จรกาคนงาม

258.0K · จบแล้ว
หนูแดง
97
บท
455
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

รูปก็ชั่ว นามก็ไม่เพราะ อีกทั้งเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็กๆ ศักดินาต้อยต่ำ จึงต้องสูญเสียนางอันเป็นที่รักไปให้กับศัตรูหัวใจ มิหนำซ้ำยังถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวร้าย’ อีก ‘จรกา’ ผูกใจเจ็บมาตั้งแต่ชาติก่อน เมื่อเกิดใหม่ในชาตินี้เป็น ‘จิระ’ หนุ่มน้อยรูปงาม นามเพราะ เสน่ห์เหลือร้าย เขาจึงได้รับพรให้ระลึกถึงผู้เป็นที่รักในอดีตได้เพื่อครองคู่กับนางบุษบาในชาตินี้ แต่ทว่า...ดูเหมือนสวรรค์จะไม่เมตตาเขาถึงที่สุดสักเท่าไร เพราะนอกจากจะส่งเขากับบุษบามาเกิดแล้ว ยังส่งเจ้าตัวร้ายอย่าง ‘อิเหนา’ มาในคราบเดือนมหาวิทยาลัยอย่าง ‘อินทรา’ ด้วย จะจองเวรจองกรรมกันมากเกินไปแล้ว! ไม่รู้ล่ะ ไม่ว่ายังไงชาตินี้เขาก็ต้องได้ครองนางบุษบาให้จงได้!

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายYaoiเกิดใหม่18+โรแมนติกตลก

Chapter 00: จรกา บุษบา และอิเหนา

ในลักษณ์นั้นว่าจรกา รูปชั่วต่ำช้าทั้งศักดิ์ศรี

ทรลักษณ์พิกลอินทรีย์ ดูไหนไม่มีจำเริญใจ

เกศานาสิกขนงเนตร สมเพชพิปริตผิดวิสัย

เสียงแหบแสบสั่นเป็นพ้นไป รูปร่างช่างกระไรเหมือนยักษ์มาร

เมื่อยิ้มเหมือนหลอกหยอกเหมือนขู่ ไม่ควรคู่เคียงพักตร์สมัครสมาน

ดังกากาจชาติช้าสาธารณ์  มาประมาณหมายหงส์พงศ์พระยา

แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย อย่ามีคู่เลยจะดีกว่า

เป็นความขุ่นเคืองอย่างถึงที่สุดของผมเลยหลังจากได้อ่านบทประพันธ์เรื่องอิเหนาถึงตอนที่อิเหนาวิจารณ์หน้าตาของจรกาให้บุษบาได้อ่านโดยการเขียนบรรยายรูปลักษณ์ไว้บนดอกลำเจียก ผมคว่ำชีทในมือลงบนโต๊ะอย่างหัวเสีย

ให้ตายเถอะ! ทำไมถึงต้องมานั่งเรียนบทประพันธ์ที่พร่ำพรรณนาด่าตัวเองกันด้วยนะ!

ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ พยายามทำความเข้าใจว่าเพราะผมเป็นเรียนเอกภาษาไทย มันหนีไม่พ้นที่จะต้องเรียนพวกวรรณคดีไทยอะไรแบบนี้อยู่แล้ว

ส่วนเรื่องที่ทำให้ผมหัวเสียน่ะเหรอ? อย่างที่บอกว่าผมหงุดหงิดที่ต้องมาอ่านบทประพันธ์บริภาษรูปร่างหน้าตาตัวเอง และใช่...

...ผมคือจรกา

อาจจะฟังดูงงๆ หรือน่าเหลือเชื่อไปหน่อย แต่จรกาคือตัวผมในชาติที่แล้ว ถึงแม้ว่าวรรณคดีเรื่องอิเหนาจะเป็นเรื่องที่ถูกประพันธ์ขึ้นมาในภายหลัง แต่เดิมทีก็มีเค้าโครงมาจากนิทานปันหยี ซึ่งเป็นวรรณคดีของชาวชวาในสมัยครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี

อิเหนาปันหยีรัตปาตี...

ถูกต้อง ผมหมายถึงเรื่องนี้นี่แหละ และอย่างที่บอก...ผมเป็นตัวร้าย

มันอาจจะดูเหลือเชื่อไปหน่อยที่ผมบอกว่าตัวเองเป็นจรกากลับชาติมาเกิด แต่ใครจะรู้บ้างว่าทุกตำนานที่ถูกเล่าต่อกันมาสืบลูกสืบหลานกันเนี่ย ส่วนใหญ่ล้วนมีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงเท่านั้น เรื่องอิเหนาก็เช่นกัน

อันที่จริงการถูกใส่ความว่าเป็นตัวร้ายมันไม่ใช่เพราะนิสัยหรือผมไปทำชั่วอะไรมาหรอกนะ กลายเป็นตัวร้ายเพราะเหตุผลเดียวเท่านั้น...ไม่หล่อ

รูปชั่ว ตัวดำ นามไม่เพราะ ตัวใหญ่เป็นยักษ์เป็นมาร ขนดกดำ เสียงแหบแห้ง เท่านี้ก็ทำให้ผมดูเป็นคนชั่วไปแล้ว ยิ่งผมไปหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยแม้แต่จะชายตามองผมด้วย ความชั่วช้าของผมก็ทวีมากขึ้นเข้าไปใหญ่

ถูกรังเกียจเพราะขี้เหร่ไม่ว่า ดันเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็กๆ เทียบเท่ากับอิเหนาที่อยู่ในราชวงศ์ใหญ่โตไม่ได้ พอถูกกลั่นแกล้งทีก็โดนคนนั้นรุมคนนี้รุม ลุกขึ้นสู้ขึ้นมาบ้าง จุดจบก็เลยไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก และแน่นอนว่าผู้ชนะย่อมเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ ผมเลยได้กลายมาเป็นตัวร้ายอย่างที่เห็น

เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นความผิดของอิเหนา ผมเลยผูกใจเจ็บข้ามภพข้ามชาติ โชคดีที่สวรรค์เห็นใจ ให้ผมมาเกิดใหม่พร้อมกับให้พรหนึ่งประการ... พรที่ทำให้ระลึกชาติได้ และทำให้ผมจำทุกคนในชาติที่ผมเป็นจรกาได้

มีประโยชน์มากกก เพราะมันจะทำให้ผมได้เจอกับบุษบาอีกครั้ง ส่วนอิเหนา... ช่างหัวมันเถอะ ในเมื่อชาตินี้ผมไม่ได้เป็นจรกาอีกต่อไปแล้ว รูปก็ไม่ชั่ว ตัวก็ไม่ดำ มิหนำซ้ำยังหล่อน่าลาก ต่อให้มาใส่ไฟบุษบาว่าหน้าตาอย่างโน้นอย่างนี้ ผมก็ไม่สนใจแล้ว ก็ตอนนี้น่ะ ผมคือ...

“น้องจิ”

...จิระ เฟรชชี่น้องใหม่ของคณะศิลปะศาสตร์ ซึ่งได้ชื่อว่าน่ารักน่าชังที่สุดในไตรมาสนี้

“ครับ”

ผมหันไปขานรับรุ่นพี่คนหนึ่งที่เทียววนเวียนมาหาผมที่คณะทุกวี่ทุกวัน ขณะที่พี่... เอ่อ ชื่ออะไรก็ไม่แน่ใจนักยิ้มหวานให้

“กินอะไรหรือยังครับ เห็นนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว พี่กลัวหิว ก็เลยซื้อขนมมาฝาก”

ถามผมแท้ๆ ยังไม่ทันตอบก็สรุปเองเออเองเสร็จสรรพพร้อมกับยื่นขนมจากร้านเบเกอร์รี่ในมหา’ลัยมาให้ตรงหน้า ผมยิ้มรับ ขอบคุณไปตามมารยาท ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าที่เขาบอกว่าเห็นผมนั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว คงเป็นเพราะแอบดูผมมาตั้งแต่เมื่อครู่

แต่...แค่คนเดียวมันจะไปสมกับคำเลื่องลือว่าผมน่ารักน่าชังได้ยังไง มันต้องมีอีก

ไม่ทันไรก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น

“น้องจิ ไม่เห็นไปที่โรงอาหารเลย ไม่กินข้าวเหรอครับ”

คนนี้ก็...ชื่ออะไรก็ไม่รู้ ผมจำไม่ได้หรอก วันๆ มีรุ่นพี่ผู้ชายทั้งจากคณะตัวเองและคณะอื่นมาเกาะแกะอยู่หลายคน มากหน้าหลายตาขนาดนี้ใครจะไปจำได้ แต่สองคนนี้ผมจำได้อยู่อย่างหนึ่งนะ... ทั้งคู่เป็นรุ่นพี่คณะผม

“พอดีจิต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบควิซคาบบ่ายน่ะครับ”

“ขยันจังเลย~”

สองคนนั้นขานรับ สีหน้านี่ดูออกเลยว่าเอ็นดูผมสุดฤทธิ์ ขณะที่ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ

ไม่ให้หัวเราะแห้งๆ ได้ยังไงล่ะ ทั้งที่ชาตินี้เกิดมามีรูปงามแท้ๆ ทำไมถึงได้มีแต่ผู้ชายมาติดพันวะ! ผู้หญิงไปไหนกันหมด!

ออกตัวเลยว่าผมไม่ได้มีรสนิยมอย่างนั้น ไอ้เรื่องที่รุ่นพี่ผู้ชายมาเจ๊าะแจ๊ะทั้งวี่ทั้งวันนี่ก็ชวนให้รำคาญใจเหมือนกัน แต่จะไปโวยวายก็ไม่ได้ ผมต้องคีพลุคน้องใหม่น่ารักนิสัยดีเข้าไว้ จะได้เป็นที่น่าเอ็นดูของพวกรุ่นพี่ เพราะในอนาคต ผมคงต้องพึ่งพาเจ้าพวกนี้เรื่องเรียนแน่ๆ

“ควิซวิชาอะไรล่ะ” หนึ่งในนั้นร้องถามขึ้นมา ไม่ทันที่ผมจะตอบ ก็ถือวิสาสะหยิบเอาชีทบนโต๊ะไปพลิกดูแล้ว “เอ๋ วิชาวรรณคดีไทยเหรอ ให้พี่ติวให้ไหม เรื่องอิเหนานี่พี่โปรฯ นะ”

“ให้พี่ติวให้ก็ได้ พี่โปรฯ กว่า ไม่ได้โปรฯ แค่เรื่องอิเหนาด้วย เรื่องอื่นก็โปรฯ”

“ตลกละครับคุณ ผมมาก่อนนะครับ”

แล้วสองคนนั้นก็แขวะกันไปมาตามประสา พวกรุ่นพี่คณะผมส่วนใหญ่จะรู้จักกัน ถึงจะไม่ได้เป็นเพื่อน อยู่คนละชั้นปี แต่ก็จำหน้าค่าตากันได้เพราะผู้ชายคณะผมน่ะ...มีน้อยเหลือเกิน แล้วไอ้ส่วนน้อยนี่ก็นั่นแหละ...ถ้าไม่มีแฟนแล้ว ก็มาเกาะผมเป็นตังเมอย่างที่เห็นเนี่ย

“ไม่เป็นไรครับ จิอ่านเองดีกว่า”

ผมแย่งชีทจากมือรุ่นพี่คนนั้นมาถือ อยากจะลุกไปจากตรงนี้เต็มแก่ แต่ทั้งสองคนก็ไม่ยอมให้ผมลุก มิหนำซ้ำคนหนึ่งยังถามผมด้วยน้ำเสียงเง้างอดตัดพ้อ

“เมื่อไรจิจะยอมใจอ่อนกับพี่สักที พี่ตามจีบจิมานานแล้วนะ”

สาบานเลยว่าไม่นาน แค่เข้าเดือนที่สองตั้งแต่เปิดเทอมมา

“นั่นสิ พี่เปย์ให้จิได้หมดเลยนะถ้าจิยอมเป็นแฟนพี่ จะดูแลเป็นอย่างดีเลย”

เปย์แต่ขนมน่ะสิ

ผมยิ้มฝืนๆ ออกมา อึดอัดใจอยู่ไม่น้อย ก่อนที่คิดจะปฏิเสธเหมือนเดิม แต่ทว่า...

“อ๊ะๆ ห้ามปฏิเสธ ตอบมาก่อนว่าทำไมถึงไม่ใจอ่อนสักที”

“ใช่ๆ เลิกหนีพี่เถอะ ชอบหรือไม่ชอบก็บอกมาเลยตามตรง พี่จะได้ทำใจไว้ล่วงหน้า”

ความจริงควรทำใจตั้งแต่คิดมาจีบผู้ชายที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือไม่เป็นเกย์แล้วโว้ย!

แต่จะให้พูดตรงๆ ผมก็ลำบากใจ ได้แต่อึกๆ อักๆ

“คือ...จิไม่ได้ชอบผู้ชาย”

ตรงได้แค่เรื่องนี้แหละ คำพูดนี้ทำเอาทั้งสองคนตีหน้าเรียบ

“ลองเปิดใจหน่อยไหมน้องจิ”

“บางทีมีแฟนเป็นผู้ชายอาจจะดีกว่าผู้หญิงก็ได้นะ”

ไม่เอาโว้ย! ถ้าจะเป็นแฟนกับผู้ชายนะ มีคนเดียวเท่านั้นแหละที่ผมจะยอมเป็นแฟนด้วย คนนั้นน่ะคือ...

“เอ้า จิ พี่ก็หาตั้งนาน มาอยู่นี่เอง”

...บุษบา

ผมมองตามเจ้าของเสียง พอเห็นว่าเป็นพี่รหัส ผมก็ยิ้มกว้างออกมา

“พี่บุศย์~”

ร้องเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงระรื่นมากด้วย ทำเอารุ่นพี่สองคนนั้นเบ้หน้าเป็นการใหญ่ ก็ทุกครั้งที่พี่บุศย์โผล่มา ผมมักแสดงท่าทางระริกระรี้นี่นา ทำไงได้ล่ะ ก็พี่บุศย์น่ะ ชาติก่อนเขาคือบุษบา ผู้หญิงที่ผมรักนี่

ตอนแรกก็ไม่คิดหรอกว่าจะได้เจอกับบุษบาเร็วขนาดนี้ เหมือนสวรรค์จะช่วยผมยังไงก็ไม่รู้ สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ตั้งใจได้ไม่พอ ยังจะได้พี่รหัสเป็นบุษบาอีก เพียงแต่ชาตินี้...บุษบาเป็นผู้ชาย

ผู้ชายก็ช่างมันเถอะ ไอ้ที่ว่าไม่ได้เป็นเกย์ จะยอมเป็นก็ได้ถ้าได้คนตรงหน้ามาเป็นแฟน

ผมยิ้ม มองผู้ชายใส่แว่น เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน หน้าตาท่าทางเรียบร้อยด้วยความชื่นใจ

จริตมารยาทยังคงงดงามอ่อนช้อยเหมือนเดิมแม้ว่าจะเป็นผู้ชาย ดีงามจริงๆ

“ส่งข้อความหาพี่ มีอะไรหรือเปล่า”

พี่บุศย์ถามเมื่อมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะ ผมยิ้มกว้างให้มากกว่าเดิม

“จิอยากให้ช่วยติวก่อนเข้าควิซให้หน่อยนะครับ”

“วิชาวรรณคดีไทยใช่ไหม” พอผมพยักหน้า พี่บุศย์ก็ตอบรับ “ได้สิ”

พอพี่บุศย์พูดอย่างนี้ ผมก็ไม่รอช้ารีบหันไปบอกรุ่นพี่ทั้งสองคนนั้นที่นั่งทำหน้าเซ็ง

“จิขอตัวก่อนนะครับ”

ทั้งสองพยักหน้า เหมือนเป็นเรื่องที่คุ้นชินไปแล้วว่าถ้าพี่บุศย์โผล่มา พวกเขาก็จะตกกระป๋องทันที อยากจะขอโทษเหมือนกันนะ แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ นี่นา

“แล้วจะไปนั่งติวที่ไหนดีครับ”

พอลุกมาได้ ผมก็ร้องถามพี่บุศย์ เขาทำท่าครุ่นคิดไปเล็กน้อย

“ร้านกาแฟหลังตึกคณะไหม พี่ตั้งใจจะไปที่นั่นพอดี”

ผมพยักหงึกหงัก เดินตามเขาไป ระหว่างทางก็ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย พี่บุศย์ฟังพลางกลั้วหัวเราะเป็นระยะ รอยยิ้มที่มอบให้ผมในชาตินี้เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่เคยได้เห็นเลยในชาติที่เป็นจรกา

น่าดีใจอะไรอย่างนี้นะ...

ไม่นานนักเราก็เดินมาถึงร้านกาแฟ ภายในร้านไม่ค่อยมีคนสักเท่าไรนัก ร้านนี้มักเป็นอย่างนี้ประจำเพราะตัวร้านตั้งอยู่ในซอกหลืบ แต่เรื่องนั้นก็ไม่ได้สำคัญ ดีเสียอีกที่ไม่ค่อยมีคนด้วย เพราะการใช้เวลาอยู่กับพี่บุศย์จะได้ไม่วุ่นวาย ผมวาดฝันไว้ว่าจะใช้เวลาช่วงพักเที่ยงกับพี่บุศย์ให้เต็มที่ แต่ทว่าเสียงของพี่บุศย์ที่เปล่งเสียงออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้นก็ทำให้ผมต้องชะงัก

“โทษทีมึง รอนานไหม”

เขาร้องทักผู้ชายคนหนึ่งในชุดไปรเวทซึ่งนั่งอยู่ด้านในสุดของร้าน ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา พยักหน้ารับส่งๆ ไป ส่วนหน้าตาของเขา...จัดว่าหล่อขั้นเทพ ขนาดผมที่เป็นผู้ชายยังอดมองนานไม่ได้

ผมยาวระต้นคอ เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนขาดๆ รองเท้าผ้าใบ เป็นการแต่งตัวที่ธรรมดาแต่โคตรน่ามองเลย เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมตะลึงงันได้เท่ากับตอนที่เดินเข้ามาใกล้แล้วได้เห็นหน้าเขาชัดๆ

“นี่จิระ น้องรหัสกู เรียกสั้นๆ ว่าจิ ส่วนนี่อินทรา จิจะเรียกว่าอินทร์ก็ได้ รูมเมทพี่เอง”

นะ...นี่มัน...อิเหนา!

แสงรัศมีเปล่งประกายออกจากร่างกายของเขา ภาพใบหน้าของอิเหนาในอดีตชาติเผยขึ้นทับซ้อน สิ่งนี้เป็นพรที่ทำให้ผมรู้ว่าใครเป็นใครจากในอดีตชาติ

ผมนิ่งงัน ทำอะไรไม่ถูก ขณะที่ไอ้อิเหนาหรืออินทราอะไรในชาตินี้พยักหน้าให้ผมทีหนึ่ง

“หวัดดีจิ”

ไม่ต้องมาญาติดีกับกูเลยไอ้อิเหนา! ยังเคืองเรื่องชาติที่แล้วอยู่นะเว้ย!

ให้ตายเถอะ ทำไมฟ้าส่งผมมาเจอบุษบาแล้ว ยังจะส่งไอ้ตัวร้ายนี่มาด้วย

ไม่ตลกเลยนะ!