บท
ตั้งค่า

Chapter 05: ทำไมจิระไม่อ่อนโยน[2]

คนละไข่แดงแล้วเว้ย!

ผมทนไม่ไหวแล้ว ตีมือลงบนโต๊ะดังปึง ทำเอาคนในร้านหันมามองกันหมด ดีนะที่คนไม่เยอะเลยไม่ได้สนใจอะไรมาก พี่อินทร์ก็หันไปโปรยยิ้มให้คนอื่นไปทั่วเป็นการไกล่เกลี่ยสถานการณ์ พร้อมกับบอก...

“ไม่มีอะไรครับ ผมกำลังเคลียร์กับน้องเขาอยู่ พอดีเผลอตัวเผลอใจไปเจาะไข่แดงน้องเขานิดหน่อย ผมเป็นลูกผู้ชายพอ กำลังเสนอตัวรับผิดชอบครับ ไม่ต้องสนใจๆ”

กูบอกแล้วไงว่ามันคนละไข่แดง ไอ้ที่มึงเจาะน่ะมันไข่แดงของไข่ดาวในจานข้าวกูเว้ย!

แทนที่จะทำให้คนอื่นเลิกสนใจ กลายเป็นว่าสนมากกว่าเดิมอีก บางคนก็พากันหัวเราะคิกคักด้วย ส่วนผมก็แทบมุดจานข้าวผัดกระเพราหนีอายแล้ว

อิเหนามึงเป็นบ้าเหรอ! โอ๊ย!

ผมเองก็บ้าที่ดันไปเห็นเขาหล่อ แถมยังมองว่าเป็นคนดีตอนเขาเสนอตัวกินใบกระเพราให้ ภาพลวงตาชัดๆ เลย!

“เอาล่ะจิ พี่จะจริงจังละ”

“ควรจริงจังตั้งนานแล้วล่ะครับ”

ผมโพล่งออกมา ชักรำคาญแล้ว อยากให้เรื่องมันจบๆ ไปสักที พี่อินทร์ก็คงเห็นผมเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้วล่ะมั้งถึงได้เข้าโหมดจริงจังสักที

“สรุปแล้วจิโกรธพี่เพราะถูกพี่จูบจริงๆ ใช่ไหม”

ผมพยักหน้า ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ

“ทำไมล่ะ”

“ยังจะถามอีกเหรอครับว่าทำไม ผมไม่ได้เต็มใจนี่”

ผมว่าไปตามตรง พี่อินทร์พยักหน้า ก่อนอธิบายออกมา

“สถานการณ์มันพาไปน่ะนะ ก็ความผิดพี่แหละ อันนี้ไม่เถียง แต่พี่อยากจะอธิบายอะไรให้จิฟังหน่อย จะฟังไหม”

ผมพยักหน้าส่งๆ พี่อินทร์ก็พูดต่อ

“พี่กลัวว่าถ้าไม่แสดงออกไปตามตรงว่าเราเป็นอะไรกัน เดี๋ยวไอ้เวรนั่นจะมาตามติดจิเหมือนกับที่ตามไอ้บุศย์ ก็เลยต้องสมบทบาทหน่อย”

“แสดงว่าพี่อินทร์ก็จูบพี่บุศย์เหมือนกันเหรอครับ”

ผมย่นคิ้วยู่เลย ทว่าพี่อินทร์ส่ายหน้าพรืด

“ไม่อะ เดี๋ยวก็ได้คันคะเยอพอดี แค่อ้างตัวว่าเป็นเมียมันเฉยๆ แต่ไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไร”

ได้ยินดังนั้น ผมก็โล่งใจเป็นปลิดทิ้ง ดูจากท่าทางของพี่บุศย์ที่แสดงออกต่อพี่อินทร์แล้ว ดูท่าในชาตินี้พวกเขาคงลืมกันไปแล้วล่ะว่าชาติก่อนเป็นผัวเมียร่วมเคียงกัน

“ไม่ได้ผลยังไงเหรอครับ”

“ก็...ไอ้หมอนั่นมันไม่เชื่อไง เลยมาตามติดไอ้บุศย์แจเหมือนเดิม จะให้พี่ไปสวมบทบาทเป็นเมียมัน ถูกมันจูบไรงี้ก็ไม่ไหวอะ ขยะแขยง”

ผมว่าพี่บุศย์สมควรขยะแขยงเขามากกว่า เผลอเบ้หน้าออกมาเลย แล้วก็อดค่อนแคะไม่ได้

“สวมบทบาทเป็นเมียแล้วขยะแขยง แต่พอเป็นผัวนี่อินเกินเบอร์เลยนะครับ”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็พยักหน้าเร็วๆ “ถึงได้เจาะไข่แดงน้องจินี่ไง”

บอกแล้วไงว่ามันคนละไข่แดงแล้วเว้ย!

“พูดให้มันถูกๆ หน่อยพี่อินทร์ ไข่แดงของไข่ดาวต่างหาก ไม่ใช่ไข่แดงของผม”

“ไข่แดงของไข่ดาวของน้องจิ เรียกสั้นๆ ว่าไข่แดงน้องจิ มีอะไรผิดไปเหรอ”

ไม่เถียงกับคนบ้าแล้วดีกว่า ผมรวบช้อนส้อมเข้าหากันทั้งที่ยังไม่ได้กินสักคำ กะว่าจะหนีขึ้นห้องแล้ว แต่พอร้องเรียกป้าเจ้าของร้าน...

“ป้าครับ ค่าข้าว...”

พี่อินทร์ก็ลุกพรวดไปชิงจ่ายค่าข้าวให้เรียบร้อย พอรับเงินทอนเสร็จ ก็หันมายักคิ้วให้ผม

“พี่บอกแล้วไงว่าพี่จะรับผิดชอบ”

ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอะไร ผมเลยว่าห้วนๆ ไป

“ขอบคุณครับ”

แล้วก็รีบเดินออกจากร้าน ตรงไปที่ประตูทางเข้าหอ หยิบคีย์การ์ดขึ้นมาจะเข้าไปข้างใน ทว่าก็ยังไม่เปิดประตูด้วยเห็นว่าพี่อินทร์เดินตามมา ผมไม่อยากให้เขาเดินตามขึ้นไปข้างบนก็เลยยืนรอก่อน ดูว่าเขาจะเดินเข้ามาหาไหม ซึ่งก็จริง...เขาเดินมาหา

“มีอะไรอีกล่ะครับ”

ผมหันไปกระชากเสียงถาม พี่อินทร์เดินมาหยุดหน้าผม ส่งยิ้มกว้างให้

“แล้วเราจะหายโกรธพี่ได้หรือยัง”

“เรื่องอะไร”

“เรื่องที่พี่...เราไง” เอานิ้วแตะที่ริมฝีปากตัวเองเป็นการบอกให้ผมรู้ว่าเรื่องอะไร

ผมว่าผมควรบอกเขาไปตามตรงว่าผมไม่โอเคกับเรื่องนี้ จะให้มายกโทษกันง่ายๆ มันไม่ใช่เรื่อง

“บอกตามตรงนะครับพี่อินทร์ ผมสะเทือนใจมากอะ ยกโทษให้ง่ายๆ ไม่ได้หรอก”

พอบอกไปอย่างนั้น พี่อินทร์ก็ทำปากยื่น

“ทำไมจิระไม่อ่อนโยนกับอินทราเลย”

ก็มึงมันกวนตีนอย่างนี้ ใครมันจะไปอ่อนโยนด้วยลงวะ!

ผมพ่นลมหายใจแรงๆ ใส่ ก่อนที่พี่อินทร์จะโพล่งขึ้นมาอีก

“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ยกโทษให้ใช่ไหม”

ผมนิ่งไปครู่ อยากจะตะโกนใส่หน้าเหลือเกินว่า ‘ใช่! ไม่มีวันโว้ย!’ แต่ดูแล้วถ้าตอบไปอย่างนั้น สงสัยเรื่องจะไม่จบ เขาไม่ยอมกลับไปง่ายๆ แน่ เลยตอบไปอีกอย่าง

“อือ แต่ขอเวลาผมหน่อย”

เท่านั้นพี่อินทร์ก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟัน ยื่นมือมาบิดปลายจมูกผมเบาๆ

“ก็ยังดีกว่าไม่ยอมยกโทษให้เนอะ”

ความอุ่นร้อนจากปลายนิ้วสากแล่นผ่าน เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าคนตรงหน้าผมโคตรจะหล่อเลย ไม่แปลกใจสักนิดว่าทำไมเมื่อชาติที่แล้ว ใครต่อใครก็ได้หลงรักเขานักหนา

หล่อแบบนี้ อ่อนโยนแบบนี้ กะล่อนแบบนี้ ทะลึ่งทะเล้นแบบนี้ สงสัยจะเป็นสเปกหนุ่มๆ สาวๆ มาตั้งแต่โบราณกาลล่ะมั้ง

แต่...

...ไม่ใช่ผมเว้ย!

ผมสะบัดหน้าหนี พี่อินทร์หัวเราะให้กับท่าทางนั้น ก่อนจะโดนผมไล่

“กลับไปได้แล้วครับ ผมจะขึ้นห้องแล้ว”

ดีที่พี่อินทร์ไม่ตอแยอะไรอีก

“ไว้เจอกันที่ ม.พรุ่งนี้”

โบกมือบ๊ายบายแล้วเดินไปขึ้นรถตัวเอง ขับออกไป ปล่อยให้ผมมองตามพร้อมกับใบหน้าที่ค่อยๆ ร้อนผะผ่าวขึ้นมาเมื่อนึกถึงสัมผัสเมื่อครู่

สงสัยจะเป็นไข้...

คิดเข้าข้างตัวเองไปอย่างนั้นแหละ ผมรู้ดีว่าอาการนี้มันคืออะไร

ไม่ได้ครั่นเนื้อครั่นตัว แต่หน้าร้อน...

ยิ่งพอหันกลับมาเห็นเงาตัวเองที่สะท้อนบนกระจกเงาบานใหญ่ที่เจ้าของหอแขวนเอาไว้ไล่สิ่งชั่วร้ายตามความเชื่อของคนจีน ผมก็ต้องเม้มริมฝีปากแน่น

หน้าแดงแจ๋เลย...

พอได้สติ ผมก็รีบใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเข้ามาด้านใน ในหัวบอกกับตัวเองเป็นพัลวัน

จรกาจะเผลอไผลไปกับความอ่อนโยนของอิเหนาไม่ได้ บุษบา...บุษบา...บุษบา... ใจของผมมีแต่บุษบาคนเดียวต่างหากเล่า!

แต่...ก็บังคับให้หัวใจของตัวเองหยุดเต้นแรงไม่ได้เลย ให้ตายสิ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel