บท
ตั้งค่า

บทที่ 14 ศิษย์คนที่สอง

ซูเวิ่นจิ่วออกจากภูอาสน์มู่

แล้วเร่งเดินทางกลับไปยังหุบเขาฉาเซียะ

บินอยู่ตรงขอบฟ้า 

มองดูสำนักเซียนเจียงที่ค่อย ๆ เล็กลง ผ่านไปนานมาก จิตใจนางก็ไม่อาจสงบลงไปได้ 

ไม่มีผู้ใดคาดถึงเลยว่าในสำนักเล็ก ๆ เช่นนี้ จักมีผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เช่นนี้ซ่อนเร้นอยู่คนหนึ่ง 

เดิมทีนางที่เจริญเติบโตอยู่ภายใต้ออร่าตัวเอกค่อนข้างเย่อหยิ่ง 

แต่การเดินทางในครั้งนี้ ก็ทำให้นางเข้าใจสักทีว่าอะไรคือเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือเมฆยังมีเมฆ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง ออร่าตัวเอกของตัวเองก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยด้วยซ้ำ

ยังไม่ต้องพูดถึงจงชิง แค่ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของศิษย์อย่างหลินเฟิง คาดว่านางคงไล่ตามไม่ทันด้วยซ้ำ 

หลังจากกลับไปต้องไปให้ผู้คนในสำนักทราบว่าอย่าริอ่านรุกรานสำนักเซียนเจียง!

วันเวลาค่อย ๆ ผ่านพ้นไป

ใช้เวลาไม่ถึงเดือนครึ่ง น้ำแข็งบนแผ่นดินใหญ่ก็ค่อย ๆ หลอมละลาย อุณหภูมิก็อบอุ่นขึ้น

แสงแดดสาดส่องลงปฐพีใหญ่ ต้นไม้ใบหญ้าจึงค่อย ๆ งอกขึ้นมาจากพื้นดิน ใกล้จะถึงฤดูกาลที่สรรพสิ่งกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งแล้ว

จงชิงที่อยู่ในชุดคลุมยาวขาวกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้นอน พลางเพลิดเพลินกับผลการฝึกตนของตัวเอง 

「โฮสต์จงชิง」

「ผลการฝึกตน แดนจันทราเสวียน」

「ศิษย์ หลินเฟิง ผลการฝึกตนก่อนฟ้าสูงสุด กำลังเปิดใช้พลังเสริมร้อยเท่า」

「กระตุ้นพัฒนาการผู้แพ้สำเร็จ 12」

「ฐานกายที่ได้รับ ไม่มี」

「ทักษะพิเศษที่ได้รับ วงรัศมีทรงศักดิ์ เนตรฟ้า」

นับตั้งแต่รับหลินเฟิงเป็นศิษย์แล้วเปิดพลังเสริมพันเท่าในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงหนึ่งเดือน จงชิงที่อาศัยผลการฝึกตนที่ได้รับคืนจากหลินเฟิงก็บรรลุจากแดนดาราเสวียนถึงแดนจันทราเสวียนในปัจจุบันโดยตรง

หากระดับความเร็วเช่นนี้ถูกดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ ต้องทำให้จำนวนคนที่นับไม่ถ้วยอิจฉาแน่นอน 

อาทิเช่นซูเวิ่นจิ่วที่ประสบพบเจอในก่อนหน้านี้ มาตรแม้นว่านางก็อยู่ในแดนจันทราเสวียนเช่นกัน แต่นางเริ่มปูพื้นฐานตั้งแต่ตอนที่ตัวเองยังเดินไม่ได้แล้ว บวกกับมีการบ่มเพาะอย่างทุ่มสุดกำลังสามารถของหุบเขาเฉาเซียะ นางถึงจะบรรลุขึ้นมาถึงแดนอย่างทุกวันนี้ได้ 

และเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จงชิงกลับชิลล์สบายกว่ามาก 

และผลการฝึกตนในปัจจุบันของหลินเฟิงก็บรรลุถึงก่อนฟ้าสูงสุดแล้ว ห่างจากแดนทิวาเสวียนอีกเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น ขอแค่ก้าวเข้าสู่แดนทิวาเสวียน ก็จักอยู่ในหมู่ยอดฝีมือที่แท้จริง

“แม้นความเร็วจะเร็วมากแล้ว แต่ก็ต้องรีบหาศิษย์ผู้แพ้คนที่สองให้เจอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้”จงชิงพูดพึมพำอย่างอดไม่ได้

อย่างไรเสียระหว่างพันธนาการผู้แพ้ 12 และ 22 ผลการฝึกตนที่อาจารย์อย่างเขาได้กลับคืนมาก็ต่างกันพันเท่ากับหมื่นเท่าเลย!

แต่ว่าช่วงนี้จงชิงก็เคยศึกษาค้นคว้าเช่นกัน 

เงื่อนไขของผู้แพ้คนที่สองยุ่งยากอย่างยิ่ง 

จำเป็นต้องเป็นคนที่ไม่สามารถดึงชี่ทิพย์เข้ามาในร่างกายได้ด้วยซ้ำ 

ซึ่งในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร เมื่อมองจากมุมมองความหมายบางอย่าง คนประเภทนี้กลับตามหายากกว่าผู้มีพรสวรรค์สีม่วงเสียอีก

เพราะต่อให้เป็นปุถุชนทั่วไป แค่แกล้งนั่งขัดสมาธิแล้วดูดซับชี่ทิพย์ฟ้าดิน ก็มีชี่ทิพย์เล็กน้อยถูกดูดซับเข้าไป ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งได้เช่นกัน 

มิเช่นนั้นละก็ จงชิงคงแจ้นไปถนนใหญ่ของชาวบ้านทั่วไป แล้วดึงคนมาเป็นศิษย์ของตัวเองไปตั้งนานแล้ว

บางทีอาจเป็นเพราะระบบได้ยินคำร้องขอของเขา 

ในที่สุดเสียงที่ไม่เคยได้ยินมานานก็ดังขึ้นมาสักที 

「ติ๊ง ค้นพบบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นศิษย์ ขอให้โฮสต์รีบเร่งเดินทางไปรับเขาเป็นศิษย์」 

“โอ๊ะ?”

แววตาของจงชิงเป็นประกายขึ้นมา ก่อนจะรีบนั่งลง

「ขอให้โฮสต์รีบเร่งเดินทางไปยังนครเทียนเยว่ มีบุคคลที่เหมาะสมกับการเป็นศิษย์อยู่ในนครเทียนเยว่」

หลังจากสิ้นเสียงระบบ ก็เหมือนมีพลังงานหนึ่งที่มองไม่เห็นชี้นำเส้นทางให้แก่จงชิง 

“นครเทียนเยว่หรือ?”

จงชิงจัดเตรียมของทุกอย่างอย่างเรียบง่าย ก่อนจะเร่งเดินทางไปยังนครเทียนเยว่ อดใจรอพลังเสริมหมื่นเท่าที่ผลการฝึกตนศิษย์ส่งคืนกลับมาไม่ไหวแล้ว 

ผลการฝึกตนแดนจันทราเสวียน สามารถเดินทางข้ามผ่านระยะทางหลักพันลี้ได้ในวันเดียว 

นครเทียนเยว่ห่างจากสำนักเซียนเจียงไม่ถึงแปดร้อยลี้ ไม่นานนัก จงชิงก็เร่งเดินทางมาถึงนครเทียนเยว่เป็นที่เรียบร้อย 

ผู้คนในนครเดินทางสัญจรไปมาอย่างบ้าคลั่ง เผยให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองที่ชัดเจน

ถึงแม้จะเป็นนครของชาวบ้านทั่วไป แต่หลายสำนักในละแวกใกล้เคียงจำเป็นต้องมาซื้อของในนครแห่งนี้ ซึ่งสำนักเซียนเจียงก็เป็นเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นผู้บำเพ็ญเพียรได้จากทั่วทุกแห่งหนของนครเทียนเยว่

อ้างอิงจากการชี้นำของระบบ จงชิงจึงเร่งเดินทางไปยังจตุรัสเทียนเยว่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง

เมื่อเขาเร่งเดินทางมาถึงจตุรัสเทียนเยว่ กลับค้นพบว่ามีผู้คนจำนวนมากล้อมแน่นขนัดอยู่บริเวณนี้ตั้งนานแล้ว

และตรงกลางก็มีผู้อาวุโสนั่งอยู่หลายคน ส่วนด้านหลังของผู้อาวุโสเป็นศิษย์ในสำนักหนึ่งที่เครื่องแบบเหมือนกับทุกประการ

ส่วนด้านล่างผู้อาวุโสกลุ่มนั้นก็มีหินตรวจสอบพรสวรรค์วางอยู่หลายก้อน มีคนจำนวนมากกำลังต่อแถวเพื่อทดสอบพรสวรรค์

ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ต่างอะไรจากการรับศิษย์ของสำนักเซียนเจียงเมื่อครั้งก่อนเลย 

เมื่อฟังคำวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มคนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ จงชิงก็ถือว่าเข้าใจรายละเอียดของเรื่องราวแล้ว ที่แท้สำนักดาบดินต้องการเพิ่มศิษย์นอกสำนักกลุ่มหนึ่ง จึงเปิดรับสมัครบนจัตุรัสเทียนเยว่

สำนักดาบบินถือเป็นสำนักขั้นหนึ่งแห่งด้าวบูรพา แม้แต่สำนักเซียนเจียงก็ไม่อาจเทียบเคียงได้

สำหรับคนธรรมดาส่วนมากแล้ว โอกาสเช่นนี้เป็นอะไรที่หาพบได้ยากมาก 

แต่บัดนี้ดำเนินการมาถึงช่วงท้ายแล้ว

“ขอแสดงความยินดีกับศิษย์ที่มีพรสวรรค์สีขาวเป็นต้นไปด้วย สักพักสามารถก้าวขึ้นสู่สำเภาบินของสำนักดาบบินของเรา และจะได้กลายเป็นศิษย์นอกสำนักของสำนักดาบบินอย่างเป็นทางการ”

บนที่นั่งแขกคนสำคัญ ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักดาบบินพูดด้วยน้ำเสียงที่ก้องกังวาน 

เมื่อสิ้นเสียง ผู้ที่ตรวจสอบได้ว่ามีพรสวรรค์สีขาวล้วนมีความสุขมาก

ทว่าคนส่วนมากกลับห่อเหี่ยวไร้ชีวิตชีวา 

จงชิงไม่สนใจคนเหล่านั้น แต่เป็นการตามหาศิษย์รักของตัวเองในกลุ่มคนที่ถี่ยิบ

และในเวลานี้เอง ก็มีเด็กชายมอมแมมคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคนที่ตกรอบ เดินลงมาจากเวที แล้วก้มคำนับให้ผู้อาวุโสแห่งสำนักดาบบินนั่น 

“เจ้าเป็นผู้ที่ตกรอบไปแล้ว แจ้นมาที่นี่ทำไม?”

เมื่อศิษย์สำนักดาบบินเห็นเช่นนี้ จึงเตรียมพร้อมที่จะขับไล่ 

เมื่อเด็กชายเห็นเช่นนี้ จึงรีบหยิบป้ายบัญชาการชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าผ้า

“ผู้อาวุโส ข้ามีบัญชาดาบบินชิ้นหนึ่งขอรับ ไม่ทราบว่ามันสามารถทำให้ข้าบรรลุเป็นศิษย์แห่งสำนักดาบบินของท่านได้หรือไม่ขอรับ?”

“บัญชาดาบบิน?”

เมื่อผู้อาวุโสที่อยู่บนที่นั่งแขกคนสำคัญได้ยินเช่นนี้ จึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย 

ในสำนักดาบบินมีบัญชาดาบบินจริง ๆ ขอแค่ยึดกุมบัญชาดาบบิน ก็จะสามารถบรรลุเป็นศิษย์แห่งสำนักดาบบินอย่างไร้เงื่อนไข 

รอหลังจากศิษย์ส่งมอบบัญชาดาบบินให้ ผู้อาวุโสก็ตรวจสอบความจริงแท้ หลังจากพิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นของจริง เขาจึงก้มหน้ามองเด็กชายคนนั้นแล้วถามว่า “เจ้าไปได้รับบัญชาดาบบินชิ้นนี้มาจากที่ใด”

“รายงานผู้อาวุโส เมื่อห้าปีก่อน ผู้อาวุโสท่านหนึ่งในสำนักดาบบินถูกไล่ล่าแล้วบาดเจ็บสาหัส ท่านจึงหยิบบัญชาดาบบินชิ้นนี้ออกมา เพื่อให้ท่านพ่อท่านแม่ข้าช่วยชีวิตท่าน ทั้งยังให้คำมั่นสัญญาด้วยว่าขอแค่มีบัญชาดาบบินเช่นนี้ ก็จะสามารถเข้าร่วมสำนักดาบบินได้โดยไร้เงื่อนไข”

“ทว่าเพื่อปิดบังร่องรอยของท่าน ท่านพ่อท่านแม่ข้าจึงถูกศัตรูสังหารเพราะเหตุนี้ ก่อนท่านจักสิ้นใจ ท่านพ่อได้มอบบัญชาดาบบินชิ้นนี้ไว้ให้ข้าขอรับ”

เด็กชายตอบกลับด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ เมื่อพูดถึงช่วงที่พ่อแม่ตาย น้ำตาก็คลอเบ้าอย่างควบคุมไม่ได้ 

หลังจากได้ยินคำพูดของเด็กชาย ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ในแขกที่นั่งพิเศษก็วินิจฉัยความจริงแท้ได้แล้ว

เนื่องจากเมื่อห้าปีก่อน เคยมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นจริง ๆ ซึ่งผู้อาวุโสใหญ่ของพวกเขาถูกศัตรูไล่ล่า เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่บาดเจ็บสาหัส ทำให้ผลการฝึกตนแห้งเหือด ต่อมาจึงไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านธรรมดาทั่วไป 

แต่ว่าบนใบหน้าเขากลับไม่มีความรู้สึกใด ๆ เลย

แววตาที่มองดูเด็กชายมอมแมมตรงหน้ายังดูรังเกียจเล็กน้อยด้วย 

หลังจากผ่านไปนานมาก เขาถึงจะบดทำลายบัญชาดาบบินที่อยู่ในมือจนแหลกสลายเป็นฝุ่นผง โบกมือแล้วพูดอย่างเรื่อยเปื่อย “เป็นศิษย์รับใช้คนหนึ่งแล้วกัน หลังจากเข้าร่วมสำนักแล้ว ค่อยขุดเหมืองให้สำนักเถอะ”

“ศิษย์รับใช้หรือ……”

“ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็น่าจะกินอิ่มอยู่”

มีรังสีแห่งความพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าเด็กชาย ก่อนที่เขาจะรีบกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณผู้อาวุโสมากขอรับ”

“นะนี่……”

ในที่สุดจงชิงก็เจอบุคคลที่ถูกคัดเลือกให้เป็นศิษย์ของตัวเองแล้ว เขาคนนั้นไม่ใช่ผู้อื่นใด ก็คือเด็กชายคนนั้นนั่นเอง

แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าตัวเองยังไม่ทันได้ทำอะไร ฝ่ายตรงข้ามก็เข้าร่วมสำนักดาบบินแล้ว

ในขณะเดียวกันก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าภูมิฐานของศิษย์คนนี้ของตัวเองจักน่าเวทนาเช่นนี้ 

และการกระทำของสำนักดาบบินก็ทำให้เขารู้สึกรังเกียจมากด้วย

เด็กชายไม่มีพรสวรรค์ก็จริง ทว่าอย่างน้อยผู้คุมกฎก็เป็นกำลังหลักของสำนักเช่นกัน พ่อแม่ของคนเขาช่วยชีวิตผู้คุมกฎนั่นเอาไว้ หลังจากเข้าร่วมสำนักดาบบิน เขาอาจจะไม่ถึงขั้นได้รับสวัสดิการที่ดีเลิศมากเพียงใด แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นคนขุดเหมืองหรือไม่

มอบตำแหน่งหน้าที่เรื่อยเปื่อยให้เขา ทำให้เด็กคนนั้นไม่ต้องเครียดเรื่องกินดื่ม สำนักดาบบินแทบจะไม่มีความรับผิดชอบเลย

แต่ว่าโชคดีที่เขาใกล้จะกลายเป็นศิษย์ของตัวเองแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel