ตอนที่ 2 เด็กสาวข้างบ้าน
ที่ห้องรับแขกในบ้านหลังข้าง ๆ ของภาม มีร่างเล็กของเด็กสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้น
อัญชัน อัญญารินทร์ ขจิตโสภิตชนากูล อายุสิบเจ็ดปี เด็กสาววัยมัธยมปลายที่กำลังเรียนชั้นปีสุดท้ายแล้ว เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณขจรและคุณนายทานตะวัน ขจิตโสภิตชนากูล เจ้าของร้านอาหารชื่อดัง
“อัญชัน” เสียงที่ดังขึ้นมาจากอีกห้องหนึ่งทำให้อัญญารินทร์รีบลุกขึ้นตอบรับ และวิ่งไปหาเจ้าของเสียงทันที
“ขา”
ตึก ตึก ตึก
“คุณแม่มีอะไรคะ” สาวน้อยโผล่หน้าเข้าไปในครัวแล้วเอ่ยถามผู้เป็นแม่ เธอเดินเข้าไปชะโงกหน้ามองเมนูอาหารที่แม่ทำวันนี้ด้วยความสนใจ
“ทำอะไรอยู่ลูก” ทานตะวันละสายตาจากหม้อแกงหันมาถามลูกสาวเสียงนุ่ม
“อ่านหนังสือค่ะ”
“แม่วานหน่อยสิ เอาอาหารไปให้ข้างบ้านหน่อย” เมื่อได้รับคำตอบจากลูกสาว เธอจึงกล่าวไหว้วานพร้อมกับหยิบถ้วยมาตักอาหารที่จะนำไปฝากเพื่อนบ้าน
วันนี้ในขณะที่เธอรดน้ำต้นไม้อยู่ก็เห็นว่ามีแม่บ้านมาทำความสะอาดบ้านหลังข้าง ๆ จึงสอบถามและรู้ว่าจะมีคนย้ายมาอยู่ตอนเย็น ทานตะวันจึงอยากจะนำอาหารไปต้อนรับและทักทายเพื่อนบ้านใหม่เสียหน่อย
“ข้างบ้าน” อัญญารินทร์ขมวดคิ้วแล้วทวนคำพูดของผู้เป็นแม่ เนื่องจากบ้านของเธอคือหลังริมสุดในซอย และตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ยังไม่เคยมีเพื่อนบ้านเลย
“ใช่ บ้านข้าง ๆ เรามีคนเข้ามาอยู่แล้ว แม่เห็นรถมาจอดเมื่อกี้นี้”
“ได้ค่ะ” อัญญารินทร์พยักหน้ารับรู้
“นี่จ้ะ ค่อย ๆ ถือนะลูก มันร้อน” แม่ของเธอหันมายื่นชามอาหารให้พร้อมกับกำชับอย่างดี
“ค่ะคุณแม่” อัญญารินทร์รับถ้วยมาแล้วค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องครัวไปอย่างระมัดระวัง
พอเดินออกมาที่หน้าบ้านเธอก็พบกับผู้เป็นพ่อที่กำลังจัดแต่งกิ่งต้นไม้อยู่
“ไปไหนน่ะอัญชัน” เมื่อเห็นลูกสาวเดินถือถ้วยอาหารออกมา พ่อของเธอจึงขยับแว่นแล้วถามขึ้นทันที
“เอากับข้าวไปฝากข้างบ้านค่ะคุณพ่อ” อัญญารินทร์จึงบอกไปด้วยรอยยิ้ม
“ข้างบ้านเหรอ” นั่นทำให้พ่อของเธอยิ่งไม่เข้าใจ
“ใช่ค่ะ คุณแม่บอกว่าบ้านข้าง ๆ เรามีคนย้ายมาอยู่แล้ว” อัญญารินทร์อธิบายให้พ่อของเธอฟัง
“อื้ม ไปเถอะ”
ภามขนของออกจากรถเป็นรอบสุดท้าย ในจังหวะที่เขากำลังจะปิดกระโปรงหลังรถแต่สายตาก็ไปสะดุดกับตุ๊กตาที่วางอยู่ด้านในเข้าเสียก่อน
“เอามาด้วยเหรอวะ” เขาพึมพำเพราะไม่คิดว่าจะเอากลับมาด้วย สงสัยจะเป็นปรางทองที่หยิบติดมือมาให้
มือหนาเอื้อมไปหยิบมันมาถือไว้แล้วปิดกระโปรงรถ
“เฮ้ย!” แต่พอหันกลับมาเขาก็ต้องตกใจจนสะดุ้ง เพราะมีเด็กสาวคนหนึ่งกำลังยืนถือชามอาหารและยิ้มแฉ่งให้กับเขาอยู่
“สวัสดีค่ะ” อัญญารินทร์ยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วเอ่ยทักทายเพื่อนบ้านใหม่อย่างเป็นกันเอง
“ครับ” ภามขมวดคิ้วมองเด็กสาวแปลกหน้าด้วยความสงสัย
“หนูชื่ออัญชันนะคะ เป็นเพื่อนบ้านข้าง ๆ หลังท้ายซอยนี้เอง คุณแม่ให้เอาอาหารมาให้เพื่อเป็นการต้อนรับค่ะ” อัญญารินทร์จึงรีบแนะนำตัวและบุ้ยหน้าไปยังบ้านของเธอซึ่งอยู่ข้างบ้านของภาม จากนั้นก็ยื่นชามอาหารในมือไปตรงหน้าเขา
“เอ่อ” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วและท่าทางสดใสทำเอาภามตั้งรับไม่ถูกกับมิตรภาพของเพื่อนบ้านในวันแรกที่ย้ายเข้ามา เพราะตอนที่อยู่คอนโดทุกคนก็ต่างคนต่างอยู่ ต่อให้ห้องติดกันก็ไม่เคยคุยกันสักคำด้วยซ้ำ
“นี่ค่ะ” อัญญารินทร์มองเขาตาแป๋วและเอ่ยย้ำอีกครั้ง
“ขอบคุณครับ” ภามจึงวางของในมือของเขาลงที่พื้น แล้วรับเอาถ้วยในมือของเธอมาถือไว้แทน
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณชื่ออะไรคะ” อัญญารินทร์ตอบกลับแล้วถามชื่อของเขาเพื่อทำความรู้จัก
“ชื่อภาม”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณภาม ถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือบอกหนูมาได้เลย เราบ้านใกล้เรือนเคียงกันค่ะ” เด็กสาวยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวและพูดขึ้นอย่างมีน้ำใจ
“หึ” แต่คำพูดของเธอทำให้ภามยิ้มขำขึ้นมา
ตัวก็เล็กแค่นี้จะช่วยอะไรเขาได้กัน
แล้วสายตาของเขาก็ไปสะดุดตรงของที่เขาวางไว้ก่อนหน้า
“เหมือนกันเลยแฮะ” ภามก้มไปหยิบตุ๊กตาที่เพิ่งออกแบบมาใหม่จากบริษัทเขาขึ้นมา แล้วยื่นไปเทียบกับใบหน้าของสาวน้อยตรงหน้า
“ให้หนูเหรอคะ น่ารักมากเลย” แต่อัญญารินทร์กลับคิดว่าเขาให้ตุ๊กตาตัวนั้นกับเธอเสียอย่างนั้น มือเล็กจับตุ๊กตาตัวนั้นไปแล้วฉีกยิ้มให้ภามจนตาหยี
“เอ่อ” ภามทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที
“ขอบคุณสำหรับตุ๊กตานะคะคุณภาม เดี๋ยวหนูจะแวะมาเล่นด้วยบ่อย ๆ แต่ตอนนี้ต้องกลับแล้ว ไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” อัญญารินทร์ร่ายยาวพร้อมกับยกมือไหว้ภามด้วยท่าทางนอบน้อม
จากที่ตั้งใจเอาอาหารมาทักทายเพื่อนบ้าน แต่กลับได้ของฝากติดมาด้วยเสียอย่างนั้น เด็กสาวจึงวิ่งถือตุ๊กตากลับบ้านไปด้วยท่าทางร่าเริง
“เขาจะหาว่าล่อลวงเด็กไหมเนี่ยกู” ภามเกาหัวแกรก ๆ แล้วพึมพำขึ้นกับตัวเอง เขายิ้มและหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีของเธอที่วิ่งไปกระโดดไป
บางทีการย้ายมาอยู่ที่นี่ก็มีอะไรดี ๆ อยู่บ้างล่ะนะ
“เป็นยังไงบ้างลูก” เมื่อเห็นลูกสาววิ่งเข้ามาในบ้าน ขจรก็เอ่ยถามอัญญารินทร์ทันที
“อะไรเหรอคะ” เด็กสาวชะงักแล้วหันไปมองคนเป็นพ่อ เธอเอียงคอถามด้วยความสงสัยเพราะไม่เข้าใจว่าพ่อเธอหมายถึงอะไร
“ก็ข้างบ้านเราไง”
“อ๋อ คุณภาม” เมื่อพ่อของเธอพูดขึ้นอัญญารินทร์ก็พยักหน้าหงึกหงัก
“ผู้ชายเหรอ” คุณขจรขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อผู้ชาย
“ค่ะ อายุก็น่าจะยังไม่เยอะนะคะ” อัญญารินทร์จึงตอบกลับไปและวิเคราะห์ว่าคุณภามที่เธอเพิ่งเอากับข้าวไปให้น่าจะอายุไม่เกินสามสิบ อีกทั้งยังหน้าตาดีเป็นอย่างมาก
“คุยอะไรกันอยู่คะพ่อลูก” ก่อนที่ทั้งคู่จะได้พูดคุยอะไรกันต่อ แม่ของอัญญารินทร์ก็เดินออกมาพอดี
“เรื่องคนที่มาอยู่ข้างบ้านน่ะ คุณรู้หรือเปล่า” ขจรหันไปพูดกับภรรยาแล้วถามขึ้น เนื่องจากภรรยาของเขาอยู่บ้านทั้งวัน น่าจะมีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับคนที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่บ้าง
“รู้สิคะ” ทานตะวันพยักหน้าให้สามีและเดินเข้าไปใกล้
“เห็นบอกว่าเป็นรองประธานบริษัทอะไรสักอย่าง ฉันเองก็ไม่แน่ใจค่ะ”
แต่เธอไม่ได้ถามแม่บ้านมามากนัก จึงรู้แค่ว่าข้างบ้านเป็นหนุ่มโสดที่ย้ายมาอยู่ใกล้กับบริษัท ส่วนข้อมูลอื่น ๆ เธอก็ไม่รู้อะไรอีกเลย
“อยู่คนเดียวเหรอ”
“ค่ะ” คุณทานตะวันพยักหน้ารับ
“โอเค” เมื่อภรรยาไม่มีข้อมูลอย่างที่หวังผู้เป็นสามีก็หมดคำถาม แล้วใช้กรรไกรเล็มกิ่งไม้ต่อ
“อัญขอตัวไปอ่านหนังสือต่อก่อนนะคะ” เห็นพ่อแม่พูดคุยกันจบแล้ว อัญญารินทร์ก็เอ่ยขอตัวไปอ่านหนังสือต่อทันที
“จ้ะ อีกเดี๋ยวแม่จะเรียกมาทานข้าวนะ” ทานตะวันหันไปบอกกับลูกสาวเสียงนุ่ม
“ค่ะคุณแม่” อัญญารินทร์รับคำก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
