีมือเลยก็ได้” แน่นอนเขารู้ดีว่าอีกคนของเซโอนั้นเป็นใครและเห็นแก่ที่มันเรียกเขาว่าลูกพี่ดังนั้นเขาจะทำให้เต็มที่เสียหน่อยก็แล้วกัน

“โอ้ ขอบพระคุณมากเลยขอรับ ลูกพี่ แว้ก” ไม่ทันขาดคำดีคมดาบแสงก็ถูกส่งมาทักทายอีกครั้งเนื่องจากการเรียกผิดของเซโอนับว่ายังดีที่ฝีมือของเขาไม่จัดว่าต่ำดังนั้นจึงสามารถหลบหลีกดาบแสงที่พุ่งเข้ามาอย่างกระทันหันได้

“หืม ดูนายสนิทกับหมอนั่นมากเลยนะเนี่ย” เธออดแปลกใจไม่ได้ที่เขามีท่าทีเช่นนี้เพราะปกติแล้วเรย์มักจะโดนขัดคอจากอลันไม่ก็คาซึกิตลอด ครอสก็เป็นประเภทเนือยไม่ค่อยได้สนใจใครมากนักเพิ่งมีครั้งนี้ละมั้งที่เธอเห็นว่าหมอนี่มีลูกน้องด้วย

“ฉันกับเซโอเคยอยู่หน่วยเดียวกันมาก่อนน่ะเลยสนิทกันมาก โดยส่วนตัวฉันชอบนิสัยแบบหมอนั่นนะมีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ แม้หลายครั้งจะปากเปราะจนน่าโดดถีบก็เถอะ” หากไม่นับนิสัยชอบหลุดความคิดของตัวเองออกไปง่ายๆแล้วเซโอก็นับว่าเป็นคนน่าคบหาคนนึงเลยทีเดียวเพราะหมอนั่นเป็นคนตรงๆไม่ชอบโกหกใคร หากเป็นเรื่องที่บอกไม่ได้เจ้าตัวก็จะบอกแค่ว่าไม่อยากบอกและต่อให้ไปง้างปากยังไงก็ไม่ยอมบอก เป็นมิตรสหายที่ไว้ใจได้คนนึง

“ว่าแต่เธอจะมาเรียนทำอาหารใช่ไหมละ ถ้าจะให้สอนตอนนี้มันคงไม่ได้แต่สนใจจะมาดูฉันทำหน่อยไหม เผื่อเวลาทำเองน่ะ” เขายังพอจำเหตุผลสองสามข้อที่แม่สาวคนนี้มาเป็นพนักงานในร้านอาหารเขาได้และหนึ่งในนั้นคือฝึกทำอาหารนั่นเอง

“อืม เอาสิถึงจะแปลกใจที่นายทำอาหารเป็นก็เถอะ แต่ฟังจากคำยืนยันของอลัน น้องสาวกับพี่สาวนายแล้ว ก็คงต้องเชื่อละนะ” แม้จะแปลกใจนิดหน่อยแต่เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนตรงหน้าเธอทำอาหารได้เก่งถึงระดับไหนส่วนทางด้านของเรย์นั้นไม่ได้ว่าอะไรและเริ่มทำอาหารของตนในทันที

“พี่เซโอวันนี้นัดสาวที่ไหนมากินข้าวด้วยเหรอ” ทางด้านของแม่น้องสาวตัวน้อยที่ถามอย่างไม่มีความเกรงใจทำเอาเซโอที่ได้ยินดังนั้นแทบจะสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ดังพรวดก่อนหันมามองแม่น้องสาวคนนี้ด้วยสายตาแปลกใจ

“น้องสาวของลูกพี่รู้ได้ไงเนี่ย พี่ว่าพี่ยังไม่ได้บอกออกมาเลยนะหรือลูกพี่บอกมา” เขาแค่บอกว่านัดอีกคนมากินข้าวไว้เท่านั้นเองไม่ได้บอกด้วยซ้ำไปว่าอีกคนที่ว่านั่นเป็นใครหรือเป็นอะไรจนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่ารู้มาจากลูกพี่หรือเปล่า

“อ้าว หนูเดาถูกเหรอตอนแรกเดาเล่นๆไม่นึกว่าจะถูกนะเนี่ย ว่าแต่เป็นใครอะแฟนพี่เซโอเหรอ” แต่คำพูดต่อมาของแม่น้องสาวทำเซโอขมวดคิ้วตอนแรกเขาก็นึกว่าเธอรู้จริงๆเสียอีกแต่ที่ไหนได้มันเป็นเพราะแม่ตัวน้อยนี่เดาสุ่มหรอกเหรอ

“จะว่าไปก็ไม่ใช่แฟนของพี่หรอก เป็นคู่หูของพี่มากกว่า เหมือนลูกพี่กับอลันนั่นแหละ” หากจะให้อธิบายที่ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นคู่หูเพราะเขาไม่คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับยัยนั่นจะเรียกว่าคนรักได้หรอกแต่ก็ไม่ใช่แบบที่ยกตัวอย่างมาซะทีเดียว

“โอ๊ะ มีลูกค้ามาอีกคนแล้ว ยินดีต้อนรับค่า” เสียงร่าเริงของเรเดียทักทายลูกค้าแต่ทางด้านของเซโอนั้นยิ้มกว้างออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าผู้ที่เดินเข้ามาในร้านเป็นใครร่างที่เดินเข้ามาในร้านนั้นอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารมนตราหากแต่แม้เธอจะเป็นผู้หญิงแต่เครื่องแบบที่สวมนั้นกลับเป็นเครื่องแบบของผู้ชาย

ร่างบอบบางที่อยู่ในชุดของผู้ชายนั้นทำให้เธอแลดูทะมัดทะแมงขึ้นมาผมสีส้มที่ถูกตัดสั้นเพียงแค่ถึงช่วงไหล่ ดวงตาสีแดงคู่นั้นนิ่งสงบราวกับจะไม่สั่นไหวไม่ว่าเหตุการณ์ใดๆจะเกิดขึ้นตรงหน้าก่อนที่เธอจะตรงเข้ามานั่งโต๊ะเดียวกับเซโออย่างรวดเร็ว

“วันนี้มีธุระอะไรล่ะถึงได้เรียกมา ภารกิจใหม่หรือไง?” ทันทีที่เปิดปากก็ถามถึงงานทันทีเป็นคนที่ตรงข้ามกับเขาโดยสิ้นเชิงหากแต่แม้จะเป็นแบบนั้นเซโอกลับไม่ได้กล่าวว่าอะไรกับนิสัยเช่นนี้ของบุคลลเบื้องหน้า

“เปล่าหรอก วันนี้แค่จะพามาเลี้ยงข้าวเท่านั้นเอง ไหนๆก็ได้พักแล้วเลยอยากพาเธอมากินข้าวแล้วไปเดินเล่นกันสักหน่อย จะได้พักผ่อนไปในตัว” เขาชินมานานแล้วกับคนที่เอะอะก็มักนึกถึงภารกิจตลอดมิเช่นนั้นเขาคงสู้ร่วมกับยัยนี่มาไม่ได้จนทุกวันนี้หรอก

แม่สาวคนนี้ชื่อเทรีเซียเป็นสมาชิกอิสระที่ไม่ได้สังกัดหน่วยใดๆเป็นสมาชิกอิสระแต่เขามักจะพาเธอไปทำภารกิจร่วมกับหน่วยที่สองประจำจนเธอเป็นสมาชิกกลายๆแต่แม้จะเอ่ยปากชวนหลายครั้งแต่เธอก็ปฏิเสธตลอด

“นึกว่าจะทำอะไร ถ้ามีธุระแค่นี้ฉันกลับล่ะ” แน่นอนทางด้านของแม่สาวที่เคร่งเครียดจริงจังกับชีวิตนั้นดูจะไม่ค่อยชอบใจในเหตุผลนี้สักเท่าไหร่นักเพราะในสายตาของเธอแล้วเวลาว่างนั้นไม่ควรจะนำมาใช้อย่างเปล่าประโยชน์เช่นนี้

“แต่เธอสัญญากับฉันแล้วนะว่าในภารกิจคราวก่อนถ้าฉันจัดการคนได้มากกว่าเธอจะยอมทำตามที่ฉันบอก เพราะงั้นฉันจะใช้มันตอนนี้แหละ วันนี้ทั้งวันเลิกคิดถึงเรื่องภารกิจ การฝึกฝนและการต่อสู้มาเดินเที่ยวกันอย่างสบายอารมณ์ดีกว่าน่า” รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้าหากแต่นั่นทำให้ร่างบางที่กำลังจะลุกออกไปจากโต๊ะให้ชะงักไปในทันที

ภารกิจในครั้งที่แล้วเธอยังจำได้ดีถึงคำพูดที่ว่า‘มาแข่งกันว่าใครจะอัดเจ้าพวกนี้หมอบได้มากกว่ากัน ถ้าใครแพ้คนนั้นต้องยอมทำตามคำสั่งคนชนะ’และด้วยความที่เธอคิดว่าตนจะไม่แพ้ทำให้เธอรับคำท้าแต่ปรากฏว่าในตอนท้ายเขากลับเฉือนชนะเธอไปอย่างหวุดหวิดจนน่าโมโห

“วันนี้เท่านั้นนะ” แม้จะไม่ค่อยชอบแต่ในสิ่งที่เธอสัญญาไปแล้วก็จำต้องเป็นสัญญาดังนั้นเธอจึงยอมนั่งลงบนโต๊ะอาหารอย่างเสียไม่ได้ดวงตาสีแดงคู่นั้นยังคงทอแววสงบนิ่งเช่นเดิมแทบไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย

“อาหารมาแล้วค่ะ” เสียงใสกังวานของแม่สาวพนักงานใหม่พร้อมที่เธอยกอาหารและเครื่องดื่มมาเสริฟให้กับคนทั้งสองอย่างแข็งขัน

“กินเลยๆ ฉันไม่รู้นะว่าเธอชอบอะไร ก็เลยสั่งข้าวผัดมาให้” โดยส่วนตัวคนอย่างเซโอนั้นไม่ค่อยได้สนใจอาหารนักหรอกแค่เป็นอาหารอร่อยต่อให้เอาตัวอะไรมาทำให้กินเขาก็ไม่ว่าเพราะเขาสามารถกินมันได้หมดนั่นแหละขอแค่อร่อยก็พอ

“แต่นี่มันข้าวห่อไข่นะ” อาหารที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ว่าจะมองจากมุมไหนมันก็ไม่ใช่ข้าวผัดแต่มันดูเหมือนข้าวห่อไข่เสียมากกว่าแต่ทางด้านของเซโอนั้นในทีแรกขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยหากแต่ก็เป็นเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที

“โอ้ ไม่ต้องห่วงไม่ผิดเมนูหรอก ถ้าลองร้านนี้ลงมือทำละก็ กินดูเถอะน่า” เขาไม่คิดว่าลูกพี่ที่เคารพจะทำผิดเมนูโดยเด็ดขาดดังนั้นจึงน่าจะลองกินดูก่อนก็ไม่เสียหายส่วนทางด้านของเทรีเซียที่ได้ยินดังนั้นก็ทำการตักไข่ออกมา

อันที่จริงมันก็ไม่ได้ผิดนักเพราะภายในนั้นเป็นข้าวผัดเหมือนกันเพียงแต่มันแค่มีไข่ห่อไว้อีกชั้นมันก็เท่านั้นเองดังนั้นเธอจึงเลิกที่จะสนใจแล้วตักอาหารเข้าไปในปากอย่างเงียบงันส่วนทางด้านของเซโอนั้นนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรเพราะกำลังรอดูผล

“อร่อย” เสียงเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบาตัวข้าวไม่ไหม้และไม่เลี่ยนน้ำมันสักนิดวัตถุดิบที่ใช้ก็เป็นวัตถุดิบที่หาได้ตามท้องตลาดธรรมดาไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยแม้แต่น้อยแต่กลับให้รสชาติได้ดีและเข้ากันอย่าลงตัวจนไม่อยากเชื่อ

“เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ได้ยินคำว่าอร่อยหลุดออกจากปากของเธอ” ตามปกติแล้วเทรีเซียนั้นจะเป็นประเภทที่ไม่เคนสนใจรสชาติอาหารเลยขอแค่กินได้เธอก็กินหมดและตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยบอกเลยว่าชอบอาหารประเภทไหน

สิ่งที่อยู่ในหัวของเธอมีเพียงการทำภารกิจให้สำเร็จ การต่อสู้และการเอาชีวิตรอดในสมรภูมิอะไรเทือกนี้อย่างเดียวเรื่องอื่นเธอแทบไม่สนใจอะไรเลย แม้เขาจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเธอถึงได้ยึดติดในเรื่องนั้นถึงขนาดนี้แต่วันนี้เขาพาเธอมากินอาหารที่นี่เพื่อจะลองเปลี่ยนมุมมองแนวคิดของเธอดูซึ่งได้ผลดีเยี่ยมเลยทีเดียว

“ตามสบายเลยนะ อยากกินกี่จาน อยากกินอะไรสั่งเลยเดี๋ยวฉันเลี้ยงเองไม่ต้องห่วง” หลังจากที่แผนการที่วางเอาไว้ประสบความสำเร็จเขาจึงเริ่มจัดการอาหารของตนเช่นกันส่วนทางด้านของแม่สาวเบื้องหน้าของเขานั้นขมวดคิ้วมุ่น

เธอรู้สึกเคืองไม่น้อยที่เห็นเขาขำท่าทีของเธอทำราวกับเธอเป็นเด็กหากแต่ถึงแบบนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาหารตรงหน้านั้นอร่อยจริงๆทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอแทบไม่เคยจะสนใจในเรื่องรสชาติอาหารเลยสักนิดต้องยอมรับในความสามารถของคนทำจริงๆ

‘จะสั่งให้กระเป๋าฉีกเลยคอยดู’ เธอคาดโทษคนเบื้องหน้าเอาไว้แล้วจึงเริ่มจัดการกับข้าวผัดของตัวเองอย่างเงียบงันโดยไม่ได้รู้สึกถึงมุมปากของตัวเองที่ยกยิ้มขึ้นมาเลยแม้แต่น้อยแต่ทางด้านของคนที่อยู่กับเธอมานานอย่างเซโอกลับเหลือบไปเห็นเข้าพอดี

‘ขอบพระคุณมากขอรับ ลูกพี่’ เขาขยับปากอย่างไม่มีเสียงก่อนชูนิ้วโป้งไปให้ร่างในชุดเมดที่กำลังนั่งมองพวกเขาอยู่เนื่องจากตอนนี้ยังจัดได้ว่าเช้าอยู่ดังนั้นมันจึงยังไม่ถึงเวลาที่พวกเขาต้องหัวหมุนจึงมีเวลามากเหลือเฟือที่จะมานั่งเล่น

‘ไม่ใช่ฝีมือของฉันหรอก ฝีมือพี่สาวของฉันต่างหาก’ เรย์โบกมือปฏิเสธแล้วตอบกลับไปเขาไม่มีความสามารถมากพอทำให้แม่สาวที่มีนิสัยจริงจังที่สุดในกองทหารมนตราชอบรสชาติอาหารได้หรอกคนที่ทำได้นั้นคือพี่สาวของเขานู่น

“เป็นไงบ้างจ๊ะเรย์ เรียบร้อยไหม?” แม่ครัวสาวถามถึงผลงานของเธอเองในตอนแรกนั้นเธอก็แปลกใจเหมือนกันที่น้องชายของเธอขอให้เธอทำเมนูนี้ทั้งที่มันเป็นอาหารตะวันออกที่เขาถนัดแท้ๆแต่เธอก็ทำโดยไม่ได้ถามไถ่เหตุผลหลังจากนั้นเขาจึงเล่าเหตุผลให้เธอฟัง

“เรียบร้อยดีเลยล่ะ เธอชอบอาหารของพี่มากเลยและผมว่าพี่เตรียมตัวไว้ดีกว่านะครับ เพราะท่าทางแม่สาวคนนั้นกะสั่งให้เจ้าบ้านั่นกระเป๋าฉีกเลยล่ะ” เขาเป็นคนอ่านอารมณ์คนได้ในระดับนึงจึงดูออกในทันทีว่าแม่สาวคนนั้นดูจะไม่พอใจที่เจ้าเซโอทำท่าแบบนั้นและคงต้องหาทางเอาคืนเป็นแน่

“แต่พี่ไรอานี่เก่งจังเลยนะคะขนาดคนที่มีท่าทีไม่สนใจในรสชาติอาหารแบบนั้นยังชมเลย” เธออดชื่นชมแม่ครัวที่อายุมากกว่าเธอเพียงปีเดียวไม่ได้เพราะจากที่เรย์เล่าให้ฟังนั้นคงเป็นการยากที่อยู่ๆจะให้คนแบบนั้นเปิดปากชมขึ้นมาได้

“มันไม่ยากอะไรหรอกจ๊ะ การทำอาหารน่ะสิ่งสำคัญมันไม่ใช่เทคนิคการทำหรอก แต่เป็นการดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาให้มากที่สุดและจิตใจของคนทำอาหารที่ใส่ลงไปต่างหากล่ะ แม้จะเป็นวัตถุดิบธรรมดาแต่ขอแค่เราดึงรสชาติมันออกมาได้มันก็มีคุณค่าเทียบเท่ากับวัตถุดิบหรูเลยนะ พอเอาไปรวมกับจิตใจที่คำนึงถึงผู้ทานแค่นั้นมันก็มาเพียงพอที่จะทำให้อาหารอร่อยแล้วล่ะจ๊ะ” รอยยิ้มอ่อนโยนและน้ำเสียงอันอบอุ่นและจริงใจนั้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วจะมีเพียงสักกี่คนที่สามารถมอบความอ่อนโยนและอบอุ่นให้แก่ทุกผู้คนโดยไม่แบ่งแยกเช่นนี้

“หนูก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะแต่ เอาเป็นว่าพี่ไรอาทำอาหารเก่งที่สุดในโลกก็แล้วกัน” แม่สาวตัวน้อยยิ้มแย้มอย่างร่าเริงสำหรับเธอแล้วมันเป็นความสัตย์จริงที่ไม่มีอะไรจะจริงไปยิ่งกว่านี้อีกแล้วเรื่องอื่นๆไม่ใช่เรื่องสำคัญ

“ไม่ขนาดนั้นหรอก คนที่ทำอาหารเก่งกว่าพี่มีเยอะแยะไปนะ” แม้จะพูดแบบนั้นแต่ไม่มีทางที่ใครจะสามารถทำอาหารที่คำนึงถึงผู้ทานได้มากเท่าเธอคนนี้อีกแล้วต่อให้ทำได้อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่การทำให้คนอื่นที่ไม่รู้จักกันแบบนี้

“เข้าใจรึยังทำไมฉันถึงบอกว่าตัวเองเทียบพี่ไรอาไม่ได้ มันก็เพราะแบบนี้แหละ” เขารับรู้และยอมแพ้มานานแล้วหากจะนับความคิดคำนึงในอาหารนั้นจะรอจนชาติหน้าเขาก็ไม่มีทางทำแบบเธอได้ไม่สิ ในโลกนี้จะมีคนทำแบบนี้ได้สักกี่คนกัน

“โอ๊ะ ดูเหมือนว่าลูกค้าจะเริ่มเข้ามาแล้วแฮะ งั้นเดี๋ยวผมขอไปรับออเดอร์ก่อนนะครับ” เมื่อเห็นว่ามีลูกค้าคนอื่นเข้ามานอกจากเจ้าลูกน้องปากเปราะของเขาเรย์จึงเริ่มทำงานในทันทีส่วนทางด้านของคนอื่นๆก็เริ่มงานของตัวเองเช่นกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel