บท
ตั้งค่า

Chapter 3: ไม้กันหมา[2]

“อุตส่าห์ไปส่งถึงที่หอ นึกว่าจะชวนขึ้นไปดื่มโอวัลตินบนห้อง ไม่มีน้ำใจเลยเนอะ แต่เอ๊ะ ไม่ได้สิ ถ้าเกิดชวนพี่ขึ้นห้องไปแล้วไอ้บุศย์รู้ เดี๋ยวมันจะลงโทษพี่...แบบรุนแรง”

พี่อินทร์สัพยอกมาอีก ท้ายประโยคนี่ยักคิ้วหลิ่วตาจนผมเข้าใจชัดแจ้งแดงแจ๋เลยว่า ‘ทำโทษ’ ที่ว่ามันหมายถึงอะไร

ก็จะหมายถึงอะไรล่ะ หื่นกามเมียเยอะอย่างไอ้อิเหนาก็ต้องหมายถึงเรื่องบนเตียงอยู่แล้ว!

ผมอยากจะแสร้งทำหูทวนลมอยู่หรอกนะ แต่มันก็อดหงุดหงิดไม่ได้เลย จนต้องถามออกไปเสียงขุ่น

“ถามจริงๆ เถอะพี่อินทร์ ทำไมถึงชอบแกล้งผมนัก”

“หืม? แกล้งอะไร” คนถูกถามทำเป็นไม่เข้าใจ

“ก็แกล้งพูดว่าตัวเองเป็นเมียพี่บุศย์อะไรแบบนี้อะ ทำไมจะต้องทำตัวเป็นไม้กันหมาด้วย คิดว่าผมชอบพี่บุศย์เหรอ”

พอถามไปแบบนี้ พี่อินทร์ก็นิ่งแล้วพยักหน้า

“ใช่ พี่คิดว่าเราชอบไอ้บุศย์”

ก็จริงนั่นแหละ ผมชอบพี่บุศย์...ไม่สิ รักเลยดีกว่า รักมาตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว ทว่าผมไม่พูดออกไป นอกจากจะถามไปตามตรงอีกครั้ง

“สรุปแล้วที่พี่อินทร์แกล้งผมเป็นเพราะคิดว่าผมชอบพี่บุศย์ เลยทำตัวเป็นไม้กันหมา อ้างตัวเองว่าเป็นเมียพี่บุศย์ว่างั้น?”

ดูท่าทางผมจะเดามาถูกทางแล้ว ถึงพี่อินทร์จะไม่ตอบ ทำเป็นชี้โบ๊ชี้เบ๊ไม่หือไม่อือไปเรื่อย แต่ผมก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดอ่านท่าทางเขาไม่ออก

“ทำไมถึงต้องทำตัวเป็นไม้กันหมาด้วยล่ะ”

เห็นเขาไม่พูดสักที ผมเลยเป็นฝ่ายทำลายความเงียบออกมา พี่อินทร์เอียงคอมองหน้าผม ตอนนี้สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าปรับเข้าสู่โหมดจริงจังแล้ว

“ก็เห็นติดไอ้บุศย์หนึบเลย จะไม่ให้คิดว่าชอบมันได้ยังไง”

“ก็เลยทำตัวเป็นไม้กันหมาว่างั้น?”

ผมส่งเสียงขึ้นจมูก พี่อินทร์ก็เชิดหน้าขึ้น

“มันก็ช่วยไม่ได้ พี่ต้องปกป้องเพื่อนตัวเองไว้ก่อน ถ้าเกิดว่าเรามาเป็นแบบสตอล์กเกอร์เหมือนไอ้เวรนั่นขึ้นมา ไอ้บุศย์มันจะปวดหัวเอา”

พูดมาอย่างนี้ ผมก็พอจะเข้าใจเหตุผลของเขา แต่เดี๋ยวนะ...สตอล์กเกอร์เหมือนไอ้เวรนั่น แสดงว่ามีคนอื่นนอกจากผมชอบพี่บุศย์เหมือนกันเหรอ?

ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าลางสังหรณ์ไม่ดีแปลกๆ ขึ้นมา แต่ก็พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าคงจะไม่มีอะไร ทว่าพี่อินทร์ก็ดันเหลือบเห็นใครบางคน พลันพยักพเยิดให้ผมหันไปมอง

“นั่นไง ไอ้เวรนั่นนี่แหละที่ตามสตอล์กเกอร์ไอ้บุศย์”

ผมหันไปมอง ก่อนสายตาจะปะทะเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่างท่าทางภายนอกก็ดูเป็นผู้ชายปกติดี หน้าตาก็ดีนะ รูปร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำแดดดูสุขภาพดี ดูร่าเริงดีด้วย สังเกตจากการที่เขาพูดคุยกับเพื่อนที่เดินมาด้วยกัน แต่ทว่า...เขากลับทำให้ผมตกตะลึงจนต้องหันไปหาพี่อินทร์อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“พี่อินทร์หมายถึง...คนที่สะพายกระเป๋าสีดำคนนั้นเหรอ”

พี่อินทร์พยักหน้า เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“เออ ไอ้บ้านั่นน่ะแหละ เห็นหน้ามันแล้วของขึ้น ล่าสุดเพิ่งดักรอไอ้บุศย์ที่หน้าหอเมื่อไม่กี่วัน โดนพี่ไล่ตะเพิดไปเนี่ย ตามมาแม่งตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว”

เท่านั้นผมก็ใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที ก็เมื่อกี้ที่ผมมองไปน่ะ จู่ๆ ก็มีแสงสีทองสว่างวาบประกายออกมาจากร่างของเขา ฉับพลันก็มีใบหน้าของใครบางคนที่ผมคุ้นดีปรากฏออกมาให้เห็น

คนคนนั้น...

...วิหยาสะกำ!

มือไม้สั่น ปากก็สั่น ผมทำอะไรไม่ถูก คำถามมากมายตีกันวุ่นในหัวเต็มไปหมด ขณะที่พี่อินทร์ยังคงพูดต่อ

“ไม่รู้แม่งเป็นบ้าอะไร ตามตื๊อไอ้บุศย์ไม่เลิก มันก็ปวดหัวจะแย่ที่มีผู้ชายมาตามติดเป็นตังเมเนี่ย ถึงได้ขอให้พี่ช่วยสอดส่องดูแลให้ ไม่รู้เป็นบ้าอะไรของมัน ทำตัวเหมือนพวกโรคจิต”

ผมเม้มริมฝีปาก พลันความทรงจำในอดีตชาติก็ผุดพรายขึ้นมา

เมื่อครั้งที่ผมยังเป็นจรกา ตอนที่ไปทูลขอนางบุษบาจากท้าวดาหาซึ่งเป็นบิดาเพราะอิเหนาได้ถอนหมั้นไป องค์ปะตาระกาหลา เทวดาต้นวงศ์เทวาของอิเหนาทรงกริ้วอิเหนามาก จึงบันดาลให้วิหยาสะกำ โอรสของท้าวกะหมังกุหนิงหลงใหลในรูปโฉมของนางบุษบาทันทีที่ได้เห็นภาพวาดของนางที่เก็บได้ในป่า ซึ่ง...ภาพวาดนั้นก็เป็นผมเองนั่นแหละที่สั่งให้ช่างเขียนไปวาดรูปมาให้ แต่เจ้าช่างเขียนเซ่อซ่าคนนั้นดันทำรูปตกอยู่ในป่าเสียอย่างนั้น

ดังนั้นวิหยาสะกำเลยอ้อนพ่อให้ไปทูลขอบุษบาจากท้าวดาหา พอไม่ได้เพราะบุษบาหมั้นหมายกับผมแล้ว ก็พากันยกทัพมาหมายจะแย่งชิง ผมซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็กๆ จะไปสู้อะไรได้ เลยต้องเดือดร้อนว่าที่พ่อตาให้ไปขอความช่วยเหลือจากสหายทั้งสี่แคว้นมา อิเหนามาช่วยรบในฐานะแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองกุเรปัน จนสุดท้าย...วิหยาสะกำก็ถูกสังหารโดยทวนของสังคามาระตา น้องชายบุญธรรมของอิเหนา

นั่นแหละ...ที่มาที่ทำให้ผมหันไปเห็นแล้วขนหัวลุกซู่ล่ะ

ทั้งกลัวเพราะในอดีตชาติถูกข่มขู่ด้วยทัพศึก ทั้งเกรงเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้วิหยาสะกำถูกฆ่าตาย แต่อะไรไม่ว่า ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด...

ทำไมสวรรค์ถึงจะต้องให้ไอ้พวกนี้มาเกิดใหม่แล้ววนเวียนอยู่ใกล้ๆ ตัวผมด้วย!

พอจะเข้าใจเรื่องหลักการของกงเกวียนกำเกวียนอยู่ว่าผู้ที่มีความผูกพันทั้งรักและแค้นแต่ชาติปางก่อน หากละทิ้งความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้ก็จะวนเวียนมาบรรจบกันในชาติใหม่ แต่ประเด็นก็คือ...พวกมึงไม่ต้องมาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับกูก็ได้!

ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามบอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร ก่อนที่ความสนใจจะถูกดึงไปเมื่อจู่ๆ พี่อินทร์ก็พูดขึ้น

“เสียดาย หน้าตาก็ดี ไม่น่าเป็นพวกโรคจิตเลย”

เท่านั้นความทรงจำอีกอย่างก็ผุดพรายขึ้นมาในภวังค์ของผมฉับพลัน

ตรัสพลางย่างเยื้องยุรยาตร   องอาจดังไกรสรสีห์

สองระตูตามสเด็จจรลี ไปที่วิหยาสะกำตาย

มาเห็นศพทอดทิ้งกลิ้งอยู่ พระพินิจพิศดูแล้วใจหาย

หนุ่มน้อยโสภาน่าเสียดาย ควรจะนับว่าชายโฉมยง

ทนต์แดงดั่งแสงทับทิม เพริศพริ้มเพรารับกับขนง

เกศาปลายงอนงามทรง เอวองค์สารพัดไม่ขัดตา

กระนี้หรือบิดามิพิศวาส จนพินาศด้วยโอรสา

แม้นว่าระตูจรกา งามเหมือนวิหยาสะกำนี้

จะมิได้ร้อนรนด้วยปนศักดิ์ น่ารักรูปทรงส่งศรี

ตรัสแล้วลีลาขึ้นพาที กลับไปยังที่พลับพลาพลัน

ใช่แล้ว อิเหนาชมโฉมศพวิหยาสะกำ พร่ำเพ้อพรรณนาประมาณว่าวิหยาสะกำมีรูปโฉมงดงาม เป็นหนุ่มน้อย ปากแดง จมูกหน่อย คิ้วคมเข้ม เส้นผมหยักศกเป็นทรงสวย เอวบางอ้อนแอ้นอรชรน่ารักน่าชัง เสียดายที่ต้องมาตายแบบนี้

เหอะ! ว่าเขาอย่างโน้นอย่างนี้ ถ้ารู้ว่าชาติก่อนตัวเองเคยชมเขาว่ายังไงบ้าง เดี๋ยวมีร้อง!

อะไรไม่ว่า ตอนนั้นมีเปรียบเทียบกระทบกระทั่งผมว่าถ้าน่ารักเหมือนวิหยาสะกำ ก็คงจะไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง

แม่ง ขนาดชมคนอื่นยังไม่วายมาแขวะผมอะ ผมเลยโคตรชังน้ำหน้าอิเหนาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ขอโทษเถอะ วิหยาสะกำที่มาเกิดใหม่ในชาตินี้ไม่ได้เอวบางร่างน้อยเหมือนชาติก่อนแล้ว ตัวสูงบึกบึนเหมือนพวกนักกีฬาเลยด้วยซ้ำ ทว่าก็ต้องยอมรับแหละว่าหน้าตาดี ไม่อย่างนั้นพี่อินทร์จะโพล่งออกมาทำไม

“อย่าบอกนะครับว่าที่พี่อินทร์มานั่งกินข้าวที่นี่เพราะจะมาส่องดูวิหยา... เอ่อ...ผู้ชายคนนั้น?”

เกือบจะหลุดพูดชื่อในชาติก่อนออกไปแล้ว ดีที่พี่อินทร์ไม่ได้สนใจ นอกจากจะพยักหน้า

“ใช่ มาดูว่าช่วงนี้มันคิดจะทำอะไรแปลกๆ กับไอ้บุศย์หรือเปล่า”

“แล้วเขาดูเหมือนมีแผนอะไรไหมล่ะครับ”

“ก็ไม่มีนะ ปกติดี”

พี่อินทร์ว่าด้วยท่าทางสบายๆ ผมก็ไม่เข้าใจหรอกว่าไอ้ที่ว่าปกติมันหมายถึงยังไง แล้วตอนที่ไม่ปกติมันเป็นยังไง แต่ก็ไม่คิดจะถามเมื่อเห็นว่าพี่อินทร์คว้าแก้วน้ำที่แทบจะเหลือแต่น้ำแข็งมาดูด ก่อนจะว่าเร็วๆ

“เดี๋ยวพี่ต้องไปละ นัดเพื่อนไว้ อย่าลืมกินข้าว”

จู่ๆ ก็ลุกพรวดไปเลย ทิ้งให้ผมนั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียวอย่างงงๆ

เอาเถอะ ถือเสียว่าภารกิจวันนี้จบสิ้นแล้ว ขอบคุณไปแล้วก็จบกัน ต่อจากนี้ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวหรือสนใจอะไรเขาอีกแล้ว เพราะต่อไปนี้น่ะ...จะมีแต่จรกากับบุษบาเท่านั้น!

ผมเก็บท้องไว้ ตั้งใจจะหิ้วกลับไปกินที่โรงอาหารของคณะกับพี่บุศย์ แต่ทว่าตอนลุกขึ้นจากเก้าอี้ จะเดินกลับออกไปนอกโรงอาหาร สายตาก็ดันเห็นวิหยาสะกำกับเพื่อนๆ ยืนกันอยู่ตรงหน้าทางเข้านั้น

ผมกลืนน้ำลายลงคอเอื้อก ใจสั่นขึ้นมาอีกครั้ง

ความรู้สึกนี้มัน...

...กลัว

ยอมรับตามตรงเลยว่าวิหยาสะกำคืออีกคนหนึ่งที่ผมกลัวรองลงมาจากอิเหนา ทั้งกลัวว่าเขาจะมาแย่งพี่บุศย์ในชาตินี้กับผม แล้วก็กลัวว่าเขาจะมาแก้แค้นที่ผมเป็นต้นเหตุทำเขาถูกฆ่าตาย

แต่...คงจะจำผมไม่ได้หรอกมั้ง ก็มีเพียงแค่ผมเท่านั้นที่จำอดีตชาติได้นี่

จะยังไงก็แล้วแต่ ผมไม่อยู่ที่นี่นานให้ตัวเองเสียสุขภาพจิตหรอก รีบก้มหน้าก้มตาก้าวเดินผ่านหน้าไปให้จบๆ จะดีกว่า

คิดได้เท่านั้นก็จ้ำพรวดๆ ไปทันที ทว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะพอผมเดินผ่านหน้าของศัตรูในอดีตชาติไปปุ๊บ จู่ๆ เสียงพูดคุยกับเพื่อนของวิหยาสะกำก็เงียบลง มีเพียงเสียงของเพื่อนเขาที่ดังขึ้น

“มีอะไรวะไอ้วิญ”

“นั่น...”

นั่นอะไรก็ไม่รู้ ผมรีบก้าวยาวกว่าเดิมแล้ว แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อร่างใหญ่ของใครบางคนมาดักหน้าไว้ พอผมหยุดฝีเท้า เงยหน้าขึ้นมามองก็ต้องเหงื่อกาฬแตกซิกไปทั่วทุกซอกหลืบเมื่อเห็นว่าตรงหน้าผมน่ะคือ...

วะ...วิหยาสะกำ

ผมเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที ขณะที่มันมองหน้าผมด้วยสายตาที่ยากจะอ่าน ดูโกรธแต่ก็ไม่แน่ใจนัก ดูเหมือนสนใจแต่ก็ไม่เชิงสักเท่าไร ผมเลยตัดสินใจรีบโพล่งออกไปเพื่อเอาตัวรอดก่อน ไอ้นี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่น่าไว้ใจพอๆ กับอิเหนาเช่นกัน

“ขะ...ขอทางด้วยครับ ผมรีบไป”

ผมว่าเร็วๆ จนลิ้นแทบพันกัน แต่วิหยาสะกำก็ไม่หลีกทางให้ ยืนแข็งทื่อเป็นหิน ผมเลยเบี่ยงตัวหมายจะหลบแทน ทว่าเขาก็เอ่ยขึ้นมาก่อน

“โคตร...”

ผมนิ่งงัน มองหน้าอีกฝ่ายด้วยใจเต้นระทึก ก่อนคำพูดหลังจากนั้นจะดังออกมา

“...น่ารักเลย”

เอ๋?

งุนงงไปชั่วขณะ เหมือนจะได้ยินอะไรผิดไปอยู่นิดๆ

เมื่อกี้วิหยาสะกำพูดว่า...

“ชื่ออะไรเหรอครับ”

เอาล่ะ คราวนี้ชัดเจน ไม่ได้ฟังผิดไปอย่างแน่นอนเมื่อเขารัวคำพูดออกมาเร็วๆ ยิ้มกว้างโปรยเสน่ห์ใส่ผมสุดชีวิต

“หรือถ้าไม่อยากบอกตอนนี้ แลกไลน์กันไว้ก็ได้นะ ไว้ค่อยไปบอกเราในไลน์ก็ได้”

ไม่พูดเปล่า คว้าโทรศัพท์ขึ้นมารอแลกไลน์กับผมแล้วเรียบร้อย ขณะที่ผมยังคงมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตาอยู่

ดะ...เดี๋ยวนะ

วิหยาสะกำจะมาจีบจรกาด้วยการหลอกขอไลน์ไม่ได้นะโว้ย!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel