บทที่ 14
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลิวเยียนเฟิงได้เขียนจดหมายสองฉบับผูกกับนกพิราบเพื่อส่งไปให้ ท่านเจ้าเมืองอิง และกองทัพกำลังเสริมที่ตามมาทีหลัง ให้ได้รู้ถึงสถานะการในตอนนี้ว่า ได้ไล่กองทัพกบฏไปจากเขตเมืองอิงแล้ว
หลังจากปล่อยนกพิราบสื่อสารไปก็ได้ให้กองทัพทหารอาสาเดินทางไปยังค่ายใหญ่ที่พวกชุนจินได้ไปสำรวจแล้ว เพื่อที่จะได้สร้างสะพานรอทัพหลวงนั้นเอง
ณ เมืองอิง
อิงจิ๋วได้รับจดหมายจากหลิวเยียนเฟิงพออ่านแล้วก็ตกใจเป็นอย่างมากที่หลิวเยียนเฟิงทำสำเร็จได้
" สมกับเป็นลูกสาวของหลิวเทียนจู นางสามารถทำสำเร็จได้ด้วยตัวนางเอง หึ หึ หึ สมแล้ว สมแล้ว " เจ้าเมืองอิงจิ๋วพูดพร้อมยิ้มด้วยความยินดี
ณ กลางป่า
ทัพของกองกำลังเสริมได้หยุดพักจากการเดินทาง แล้วนกพิราบก็บินมาส่งข่าวให้ เจียงหลุน แล้วเขาก็นำจดหมายเพื่อที่จะอ่านให้กลุ่มผู้นำทัพทั้งสามที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้รู้ด้วย แล้วทุกคนก็หันไปมองด้วยความสนใจ
" นี่คือสารจากหลิวเยียนเฟิงที่นำทัพทหารอาสาไปยึดค่ายศัตรู นางได้ส่งมาบอกว่า กองทัพของนางได้พิชิตค่ายของศัตรูได้ทั้ง 5 ค่ายแล้ว " เจียงหลุนอ่านให้ทุกคนได้ฟังซึ่งสิงที่ไดยินนั้นทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก หยวนหวินลุกขึ้น
" เหลวไหล !!! มันเป็นไปไม่ได้หรอก ทหารอาสาพวกนั้นก็แค่ชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น ไม่สามารถสู้กับพวกกบฏที่มีฝีมือการต่อสู้ได้หรอก " หยวนหวินพูดขึ้นเสียง
" นางอาจะมีการวางแผนที่ดีจนสามารถเอาชนะพวกศัตรูก็เป็นได้ " เจียงหลุนพูด
" หากมีแผนที่ดีจริงๆ อย่างที่เจ้าพูด นางก็เไม่น่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการพิชิตค่ายศัตรูได้อย่างนี้ อย่างน้อยนางจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนถึงจะทำได้ หากใช้เวลาเพียง 14 วัน ในการเอาชนะทั้ง 5 ค่าย มันก็เร็วเกินไปจนน่าเหลือเชื่อแล้ว..." หยินซวนพูดพร้อมมองไปทางเจียงหลุน
" เช่นนั้นพวกเราก็ไปดูให้เห็นกับตาเลยสิว่า นางทำได้จริงๆหรือปล่าว จริงไม่ทุกท่าน " เหวยซานพูดพร้อมยิ้มเล็กน้อย...
" จริงของเจ้า " หยินซวนพูด
" เช่นนั้นก็ไปเลยสิ.." หยวนหวินพูดแล้วเดินไปหาทหารที่พักอยู่
" เดินทางต่อ!!! " หยวนหวินตะโกนบอกทหาร
กองกำลังเสริมเดินทางถึง 3 วันก็ถึงค่ายแรก ซึ่งใกล้ที่สุด ทั้ง 4 คนขี่ม้าเข้าไปข้างในค่าย ซึ่งเปิดประตูไว้อยู่ ด้านในไม่มีใครอยู่เลยมีเพียงกระโจมว่างเปล่า ทั้ง 4 คน ขี่ม้าสำรวจได้เรื่อยๆ จนไปถึงกลางค่ายซึ่งมีไม้ไผ่ที่ทำเป็นเสาแล้วปลายเสาเป็นธงของแคว้นฉินผริ้วไหวตามสายลม
" นางทำได้จริงๆด้วย " เจียงหลุนพูด
" จากที่ดูพื้นที่โดยรอบไม่มีอะไรเสียหายเลย แม้แต่ประตูทางเข้า ก็ยังไม่มีรอยจากการปะทะ หรือการพังประตูเพื่อเข้ามา ราวกับว่าเปิดประตูอย่างง่ายดายแล้วเข้ามาโดยที่ศัตรูยังไม่ได้รู้สึกอะไรเลย " เหวยซานพูดพร้อมยิ้ม
" แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ไหนล่ะ " หยินซวนพูด
" นางคงอยู่ที่ค่ายใหญ่ที่อยู่ใกล้เเม่น้ำแบ่งเขต นางคงจะรอทัพหลวงอยู่ที่นั้นเป็นแน่ คำสั่งแรกสำเร็จแล้วพวกเราควรที่จะรออยู่ที่นี้ เตรียมทัพรอทัพหลวงมาดีไหมครับ " เหวยซานพูด
" หากเจ้าจะรอก็รอไปเถอะ ข้าจะไปค่ายใหญ่ ข้าอยากรู้ว่านางทำได้ยังไง ที่สามารถไล่พวกมันออกไปได้ " หยวนหวินพูดพร้อมทำหน้าเข้ม
" ข้าก็เช่นกัน " หยินซวนพูด
" หากพวกท่านจะไป ข้าก็จะไปด้วย " เหวยซานพูดพร้อมยิ้ม
" พวกเราควรที่จะรออยู่ที่นี่ หากเคลื่อนทัพไปหมด ค่ายใหญ่อาจจะรับคนมากเช่นนี้ไม่ได้แน่ แล้วอีกอย่างทัพหลวงก็ใกล้จะถึงแล้วควนที่จะเก็บแรงทหารไว้ดีกว่า " เจียงหลุนพูด
" เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก พวกข้าจะนำทหารม้าของข้าไป ส่วนเจ้าก็ดูแลทหารอยู่นี้ละกันนะ หึ หึ หึ " หยินซวนพูดแล้วควบม้าออกไปเพื่อเรียกทหารของตนแล้วควบม้ามุ่งหน้าไปยังค่ายใหญ่
กลับมาที่แม่น้ำแบ่งเขตเเดน ชุนจินและหลิวเยียนเฟิงยืนมองดูแม่น้ำที่เชี่ยวกราก เพื่อหาวิธีในการสร้างสะพานใหม่
" ท่านคิดเห็นว่าอย่างไร แม่น้ำไหลแรงขนาดนี้ หากจะทำสะพายก็คงต้องใช้เวลานานเป็นเดือนถึงจะแล้วเสร็จ " หลิวเยียนเฟิงพูด
" มันก็ใช่อย่างที่เจ้าพูด แต่ข้าพอมีวิธีสร้างสะพานในเวลาไม่นานอยู่นะ แล้วเรายังมีคนตั้ง 20,000 คน ยังไงเราก็สร้างก่อนที่ทัพหลวงจะมาแน่นอน " ชุนจินพูดพร้อมยิ้มที่มุมปาก
" หากท่านมั่นใจขนาดนั้น ข้าให้ท่านจัดการเรื่องสะพานเลยแล้วกัน " หลิวเยียนเฟิงพูด
" ได้เลยท่านแม่ทัพ เจ้าไปพักอยู่ค่ายรอฟังข่าวดีได้เลย " ชุนจินพูดแล้วยิ้ม แล้วทั้งสองก็มองไปที่แม่น้ำ
ณ เมืองเอี้ย
เมืองที่มีเขตแดนเต็มไปด้วยนาข้าวและต้นผลไม้นานาชนิด ด้านในของเมือง ณ ห้องโถงของจวนเจ้าเมือง ซึ่งมีชายหนุ่มวัย 30 ปี มีหนวดมีเคราเล็กน้อย หน้าตายิ้มแย้ม ผมสีเขียวเข้มยาว ใส่ชุดเกราะเพียงครึ่งล่าง ใส่เสื้อรัดรูปสีกรม ร่างกายกำยำล่ำสัน ชายผู้นี้นามหวังเจียซู เขานั่งอยู่บนเก้าอี้เจ้าเมืองดื่มสุราอย่างสนุกสนานพร้อมกับลูกน้องคนสนิทอีก 3 คนที่นั่งอยู่ด้านในห้อง แววตาของหวังเจียซูมองออกไปด้านนอกห้อง ซึ่งเป็นลานกว้างหน้าห้องโถง ตรงกลางของลานกว้างเป็นชายวัย 50 ปี ทุกมัดไว้กับท่อนซุงท่อนเดียว เสี้อผ้าขาดและเลือดเต็มตัว ร่างกายเต็มไปด้วยแผลถูกเฆี่ยนตีอย่างหนัก หน้าตาซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง ซึ่งเขาคือ เอี้ยซังเถ๋อ เจ้าเมืองเอี้ยนั้นเอง
หวังเจียซูดื่มสุราพร้อมมองดูเอี้ยซังเถ๋อแล้วแสยะยิ้มอย่างมีความสุข
