บท
ตั้งค่า

chapter2 part1

ความวุ่นวายบังเกิดขึ้นพักใหญ่จากเปลวเพลิงที่ลุกลามไปทั่วโกดัง ทำให้พวกเขาสองหัวปั่นจากการพาคนที่นอนสลบจากฝีมือตนออกมาจากบริเวณนั้น ส่วนทางด้านของกลางทั้งหลายนั้นได้โล่มนตราของเรย์ต้านทานเปลวเพลิงเอาไว้ทำให้อยู่ครบสมบูรณ์ดีทุกประการ

“เพราะงั้นแหละตอนนี้หลักฐานและของกลางทุกอย่างก็พร้อมหมดแล้ว เชิญไปนอนกินข้าวแดงฟรีก็แล้วกันนะ” โบกมือส่งร่างของคนที่โดนตนซัดจนงอมพระรามกันไปตามกัน น่าเสียดายที่คนเหล่านั้นโดยมากสลบอยู่ ส่วนพวกที่ยังมีสติก็ไม่มีแรงเหลือมากพอที่จะเปิดปาก ดังนั้นจึงไม่มีใครอ้าปากด่าเขาได้แม้แต่คนเดียว

“เท่านี้จบไปอีกหนึ่งคดีนะครับ” อลันบิดขี้เกียจเล็กน้อย ตอนนี้เจ้าตัวกลับเป็นอลันผู้สุภาพตามปกติแล้ว ไม่ใช่เด็กหนุ่มผู้เสพติดการยิงปืนจนคล้ายกับคนโรคจิตเหมือนก่อนหน้า

“อา งั้นฉันขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะนี่ก็ดึกแล้วด้วย”

“งั้นไว้เจอกันนะครับเรย์” โบกมือทีหนึ่งก่อนเขาจะเป็นฝ่ายเดินปลีกตัวออกมาจากอลัน ถือโอกาสแยกย้ายกันกลับบ้าน ก่อนหาวเล็กน้อยแม้เขาจะบุกเข้าไปจัดการศัตรูเสร็จตั้งแต่ตอนประมาณทุ่มนึงก็ตาม หากกว่าที่เขาจะสะสางเรื่องทั้งหมดและกลับมาถึงที่นี่ก็ร่วมเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว

‘ชั่วโมงนี้ไม่สนละ ขอนอนก่อนก็แล้วกัน’ อย่างแรกที่เขาทำหลังกลับมาถึงบ้าน ไขกุญแจทางประตูหน้าเสร็จ เขาก็เดินตรงไปยังห้องนอนโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะในยามนี้เขาง่วงและเหนื่อยมากหลังจากผ่านการต่อสู้อันหนักหน่วง ก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอนบนเตียงและหลับไปในเวลารวดเร็ว

และด้วยความที่ความง่วงงุนนั้น ทำให้เขาไม่ได้สังเกตดวงตาสีฟ้าใสคู่นึงที่จ้องมองร่างของเขาอยู่เลยสักนิด ร่างเล็กนั้นยิ้มเผล่ออกมาทันทีที่เห็นว่าเด็กหนุ่มหลับสนิทไปเป็นที่เรียบร้อย ก่อนค่อยๆ ย่องเข้ามาหาเจ้าคนที่หลับไปก่อนอย่างเงียบงัน

แสงแดดในยามเช้าแยงตาจนทำให้เรย์ไม่อาจข่มตานอนหลับลงได้อีก แม้อันที่จริงแล้วเขาจะรู้สึกง่วงอยู่พอสมควรแต่ด้วยหน้าที่การงานที่ทำมานานปี การนอนหลับเพียงแค่หกชั่วโมงนั้นก็ทำให้เขารู้สึกหายเหนื่อยไปได้มาก

‘กระดูกซี่โครงที่หักเชื่อมกันหลายส่วนแล้ว ถึงจะยังทำภารกิจไม่ได้ แต่คงไม่มีผลกระทบอะไรกับชีวิตประจำวัน’ อาการบาดเจ็บที่ได้รับจากการต่อสู้กับชายผมแดงคนนั้นหายไปกว่าห้าถึงหกส่วน เพียงแค่เขานอนพักเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ที่เป็นแบบนี้เพราะความสามารถพิเศษเฉพาะตัวของเขาเองที่ถูกขนานนามว่า ‘โลหิตแห่งพระผู้เป็นเจ้า’ เป็นความสามารถที่จะมีเฉพาะคนที่บรรลุถึงแก่นแท้แห่งมนตราธาตุแสงเท่านั้นจึงจะมี มันจะทำให้อัตราการฟื้นฟูบาดแผลและอาการบาดเจ็บที่ได้รับนั้นสูงขึ้นจนน่าตระหนก ต่อให้ไม่ต้องพึ่งพลังมนตราก็ตาม และมันยังทำให้เขามีภูมิต้านทานพิษและคำสาปในระดับนึงอีกด้วย

“แต่ทำไมมันหนักๆ หว่า?” ยังไม่ลืมตาเขาก็ได้ขมวดคิ้ว เมื่อพบว่าร่างของตนเองรู้สึกหนักแปลกๆ ทั้งที่ในความเป็นจริงโลหิตแห่งพระผู้เป็นเจ้าควรจะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้เขาจนหมดสิ้น และดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่อาการหนักเพราะความปวดเมื่อยด้วย

เข้าใจละที่แท้มันไม่ได้หนักอะไรหรอก นอกจากยัยตัวเล็กนี่” อดบ่นเล็กน้อยไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเตียงนอนที่ควรจะมีเพียงร่างของเขาอยู่นั้นมันมีร่างเล็กร่างหนึ่งทาบทับอยู่ ด้วยใบหน้าน่ารักกำลังหลับพริ้มอย่างเป็นสุข

ร่างนั้นเป็นร่างของเด็กสาวคนหนึ่งใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้ม ประดับด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข ร่างนั้นเล็กราวกับเป็นร่างของเด็กหญิงตัวน้อย เธอสวมชุดนอนลายการ์ตูนสีชมพูอ่อนน่ารัก เรือนผมสีเหลืองเข้มนั้นแม้จะกระเซอะเซิงจากการนอนแต่ก็ส่งผลให้เธอดูดีขึ้นไปอีก ซึ่งมันจะสมบูรณ์แบบมากเมื่อรวมเข้ากับดวงตาสีฟ้าสดใสแต่ตอนนี้มันกำลังปิดอยู่

“เอาอีกแล้วนะเราเนี่ย เฮ้อ” เรย์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แม้ปากจะบ่นแต่เขาก็ไม่ว่าเด็กคนนี้เลยสักคำ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เช่นเคย ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กหญิงที่นอนกอดเขาอยู่อย่างแผ่วเบา

“งึมๆ อะ พี่~ชาย~อา~รุณ~สา~หวาด” เสียงยานคางดังลอดออกมาจากริมฝีปากเล็ก ดวงตาสีฟ้าสดใสปรือด้วยความง่วงงุนพลางเอียงคอ ด้วยความงัวเงียทำเอาเธอตอบสนองน่าอมยิ้มอยู่หน่อยจนเขาได้แต่บีบจมูกอย่างมันเขี้ยว “แอบมามุดโปงพี่ตอนไหนเนี่ย ถ้าให้เดาคงรอพี่กลับมาตลอดเลยสิ?”

“พี่ชายอะ บอกว่าจะกลับมาเมื่อวานตอนเย็นๆ นี่นา แต่ทำไมถึงกลับซะมืดเลย หนูรอพี่ตั้งนานว่าจะมานอนด้วยกันสักหน่อยเลยอยู่รอ กว่าจะรู้ตัวก็ปาไปเที่ยงคืนแล้วอะ” เท้าเล็กกระดิกไปมาพร้อมแก้มใสที่พองขึ้นเล็กน้อย ท่าทางแง่งอนสุดน่ารักชวนให้เอ็นดู

“ก็นอนไปก่อนก็ได้นี่ไม่เห็นเป็นไร หรือไม่ก็ไปนอนกับพี่ไรอาก่อนสิ ไม่เห็นต้องอยู่รอพี่เลย” แน่นอนเขาไม่ได้ต้องการตำหนิอะไรเด็กคนนี้ แต่ก็อดรู้สึกอยากจะแกล้งเด็กคนนี้ขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน

“ม่าย~อาว~ ก็หนูอยากนอนกับพี่ชายอะ เอาเป็นว่าพี่ชายนั่นแหละผิดที่กลับบ้านช้าทำให้หนูต้องนอนดึกเลย” เด็กสาวตัวน้อยสรุปเสร็จสรรพให้เป็นความผิดของคนกลับบ้านช้าพลางปากยื่น ทำเอาเด็กหนุ่มที่โดนโยนความผิดมานั้นได้แต่หัวเราะเบาๆ

“ฮะๆ งั้นเอางี้ไหม? เพื่อเป็นการไถ่โทษเดี๋ยววันนี้เราชวนพี่ไรอาไปปิกนิคกันที่สวนสาธารณะเป็นไง เดี๋ยวพี่จะช่วยพี่ไรอาทำกับข้าวให้สุดฝีมือเลย” ในทันทีที่พูดจบแม่ตัวน้อยที่ทำท่าจะงอนหนีเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตนนั้นก็หูผึ่ง รีบหันกลับมาพร้อมสองตาที่เป็นประกายพราวระยับ

“หนูจะรีบไปอาบน้ำ แปรงฟันเดี๋ยวนี้เลย พี่ชายห้ามเบี้ยวนะ” แม่สาวตัวน้อยวิ่งพรวดออกไปจากห้องด้วยความเร็วสูง ท่าทางอันล้นเหลือไปด้วยพลังงานนั้นทำเอาเรย์อดยิ้มขำไม่ได้จนต้องสั่นหัวเบาๆ

ในเมื่อตอนนี้แม่สาวจอมป่วนกำลังใช้ห้องน้ำอยู่ เขาจึงเลือกจะเดินลงมาชั้นล่างแทน บ้านของเขานั้นเป็นเพียงแค่ทาวเฮาส์สี่ชั้นขนาดกลาง ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายสำหรับบ้านที่มีลูกถึงสามคนแต่บังเอิญพ่อและแม่ที่ควรจะอยู่ที่นี่กลับไม่อยู่ด้วย ดังนั้นบ้านหลังนี้จึงรู้สึกกว้างไปถนัดตา

ก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นภาพหนึ่งที่ทำให้เขาเผลอใจเต้นกับสิ่งที่ได้เห็นไปชั่วครู่

ในห้องครัวที่บ้านของเขาในยามนี้นั้นมีร่างของเด็กสาวคนหนึ่งอยู่ด้วย เรือนผมสีเหลืองละมุนตาดุจดั่งแสงตะวันแรกของเธอถูกรวบเอาไว้เพื่อไม่ให้เกะกะระหว่างทำอาหาร ดวงตาสีมรกตงดงามคู่นั้นจับจ้องไปยังเตาแก๊สที่ตั้งอาหารเอาไว้ ดูไปแล้วน่าจะเป็นโจ๊กในขณะที่เธอกำลังชิมรสชาติไปในตัวด้วย

ร่างของเธอในชุดผ้ากันเปื้อนนั้นดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด ชุดที่เธอสวมยังคงเป็นชุดนอนลายดอกไม้สีฟ้าที่คุณแม่ของเธอซื้อมาไว้ให้ ใบหน้าที่งดงามราวกับนางฟ้ารวมถึงผิวพรรณขาวนวล อีกทั้งส่วนเว้าส่วนโค้งที่ได้รูปจนไม่น่าเชื่อว่าเธอจะอายุเพียงแค่สิบแปดปี ไหนจะขนาดหน้าอกหน้าใจที่เพราะอยู่ในชุดนอนทำให้สามารถรับรู้ถึงขนาดของมันได้อย่างคร่าวๆ เรือนร่างบอบบางเมื่ออยู่ในชุดแม่บ้านที่ทำให้เธอดูเหมือนกับเจ้าสาวในอุดมคติเลยทีเดียว

“อรุณสวัดดิ์ครับพี่ไรอา มีอะไรให้ผมช่วยไหม?” หลังจากเรียกสติกลับมาได้จึงทักทายคนที่กำลังทำอาหารอยู่ ทางด้านของไรอาที่ได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้แปลกใจเพียงหันมายิ้มบางให้เท่านั้น

“ไม่ต้องหรอกจ๊ะเรย์ ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ ตั้งโต๊ะอย่างเดียวก็พอแล้วล่ะนะ” รอยยิ้มของเธอดุจดั่งเทพธิดาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ก่อนเธอจะหันกลับไปให้ความสนใจสิ่งที่อยู่ในหม้อต่อ ทางด้านของเรย์จึงตั้งโต๊ะตามคำพูดของเธออย่างคล่องแคล่ว

เด็กสาวที่กำลังทำอาหารอยู่นี้เธอชื่อ ไรอา ไรคาลิส ส่วนทางด้านของแม่สาวตัวน้อยที่วิ่งโร่ไปอาบน้ำนั้นคือ เรเดีย ไรคาลิส แค่นามสกุลก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีแล้วว่าพวกเธอเป็นพี่สาวและน้องสาวของเขาเอง

แต่แน่นอนว่าทั้งสองคนก็ไม่ใช่พี่น้องกับเขาตามสายเลือดจริงๆ พวกเธอเป็นเพียงพี่น้องทางนิตินัยเท่านั้น เพราะในตอนที่เขาอายุห้าขวบนั้นแม่ของเขาได้เสียชีวิตลงจากเหตุการณ์ก่อการร้าย หลังจากนั้นพ่อจึงแต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนนึงที่สูญเสียสามีไปจากเหตุการณ์แบบเดียวกัน ซึ่งเขาก็ไม่รู้หรอกว่าพ่อของตัวเองไปจีบอีท่าไหน เพราะพอรู้อีกทีเขาก็มีแม่ใหม่และพี่สาว น้องสาวแล้วนั่นแหละ

เขาไม่ได้คัดค้านใดๆ ในเรื่องที่พ่อคิดจะแต่งงานใหม่ เพราะจะอย่างไรเสียพ่อก็ควรจะมีความสุขในชีวิต หากว่านั่นคือสิ่งที่พ่อเลือกแล้วเขาก็ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องไปขัดขวาง แต่เขายื่นเงื่อนไขบางอย่างไปด้วยเช่นกันในการจะรับให้คุณลูน่าเข้ามาอยู่ในครอบครัว

โดยเขาจะไม่เรียกคุณลูน่าว่าแม่เด็ดขาด อย่างดีเขาก็เรียกว่าคุณน้าลูน่าเท่านั้น เขาไม่ได้รังเกียจอะไรเธอเลยเพราะเขารู้เธอเป็นคนดีและมีความรู้สึกไม่ต่างจากคุณแม่ของเขา แต่เขาก็ยังอยากเก็บคำว่าแม่เอาไว้ให้คุณแม่ของเขาอยู่ดี มันอาจเป็นเพียงทิฐิไร้สาระเท่านั้นแต่สำหรับเขามันสำคัญมาก

อีกทั้งแม้ว่าพ่อจะแต่งงานใหม่แต่ก็ห้ามลืมแม่โดยเด็ดขาด ข้าวของที่แม่เคยใช้จะต้องมีห้องเก็บที่แยกเอาไว้ต่างหาก ห้ามสูญหายไปแม้แต่ชิ้นเดียวซึ่งแน่นอนว่าพ่อของเขายอมรับเงื่อนไขที่เสนอไปทั้งหมดแต่โดยดี ข้าวของของแม่ทั้งหมดถูกเก็บเอาไว้ข้างห้องนอนของเขาเอง

หากจะพูดถึงบ้านของเขา ชั้นล่างนั้นเป็นร้านอาหารที่เปิดเพื่อเป็นการจุนเจือรายได้ของครอบครัวทางนึง แม้อันที่จริงเขาจะเคยคัดค้านเรื่องนี้กับพี่ไรอามาแล้วก็ตาม เพราะด้วยเงินเดือนและค่าตอบแทนจากภารกิจของเขา บวกกับเงินบำนาญของพ่อนั้นสามารถที่จะดูแลครอบครัวได้สบาย แต่ด้วยความที่พี่ไรอาอยากจะทำมากเขาจึงไม่ว่าอะไรและยังมาช่วยงานในส่วนของร้านด้วย

ชั้นสองเป็นห้องนั่งเล่นที่มีทีวีเครื่องหนึ่งตั้งเอาไว้รวมไปถึงยังมีครัวและห้องน้ำอีกด้วย ในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ใช้อยู่อาศัยจริงๆ ซึ่งโดยมากในวันหยุด กรณีที่ไม่ได้ไปไหนเขาก็มักจะอยู่ในพื้นที่ในส่วนนี้เป็นหลัก

ชั้นสามเป็นห้องนอนซึ่งมีห้องส่วนตัวของพี่ไรอา เรเดีย ห้องนอนของเขา และห้องเก็บข้าวของที่เคยเป็นของคุณแม่ด้วย แม้ว่าจะห้องอยู่ใกล้กันแต่เขาแทบไม่เคยเข้าไปรบกวนภายในห้องของพี่ไรอาและเรเดียเลย เพราะถือว่าเป็นสิทธิส่วนตัวของพวกเธอเขาจะไม่เข้าไปก้าวก่ายโดยเด็ดขาด แต่ห้องของเรเดียนั้นไม่ค่อยได้ใช้งานเท่าไหร่ เพราะโดยมากเธอจะชอบมาขออ้อนนอนกับพี่ไรอาและเขามากกว่า

ชั้นสี่เป็นห้องนอนของพ่อและคุณน้าลูน่าที่พวกเขาเต็มไปจะยกให้ท่านทั้งสองใช้อย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้มันว่างเปล่าเพราะคุณพ่อของเขากับน้าลูน่านั้นกำลังออกท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ อยู่ หรือจะพูดให้ถูกก็คือไปฮันนีมูลรอบโลกนั่นแหละ

แม้จะห่วงนิดหน่อยในเรื่องของความปลอดภัย แต่คงไม่เป็นไรเพราะพ่อเขาหวงน้าลูน่ายิ่งกว่าอะไรดี ไม่มีทางยอมให้เกิดริ้วรอยแน่ ยิ่งพ่อเขาแต่เดิมเป็นอดีตหัวหน้ากองทหารมนตราหน่วยที่หกมาก่อนเสียด้วย

อันที่จริงการปล่อยให้ชายหญิงอยู่ใต้ชายคาเดียวกันจะเป็นเรื่องไม่เหมาะสมนัก แต่กับพวกเขาแล้วนั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ยังไงเสียพี่ไรอาและเรเดียก็เป็นพี่น้องของเขาซึ่งมันช่วยลดเสียงครหาลงไปได้หลายส่วน ถึงโดยส่วนตัวเขาจะไม่เคยใส่ใจอะไรพวกนี้ก็เถอะแต่มันไม่ดีกับทั้งคู่เท่าไหร่

“พี่ไรอาครับวันนี้ไปสวนสาธารณะหน่อยได้ไหม พอดีผมสัญญากับเรเดียแกว่าจะพาไปสวนสาธารณะน่ะ” หลังจากที่จัดโต๊ะเสร็จแล้วจึงเดินมาชวนพี่สาวบุญธรรมของตนเอง อันที่จริงจะว่าชวนก็ไม่ถูกเท่าไหร่เพราะเขารู้คำตอบอยู่แล้วว่า

“อืม นั่นสินะไม่ได้ไปกันมาตั้งนานแล้ว เดี๋ยวพี่ทำข้าวกล่องให้เองจ๊ะ” นิ้วเรียวแตะริมฝีปากบางคล้ายครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงพยักหน้า พร้อมรับปากในเรื่องข้าวกล่องในทันที แม้เธอจะอายุยังน้อยแต่ฝีมือในการทำอาหารอร่อยมากเสียจนทำให้ร้านอาหารขายดีมากเลยทีเดียว

สำหรับเขาแล้วพี่ไรอานั้นเป็นพี่สาวที่น่าเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ทั้งงานบ้านงานเรือน การทำอาหาร และกิริยามารยาทเรียบร้อยสมกุลสตรีจนเป็นเจ้าสาวในอุดมคติเลยทีเดียว มีผู้ชายหลายคนที่เคยพยายามมาจีบพี่สาวของเขา ซึ่งโดยมากก็จะโดนพ่อของเขาไล่ตะเพิดไปเกือบหมด(แน่นอนทำโดยไม่ให้พี่สาวของเขารู้ตัว) และเมื่อเจ้าตัวไม่อยู่...

“พ่อฝากไรอาและเรเดียเอาไว้ด้วยนะใครก็ตามที่คิดจะมาจีบ กระทืบพวกมันให้หมดพ่ออนุญาตกลับมาเดี๋ยวพ่อเคลียร์ให้เอง” ...ช่างเป็นพ่อที่ดีเลิศเหลือเกิน ห้ามลูกมีเรื่องพร่ำเพรื่อแต่ให้จัดเต็มกับคนที่คิดจะมาจีบพี่สาวและน้องสาว แต่ก็อีกนั่นแหละนะพี่สาวของเขาก็ไม่ชอบให้ใครมาตามแบบนั้นเป็นทุนอยู่แล้ว เขาจึงรับคำสั่งนี้มาทำโดยไม่ปริปากใดๆ

ส่วนเรเดียนั้นเป็นน้องสาวที่สุดแสนจะน่ารัก ด้วยส่วนสูงที่แม้จะอายุสิบห้าเข้าไปแล้วก็ยังสูงเพียงร้อยสี่สิบกว่าเท่านั้นทำให้เธอดูน่ารักราวเด็กประถม บวกกับนิสัยร่าเริงและสดใสจนราวกับมีพลังงานเหลือเฟือจึงทำให้เธอดูน่ารักน่าหยิกเป็นอย่างมาก เป็นสาวเสริฟที่ได้รับความนิยมล้นหลามที่ร้านอาหารเลยทีเดียว

อีกทั้งเรเดียนั้นยังขี้อ้อนและขี้กลัวมากอีกด้วย มักชอบไปนอนกับพี่ไรอาหรือไม่ก็มานอนมุดโปงเขาเป็นประจำ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเจ้าตัวเอ่ยปากขอพี่ไรอาได้ แต่ทำไมถึงไม่มาขอนอนกับเขาทั้งที่ถ้าขอดีๆ เขาก็ให้อยู่แล้ว ช่วงแรกเขาลำบากใจเล็กน้อยที่มีเรเดียมานอนด้วย แต่ตอนนี้เขากลับชินชาไปเสียแล้ว หากตื่นขึ้นมาจะมีร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งนอนอยู่ข้างๆ

เขารู้สึกโชคดีจริงๆ ที่ตนได้มีทั้งสุดยอดพี่สาวและน้องสาวเช่นนี้ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีสักกี่คนที่จะได้มีครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้อยู่ เรย์อดคิดอย่างอารมณ์ดีไม่ได้ในขณะที่เขากำลังนั่งดูทีวีรออาหารอยู่ โดยไม่ได้สังเกตดวงตาสีมรกตที่เจือด้วยอารมณ์อันหลากหลายจับจ้องมาทางตนเลย

สวนสาธารณะไม่ได้ห่างไกลจากบ้านของพวกเขานัก ดังนั้นแล้วการมาที่นี่จึงไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร สวนสาธารณะแห่งนี้นั้นเป็นสวนสาธารณะเล็กๆ ประจำเมืองเท่านั้น หากแต่ด้วยความที่มีต้นไม้น้อยใหญ่ล้อมรอบ ทำให้บรรยากาศของที่นี่ร่มรื่นขึ้นมาทันตา

“หนูจะโยนละน้า พี่ชาย” แม่สาวตัวน้อยขว้างจานร่อนที่อยู่ในมือเข้าใส่พี่ชายของเธอ ส่วนทางด้านของเรย์ที่เห็นดังนั้นก็ยิ้มรับ

“ตาพี่บ้างล่ะนะ” สิ้นเสียงเขาก็โยนจานร่อนกลับไปทันควัน อันที่จริงแล้วสำหรับเขาจานร่อนที่ค่อยๆ ลอยเอื่อยเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้า จะรับ คว้า หรืออะไรล้วนลำบากเพียงยกมือ

“ฮึ้บ อ๊ะ” ร่างเล็กกระโดดขึ้นเพื่อรับจานร่อนที่ถูกโยนกลับมา แต่ด้วยความที่ส่วนสูงที่น้อยจนเกินไปของเธอทำให้ไม่อาจคว้าจานร่อนเอาไว้ ทำได้เพียงมองตามจานร่อนที่ลอยผ่านหัวเธอไปเท่านั้น

“พี่ชายอะอย่าโยนสูงนักสิ หนูโดดไม่ถึงนะ” เสียงประท้วงของเรเดียดังขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าน่ารักที่เริ่มมุ่ยเล็กน้อย ส่วนสูงที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตราฐานของเธอทำให้เวลาทำงานในหลายๆเรื่องลำบากพอสมควร

“ฮะๆ ขอโทษทีพี่ลืมตัวไปหน่อยน่ะ” เสียงหัวเราะของเรย์ดังขึ้นมาแม้ว่าน้องสาวของตัวเองจะเริ่มหน้างอเขาก็ไม่ได้หวาดหวั่นอะไร เพราะสีหน้าแบบนั้นมันเวลามองแล้วมันทำให้เขารู้สึกว่าเธอน่ารักมากกวาคำว่าน่ากลัวหลายเท่า

“พี่ชายอะชอบแกล้งหนูอยู่เรื่อยเลย ไม่รู้แล้ว หนูไปเล่นกับพี่ไรอาดีกว่า” แม่สาวตัวน้อยทำท่างอนแก้มป่องพร้อมเชิดหน้าหนี เมื่อเห็นว่าพี่ชายของเธอเอาแต่หัวเราะ ส่วนทางด้านของเรย์ที่เห็นดังนั้นจึงเดินไปลูบหัวของเด็กหญิงแทน

“โอ๋ๆ อย่างอนเลยนะพี่ก็แค่เผลอไปหน่อยเองนะ คนเก่งอย่างอนเลย” เรย์โอ๋เอาใจน้องสาวตัวน้อยเพราะแม้ว่าอาการแก้มป่องนั้นจะน่ารักมากก็ตาม หากแต่จะปล่อยให้งอนเขาต่อไปก็ใช่ที่ส่วนเรเดียนั้นเมื่อถูกลูบหัวก็หลุดรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา

“งั้นพี่ชายห้ามแกล้งหนูแล้วนะ” ถึงทำท่าโกรธหรือขัดเคืองแบบนั้นก็จริง แต่แน่นอนเธอไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจอะไรพี่ชายเธอจริงๆ หรอก เพียงแค่แกล้งทำไปก็เท่านั้นเอง ส่วนทางด้านของเรย์นั้นพยักหน้ารับเบาๆ

“นี่ก็บ่ายแล้วงั้นเราไปกินข้าวฝีมือพี่ไรอากันดีกว่านะ”

“อือ หนูก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน” ด้วยความที่เขาและเรเดียเอาแต่วิ่งเล่นกันในสวนสาธารณะมาร่วมสามชั่วโมง จึงไม่น่าแปลกใจเลยหากจะเริ่มหิวขึ้นมา ดังนั้นเขาและแม่ตัวน้อยที่เริ่มจะลูบท้องเมื่อนึกถึงอาหารฝีมือพี่สาวของตน

“นี่จ๊ะ เรย์ เรเดีย” พี่สาวที่แสนดีของเขาเมื่อเห็นว่าน้องๆ เล่นซนจนหิวแล้ว เธอจึงจัดวางอาหารกล่องอย่างรวดเร็วก่อนยื่นตะเกียบให้กับน้องชายและน้องสาวของเธอ

“พี่ไรอาน่าจะมาเล่นด้วยนะ พี่ชายเอาแต่แกล้งหนูตลอดเลยอะ นิสัยไม่ดี” เสียงบ่นกระเง้ากระงอดอันแสนน่ารักของน้องสาวตัวน้อยดังขึ้นมา เพราะพี่สาวของเธอนั้นปฏิเสธที่จะมาเล่นกับเธอและเลือกที่จะนั่งดูอยู่เฉยๆ เสียมากกว่า

“แต่พี่ก็เห็นเราดูสนุกออก ไม่ใช่หรือจ๊ะ เรเดีย?” แน่นอนว่าเธอย่อมรู้จักน้องสาวแท้ๆของเธอดี ว่าแม้จะแกล้งงอนไปแบบนั้นก็ตาม หากความรู้สึกยินดียามได้เล่นสนุกหรือใช้เวลาร่วมกันนั้นเป็นของจริง

“ก็เล่นกับพี่ชายแล้วมันสนุกนี่นา ถึงจะชอบแกล้งหนูไปหน่อย แต่พี่ชายน่ะทั้งอ่อนโยนและก็ใจดีมากเลยด้วย” รอยยิ้มน่ารักสดใสแบบเด็กๆ ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของแม่สาวตัวน้อย ที่แม้จะอายุสิบห้าแล้วก็ตามแต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กประถมอยู่ดี

“งั่มๆ กุ้งเทมปุระนี่อร่อยจัง สมเป็นพี่ไรอาเลย” เสียงของแม่สาวตัวน้อยดังขึ้นมาในขณะที่เธอกำลังคีบกุ้งเทมปุระที่ทอดจนเหลืองน่ากินเข้าปาก แม้ว่าจะทอดเอาไว้นานพอดูแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังคงกรอบและไม่มีน้ำมันไหลออกมาเลยสักหยดเดียว

“นั่นพี่ไม่ได้เป็นคนทำหรอก เรย์เขาเป็นคนทำต่างหากล่ะ” เธอส่ายหัวน้อยๆ กับคำชมของน้องสาว เพราะคนที่ทำเทมปุระนั้นไม่ใช่เธอเลยหากแต่เป็นน้องชายของเธอต่างหาก

“พี่ชายเก่งจังทำอาหารอร่อยไม่แพ้พี่ไรอาเลย” แต่ทางด้านของเรเดียนั้นกลับไม่แปลกใจเสียเท่าไหร่นักในเรื่องนี้ เพราะเธอเคยกินอาหารฝีมือของพี่ชายหลายต่อหลายครั้งแล้วเหมือนกัน

เห็นแบบนี้แต่เรย์นั้นมีความสามารถในการทำอาหารอยู่ในระดับสูงมากเลยทีเดียวแม้นิสัยและท่าทางของเขาจะไม่ให้เลยก็ตาม หากก็ต้องยอมรับว่าเรย์นั้นทำอาหารได้หลากหลายมาก ถึงจะสู้ไรอาที่เป็นเจ้าสาวในอุดมคติไม่ได้ก็ตาม แต่ก็มีความสามารถมากพอจะไปเป็นเชฟได้เลย

“เราเถอะทำไมไม่หัดเรียนทำอาหารไว้บ้างล่ะ? จะยอมแพ้ผู้ชายอย่างพี่หรือไง หืม” เรย์เอาตะเกียบในมือของตนจิ้มหน้าผากของน้องสาวตัวน้อยไปด้วย เพราะอันที่จริงแล้วเรเดียทำอาหารอะไรไม่เป็นเลยแม้แต่อย่างเดียว

“บู้ พี่ชายเนี่ยหัวโบราณจังเลย สมัยนี้น่ะผู้หญิงไม่จำเป็นต้องทำอาหารเก่งกว่าผู้ชายสักหน่อย ถึงจะฝึกแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะชนะพี่ชายกับพี่สาวได้เลยด้วย ให้พี่ชายกับพี่ไรอาทำอาหารให้หนูกินตลอดไปดีกว่าอีก” สาวน้อยจอมป่วนแย้งพี่สาวและพี่ชายของเธอนั้นทำอาหารเก่งยิ่งกว่าเชฟดังๆ เสียอีก ถ้าผู้ชายทั้งโลกทำอาหารได้ดีเท่าพี่ชายเธอล่ะก็ เธอยอมรับเลยดีกว่าว่าทำอาหารได้ห่วยกว่าผู้ชาย

“คิกๆ ไม่หรอกนะ พี่เชื่อว่าถ้าเรามีคนที่ชอบเมื่อไหร่ เราก็จะเริ่มฝึกทำอาหารเองนั่นแหละ” ไรอาส่ายหัวเบาๆ แย้งความคิดของน้องสาวเธอ แม้ว่าในวันนี้น้องสาวของเธอจะยังไม่มีเรื่องแบบนั้นอยู่ในหัวก็ตาม หากสักวันน้องสาวของเธอจะเข้าใจประโยคที่เธอพูดเอง

“งือ อิ่มจังเลย” เรเดียลูบท้องที่แบนราบของเธอเอง แม้จะเห็นตัวเล็กแบบนี้แต่เธอนั้นกินอาหารกว่าครึ่งด้วยตัวคนเดียว ในขณะที่พี่ไรอากับเรย์นั้นกินกันเพียงไม่ถึงครึ่งของเธอด้วยซ้ำ แต่ก็น่าแปลกใจเหมือนกันว่าทั้งที่กินเข้าไปถึงขนาดนี้ทำไมถึงยังไม่โตเสียที

“กินมากไปหรือเปล่าเราน่ะ? ไปเดินเล่นหน่อยไหมจะได้หายท้องอืด” เรย์แนะนำแม่น้องสาวของเขา เพราะแม้ว่าจะกินเก่งแค่ไหนก็ตามหากแต่ปริมาณอาหารที่น้องสาวของเขากินเข้าไป มันก็มากกว่าที่เจ้าตัวจะกินตามปกติอยู่ดี

“งั้นพี่ชายไปเดินเล่นกับหนูหน่อยสิ”

“ไม่ล่ะ พี่ขอนั่งพักเก็บแรงเอาไว้เล่นกับเราต่อดีกว่า” เรย์ส่ายหัวเบาๆ ส่วนทางด้านของเรเดียที่ได้ยินดังนั้นก็หน้างอไปเล็กน้อย แต่เมื่อกวาดสายตามองรอบๆอยู่สักพักเจ้าตัวก็วิ่งปรู๊ดออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่ามีผีเสื้อตัวหนึ่งกำลังบินอยู่

“เฮ้อ เล่นกับเรเดียเนี่ยก็เหนื่อยเหมือนกันแฮะ” แม้ว่าเขาจะเป็นหน่วยทหารมนตราก็ตาม แต่ด้วยความที่การเล่นกับเรเดียนั้นใช้พลังงานมากกว่าที่คุณคิดไว้มาก ยิ่งในยามที่เจ้าตัวอารมณ์ดีด้วยแล้วเธอจะวิ่งไปทั่วด้วยความเร็วจี๋จนเหนื่อยคนที่ต้องวิ่งตามกันเลยทีเดียว

หากแต่ในตอนนั้นเองที่เขารู้สึกสะดุดใจกับเสียงหัวเราะของพี่สาวของเขา

“หัวเราะอะไรผมหรือครับพี่ไรอา?” ดวงตาสีฟ้าครามของเรย์ฉายแววงุนงงเมื่อเห็นว่าพี่สาวของเขานั้นกำลังหัวเราะเขาอยู่

“คิกๆ เปล่าหรอกจ๊ะ แค่คิดว่าถึงเรย์จะบ่นนั่นบ่นนี่แต่ก็มาเล่นกับเรเดียตลอด แถมยังเป็นคนเอาใจใส่คนรอบตัวมากเลยด้วย” เธอพอจะคาดเดาสาเหตุที่เขาไม่ได้ไปเดินเล่นกับน้องสาวของเธอ เป็นเพราะว่าเขากลัวว่าเธอจะเบื่อหากต้องนั่งคนเดียวต่างหาก

“ผมก็แค่ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีเท่านั้นเอง” ได้แต่ตอบปัดๆ เพราะอันที่จริงแล้วเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรเท่าไหร่นัก แค่คิดว่าจะปล่อยพี่ไรอาเอาไว้คนเดียวตลอดมันก็ไม่ดีเท่านั้นเอง

“ว่าแต่เรย์จะพักหน่อยไหม? เมื่อคืนเรากลับซะดึกแล้วมาตื่นเช้าแถมต้องมาเล่นกับเรเดียแบบนี้คงเหนื่อยน่าดูเลย” คำพูดของพี่สาวทำเอาเรย์ชะงักกึกไปในทันที ทั้งที่เขาคิดว่าตนไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไปแล้วแต่เธอก็รับรู้และเข้าใจเรื่องเหล่านั้นโดยไม่ต้องบอก

“สมกับเป็นพี่ไรอาจริงๆ” ตัวเขาในตอนนี้กำลังง่วงอยู่พอตัว แม้ว่าโลหิตแห่งพระผู้เป็นเจ้าจะช่วยฟื้นฟูบาดแผลและอาการบาดเจ็บของเขาได้ แต่มันไม่ได้ช่วยฟื้นฟูความอ่อนล้าของร่างกาย ดังนั้นจึงไม่แปลกหากจะเกิดอาการง่วงขึ้นมา

“ถ้าจะนอนพักล่ะก็ มานอนตักพี่ก็ได้จ๊ะ” ไม่พูดเปล่าพี่สาวของเขายังดึงหัวของเขามาวางไว้บนตักของเธออย่างนุ่มนวล ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังจัดแจงเอาผ้าขนหนูชุบน้ำผืนหนึ่งมาปิดตาให้กับเด็กหนุ่มที่อาศัยศีรษะเธอต่างหมอนด้วย

“อา ขอบคุณครับพี่ไรอา” เรย์ส่งเสียงออกมาเบาๆ การได้พักผ่อนเสียหน่อยแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ความสบายจากการดูแลและความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากพี่สาว ทำให้เขาผล็อยหลับไปในเวลาไม่นาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel