บท
ตั้งค่า

chapter4-11

กระสุนน้ำสามนัดกระแทกเข้าใส่ร่างของมิโนทอร์อย่างรุนแรงหากแต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนักเนื่องจากแต่เดิมแล้วครายโอคิเนซิสนั้นไม่ได้มีอานุภาพในการโจมตีโดยตรงที่สูงมากนักจึงทำได้เพียงแค่ทำให้มันโมโหยิ่งขึ้นเท่านั้น

ในจังหวะต่อมาร่างของมิโนทอร์ก็ถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่การเคลื่อนไหวของมิโนทอร์หยุดลงหากแต่ในวินาทีต่อมาเปลวเพลิงก็ลุกโชนออกมาจากร่างของมันและเริ่มทำให้น้ำแข็งที่ผนึกร่างมันเอาไว้เริ่มละลาย

“แบบนี้ไม่ไหว ทำไงถึงจะโค่นมันได้” ครอสที่ตอนนี้กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติเค้นสมองหาทางออกอย่างบ้าคลั่งคาซึกิและอลันคงเอาตัวประหลาดพรรค์นี้ไม่ลงถ้าเป็นเจ้าเรย์อาจจะฆ่าเจ้านี่ได้ไม่ยากแต่อย่างที่บอกไปแล้วเขาไม่ค่อยอยากพึ่งความช่วยเหลือจากเจ้านั่นเท่าไหร่

ปกติแล้วที่ผ่านมาเขาไม่เคยเผชิญหน้ากับศัตรูที่ต้านทานธาตุไฟสูงขนาดนี้มาก่อนตามปกติแล้วภารกิจที่เขารับทำนั้นไม่ค่อยมีอะไรหวือหวามากมายนักหากเทียบในบรรดาหัวหน้าหน่วยทั้งหมดเขาอาจเป็นหัวหน้าหน่วยที่มีผลงานโดดเด่นน้อยที่สุดก็เป็นได้

ดวงตาของครอสตวัดไปหาเทพแห่งเปลวเพลิงที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ลงมือเพราะเขารู้ดีว่าพลังของชูในตอนนี้หากต้องปะทะกับมิโนทอร์โดยตรงย่อมไม่มีทางชนะเลยไล่ให้ไปจัดการพวกอสูรระดับต่ำที่วนเวียนอยู่โดยรอบแทน

‘ถ้าใช้จำแลงร่างเทพพระเพลิงอาจได้เปรียบแต่จะจัดการขั้นเด็ดขาดจะกินแรงเกินไป แบบนั้นเราอาจล้มฟุบกลางคันได้’ เขารู้ขอบเขตความสามารถของเทพพระเพลิงดีหากใช้ออกไปย่อมสามารถเอาชนะมิโนทอร์ได้แต่อาจต้องเสียเวลาค่อนข้างมาก

ความสามารถจำแลงเทพของเขานั้นแม้จะทรงอานุภาพมากแต่มีข้อจำกัดอยู่จำนวนมากเช่นกันตั้งแต่ต้องทำสัญญากับเทพองค์นั้นให้กลายเป็นเทพใต้อาณัติซึ่งบอกตามตรงว่ายากมากที่เทพจะยอมมาอยู่เบื้องล่างของมนุษย์ที่ถูกเรียกว่าเผ่าพันธุ์ที่ต่ำต้อยอีกทั้งยังมีข้อจำกัดด้านสายธาตุของเทพแต่ละองค์อีกด้วย

แต่จุดอ่อนที่เด่นชัดที่สุดของจำแลงเทพคือระยะเวลาในการใช้งานเพราะการจะใช้จำแลงเทพนั้นต้องจ่ายพลังมนตราไปมหาศาลยามที่เริ่มใช้และยังต้องสูญเสียไปในทุกๆวินาทีเพื่อคงสภาพมันเอาไว้ เท่านั้นยังไม่พอทุกครั้งที่ใช้พลังของเทพองค์นั้นๆเขาต้องสูญเสียพลังมนตราในส่วนของตนเองไปอีกต่างหากต่อให้เป็นเขาที่มีพลังมนตราไร้ธาตุก็ตามแต่อย่างมากก็แค่สามสิบนาทีเป็นขีดจำกัดสูงสุดของเขาแล้วและนั่นคือกรณีที่เขาจำแลงเทพโดยไม่ได้ใช้ความสามารถอื่นๆของเทพองค์นั้นเลยอีกด้วย

‘แต่ว่า เราก็คิดทางจะโค่นเจ้านี่ไม่ออกจริงๆ’ กำแพงดินขนาดใหญ่ตรงเข้าล้อมรอบร่างของมิโนทอร์ราวกับจะเป็นกรงกักขังไม่ให้อสูรเบื้องหน้าของตนเองตัวนี้นั้นออกมาได้แต่เขาก็รู้ว่ากำแพงดินนี่คงต้านอสูรตัวนั้นได้ไม่นาน

เขาไม่เคยคิดถึงในกรณีที่เขาไม่สามารถใช้ไพโรคิเนซิสในการโจมตีได้มาก่อนปกติแล้วเขาจะเป็นหน่วยกวาดล้างดังนั้นเปลวเพลิงจึงเป็นอาวุธหลักและหัวใจสำคัญในการโจมตีของเขาแม้จะมีธาตุอื่นผสมผสานไปด้วยแต่แกนหลักก็ยังเป็นเปลวเพลิงอยู่ดีหากขาดมันไปเท่ากับว่าเขาโดนถอดเขี้ยวเล็บออกไปหลายส่วน

ธาตุอื่นไม่ได้มีอานุภาพรุนแรงเท่าธาตุนี้ต่อให้เขาเชี่ยวชาญในการใช้ก็ตามแอโรคิเนซิสของเขาไม่มีทางใช้เจาะเจ้าตัวหนังหนาเบื้องหน้าของตนได้แน่นอนส่วนอย่างอื่นไม่ต้องไปหวังเพราะพลังจิตที่เขาถนัดที่สุดก็คือไพโรคิเนซิสและแอโรคิเนซิสนี่แหละ

“ฮูม” ดูเหมือนทางด้านของมิโนทอร์ที่โดนตรึงร่างเอาไว้จะหมดความอดทนพร้อมกับที่มันใช้ขวานในมือของตนเองแหวกทำลายกำแพงดินที่ครอสสร้างขึ้นไปอย่างง่ายดายส่วนทางด้านของครอสขมวดคิ้วแน่นที่ดูเหมือนว่าจะยังหาหนทางในการเอาชนะไม่ได้

‘เดี๋ยวก่อนสิ กราโรคิเนซิสงั้นเหรอ’ ดวงตาของครอสเบิกกว้างขึ้นมาเขาคิดออกแล้วหนทางที่จะสามารถเอาชนะเจ้าตัวนี่ได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพลังของจำแลงเทพ

“สงสัยพักนี้เราหมกตัวอยู่ในบ้านพักนานไปหน่อย สมองเลยแล่นช้าไปนิดนะเนี่ย” เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าที่มักจะฉายแววเบื่อหน่ายหรือไม่ก็เคร่งเครียดของครอสนั้นปรากฏรอยยิ้มดวงตาสีน้ำตาลดำกระจ่างขึ้นเมื่อเจอหนทางสว่างในการต่อสู้

“ฮูม” มิโนทอร์ร้องคำรามดังสนั่นพร้อมกับที่ร่างของมันพุ่งเข้าใส่ร่างของครอสอย่างรวดเร็วเปลวเพลิงที่เริ่มห่อหุ้มตัวขวานนั้นบ่งบอกถึงพลังทำลายของการโจมตีนี้ได้เป็นอย่างดีหากต้องรับเข้าไปตรงๆคงไม่แคล้วต้องร่างแหลกเป็นเสี่ยงๆ

ทางด้านของครอสก็ลงมือตอบโต้เช่นกันกระแสอากาศแปรเปลี่ยนเป็นคมมีดสายลมเข้าโจมตีใส่ร่างเบื้องหน้าแต่กลับไม่เป็นผลมันไม่สามารถสร้างบาดแผลให้อีกฝ่ายได้เลยนอกจากเพียงรอยแดงเล็กๆความเร็วของมันแทบจะไม่ชะลอลงด้วยซ้ำแต่ทางด้านของครอสก็ยังไม่ร้อนใจแม้ว่าในยามนี้มันจะเริ่มเงื้อขวานเข้าใส่เขาแล้วก็ตาม

“สาม สอง หนึ่ง ตอนนี้ล่ะ” สิ้นเสียงของครอสพื้นดินบริเวณนั้นก็เกิดการยุบตัวลงไปในทันทีพร้อมกันนั้นเองที่ร่างซึ่งมีน้ำหนักมหาศาลของมันหล่นวูบตามลงไปด้วยในทันทีโดยที่ทางด้านของเจ้าคนลงมือกลับไม่มีกระทั่งรอยแมวข่วน

“หึ น่าเสียดายนะเพราะน้ำหนักแกเยอะเลยคงยากหน่อยที่จะปีนขึ้นมา” ที่เขายอมยืนเฉยให้อันตรายมาถึงตัวนั้นเป็นเพราะเขารอโอกาสนี้อยู่ โอกาสที่มันจะเข้ามาใกล้เพื่อสังหารเขายังไงเสียมิโนทอร์นั้นคงอยากใช้ขวานในมือนั้นบดร่างของเขาให้ละเอียดอย่างแน่นอนนั่นหมายความว่ามันต้องเข้ามาในระยะประชิดดังนั้นเขาจึงวางกับดักเอาไว้

เขาอาศัยกราโรคิเนซิสพลังจิตในการควบคุมผืนดินขุดหลุมบริเวณเบื้องหน้าของเขาเอาไว้โดยเดิมพันว่าจะสามารถใช้พลังจิตของตนขุดหลุมไปได้ลึกเท่าไหร่ผลลัพธ์ก็นับว่าน่าพอใจเพราะหลุมนี้ลึกกว่าสิบห้าเมตรยากแก่การที่มันจะขึ้นมาฆ่าเขาได้

“อย่าหวังจะขึ้นมาเลย ถึงพลังของฉันจะไม่มากพอในการฆ่าแกแต่ถ้าใช้พลังจิตสี่ประเภทร่วมกันล่ะก็การตรึงแกเอาไว้ไม่ใช่เรื่องยากเลย” ตอนนี้เขาบงการผืนดินให้ตรึงขาของมิโนทอร์เอาไว้ บงการน้ำในอากาศแปรสภาพเป็นน้ำแข็งทำให้ร่างกายท่อนล่างของมันขยับไม่ได้และผสานไซโคคิเนซิสกับแอโรคิเนซิสในการใช้กำแพงที่มองไม่เห็นกับกระแสอากาศที่ปั่นป่วนในการกดมันไม่ให้ขึ้นมา

“ฮูม” แต่มิโนทอร์ยังคงไม่ยอมแพ้ขวานในมือถูกขว้างขึ้นมาหมายจะใช้สังหารศัตรูด้วยความที่ครอสใช้พลังจิตถึงสี่ประเภทพร้อมกันทำให้เขาไม่อาจใช้พลังจิตประเภทอื่นในการหลบเลี่ยงหรือป้องกันตัวจากขวานที่พุ่งเข้ามานี้ได้เลยแต่ถึงแบบนั้น

“คราวนี้ตาข้าเอาคืนบ้างล่ะ” ทางด้านของเทพอาชูร่าที่รอจังหวะนี้มาตลอดโผล่ออกมาพร้อมเตะส่งขวานของมิโนทอร์กลับไปเบื้องล่างแม้จะรู้ตัวว่าตอนนี้ตนสู้ไม่ได้แต่ในสภาพนี้นั้นอีกฝ่ายไม่ต่างอะไรกับวัวที่อยู่ในโรงเชือดเลยแม้แต่น้อย

“ฮูม!!” เสียงร้องคำรามของมิโนทอร์จากการที่ขวานคู่มือของมันนั้นจมลงไปในร่างของมันเองท่ามกลางความสะใจของเทพพระเพลิงและใบหน้าของครอสที่ประดับด้วยรอยยิ้ม

“ลาขาด ขอฝังกลบแกแบบไม่ให้ผุดให้เกิดเลยละนะ” เขาลองดูแล้วพบว่าแถวนี้ไม่มีท่อระบายน้ำหรือเส้นทางใต้ดินใดๆ ดังนั้นหากเขาฝังเจ้ามิโนทอร์ตัวนี้ไปล่ะก็เจ้านี่จะถูกฝังทั้งเป็นและต่อให้มีพละกำลังมหาศาลเพียงไรมันก็ไม่มีประโยชน์

“ในที่สุดก็จัดการได้สักที” เสียงของครอสที่ปาดเหงื่อของตนเองออกมาการที่ต้องสู้กับศัตรูที่หนังทนไฟแบบนี้นั้นทำให้เขาเสียเปรียบถึงขีดสุดนี่ยังดีที่มันบินไม่ได้ไม่เช่นนั้นตัวเขาคงไม่มีวิธีอื่นใดในการจัดการมันได้แล้ว

“สะใจจริงๆ ได้เอาคืนเต็มที่” ทางด้านของอาชูร่าดูจะเปรมปรีมากจากการที่ได้เอาคืนเจ้ามิโนทอร์ที่อัดตนไปทำให้ครอสอดถอนหายใจไม่ได้เพราะนิสัยบ้าการต่อสู้ของเทพพระเพลิงองค์นี้นั้นไม่ว่าจะยังไงก็คงจะแก้ไม่หาย

“เอ้าๆ รีบไปจัดการเจ้าพวกตัวยิบๆ ย่อยๆ ให้เสร็จซะ เราจะได้พัก” เมื่อจัดการกับศัตรูที่หนักหนาที่สุดได้ในตอนนี้เขาจึงไม่ได้กังวลอะไรกับพวกที่เหลือมากนักแค่ปล่อยให้พวกคาซึกิ อลันและชูสามคนก็น่าจะเก็บพวกมันหมดได้ไม่ยากหากแต่ในตอนนั้นเอง

คลื่นพลังเวทมหาศาลทำให้ครอสชะงักไปคลื่นพลังเวทนั้นถูกส่งมาจากระยะไกลแต่เขากลับไม่อาจจับต้นทางได้เลยแสดงให้เห็นถึงฝีมืออันน่ากลัวของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดีและเจ้าพลังมนตรานี้มีจุดมุ่งหมายอยู่ใต้พื้นดินหรือก็คือเจ้ามิโนทอร์ที่เขาเพิ่งฝังกลบไปหมาดๆ

ผืนแผ่นดินเกิดการสั่นไหวพร้อมกันนั้นเองที่ร่างของมิโนทอร์โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินอีกครั้งหนึ่งร่างของมันยังคงมีบาดแผลจากขวานของมันเองอยู่ร่างของมันในตอนนี้เหม่อลอยราวกับไม่ได้สติหากแต่นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ครอสเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง

“สมกับที่เป็นหัวหน้าหน่วยที่หนึ่งแห่งหน่วยทหารมนตราจริงๆ กระทั่งไม่ได้ใช้พลังที่ถนัดยังสามารถโค่นมิโนทอร์ของฉันลงได้” เสียงนั้นนุ่มนวลราวกับอิสตรีคลื่นพลังมนตราที่แผ่ออกมานั้นเข้มข้นเสียจนครอสต้องเริ่มให้สัญลักษณ์ I ปรากฏที่หลังมือขวาเพื่อต้านทาน

“เธอเองสินะตัวบงการให้อสูรมาโจมตีพวกเรา” ดวงตาของครอสหรี่ลงเล็กน้อยที่ต้นตอของศัตรูแสดงตัวออกมาแบบนี้แต่แม้ว่าเขาจะพยายามค้นหาต้นกำเนิดพลังมนตรานี้มากเท่าไหร่ก็ไม่อาจที่จะสัมผัสถึงตำแหน่งของอีกฝ่ายได้เลย

“ถูกต้อง ไม่นึกเลยว่าท่านหัวหน้าหน่วยทั้งสองคนจะมาร่วมเล่นสนุกกับฉันด้วยโดยเฉพาะหัวหน้าหน่วยที่สี่ที่อุตส่าห์โดนกระสุนทลายมนตราเข้าไปยังสามารถลุกขึ้นมาสู้ต่อได้ ทั้งที่ข้าคิดจะเป่าชายผู้นั้นให้พรุนไปเลยแท้ๆ นับว่าสมราคาคุยจริงๆ”

“แต่ว่าข้ายังไม่ยอมแพ้หรอก ถ้าเช่นนั้นข้าจะขอช่วยเหลืออสูรของข้าเสียหน่อยก็แล้วกัน หากอยากหยุดมันจริงๆละก็คงมีแต่ต้องสังหารมันลงเท่านั้นละนะ” พริบตาเดียวกันบาดแผลบนร่างของมิโนทอร์ก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็วส่วนทางด้านของครอสที่เห็นดังนั้นดวงตาของเขาก็ฉายแววตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

ครายโอคิเนซิสถูกใช้ออกไปเพื่อแช่แข็งบาดแผลของศัตรูไม่ให้ฟื้นสภาพขึ้นมาได้แต่ก็ดูจะไม่เป็นผลเนื่องจากมิโนทอร์ตัวนั้นวาดขวานในอากาศเบาๆก็เกิดคลื่นความร้อนตรงเข้าหักล้างไอเย็นของเขาไปจนหมดพร้อมกับเสียงคำรามของมันที่ดังสนั่น

มิโนทอร์ตัวนั้นพุ่งเข้าใส่ร่างของครอสและชูด้วยความเร็วที่สูงกว่าเดิมหลายเท่าขวานในมือถูกเงื้อขึ้นสูงหมายจะใช้สังหารศัตรูให้ดับดิ้นหากแต่ในชั่ววินาทีก่อนที่ขวานนั้นจะอัดเข้าใส่ร่างของทั้งสองกลับหายวับไปต่อหน้าต่อตาราวเล่นกล

“แบบนี้แย่แน่ จะใช้วิธีเดิมเจ้าคนอัญเชิญอสูรคงไม่ลงกลลูกไม้เดิมๆและต้องยื่นมือเข้ามายุ่ง แถมยังพ่วงเงื่อนไขว่าต้องจัดการให้เด็ดขาดเท่านั้นอีก” เขาใช้ความสามารถในการเทเลพอร์ตพาร่างของตนและชูออกมาจากสถานการณ์วิกฤติและคงส่งผลให้มันหาพวกเขาไม่เจอไปสักพักแต่ก็คงถ่วงเวลาได้อีกไม่นาน

หากเป็นเงื่อนไขของภารกิจแบบอื่นนอกจากภารกิจคุ้มกันหรือกวาดล้างล่ะก็การต้องเจอกับมิโนทอร์เป็นอะไรที่เขาจะไม่เครียดกับมันเลยสักนิดแต่ในภารกิจประเภทนี้นั้นเขาจำต้องถ่วงเวลาหรือไม่ก็จัดการมันให้ได้เท่านั้นและดูจากรูปการณ์เขาคงต้องฆ่ามันให้ได้อย่างเดียวแต่ปัญหาก็คือเขามีพลังไม่เพียงพอเนี่ยสิ

‘ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วงั้นเหรอเนี่ย’ เขายกมือขึ้นมากุมขมับหากให้เลือกได้เขาไม่อยากจะทำแบบนั้นอีกแต่กับสถานการณ์ตรงหน้านี้ถ้าหากเขาปล่อยไปภารกิจของพวกเขาก็จะล้มเหลวอย่างแน่นอน

แต่มันไม่ใช่แค่ภารกิจของเขานี่เป็นภารกิจของเจ้าเรย์ด้วยแม้เขาจะรู้ว่าต่อให้ตัวเขาทำพลาดอย่างมากเจ้านั่นคงบ่นพอเป็นพิธีแต่ไม่ได้ว่าอะไรก็ตามถึงแบบนั้นเขาก็ไม่อยากทำให้เพื่อนเดือดร้อนไปด้วยและที่สำคัญที่สุดก็คือภายในงานประชุมนี้มีคนสำคัญของเขาอยู่ภายในด้วยหากเจ้านี่หลุดเข้าไปได้ละก็

“ฮูม” เสียงคำรามของมิโนทอร์พร้อมกับที่มันพุ่งมาทางพวกเขาในทันทีดูเหมือนว่าเขาจะเข้าห้วงนานไปเสียหน่อยทำให้มันพบตำแหน่งของพวกเขาแล้วในคราวนี้มันขว้างขวานเข้าใส่ร่างของพวกเขาในทันทีเพื่อไม่ให้เหยื่อของมันหนีหายไปไหน

“ชูขอเวลาสามนาทีถ่วงมันเอาไว้ หลังจากนั้นฉันจัดการเอง” ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในการลงมือครั้งนี้ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นทอประกายแน่วแน่ทำให้เทพพระเพลิงที่ในตอนแรกจะตั้งท่าหลบกลับมาขยับยิ้ม

“เฮอะ ในที่สุดก็หมดทางเลือกงั้นเรอะเจ้านาย จัดให้เลย” ลูกเตะของอาชูร่าเตะขวานที่เขวี้ยงใส่ตนทิ้งไปในทันทีความรุนแรงของการโจมตีในครั้งนี้ส่งผลให้เท้าซ้ายที่เตะขวานทิ้งไปของเจ้าตัวชาไปชั่วครู่แต่ทางด้านของเจ้าตัวกลับไม่ใส่ใจกับเรื่องนั้นเลย

“เข้ามาไอ้วัวบ้า คราวนี้จะได้วิวาทกันจริงจังสักที” เทพแห่งเปลวเพลิงโผทะยานเข้าสู่สนามรบในทันทีหลังจากถูกสั่งห้ามมานานแม้จะรู้ดีว่าตนในยามนี้สู้ไม่ได้ก็ตามหากแต่ถึงแบบนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องแบบนั้นสักนิด

ทางด้านของครอสที่เห็นดังนั้นดวงตาของเขาจึงปิดลงอย่างเชื่องช้าคลื่นพลังมนตราไร้ธาตุของเขาแผ่ออกมาอย่างอ่อนจางและเลือนลางกาต่อสู้เบื้องหน้า เหตุการณ์โดยรอบ สภาพแวดล้อมทั้งหมดล้วนแต่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขาอีกต่อไปในยามนี้จิตของเขาด่ำดิ่งเข้าสู่โลกอีกแห่งหนึ่ง

โลกแห่งนี้นั้นเป็นโลกที่มีเพียงสีขาวสะอาดหากแต่มันกลับไม่ได้ชวนให้รู้สึกแสบตาเป็นโลกที่แทบไม่มีสิ่งใดเลยหากแต่ใจกลางโลกแห่งนี้นั้นกลับมีบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านสไตล์อารายธรรมตะวันออกที่ใช้สีแดงเป็นแกนหลักตัวบ้านทำจากไม้แทบทั้งหลัง

หน้าบ้านแห่งนั้นมีร่างๆหนึ่งกำลังนั่งเล่นอยู่บนเก้าอี้ในศาลาหลังเล็กๆกำลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์อยู่ภายใน เธอเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ค่อนข้างมีน้ำมีนวลหน้าอกหน้าใจขนาดใหญ่ที่ชุดที่สวมใส่อยู่แทบปิดไม่มิดเรียวขาขาวที่เผยออกมาจากการที่เธอนั่งโดยไม่ระวังตัว เรือนผมสีดำเงางามถูกผูกไว้ทางด้านหน้าส่วนที่เหลือถูกปล่อยให้ยาวสยาย ดวงตาสีฟ้าอมเขียวเข้ากับสีชุดกี่เพ้าที่เธอสวมใส่อยู่จนบอกได้เลยว่าเธอเป็นหญิงสาวที่งดงามมาก

“ในที่สุดท่านก็มารับข้าแล้วสินะเจ้าคะ” น้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนหวานของเธอดังขึ้นมาหลังจากที่เธอจิบชาดวงตาของเธอตวัดสายตามาหาผู้บุกรุกมายังดินแดนของเธอโดยไม่มีแววโกรธเคืองใดๆตรงข้ามเธอกลับยินดีที่เขามาหาเธอเสียด้วย

“ฉันจำเป็นต้องใช้พลังของเธอ” สำหรับครอสแล้วนั้นเขาไม่ค่อยอยากจะทำแบบนี้เท่าไหร่แต่เนื่องด้วยสถานการณ์มันบังคับมิเช่นนั้นแล้วต่อให้ต้องลำบากกว่านี้เขาก็ไม่มีวันยอมใช้วิธีนี้โดยเด็ดขาดทางด้านแม่สาวเมื่อได้ยินดังนั้นกลับเพียงยิ้มบางไม่ได้ว่ากล่าวแต่อย่างใด

“เรื่องนั้นข้ารู้ค่ะ แต่สำหรับข้าเรื่องนั้นมันไม่สำคัญเลย” เธอส่ายหน้าปฏิเสธรู้ดีว่าการที่เขามารับเธอนั้นไม่ใช่เพราะความต้องการส่วนตัวหากแต่เป็นเพราะสถานการณ์ในโลกเบื้องนอกเข้าขั้นวิกฤติแล้วจริงๆ

“สำหรับข้าขอแค่ให้ข้าได้ติดตามท่าน ข้าก็พอใจแล้ว สิ่งที่ท่านได้ทำเมื่อสามปีก่อนมันมากพอที่จะทำให้ข้ายอมรับท่านได้ตั้งแต่ในวันนั้นพร้อมกับเทพองค์อื่นๆแล้วล่ะเจ้าค่ะ” เธอยังคงจดจำวันนั้นได้อีกเมื่อสามปีก่อนในยามที่เขาซึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดาได้ก้าวเท้ารุกล้ำเข้ามาในโลกของเทพเยี่ยงพวกเธอครั้งแรกพร้อมกับที่เธอก้าวเข้ามาหาครอสและคุกเข่าลง

“ในนามแห่งข้าเทพแห่งวารีและเหมันต์ หลินเหมยฮัว สายน้ำทั้งมวลจักอยู่ในคำบัญชาของท่าน เหมันต์อันหนาวเหน็บจักโอบอุ้มท่าน ชีวิตและพลังแห่งข้าจักเป็นของท่านไปชั่วกาลนาน ผู้เป็นเลิศแห่งมนตรา ครอส คานิวาล” สิ้นเสียงวงเวทสีฟ้าอมเขียวก็ปรากฏขึ้นมาสองวงอย่างรวดเร็ว วงหนึ่งปรากฏใต้ร่างของหญิงสาวที่กำลังคุกเข่าส่วนอีกหนึ่งนั้นปรากฏอยู่ใต้เท้าชายหนุ่ม

“ในนามแห่งข้า ครอส คานิวาล ข้าขอสาบานด้วยตัวตนและดวงจิต ข้าจักมอบอิสระแด่ทุกสิ่งดังที่เจ้าปรารถนา ข้าจักพาเจ้าไปกับข้าจวบจนนรกภูมิ ข้าจักปกปักษ์ชีวาของเจ้าตราบจนตัวข้ามอดม้วย” วงเวทใต้เท้าของทั้งสองเปล่งแสงอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวลดวงตาสีฟ้าอมเขียวคู่นั้นจ้องมองมาทางครอสด้วยแววตาปลื้มปิติ

“ข้าขอตอบรับพันธะสัญญานั้น นับแต่นี้ไปท่านคือเจ้าชีวิตแห่งข้า” เธอเงยหน้าขึ้นพร้อมระบายรอยยิ้มอ่อนโยนให้สิ้นคำวงเวททั้งสองก็ซ้อนทับกลายเป็นหนึ่งเดียวพร้อมกับที่พลังมนตรามหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของเขาในทันที

อีกด้านหนึ่งทางด้านของเทพแห่งเปลวเพลิงที่กำลังรับมือกับมิโนทอร์อยู่นั้นก็กำลังตึงมืออย่างยิ่งหมัดของเขานั้นแทบไม่ระคายผิวเจ้าสิ่งมีชีวิตเบื้องหน้านี่เลยแต่ตัวของเขานั้นกลับถูกอีกฝ่ายเล่นงานเสียจนแทบลุกไม่ขึ้นแล้ว

“เซ็งชะมัดต่อยยังไงก็ต่อยไม่เข้า” เขาเช็ดเลือดที่มุมปากจากการโดนด้ามขวานกระแทกใบหน้าจนคอแทบหลุดบนร่างกายของเขาในยามนี้มีบาดแผลน้อยใหญ่จำนวนมากจากรับการโจมตีของมิโนทอร์เป็นระยะเวลานาน

“แต่ยังหรอกน่า” พริบตาถัดมาร่างของเทพแห่งเปลวเพลิงก็โผทะยานใส่ร่างของศัตรูอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับเอี้ยวตัวหลบขวานขนาดใหญ่ที่สามารถผ่าร่างของเขาออกเป็นสองเสี่ยงได้และตวัดลูกเตะเข้าใส่ศรีษะของมิโนทอร์ในทันที

ร่างของมิโนทอร์ซวนเซไปเล็กน้อยจากการโจมตีนี้ขณะเดียวกันด้ามขวานก็อัดกระแทกร่างของเขาจนลอยละลิ่วไปไกลหลายเมตรการโจมตีในครั้งนี้ส่งผลให้ลมหายใจของเขาติดขัดไปชั่วครู่หนึ่งเสียจนแทบสติดับวูบไปเลยทีเดียว

“ไอ้เวรนี่ เฮ้ย” ขวานขนาดยักษ์ถูกปาเข้าใส่ร่างของเขาอีกครั้งหากแต่ในยามนี้เขาไม่อาจจะปัดมันทิ้งไปได้ทันเหมือนดั่งทุกครั้งทำให้เทพแห่งเปลวเพลิงทำได้เพียงแค่ขยับยิ้มพร้อมเตรียมระเบิดพลังทั้งหมดอัดสวนในวินาทีที่คมขวานปะทะกับร่างของตน

ในจังหวะนั้นเองคมขวานเบื้องหน้าก็จำต้องหยุดชะงักลงอย่างกระทันหันในเวลาเพียงพริบตาเดียวคมขวานที่เกือบจะสับร่างของเขานั้นก็กลายเป็นน้ำแข็งหยุดค้างไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสร้างความประหลาดใจให้แก่มิโนทอร์และตัวเขาเอง

“หรือว่า…” แม้เขาจะไม่คิดว่าคนที่มีพลังระดับนี้จะมาอยู่ที่นี่ได้ก็ตามหากแต่มีคนอยู่ผู้หนึ่งที่อาจจะสามารถทำได้ดวงตาของอาชูร่าตวัดสายตาไปยังต้นกำเนิดพลังมนตรานี้แล้วจึงพบว่ามีร่างอันแสนคุ้นตาร่างหนึ่งนั้นกำลังมีไอเย็นและสายน้ำจำนวนหนึ่งล้อมรอบกายอยู่

“ทำได้ดีมากชู” เสียงของบุรุษผู้นั้นกลับไม่ได้เบื่อหน่ายเหมือนทุกทีแต่มันกลับฟังแล้วกังวานใสอย่างน่าประหลาดราวกับมีเสียงของอิสตรีซ้อนทับอยู่ด้วยดวงตาคู่นั้นฉายแววอ่อนโยนก่อนที่ร่างนั้นจะไปเผชิญหน้ากับศัตรู

“เอาล่ะได้เวลาปิดฉากกันเสียทีละนะ เจ้าวัวน้อย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel