มีเมียแบบไม่ทันตั้งตัว
หยางหมิงให้คนขับรถม้าออกรถทันที หยางหมิงหลงอมยิ้ม หึ เจ้าเป็นหลานชายข้าอย่างไรก็ต้องฟังปู่อย่างข้าอยู่ดี ปากบอกไม่เข้าหอ กลัวว่าจะสามปีลูกสี่คนล่ะสิไม่ว่า เฮอะๆๆๆ ขบวนรับเจ้าสาวไปถึงจวนจางเรียบร้อยแล้ว จางอวี้หมิ่นให้หลานสาวไปเปลี่ยนชุดเจ้าสาว จางอวี้ถิงถอนหายใจ นางยังไม่ลืมเรื่องเมื่อคืน นางจะต้องจากไปแสนไกล หากท่านปู่ต้องการให้นางทำสิ่งใดนางจะยินยอมเพื่อให้เขามีความสุข หวังว่าพี่สาวที่มาใหม่จะดูแลท่านปู่ของนางได้ดีอย่างที่ชายชราคนนั้นบอกนาง
จางอวี้ถิงยกเท้าขึ้นเกี้ยว ขบวนไม่ใหญ่มากนักจางอวี้หมิ่นบอกแล้วว่ากระทันหันเกินไป หากหาสมุนไพรเจอกลับมารักษาหลานสาวแล้วค่อยจัดงานใหญ่โตอีกครั้ง หลานสาวขึ้นเกี้ยวไปแล้วอดีตหมอหลวงน้ำตาไหล โรคของหลานสาวเขายังหาทางรักษาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก่อนตายนางก็ยังได้แต่งงานกับคนดีๆ หวังว่าดวงชะตาของหยางหมิงที่เขาแอบเอาไปผูกดวงมาจะช่วยให้หลานสาวของเขาหายจากโรคร้ายที่เป็นอยู่
หน้าประตูวังหยางหมิงเจอเข้ากับเซียวอี้หลงที่หน้าดำคร่ำเครียดมาเช่นกันจึงเอ่ยถามเขาว่าเป็นอะไร
“พี่อี้หลง..ท่านมีเรื่องอันใดไม่สบายใจหรือไม่ หรือว่าหัวข้อการสอบปีนี้มีปัญหา”
“มิใช่หรอกอาหมิง ปู่ข้าสิทัดทานอันใดก็ไม่ฟังส่งเกี้ยวไปรับว่านชิงชิงมาวันนี้ ข้าต้องแต่งงานกับเด็กไร้มารยาท หย่อนการอบรมคนนั้นจริงๆหรือ แล้วเจ้าเล่าเรื่องเมื่อคืนคงไม่เหมือนข้าหรอกนะ”
“ท่านปู่ร้องห่มร้องไห้ว่าข้าไม่ให้ความสำคัญกับท่านน่ะ เอะอะก็อ้างว่าคนในจวนไม่เคารพเขา ข้าเลยตามใจแต่งแล้วข้าไม่เข้าหอและไม่ให้ฐานะแก่นางหรอก ข้ามิได้เต็มใจในเมื่อนางอยากแต่งก็จงรับความอ้างว้างเดียวดายไปเถอะอย่ามาร้องขอความรักจากข้าเล่า ข้าไม่มีให้”
“ข้าก็เช่นกัน นางบอกว่านางอยากแต่งสามีแต่กลับได้พ่อบุญธรรม เด็กอะไรวาจาน่ารังเกียจยิ่งนัก”
สองคนต่างก็บ่นเรื่องของผู้เฒ่าที่บ้านตนเอง จากนั้นก็พากันไปเข้าเฝ้า จนกระทั่งเสร็จงานจึงพากันจะไปหอคัมภีร์ แต่กลับเป็นว่ามีรถม้าของจวนมารอรับอยู่แล้ว ทั้งสองคนจึงต้องกลับจวนอย่างเลี่ยงไม่ได้
หยางหมิงมาถึงจวนทุกอย่าเตรียมพร้อมหมดแล้ว เขาจำต้องจุงผ้าแพรพานางข้ามกระถางไฟ กราบไหว้ฟ้าดินก่อนจะส่งตัวบ่าวสาว เป็นงานแต่งที่เร่งเกินไปจริงๆ หลังจากจบทุกอย่างเขากับเด็กสาวก็ถูกส่งเข้าห้องหอ
จางอวี้ถิงนั่งอยู่บนเตียงมือประสานบนตักมีเสียงไอต่อเนื่อง
“แค่กๆๆ ใต้เท้า ขออภัยที่ทำให้ท่านเดือดร้อน หากท่านไม่..”
“พอเถอะๆ...ข้ามีเรื่องตกลงกับเจ้าคุณหนูจาง”
“เชิญใต้เท้ากล่าวมาเถอะเจ้าค่ะ ข้าน้อยยินดี แค่กๆๆๆ”
“ข้าแต่งกับเจ้าเพราะท่านปู่ของข้าก่อเรื่องนี้ขึ้นมา ส่วนเรื่องเข้าหอข้าไม่ทำแน่ๆ เจ้าเองก็อย่าหวังความรักจากข้า คุณหนูจางข้าไม่ต้องการให้มีคนรู้เรื่องนี้ หลังจากท่านปู่ไปแล้วข้าจะส่งเจ้าไปอยู่จวนเล็กข้างๆ มีสาวใช้ให้เจ้าสองคน มีบ่าวดูแลจวนให้เจ้าอีกสามคน เงินเดือนยี่สิบตำลึง เจ้าพอใจหรือไม่”
จางอวี้ถิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่งงานวันแรกถูกไล่ไปอยู่จวนข้าง แต่ทำเช่นไรเล่า เวลาของนางก็เหลือไม่มากแล้วจางอวี้ถิงจึงพยักหน้า
“ขอบคุณใต้เท้าที่เมตตา อวี้ถิงไม่มีเรื่องอันใดไม่พอใจเจ้าค่ะ”
“เจ้านอนห้องนี้ไปก่อนคืนนี้ ส่วนข้าจะไปนอนห้องตำรา พรุ่งนี้ค่อยย้ายข้าวของไปจวนเล็ก”
เมื่อเขาเอ่ยจบก็เดินหันหลังจากไป จางอวี้ถิงน้ำตาไหลออกมา ท่านปู่ท่านหาคนมาดูแลข้าหรือหาคนมาดูหมิ่นข้ากันแน่เจ้าคะ จากนั้นก็ผลัดอาภรณ์ออก ลี่จูมองหน้าคุณหนูของตนก่อนจะร้องไห้
“อย่าร้อง...มาอาศัยบ้านเขาอยู่อย่าทำให้เจ้าของบ้านรังเกียจเข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
สองนายบ่าวให้กำลังใจแก่กัน จากนั้นก็พากันพักผ่อน อาหารการกินนับว่าดีแต่นางป่วยมานานจนไม่รับรู้รสชาติใดๆแล้ว
จวนสกุลเซียว
ตอนนี้เซียวอี้หลงกำลังหัวเสียอยู่ในห้องหอ ว่านชิงชิงเองก็นั่งนิ่งหยิบของแห้ง ขนมเข้าปากนั่งฟังเขาโวยวายมากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว หนวกหูจริงๆเลย
“เจ้าไม่มีปากปฏิเสธออกมาบ้างหรือว่านชิงชิง หรือจริงๆแล้วเจ้าเองก็อยากแต่งงานกับข้าจนเนื้อเต้น”
“ใต้เท้าเซียว..ข้าเองก็อยากปฏิเสธแต่คนที่ไปรับข้าคือเซียวจ้านท่านปู่ของท่าน จะให้ข้าทำเช่นไร ท่านต้องการให้สกุลว่านทำเช่นไร ปฏิเสธเขาไล่กลับมาให้พวกเราหักหน้าอดีตเจ้ากรมการคลังหรือ ต้องการเช่นนั้นจริงๆหรือเซียวอี้หลง”
“เจ้าๆๆ..ใจง่ายนัก อย่าหวังนะว่าข้าจะสนใจใยดีเจ้า แห้งเหี่ยวตายคาเรือนหอไปเถอะ”
“นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ท่านสามารถทำได้ จงอยู่ห่างๆข้าเอาล่ะจะนอนที่นี่หรือใต้เท้า ในเมื่อชังหน้ากันนักท่านควรเอาตัวเองออกไปจากห้องได้แล้ว”
“นี่เรือนข้า เจ้ากล้าสั่งหรือ อาอวี้มาขนของคุณหนูว่านไปไว้เรือนเล็ก เรือนข้าไม่เหมาะกับเจ้าหรอก สตรีไร้ยางอาย”
"ไร้ยางอายหรือ..ใช่ๆๆ ใต้เท้าหมิงก้แต่งงานวันนี้ สงสารคู่รักยวนยางอย่างท่านสองคนจริงๆ ข้าไปอยู่เรือนข้างดี จะได้ไม่เห็นอะไรที่ขนลุกขนพอง พี่อี้หลงงง น้องหมิงง อึ๊ยขนลุก ปี้เหยาไปกันเถอะ”
"เจ้าหมายความว่าอย่างไร"
เซียวอี้หลงรู้ถึงเรื่องซูบซิบนินทามาบ้างว่าเขากับหยางหมิงเป็นพวกตัดแขนเสื้อ และมีใจให้กัน แต่ถึงขั้นมีสัมพันกัน่ยังไม่มีใครกล้าเอ่ยออกมาให้ได้ยิน ยายเด็กร้ายกาจนี่ไปเอามาจากไหน
ว่านชิงชิงไม่สนใจท่าทีของเขา นางเรียกหาสาวใช้ของตนก่อนจะยกชายกระโปรงชุดแต่งงานเดินตามองครักษ์ของเขาไป ทั้งสองจวนเงียบสนิทหยางหมิงและเซียวอี้หลงห้ามใครเอ่ยออกไปว่าจางอวี้ถิงกับว่านชิงชิงคือภรรยาพวกเขา
ท่านปู่ของพวกเขาออกเดินทางไปทันทีที่ส่งหลายชายหลานสะใภ้เข้าห้องหอเรียบร้อย ทั้งสี่คนมีนัดกับตาแก่เอาแต่ใจที่สุดในแคว้นจะชักช้ารอแอบฟังหลานชายกับหลานสะใภ้ก็ไม่ได้อีก
