5
“หนูจะไปเช็ดได้ยังไงล่ะคะตรงนั้น น่าเกลียด...”
จอมขวัญบอกเสียงอ่อย งึมงำที่ท้ายประโยคไม่กล้าให้เขาได้ยิน บางทีสมองของเขาที่ถูกผ่าตัดมาอาจกำเริบเกิดอาการวิปริตวิปลาสขึ้นมาก็เป็นได้ หากได้ยินคำที่เธอต่อว่าออกไป เด็กสาวคิดแบบเด็ก ๆ
“โถ...น่าเกลียด” ภูเบศวร์ทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบเด็กสาว ก่อนว่าต่อ “อ่อนเดียงสาเสียจริง ได้ข่าวว่ามากกว่านี้ เธอก็เคยทำมาแล้วนี่”
“หนูไม่เคยทำแบบที่คุณภูเบศวร์บอกค่ะ หนูไม่คุยแล้วนะคะ จะรีบเช็ดตัว รีบทำกายภาพบำบัดให้คุณ”
“อิโธ่...”
ส่งเสียงในคออย่างนึกหยันแม่เด็กใจแตกที่ปรนนิบัติเขาอยู่นี่ ทำเป็นไม่อยากเถียงด้วย ที่เขาสืบมานี่สารพัดเรื่องแรง ๆ ทั้งนั้น
จอมขวัญเป็นเด็กใจแตก พ่อของเธอส่งให้ไปอยู่ในโรงเรียนประจำตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ห้าจนจบมัธยมศึกษาปีที่หก
เด็กสาวไม่ได้มาจากครอบครัวร่ำรวยอะไรนักหนา แม่ของเธอเป็นคนรัสเซียที่ได้ยินคนเขาร่ำลือกันนักหนาว่าสวยมาก ส่วนบิดานั้นมีเชื้อสายไทยจีนมาจากแผ่นดินใหญ่ จอมขวัญจึงเป็นลูกเสี้ยวที่มีหน้าตาเป็นอาวุธอันร้ายกาจ นี่ยังไม่นับรูปร่างทรวดทรงที่ดูโตเกินเด็กสาวทั่วไป ผิวพรรณขาวผ่องนวลลออจนแทบมองทะลุเห็นเส้นเลือด
เขาตามสืบเรื่องของเธอมานาน ตั้งแต่รู้ข่าวว่าเทวา มันไปตามเกี้ยวตามเฝ้ายัยเด็กใจแตกนี่ถึงโรงเรียนไม่เกรงใจสายตาใครเลยสักคน แว่วมาว่ามันตามเลี้ยงต้อยเอาไว้ คงกะว่าจบออกมาจะจับทำเมียออกหน้าออกตาเสียเลยล่ะมั้ง แต่เขาก็คว้ายัยนี่ตัดหน้ามันมาเสียก่อน นึกแล้วสะใจชะมัด
นิพาพรแม่เลี้ยงของยัยเด็กนี่ค้าเนื้อสด เขารู้กันทั้งจังหวัด แค่เอ่ยปากไม่กี่คำยัยแม่เลี้ยงนั่นก็รีบเสนอตัวพามาให้เชือดถึงที่ เขาแค่อยากได้มานอนด้วยสักระยะเท่านั้น อยากเห็นหน้าไอ้เทวาตอนที่รู้ว่ายัยเด็กนี่โดนเขาฟาดเรียบแล้ว มันจะกระอักเลือดถึงตายไหม
ประจวบเหมาะจริง ๆ เขายังไม่ทันได้กินสาวลูกเสี้ยว ก็ดันมาถูกรถขนของปริศนาเบียดตกถนนหวิดสิ้นชื่อไปเสียก่อน เลยสั่งให้คนไปเอายัยเด็กใจแตกนี่มาคอยพยาบาลจนกว่าจะหายดี นึกเคืองนักที่เสียทีเจ็บตัวเสียได้ นี่จะเป็นฝีมือใครถ้าไม่ใช่มัน ไอ้เทวา
เขาไม่ได้เป็นคนพิการไร้สมรรถภาพสักหน่อย ก็แค่กระดูกหลังมันเคลื่อนออกมา ยังสรุปไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามาจากอุบัติเหตุหรือจากการใช้งาน
‘มันแค่ listhesis โว้ย’
เขายังเถียงกับไอ้หมอกฤษณ์อยู่เลยตอนเห็นฟิล์มเอกซเรย์กับเอ็มอาร์ไอวางซ้อนกันให้ดูเมื่อตอนฟื้นมาใหม่ ๆ ส่วนสมองน่ะเขาไม่ได้ผ่า ไอ้หนุ่มนี่มันปล่อยข่าวจนน่ากระทืบเป็นของรางวัลให้จมดินสักสองสามที
“คุณยกขาไหวบ้างไหมคะ”
เสียงหงุงหงิงอย่างกับเสียงลูกแมวถามขึ้น เมื่อเช็ดตัวให้เขาจนเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ภูเบศวร์ตวัดเสียงตอบอย่างยวน ๆ
“ไม่ไหว”
“งั้นเกร็งตรงหน้าขาสักสิบทีนะคะ ทำเร็วค่ะ” เร่งเอาอีกเมื่อเห็นคนนอนป่วยยังนิ่งไม่ยอมขยับตามที่เธอบอก
“เธอเป็นใครมาสั่ง ยัยเด็กอมมือ”
“หนูไม่เด็กแล้วค่ะ”
“ไม่เด็กแล้ว...อย่างนั้นเหรอ”
เขาแกล้งยั่ว วาดแขนไปมาจนเฉี่ยวโดนหน้าอกหน้าใจของเธอหน่อยหนึ่ง เด็กสาวถดตัวหนีอย่างไว ใบหน้าขาวลออออกสีแดงจัด ก่อนงึมงำในลำคอ
“คุณ!”
“อะไร เสียงดังจนหูฉันจะแตก ทำไม ฉันทำอะไร”
ภูเบศวร์แกล้งถามแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่เด็กสาววัยกำดัดที่ยืนห่างเขาออกไปเป็นเมตร นิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่ยอมตอบคำเขา
‘หน้าแดง ๆ นี่มันแกล้งทำได้ไหมวะ’
ภูเบศวร์คิดอยู่ในใจคนเดียว ถ้าอย่างนั้นยัยนี่ก็แสดงได้เก่งทีเดียวล่ะ แล้วกวาดตามองท่าทางเหมือนลูกแมวหลงทางด้วยสายตาหยัน ๆ เอ่ยสั่งเสียงดุ
“ไหนมาช่วยพยุงนั่งข้างเตียงหน่อยซิ”
จอมขวัญนิ่งอยู่หน่อยหนึ่ง ตั้งแต่มาอยู่ดูแลเขาที่นี่ ไม่เคยเลยสักครั้งที่ภูเบศวร์จะทำพฤติกรรมเช่นนี้ แล้วบอกตัวเองว่าทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด บางทีมือของเขาอาจกระตุกก็เป็นได้ ก็เขาป่วยอยู่นี่ ไม่ได้ปกติแบบคนทั่วไปสักหน่อย คิดได้อย่างนั้นพอให้ตัวเองมีแรงฮึด หญิงสาวก็เข้าไปปรับเตียงให้ราบลงจนเสมอกันดีแล้วบอกเขาเสียงนิ่ม
“คุณภูเบศวร์ขยับตัวไปชิดริมเตียงฝั่งนั้นเองนะคะ”
คราวนี้คนป่วยทำตามไม่อิดออด เพราะมีบางอย่างที่เขานึกจะทำต่อเสียหน่อย น่าจะแก้เซ็งได้เหมือนกันล่ะคราวนี้
“ตะแคงตัวมาค่ะ” เสียงนิ่มบอกอย่างระวังแล้วจับร่างใหญ่โตของเขาให้ทำตามด้วย นึกตามที่พี่นักกายภาพบำบัดได้เคยสอนเอาไว้ ว่าจะจับคนป่วยขึ้นจากท่านอนมานั่งควรทำอย่างไร
จับตั้งเข่าข้างหนึ่งที่อยู่คนละฝั่งกับข้างที่จะพลิกตะแคงตัวไป จับแขนข้างที่ชันเข่าชูขึ้น ออกแรงดึงที่แขนและเข่าพร้อมกัน เท่านี้คนป่วยก็จะได้นอนตะแคงตัวแล้ว
“คุณภูเบศวร์เอามือดันเตียงไว้นะคะ หนูจะช่วยดึงตัวขึ้น ช่วยกันค่ะ หนึ่ง สอง ซั่ม...”
“อื๊อ...”
แต่พอออกแรงทำตามขั้นตอนที่เคยได้รับการสอนไว้กลับไม่เป็นผล พาเขานั่งไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ จึงแอบบ่นเบา ๆ
“คุณไม่ช่วยหนูเลย”
ภูเบศวร์หรี่ตามองก่อนจะบอก
“มามา มาลองใหม่สิ”
คราวนี้เด็กสาวทุ่มสุดตัว เธอเอาลำตัวเข้าไปจนใกล้เขา ลืมไปเสียสิ้น ว่าเมื่อครู่นี้ภูเบศวร์ทำอะไรไว้
“คะ...คุณจะทำอะไร” เขาไม่ตอบ แล้วซุกใบหน้าที่มีหนวดรกซบที่ซอกคอของเธอ เด็กสาวรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในนาทีนั้นเอง เธอกระเสือกกระสนดิ้นรนหนี แต่ถูกคนป่วยคว้าแขนเอาไว้ทัน เขาแลบลิ้นเลียตามเส้นเลือดที่เต้นตุบ ๆ ตรงลำคอขาวผ่อง ยิ่งลงน้ำหนักมันก็ยิ่งพองตัวราวกับตอบสนองลิ้นสากของเขา
“ปล่อยนะ”
