จงชิง จักรพรรดิเซียนระบบพันธนาการ

1.0M · ยังไม่จบ
คมสีเงิน
888
บท
879.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ไร้เทียมทาน+ระบบ+ตลก+ผ่อนคลาย+เฉียบขาด+ไม่พ่อพระ จงชิงทะลุมิติไปเป็นประมุขแห่งเจ็ดยอดภูแห่งสำนักเซียนเจียง เดิมอยากจะนั่งกินนอนกินไปวัน ใช้ชีวิตแบบรอตายอย่างเดียว ฝืนใจเปิดใช้งานระบบพันธนาการที่แข็งแร่งที่สุด รับศิษย์ผู้แพ้มาสองรายรีรันพันธนาการผู้แพ้ ศิษย์ผู้แพ้กลายเป็นอัจฉริยะ ผลการฝึกตนตีกลับให้พระเอกเป็นหมื่นเท่า รับศิษย์นางจิ้งจอกแมวรีรันพันธนาการสิเน่หา ค่าเสน่ห์โฮสต์เต็มแมกซ์ ยอดผู้กล้าเทพีพอได้เห็นถึงกับตกอยู่ใจภวังค์ รับศิษย์ปลาหลีฮื้อน้อยรีรันพันธนาการหลีฮื้อ ได้รับโชคใหญ่หมื่นเท่า จะเบนไปทางไหนก็เก็บแหวนเอลเดนได้เป็นสิบ ออกไปไหนไกลๆก็ได้เต๋าสวรรค์มาครอง

นิยายกำลังภายในนิยายแฟนตาซีพระเอกเก่งตลกระบบ

บทที่ 1 วรยุทธระดับอริยปราชญ์กองนี้ เพียงพอต่อการให้ข้าเผาทั้งฤดูหนาวแล้ว

ด้าวบูรพา 

สำนักเซียนเจียง

ภูอาสน์มู่

ช่วงเวลาหนึ่งในฤดูหนาว เบิ่งมองออกไป หิมะสีขาวโพลนได้ปกคลุมโลกทั้งใบ

“เห้ออ……”

จงชิงที่อยู่ในชุดแพรกำลังนั่งอยู่ข้างเตาถอนหายใจยาวอย่างอดไม่ได้ 

เขาทะลุมิติมาโลกใบนี้ห้าปี แต่ก็อยู่บนภูอาสน์มู่นี่มาห้าปีแล้ว 

แม้ภูอาสน์มู่จะเป็นหนึ่งในเจ็ดยอดภูของสำนักเซียนเจียง และเขาจงชิงก็ยังได้รับสมญานามประมุขภูด้วย แต่แท้จริงแล้วกลับไม่มีประโยชน์เลยสักนิด

การที่เขาจงชิงสามารถกลายเป็นประมุขภูได้นั้น เป็นเพราะอาจารย์ของตนหน่ายเต้าเหริน

ยอดภูอื่น ๆ มีศิษย์เป็นกลุ่มเป็นฝูง แต่หน่ายเต้าเหรินกลับตัวคนเดียว กระทั่งตรึกตรองอยู่นานมากถึงจะรับเขาเป็นศิษย์

เมื่อเทียบกับการบอกว่าหน่ายเต้าเหรินเห็นอะไรในตัวเขา จะดีกว่าหากบอกว่าหน่ายเต้าเหรินจำเป็นต้องรับเขาเป็นศิษย์ ถึงได้เลือกทำภารกิจง่าย ๆ ภารกิจหนึ่ง

เนื่องจากหน่ายเต้าเหรินรับศิษย์คนแรก ตอนนั้นเหตุการณ์นี้ยังทำให้สำนักเซียนเจียงฮือฮาไปช่วงหนึ่งด้วย 

จงชิงก็คิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์เลิศเลออะไรซะอีก กำลังคาดหวังอยู่เลยว่าตัวเองจะได้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิตแล้ว 

แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าเขาแม่งเป็นพวกผู้แพ้ชัด ๆ 

ทว่าหน่ายเต้าเหรินก็ไม่ได้รับศิษย์คนใหม่เช่นกัน ในทางตรงกันข้ามสวัสดิการที่จงชิงควรได้รับ ก็ไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องเช่นกัน 

เดิมทีวันเวลาแบบนี้มันก็ดีเช่นกัน ถึงแม้ทั้งภูอาสน์มู่จะมีเพียงพวกเขาสองคน แต่เมื่ออาศัยศักยภาพของหน่ายเต้าเหรินที่ไม่ด้อยกว่ายอดภูอื่น ๆ ก็ไม่มีใครกล้านินทาอะไรเช่นกัน

แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าในการออกไปทัศนาจรครั้งหนึ่งของหน่ายเต้าเหริน ป้ายบัญชาการของเขาถึงกับแตกสลาย ทิ้งศิษย์ผู้น่าสงสารอย่างเขาไว้คนเดียว 

และเนื่องจากหน่ายเต้าเหรินสร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ให้แก่สำนัก ภูอาสน์มู่ก็ไม่ถูกถอดถอนออกไปจากสำนักเช่นกัน แต่ให้ศิษย์เพียงหนึ่งเดียวอย่างหน่ายเต้าเหรินสืบทอดตำแหน่งประมุขภูต่อ 

ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้สภาวะที่ใต้หล้ายิ่งอยู่ยิ่งย่ำแย่ลง เมื่อไม่มีที่พึ่งพิงอย่างหน่ายเต้าเหริน ชีวิตในแต่ละวันของจงชิงก็ยิ่งอยู่ยิ่งย่ำแย่เช่นกัน

อันที่จริงในฐานะที่เป็นผู้ทะลุมิติ ใช่ว่าจงชิงจะไม่ได้รับสวัสดิการการตื่นรู้ของผู้ทะลุมิติ 

หลังจากหน่ายเต้าเหรินตายไปไม่ถึงหนึ่งเดือน ระบบหนึ่งในร่างกายเขาก็ถูกปลุกตื่น ซึ่งสามารถลงนามเช็คอินได้ทุกวัน 

ในขณะที่จงชิงกำลังคิดว่าในที่สุดตัวเองก็จะได้ก้าวขึ้นสู่ช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุดของชีวิตอยูนั้น แต่เขากลับค้นพบว่าระบบนี้มันเฮงซวยชะมัด!

เนื่องจากของที่ได้รับจากการลงนามเช็คอินในทุก ๆ วัน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับผลการฝึกตนเลยแม้แต่น้อย

อาทิเช่นวรยุทธระดับอริยปราชญ์ที่อยู่ในมือเขาก็ได้รับมาจากการเช็คอินนี่แหละ 

ระดับของวรยุทธภัณฑ์เศษณ์ขลังแบ่งเป็นระดับหนึ่งถึงระดับเก้า หลังจากระดับเก้าคือระดับราชันย์ ระดับมกุฎ ระดับเจ้ายุทธจักร ระดับอริยปราชญ์และระดับมหาจักรพรรดิ 

วรยุทธระดับอริยปราชญ์เป็นวรยุทธ์ที่ระดับไม่ต่ำแน่นอน แค่แพร่งพรายวรยุทธระดับอริยปราชญ์วิชาหนึ่งออกไป ก็สามารถทำให้ผู้คนแก่งแย่งกันจนเลือดกระเด็นเหมือนฝนสาดได้แล้ว แต่สำหรับผู้แพ้อย่างเขา แค่มีวรยุทธแต่กลับไม่มีผลการฝึกตน…… 

แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?

จงชิงจึงโยนมันเข้าไปในเตาไฟที่อยู่ด้านหน้าโดยตรง 

แสงไฟจากเตาไฟสว่างจ้า กำลังสาดส่องใบหน้าที่แดงก่ำของจงชิง ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย

อย่างไรเสียนี่ก็เป็นวรยุทธระดับอริยปราชญ์อยู่ เผาไปแล้วผู้ใดจักไม่เจ็บใจบ้างเล่า? 

ต้องเจ็บใจอยู่แล้วสิ!

อากาศหนาวขนาดนี้ เผาแค่เล่มเดียวไฟจะติดได้อีกนานเท่าไหร่เชียว มิเช่นนั้นเขาจะหนาวตายได้เลย!

จงชิงลุกขึ้นยืน แล้วไปลากกระสอบที่เต็มไปด้วยวรยุทธมา ก่อนจะโยนวรยุทธเข้าไปในเตาไฟอยู่เป็นระยะ ๆ เพื่อทำให้ไฟในเตายังคงลุกโชน 

มีกาน้ำกำลังถูกต้มอยู่บนเตาไฟ เนื่องจากไฟกำลังลุกโชน จึงมีเสียงอี๊ด ๆ ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

จงชิงชงชาให้ตัวเองแก้วหนึ่ง การที่จิบชาในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บช่างเป็นความรู้สึกที่ดีเยี่ยมเหลือเกิน

อันที่จริงตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาเองก็มีประสบการณ์บ้างแล้ว

วรยุทธ์ที่ได้รับมาจากการเช็คอินหนึ่งปีเพียงพอต่อการให้เขานำไปก่อไฟทั้งฤดูหนาวได้แล้ว แต่ว่าถ้าเกิดมีลงชื่อสุวรรณหลายครั้งหน่อย หลังจากทั้งฤดูหนาวผ่านพ้นไป ก็อาจจะยังเหลือวรยุทธอีกครึ่งโรงเก็บของเลย

แน่นอนอยู่แล้วว่า

ของที่ได้รับจากการเช็คอินก็ไม่ได้มีเพียงวรยุทธอย่างเดียวเท่านั้น ภัณฑ์เศษณ์ขลังศัสตราวุธต่าง ๆ ก็มีเช่นกัน

อาทิเช่นขวานตัดฟืนตรงประตู มีดหั่นผักในห้องครัว……  

นอกเหนือจากนี้แล้ว สวนผลไม้และบ่อน้ำหลังเขา สวนผักและหุ่นไล่กาในสวนผักหน้าประตู รวมไปถึงไข่สองฟองที่อยู่บนจานในมือล้วนได้รับมาจากการเช็คอิน

สรุปแล้วก็คือมีของพิลึกกึกกือทุกอย่างเลย 

แต่มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ จงชิงก็ยังรู้สึกเอือมมาก ๆ

ต่อให้วรยุทธศัสตราวุธจะดีเลิศมากเพียงใดก็ตาม เมื่อไม่มีผลการฝึกตน ทั้งหมดที่กล่าวมาก็เป็นเหมือนของไร้ค่า

ชีวิตเขาก็เหมือนวลีที่กล่าวว่า เฝ้ารักษาภูเขาทองไว้เสียเปล่า แต่ใช้การไม่ได้

และเขาก็ไม่กล้าเปิดเผยของทั้งหมดนี้เช่นกัน เพราะเขาเข้าใจหลักการที่ว่าทรัพย์สมบัติสามารถนำพาหายนะมาสู่ตนอยู่ 

โชคชะตากลั่นแกล้ง นี่โชคชะตากำลังกลั่นแกล้งอยู่ชัด ๆ!

และในเวลานี้เอง ก็มีลำแสงดวงหนึ่งปรากฏตรงขอบฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป 

เงยหน้ามองไป ก่อนจะพบว่ามีนกกระเรียนขาวตัวหนึ่งกำลังบินมาจากขอบฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป 

“ตลอดทั้งปีแทบจะไม่มีผู้ใดมาเยือนภูอาสน์มู่ของข้าเลย ไยจึงยังมีคนแจ้นมาด้วยเล่า”

ในขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น นกกระเรียนขาวนั่นก็บินมาถึงเหนือศีรษะแล้ว บนนกกระเรียนขาวยังมีเด็กชายที่ลักษณะท่าทางดูเย่อหยิ่งจองหองยืนอยู่คนหนึ่งด้วย 

“พรุ่งนี้งานรับศิษย์ที่จัดทุก ๆ ห้าปีก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เจ้าสำนักสั่งให้ข้ามาแจ้งให้เจ้ารีบเร่งเดินทางไปเข้าร่วมงานรับศิษย์ที่ภูเอกเซียนเจียง”

เด็กชายมองจงชิงอย่างเย้ยหยันรอบหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นคือฝ่ายตรงข้ามไม่เรียกชื่อเขาด้วยซ้ำ มีความดูถูกเสี้ยวหนึ่งทะลุออกมาจากแววตา

เขาไม่เข้าใจการตัดสินใจของเจ้าสำนักมาก ๆ

ต่อให้ผู้แพ้นี่เข้าร่วมงานรับศิษย์แล้วจะมีประโยชน์อะไร

ใบหน้าของจงชิงไร้อารมณ์ เขาไม่มีอารมณ์ที่จะเข้าร่วมงานรับศิษย์อะไรนี่ด้วยซ้ำ และเบื่อที่จะไปสถานที่ที่ต้องถูกผู้อื่นดูถูกเหยียดหยามด้วย

ในขณะที่กำลังจะปฏิเสธอยู่นั้น กลับมีเสียงของระบบดังขึ้นมาในหัว

「ระบบประกาศภารกิจใหม่」

「ขอให้โฮสต์รีบเร่งเดินทางไปยังภูเซียนเจียง หลังจากรับศิษย์สำเร็จได้รับศิษย์ที่ชี้เจาะจงแล้ว พันธนาการผู้แพ้ของโฮสต์จะถูกกระตุ้น」

「พันธนาการผู้แพ้ 12 ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของศิษย์ทั้งหมดของโฮสต์เพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยเท่า ผลการฝึกตนของศิษย์ทั้งหมดจะถูกส่งคืนโฮสต์หนึ่งพันเท่า พันธนาการผู้แพ้ 22 ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของศิษย์ทั้งหมดของโฮสต์เพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยเท่า ผลการฝึกตนของศิษย์ทั้งหมดจะถูกส่งคืนโฮสต์หนึ่งหมื่นเท่า」

เมื่อได้ยินเสียงของระบบ แววตาของจงชิงที่สุขุมก็เป็นประกายขึ้นมาทันที 

ห้าปี

รอคอยมาห้าปี ในที่สุดก็มาถึงแล้วหรือ?

ในที่สุดภูเขาทองลูกนี้ของตัวเองจะมีโอกาสได้แสดงความสามารถออกมาแล้วหรือ? 

อีกทั้งระบบพันธนาการนี่มันฟังดูเลิศเลอเกินไปแล้วกระมัง อาทิเช่นขอแค่กระตุ้นผู้แพ้เดี่ยว ก็สามารถทำให้ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของศิษย์เพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยเท่า ในขณะเดียวกันผลการฝึกตนจะถูกส่งคืนกลับมาให้ตัวเองอีกหนึ่งพันเท่าด้วย 

หากสมทบกันละก็ เช่นนั้นศิษย์บำเพ็ญเพียรหนึ่งวัน ตัวเองก็เท่ากับบำเพ็ญเพียรไปหนึ่งแสนวันแล้วมิใช่หรือ?

และถ้าเกิดกระตุ้นพันธนาการผู้แพ้คู่ เช่นนั้นก็เจ๋งเป้งกว่ามาก

“ได้ พรุ่งนี้ข้าจักเร่งเดินทางไปแน่นอน”จงชิงลุกขึ้นยืน เงยหน้าแล้วตอบกลับ

“เช่นนั้นทางที่ดีเจ้าก็รีบเร่งเดินทางตั้งแต่ตอนนี้จักดีกว่า อย่างไรเสียที่นี่ก็ห่างไกลจากภูเอกเซียนเจียงมาก ๆ อย่ารอให้งานรับศิษย์จบลงแล้ว เจ้าถึงจะเร่งเดินทางไปถึงล่ะ” 

เด็กชายพูดด้วยใบหน้าที่เย้ยหยัน “อันที่จริงข้าก็สามารถใช้นกกระเรียนขาวพาเจ้าไปได้อยู่หรอก แต่ว่าอุปนิสัยของเจ้าสหายนี่ของข้าค่อนข้างประหลาด หากคนที่มันไม่ชอบขี้หน้าพยายามจะขึ้นหลังมัน มันอาจจะทำให้เจ้าตกลงไปได้นะ”

หลังจากที่พูดจบ เด็กชายก็แสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น ก่อนจะขี่นกกระเรียนขาวบินจากไปไกล

จงชิงไม่ได้เก็บคำพูดของเจ้าหมอนั่นมาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ

ขอแค่กระตุ้นพันธนาการสำเร็จ ใช้เวลาอีกไม่นาน อย่าว่าแต่เด็กชายตัวเล็ก ๆ นั่นเลย ต่อให้เป็นทั้งสำนักเซียนเจียงแล้วอย่างไร?

หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ เขาก็เร่งเดินทางไปยังภูเอกเซียนเจียงเลย