chapter4-7
“ฟ่อ” เสียงร้องของอสูรแมวดังขึ้นมาอีกครั้งพลังวัตรไหลทะลักออกมาจากร่างปริมาณมหาศาลพร้อมกันนั้นเองที่ร่างของอสูรแมวพุ่งเข้าใส่ร่างของครอสด้วยความรวดเร็ว
ทางด้านของครอสก็รวดเร็วไม่แพ้กันแอโรคิเนซิสที่ใช้ในการบงการสายลมนั้นทำให้ความเร็วของเขาไม่ได้ด้อยกว่าศัตรูมากนักลูกเตะถูกตวัดเข้าใส่ร่างของอสูรแมวตัวนั้นในทันที
แต่อสูรแมวกลับสามารถเอี้ยวร่างหลบไปได้อย่างรวดเร็วพร้อมตวัดกรงเล็บเข้าใส่ร่างของครอสในทันทีพลังวัตรไหลไปรวมกันอยู่ที่กรงเล็บจนมันทอแสงสีอ่อนความรวดเร็วและเฉียบคมนั้นหมายจะสังหารศัตรูของมันทิ้งในคราเดียว
ร่างที่กำลังโหมใส่ศัตรูเต็มกำลังกลับลื่นไถลไปเสียแบบนั้นพื้นที่เคยมั่นคงที่อสูรแมวกำลังยืนนั้นในยามนี้มันกลับโครงเครงจนแทบยืนไม่อยู่ส่งผลให้ร่างของอสูรแมวตัวนั้นโจมตีพลาดเป้าไปอย่างน่าประหลาด
“โทษทีแต่การที่แกเป็นศัตรูกับฉันก็เท่ากับเป็นศัตรูกับธรรมชาติด้วยนั่นแหละ ตูม ” หลังมือของครอสถูกสะบัดเข้าใส่ร่างของอสูรแมวตัวนั้นในทันทีหากแต่มันไม่ได้เพียงแค่ฝ่ามือธรรมดาการโจมตีนี้มันแฝงด้วยสายลมที่รุนแรงด้วยส่งผลให้ร่างของอสูรแมวปลิวกระเด็นไปอย่างรวดเร็ว
ไม่จบเท่านั้นครอสทะยานร่างออกไปด้วยความเร็วที่สูงกว่าเดิมก่อนอัดกำปั้นซ้ายเข้าใส่ร่างของอสูรแมวในทันทีเปลวเพลิงขนาดใหญ่ปะทุขึ้นมาอีกคราหนึ่งพร้อมกับที่อสูรแมวตัวนั้นกรีดร้องเสียงแหลมด้วยความเจ็บปวด
“เอาไปอีก” สายลมไหลวนมารวมกันอยู่ที่มือขวาก่อนถูกบีบอัดจนกลายเป็นบอลสายลมลูกหนึ่งแม้ขนาดของมันจะเพียงแค่ลูกฟุตบอลธรรมดาหากแต่พลังทำลายของมันนั้นเขาค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถสังหารเจ้านี่ทิ้งได้อย่างแน่นอน
“จบกันสักที” บอลสายลมลูกนั้นเตรียมอัดใส่ร่างของศัตรูที่อยู่ในระยะประชิดหากถูกการโจมตีระดับนี้อัดเข้าไปในระยะเผาขนแล้วล่ะก็ต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่มีทางที่จะไม่สะดุ้งสะเทือนกับเจ้าสัตว์หน้าขนตัวนี้เขามั่นใจด้วยซ้ำว่าจะสังหารมันได้ในทีเดียว
หากแต่ในพริบตานั้นเองจิตสังหารของอสูรแมวก็รุนแรงขึ้นจนทำให้เขาชะงักไปชั่นครู่พร้อมกับกรงเล็บแฝงพลังวัตรที่พุ่งเข้าตะปบเข้าใส่ร่างของเขาในทันทีความรุนแรงและรวดเร็วของการโจมตีสวนกลับในครั้งนี้มากกว่าครั้งก่อนๆจนเขาหลบเลี่ยงไม่ทัน
กรงเล็บกรีดเสื้อผ้าของเขาเสียจนขาดวิ่นไม่เพียงเท่านั้นมันยังฝากรอยแผลขนาดใหญ่เอาไว้อีกด้วยความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างทำเอาครอสกัดฟันแน่นแม้จะไม่ส่งเสียงร้องออกมาแต่ก็เจ็บปวดมากพอดู
สิ่งที่ได้รับผลกระทบหนักหนายิ่งกว่าก็คือพลังของเขา พลังจิตนั้นเป็นพลังที่แม้จะควบคุมได้อิสระจนราวกับเป็นแขนขาของตัวเองก็ตามหากแต่ก็ต้องใช้สมาธิในการควบคุมและบังคับสูงมาก ทุกขั้นตอนต้องละเอียดละออสุดๆดังนั้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้สมาธิของครอสตกลงสายลมที่เคยอยู่ในการควบคุมของเขาจึงสลายหายไปจนหมดสิ้น
ไม่จบแค่นั้นอสูรแมวที่เห็นโอกาสจึงกระโจนเข้าไปหาอย่างไม่ต้องคิดกรงเล็บของมันตะปบเข้าใส่ลำคอของครอสอย่างรวดเร็วหมายสังหารให้ดับดิ้นแต่ทางด้านของหัวหน้าหน่วยที่หนึ่งก็ยังไม่สิ้นลายเทเลพอร์ตหนีออกมาได้อย่างทันท่วงที
และคราวนี้ครอสจึงฉวยโอกาสโจมตีกลับหมัดที่ปะทุเปลวเพลิงอัดเข้าใส่ร่างของศัตรูอีกครั้งหนึ่งหากแต่แม้เขาจะเพิ่มพลังทำลายให้รุนแรงกว่าเก่าแต่มันก็ไม่ได้สร้างบาดแผลให้อสูรแมวเหมือนก่อนหน้านี้เพราะพลังวัตรที่ห่อหุ้มร่างของมันป้องกันเอาไว้
กรงเล็บเฉี่ยวร่างของครอสไปอีกครั้งแต่ทางด้านของเจ้าตัวก็ใช้ไซโครคิเนซิสยกร่างของตัวเองให้ลอยขึ้นมากลางอากาศได้ทันก่อนที่จะถูกกรงเล็บนั้นสังหารทิ้งไปได้อย่างหวุดหวิด
“เจ้าแมวนี่มันเก่งขึ้นเรื่อยๆเมื่อยิ่งบาดเจ็บหมายความว่าไง?” ครอสมองอสูรแมวเบื้องล่างด้วยความไม่เข้าใจหากจะบอกว่ามันออมฝีมือเอาไว้ก็ไม่น่าจะใช่เพราะมันไม่น่าจะมีสมองขนาดนั้น ถ้าแบบนั้นแล้วทำไมมันถึงได้เป็นเช่นนี้
‘หรือว่าที่จริงแล้วพลังพิเศษนี้เกิดขึ้นมาหลังจากที่เจ้านี่ออกมาล่าเรา’ ครอสเริ่มขบคิดถึงความเป็นไปได้อย่างว่องไวเพราะในตอนแรกที่ปะทะกันเจ้าแมวนี่ก็ไม่ได้ใช้พลังวัตรต้องผ่านไประยะหนึ่งมันจึงเริ่มใช้พลังวัตรมาสู้กับเขาได้
ถ้างั้นพลังพิเศษที่มันมีก็ไม่น่าใช่พลังดั้งเดิมของตัวมันเองแต่ถูกมอบให้จากการที่ต้องมาล่าพวกเขาซึ่งไม่แน่ใจนักว่าผู้ควบคุมต้องการให้อสูรตัวนี้ปรับตัวกับพลังที่พึ่งจะได้รับหรือคิดจะหลอกให้พวกเขาชะล่าใจในตอนแรกกันแน่
แต่ที่เขาแน่ใจได้ก็คือหากยังปล่อยให้อสูรตัวนี้อยู่รอดต่อไปเกรงว่าการสังหารมันจะยุ่งยากกว่านี้อีกเป็นแน่เพราะนี่ก็เริ่มควบคุมให้พลังวัตรต้านรับเปลวเพลิงของเขาได้หลายส่วนแล้วถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปพลังจิตของเขาก็คงไม่อาจทำอะไรได้แม้แต่รอยขีดข่วนแต่เดิมพลังจิตของเขาก็ด้อยในด้านพลังทำลายอยู่แล้วด้วย
“ฮัลโหลครอส กำลังลำบากเลยนี่ต้องการให้ช่วยไหม” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมาจากเครื่องติดต่อสื่อสารและนั่นก็หาใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากเจ้าคนที่เป็นหัวหน้าหน่วยสี่ที่เพิ่งกลับจากการพาสาวเจ้าไปเดินเที่ยวนั่นเอง
“ไม่ต้อง นายก็น่าจะรู้กEของระดับหัวหน้าหน่วยอย่างพวกเราดีนี่ เรย์” ครอสติดต่อกลับไปในระดับหัวหน้าหน่วยนั้นมีกEอย่างลับๆว่าหากยังไม่ถึงที่สุดห้ามสอดมือเข้าไปในการต่อสู้ของหัวหน้าหน่วยคนอื่นโดยที่เขายังไม่ขอโดยเด็ดขาดเพราะมันเป็นการเสียมารยาทที่สุด
“ก็แค่เห็นนายกำลังทำเหมือนลำบากเวลาจัดการเจ้าตัวแค่นี้แล้วมันหงุดหงิด ความสามารถของนายน่ะจะฆ่าเจ้านี่ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ”
“ถ้าเป็นพลังของฉันในตอนนี้การจะฆ่ามันก็ลำบากอยู่ นายก็น่าจะรู้ฉันไม่มีการโจมตีปิดบัญชี” นี่เป็นจุดตายที่ยากจะแก้ได้ของครอสพลังจิตของเขานั้นแม้โดดเด่นในด้านการพลิกแพลงแต่ขาดพลังทำลายล้างอย่างที่พลังมนตรามีพลังทำลายของเขาถูกจำกัดไว้แค่มนต์ขั้นกลางที่ไร้ซึ่งคุณสมบัติพิเศษใดๆ
“ใช่ถ้าเป็นนาย‘ในตอนนี้’ละก็” เสียงขอเรย์ที่ดังขึ้นมานั้นทำเอาครอสส่งเสียงอย่างอ่อนใจเจ้านี่ก็น่าจะรู้ว่าเขาไม่ชอบใช้ไพ่ตายแต่ก็ดันชอบบังคับให้เขาใช้อยู่เรื่อย
“เลิกลีลาเถอะน่า นายไม่อยากกลับไปนอนแต่ฉันอยากนอนฟะ รีบๆเชือดมันซะก่อนฉันจะเปลี่ยนใจยิงถล่มทั้งไอ้แมวบ้านั่นทั้งนายแทนและอีกอย่างมันกำลังตรงดิ่งไปบ้านพักแล้วนะ” เท่านั้นเองที่ทำให้คนที่กำลังสนทนากับผู้อื่นกลางอากาศเยี่ยงครอสนั้นชะงักก่อนตวัดสายตาแล้วจึงพบว่าตอนนี้อสูรแมวหมดความสนใจจากเขาแล้วพุ่งเป้าหมายไปยังบ้านพักแล้ว
“บ้าชิบ” เสียงสบถของครอสดังขึ้นมาแม้ทางด้านบ้านพักจะยังมีอลันอยู่แต่ก็ไม่อาจต้านได้มากนักกระสุนปืนของอลันนั้นไม่สามารถโจมตีใส่เป้าที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเช่นนี้ได้แม้จะมีบางนัดที่ยิงปะทะกับร่างของมันแต่คมกระสุนก็ไม่อาจหยุดยั้งอสูรแมวได้อยู่ดี
ระเบิดปะทุใต้ผืนดินด้วยพลังของกราโรคิเนซิสทำให้ร่างของอสูรแมวตัวนั้นลอยห่างจากพื้นไม่เพียงเท่านั้นเขายังบังคับให้เปลวเพลิงลูกยักษ์อัดเข้าใส่ร่างของอสูรแมวตัวนั้นซ้ำ
เปลวเพลิงลุกโชนอย่างรุนแรงจากการผสานการโจมตีด้วยธาตุไฟและลมพลังทำลายล้างรุนแรงถึงขนาดทำให้พื้นที่โดยรอบยุบตัวจากแรงระเบิดเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดที่พลังจิตของเขาจะทำได้ในเวลานี้
“ฟ่อ กรร” เสียงร้องของอสูรแมวดังขึ้นอีกครั้งพลังวัตรที่ห่อหุ้มร่างช่วยชีวิตมันเอาไว้แม้จะทำให้เนื้อหนังของมันถูกไฟเผาแต่ก็ไม่ถึงกับตายและนั่นยิ่งเป็นตัวจุดชนวนให้พลังวัตรของมันพุ่งสูงมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ชิ ไม่มีทางเลือกแล้วสินะ” ทางด้านของครอสที่เห็นว่าการโจมตีปิดบัญชีของตนไม่อาจสังหารศัตรูได้ก็รู้แล้วว่าการโจมตีแบบเดิมจะไม่มีทางได้ผลอีกด้วยพลังวัตรที่ยิ่งทรงพลังกว่าเก่าจากการที่มันปรับตัวกับพลังได้มากขึ้นทางที่ดีที่สุดคือสังหารมันทิ้งไปเสียตอนนี้เลย
ที่หลังมือขวาภายใต้ถุงมือนั้นปรากฏแสงส่องออกมาเรืองรองแม้จะสวมถุงมือสีดำสนิทอยู่ก็ตามหากแต่ถึงแบบนั้นครอสก็ยังสามารถเห็นสัญลักษณ์ที่ส่องสว่างที่หลังมือขวาของเขาได้เป็นชัดเจน
สัญลักษณ์ I ที่ปรากฏขึ้นบริเวณหลังมือขวาของเขา
อีกด้านหนึ่งทางด้านของเรย์ก็กลับมาถึงบริเวณบ้านพักด้วยความทุลักทุเลเนื่องจากแม่สาวข้างตัวของเขายืนยันจะประคองเขามาให้ได้ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วการมีบาดแผลแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยแท้ๆ พวกเขาสองคนกำลังนั่งชมเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่โดยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
“นี่ไม่ไปหาหมอจะดีจริงๆเหรอ ” แม้เลือดจะหยุดไหลจากการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเฉพาะกิจไปแล้วแต่บาดแผลมันยังดูน่ากลัวอยู่ดีถึงเจ้าของแผลจะโบกมือเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ตามแต่เธอก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่ต้องหรอกน่า การไปหาหมอตอนนี้เราอาจโดนโจมตีซ้ำได้กลับมาที่นี่ทำแผลเอาเองดีกว่า” อันที่จริงมันเป็นเหตุผลที่เขาคิดขึ้นมาค้างๆคูๆเพราะเขาขี้เกียจจะไปโรงพยาบาลแม้ว่ากระสุนทลายมนตราจะทำให้บาดแผลของเขาใช้มนต์รักษาไม่ได้แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหามากขนาดนั้น
“แต่นายก็ขยันหาเรื่องจริงๆนะ สภาพนี้ยังคิดจะไปจัดการเจ้าตัวพรรค์นั้นอีก” สภาพของเรย์ในสายตาของเธอนั้นแค่ยืนเฉยๆก็นับว่าเก่งแล้วถ้ายังฝืนไปรบราฆ่าฟันกับใครที่ไหนอีกก็อาจถึงตายเอาง่ายๆ
“ไม่ได้ดีแต่พูดนะ ฉันทำได้จริงๆอสูรน่ะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ค่อนไปทางความมืดเข้าทางมนต์ธาตุแสงของฉันพอดี การจัดการสำหรับฉันไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก” เขามีมนต์ธาตุแสงขั้นสูงอยู่หลายบทถ้ายิงใส่ได้สักดอกโอกาสที่มันจะรอดย่อมเป็นศูนย์เขาถึงได้ถามครอสว่าให้เขาจัดการแทนไหมเพราะหากเป็นเขาแค่ครั้งเดียวก็จบเรื่องได้ทันที
“แต่เอาเถอะถ้าลองเจ้าครอสงัดไพ่ตายออกมาใช้ล่ะก็ หนึ่งนาทีก็ยังเหลือเลย” เรย์ขยับยิ้มออกมาด้วยความที่ร่วมงานกันมานานทำให้เขาเป็นคนหนึ่งที่ค่อนข้างรู้จักความสามารถของครอสดีแม้จะไม่ทะลุปรุโปร่งก็ตาม
“เตรียมดูเอาไว้ให้ดีละ พลังที่แท้จริงของราชันมนตรากำลังจะออกมาแล้ว” เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังมนตรามหาศาลจากร่างที่กำลังทำการต่อสู้อยู่เขาก็ขยับยิ้มในทันที เพราะมันเป็นพลังมนตราที่มากมายมหาศาลยิ่งกว่าพลังของเขาเสียอีกและมันหาได้มาจากใครที่ไหนนอกเสียจากร่างของบุรุษที่ชื่อว่าครอส คานิวาล
“ในนามแห่งข้าราชันแห่งมนตราครอส คานิวาลขอบัญชา จงมาหาข้าผู้อยู่ใต้พันธะสัญญา จงมาเป็นกำลังแด่ข้าฟาดฟันอริราชศัตรู เทพพระเพลิง อาชูร่า” คำร่ายที่แต่เดิมมันไม่เคยจำเป็นสำหรับเขามาตลอดหลุดรอดออกมาจากปากอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่วงเวทเริ่มปรากฏขึ้นมา
ในขณะเดียวกันทางด้านในบ้านพักนั่นเองก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้นเช่นกันเพราะในจังหวะนั้นที่ใต้เท้าของเด็กหนุ่มที่ชื่อชูปรากฏวงเวทสีแดงที่ปรากฏขึ้นมาใต้เท้าของเขาอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาแปลกใจของคาซึกิ
“เรียกตัวงั้นเหรอ เอาเถอะไม่ได้อาละวาดมาตั้งนานแล้วนี่นะ ขอลงมือให้เต็มที่หน่อยล่ะเจ้านาย” ร่างของเด็กหนุ่มผมแดงผู้นั้นหายวับไปอย่างรวดเร็วเป็นครั้งแรกที่คาซึกิได้ยินชายผู้นี้เอื้อนเอ่ยออกมาหากแต่สิ่งที่แปลกใจกว่าก็คือนั่นเป็นวงเวทอัญเชิญแล้วทำไมถึงได้มาปรากฏที่ร่างของเด็กหนุ่มผู้นี้ได้
ร่างของเด็กหนุ่มผมแดงผู้ถูกเรียกว่าชูหรือแท้จริงแล้วก็คือเทพพระเพลิงอาชูร่านั้นปรากฏออกมาจากวงเวทนั้น อีกทั้งยังไม่ได้แต่งกายเหมือนทุกครั้งเพราะร่างนั้นแปรเปลี่ยนเป็นชุดเกราะสีแดงฉานเตรียมพร้อมต่อสู้เต็มที่
“ในนามแห่งข้าขอบัญชา เทพแห่งเปลวเพลิงเอ๋ย จงมาสถิตณ กายข้า แปรเปลี่ยนพลังของเจ้ามาเป็นพลังแห่งข้า เผาผลาญศัตรูของข้าให้มอดม้วย ประสิทธิ์ จำแลงเทพพระเพลิง” สิ้นเสียงร่างของอาชูร่าก็กลายเป็นแสงสีแดงแล้วพุ่งเข้าไปในกายของเขาอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับที่เปลวเพลิงสีแดงฉานลุกโชนขึ้นมาทันตา
“ฟ่อ” เสียงร้องของอสูรแมวดังขึ้นมาพร้อมกับที่ร่างของมันดีดตัวทะยานขึ้นมาบนฟ้าโดยอาศัยต้นไม้ มันไม่ยอมโดนเล่นงานฝ่ายเดียวอีกต่อไปพลังวัตรไหลมารวมกันที่กรงเล็บหมายจะสังหารศัตรูให้ดับดิ้นในครั้งเดียว
ทว่าในตอนนั้นเองที่ครอสนั้นเป็นฝ่ายพุ่งเข้าหาร่างของศัตรูด้วยความเร็วที่มากยิ่งกว่าเดิมรวดเร็วเสียยิ่งกว่าความเร็วของอสูรแมวตัวนั้นเสียอีกทำให้อสูรแมวตัวนั้นตระหนกขึ้นมาทันที ไม่เพียงเท่านั้นหมัดขวาของเขาถูกอัดเข้าใส่ร่างของอสูรแมวตัวนั้นอย่างรวดเร็ว
เสียงกระดูกแตกดังขึ้นมาพร้อมกับเปลวเพลิงที่ปะทุอย่างรุนแรงยิ่งกว่าครั้งใดๆพลังทำลายล้างในครั้งนี้นั้นส่งผลให้หมัดของเขาแทบจมลงไปในร่างของมันอย่างรวดเร็ว พลังวัตรที่เคยต้านทานเปลวเพลิงเอาไว้ได้ไม่ได้ช่วยอะไรมันเลยแม้แต่น้อย
“ฟ่อ” หากแต่ทางด้านของอสูรแมวนั้นแม้จะโดนโจมตีสาหัสเจียนตายแต่ก็ยังฝืนร่างกายของตนเองพุ่งเข้าใส่ร่างของครอสอีกครั้งพลังวัตรหลั่งไหลออกมาอย่างบ้าคลั่งจนร่างกายปริแตกหมายจะลากศัตรูผู้นี้ไปกันมันด้วยให้จงได้
“ต้องแบบนี้สิ นานๆทีข้าจะได้ลงมือเต็มกำลัง ถ้าเจ้ารีบตายข้าคงหมดสนุก” เสียงที่หลุดรอดออกมาจากปากของครอสในยามนี้นั้นหาใช่เสียงของครอสตามปกติมันราวกับมีเสียงของคนอีกผู้หนึ่งซ้อนทับออกมาด้วยและนั่นเป็นเสียงของเทพพระเพลิงอาชูร่านั่นเอง
ลูกเตะถูกอัดใส่ร่างของศัตรูอีกครั้งเปลวเพลิงระเบิดออกทำลายร่างของอสูรแมวในทันทีแม้จะมีพลังวัตรคอยหนุนการป้องกันแต่ต่อหน้าเปลวเพลิงอันร้อนแรงนี้มันกลับถูกฉีกกระชากได้อย่างง่ายดายราวกับกระดาษก็มิปาน
“ฟ่อ” เสียงร้องขู่ดังขึ้นมาอีกครั้งแต่อสูรแมวตัวนี้ก็อ่อนแรงเต็มทีอาการบาดเจ็บแต่ดั้งเดิมก่อนหน้านี้ก็ไม่จัดว่าเบาหากแต่มาในยามนี้อาการบาดเจ็บของมันนั้นแทบจะคร่าชีวิตมันได้ทุกเวลาเปลวเพลิงเมื่อครู่นั้นร้อนระอุจนส่งผลให้ผิวหนังของมันไหม้เกรียมไปเกือบทั้งร่าง
“อะไรกัน หมดแรงแค่นี้เองหรือ น่าผิดหวังจริงๆข้านึกว่าเจ้าจะอึดกว่านี้เสียอีก” เสียงนั้นหลุดออกมาจากปากของครอสอีกครั้งในขณะที่เจ้าตัวเผยสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัดส่วนทางด้านของแมวอสูรนั้นเมื่อเผชิญสายตาเหยียดหยามจากผู้เป็นศัตรูทำให้มันรู้เคียดแค้นมากขึ้นกว่าเดิม
‘เจ้ายังตายตอนนี้ไม่ได้ ข้าจักให้เจ้ายืมพลังไปใช้เสียหน่อย’ เสียงๆหนึ่งดังขึ้นในหัวของอสูรแมวพร้อมกันนั้นเองที่พลังวัตรในร่างของมันพลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้งและยังทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีกแต่ทางด้านของครอสกลับขยับยิ้มอย่างถูกใจ
“ฟ่อ” และโดยไม่มีการรีรอหรือลังเลใดๆร่างของอสูรแมวตัวนั้นพุ่งทะยานเข้าใส่ร่างของครอสอีกครั้งพลังวัตรที่เพิ่มขึ้นมาในครั้งนี้ทำให้ผิวหนังของมันเริ่มหลุดลอกจากพลังที่มากเกินตัวแต่อสูรแมวในตอนนี้หาได้สนใจไม่ขอแค่สังหารศัตรูมันได้จะจ่ายด้วยอะไรมันก็ยอมทั้งนั้น
“ต้องแบบนี้สิถึงจะมีคุณค่ามากพอให้ใช้เจ้านี่” เปลวเพลิงสีแดงฉานลุกโชนขึ้นมากลางอากาศก่อนปรากฏศาสตราชิ้นหนึ่งจากเปลวเพลิงนั้น มันเป็นง้าวขนาดใหญ่ดัวใบง้าวเป็นสีแดงเพลิงและยังมีเปลวเพลิงห่อหุ้มอยู่ตัวด้ามนั้นเป็นสีแดงธรรมดาหากแต่แค่บรรยากาศที่แผ่ออกมาก็บอกได้ในทันทีว่าง้าวเล่มนี้นั้นร้อนระอุเพียงใด
กรงเล็บทั้งสองข้างของอสูรแมวพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาอย่างรวดเร็วแต่ครอสกลับขยับยิ้มก่อนเอี้ยวหัวหลบหลีกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่เพียงเท่านั้นเขายังอาศัยโอกาสนี้วาดง้าวในมือของตนเข้าใส่ร่างของอสูรแมวตัวนั้นอย่างรวดเร็ว
คมง้าวกรีดผ่านร่างของอสูรแมวตัวนั้นในทันทีจนกลายเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ส่วนทางด้านของครอสที่เห็นดังนั้นก็สลายศาสตราวุธในมือของตนเองทิ้งไปอย่างไม่ใยดีก่อนที่เขาจะดีดนิ้วอย่างแผ่วเบา
เปลวเพลิงลุกท่วมบาดแผลของอสูรแมวตัวนั้นในทันทีแม้มันจะพยายามใช้พลังวัตรในการต้านทานของเปลวเพลิงแต่ก็ไม่เป็นผลความเจ็บปวดที่มันได้รับส่งผลให้มันส่งเสียงร้องดังระงมด้วยความทรมานผิดกับทางด้านของครอสที่ขยับยิ้มกว้าง
“ไม่มีประโยชน์บาดที่เกิดจากง้าวเพลิงผลาญจะเกิดเปลวเพลิงที่ไม่มีวันดับได้ลุกท่วมหากไม่ใช่ผู้ใช้มนตราธาตุน้ำหรือแสงที่มีระดับสูงกว่าก็ไม่มีวันดับเปลวเพลิงนี้ได้” ครอสอธิบายอย่างใจเย็นในคราวนี้เขาไม่จำเป็นต้องหันไปชายตาแลร่างของอสูรแมวตัวนั้นอีกแล้วเพราะเขาแน่ใจได้เลยว่ามันไร้ทางรอดอย่างแน่นอน
“แต่จะปล่อยให้ส่งเสียงร้องต่อไปก็น่ารำคาญ รบกวนคนอื่นเขาถ้างั้น...” สิ้นเสียงเปลวเพลิงสีแดงลูกยักษ์ก็ปรากฏขึ้นมาความรุนแรงของมันมากมายกว่าการผสานธาตุไฟและลมที่ครอสเคยใช้ก่อนหน้านี้ร่วมเท่าตัวก่อนที่เขาจะซัดเพลิงยักษ์เข้าใส่อสูรแมวตัวนั้น
เสียงระเบิดดังสนั่นก่อนที่พื้นที่บริเวณนั้นจะกลายเป็นหลุมลึกส่วนร่างของอสูรแมวตั้วนั้นหายไปไม่เหลือแม้กระทั่งเศษซากเอาไว้ให้ดูยืนยันได้ถึงพลังทำลายล้างอันรุนแรงของการโจมตีในครั้งนี้เป็นอย่างดี
“ฟู่” สิ้นเสียงถอนหายใจเปลวเพลิงที่เคยล้อมรอบร่างของเขาก็สลายหายไปโดยสิ้นเชิงพร้อมกับที่ร่างของเด็กหนุ่มเจ้าของนามชูปรากฏขึ้นมาอีกครั้งพลังมนตราที่เคยมากมายมหาศาลของครอสสลายหายไปสิ้นราวกับเรื่องโกหก
“นี่มันอะไรกัน” เสียงของคาซึกิที่เพิ่งออกมาดูเหตุการณ์หลังจากที่เด็กหนุ่มผมแดงคนนั้นหายไปแต่เขาก็ต้องพบกับเรื่องน่าตกตะลึง เช่นเดียวกับคานาเดะที่มองอย่างทึ่งๆส่วนทางด้านของเรย์และอลันนั้นดูจะไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับภาพนี้มากนัก
