3.เรื่องราว
"ดี ทำเองอย่างงี้อีกหน่อยก็ไม่ต้องจ้างใคร" คนเป็นพ่อขำออกมาอย่างพอใจ ที่ลูกชายบ่นออกมาเสียงดัง แล้วลุกออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
"ประชุมคราวหน้าท่านประธานมาตัดสินแล้วกันว่าของใครสวย" ก่อนจะปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา เรียกรอยยิ้มจากคนในห้องอีกครั้ง
"ไอ้เพอร์เฟคเอ๋ย อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง" เสียงท่านประธานบ่นลูกชายด้วยความภูมิใจเหลือเกิน
"อ้าปากค่ะ หมอขอดูคอนิดนึงนะคะ" เสียงหวานบอกคนไข้วัยเจ็ดขวบตรงหน้า ก่อนจะใช้ไฟฉายส่องเข้าไปที่ช่องปากแล้วดูอย่างรวดเร็ว
"โอเคค่ะเก่งมาก" คุณหมอสาวชมก่อนจะเขียนใบสั่งยาลงไป
"ห้ามทานน้ำเย็น ขนมห่อกรุบกรอบ ของทอดของมันนะคะ ทานอาหารที่มีประโยชน์ทานยาตามเวลา เดี๋ยวก็หายค่ะ"
เสียงหวานใสอธิบายกับคนไข้และผู้ปกครองก่อนจะบอกลา
"คุณหมอครับ ถ้าผมหายป่วยแล้ว จะได้เจอคุณหมออีกไหมครับ" คนฟังยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะมองคนไข้ด้วยความเอ็นดู
"ไม่เจอที่นี่ดีแล้ว แต่เจอข้างนอกก็ทักหมอได้ค่ะ พี่ชื่อหมอนุช"
คนไข้ยิ้มกว้างออกมาก่อนที่แม่จะดึงมือออกไปด้วยความอาย ตัวเท่านี้อยากจีบหมอ พยาบาลในห้องหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะถามออกมา
"หมอนุชเสน่ห์แรง ขนาดเด็กน้อยยังติดใจ " ธีรนุชส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะขยับแหวนนพเก้าที่ใส่ติดนิ้วมาหลายปี
"พี่เธียรเค้าอยู่ไกล ห่างจากนุชมากในตอนนี้ แต่นุชก็ยังมีโอกาสที่จะตามพี่เค้าทัน ถ้านุชคิดว่านุชจะไม่เสียใจถ้าวันหนึ่งต้องผิดหวัง"
เสียงคุณท่านบอกด้วยความเมตตาหลังจากที่บังเอิญเห็นรูปหลานชายของตัวเอง เสียบคั่นเอาไว้ในหนังสือของเด็กสาววัยสิบหกปี
ผู้เป็นย่า เรียกธีรนุชมาถามก่อนจะมอบแหวนวงนี้ให้หลังจากที่ธีรนุชสอบติดแพทย์และย้ายออกมาอยู่หอพักใก้ลมหาวิทยาลัย
"ย่าให้นุชสวมเอาไว้ เผื่อมีใครเข้ามาทำให้นุชหวั่นไหวหรือไขว้เขว นุชจะได้รู้ว่า นุชยังมีย่าเป็นกำลังใจให้นุชเพื่อหนุนให้นุชเข้าใก้ลพี่เธียรมากที่สุด แต่ถ้านุชคิดว่าจะเปลี่ยนใจจากเธียร ย่าก็จะไม่ว่านุชเลย"
แม้ว่าจะได้นอนบ้านรั้วเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกันมานับสิบปี แต่ธีรนุชกลับเลี่ยงจะพบเจอเธียรวิทย์ทุกครั้งที่มีโอกาส จากเด็กเล็กจนโตเป็นสาวรุ่นแขนขายาวเก้งก้าง กลายมาเป็นนักศึกษาแพทย์ ธีรนุชจึงย้ายออกมาอยู่หอพักเกือบสี่ปี แม้จะกลับไปกราบคุณท่านทุกเดือน แต่เธอกลับไม่กล้าเจอเค้าเหมือนเดิม ความรักในวัยเด็กหล่อหลอมให้เธอมีพลังใจในการเรียนแม้จะยากลำบาก แต่ความรักที่ไม่คาดหวังนี้ ทำให้เธออบอุ่นใจเหลือเกิน ขอแค่เธอได้มีโอกาสตอบแทนคุณท่าน ได้ดูแลเค้าบ้างในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ได้แอบมองเค้าในช่วงระยะไกลๆ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เธอไม่ได้หวังอะไรอีกแล้ว
คุณหมอสาวยิ้มจางๆออกมา ก่อนจะกล่าวทักทายคนไข้รายสุดท้ายของวันอย่างอ่อนล้า งานวันนี้ปิดจ้อบที่คิว83คน คนสวยจะเป็นลม ตารางตรวจคนไข้นอกแน่นขนัดอย่างเลี่ยงไม่ได้ทีเดียว
บ้านหลังใหญ่รั้วสูงลิบเนื้อที่นับสิบไร่ใจกลางเมือง ประเมินมูลค่าไม่ได้เป็นบ้านพักของเจ้าของกิจการหลายอย่างของตระกูลนี้มาหลายสิบปี เดิมที่เจ้าของที่เป็นพ่อสามีของคุณหญิงทิพย์ เป็นข้าราชการฝ่ายใน แต่ลาออกมาทำการค้าขาย และเจริญรุ่งเรืองมาเป็นลำดับ แม้จะร่ำรวยรุ่งเรืองเพียงใด แต่ตระกูลนี้มีลูกน้อยเหลือเกิน คุณหญิงมีเพียงลูกชายคนเดียว และลูกชายของนางก็มีเพียงเธียรวิทย์เท่านั้น ทรัพย์สินที่ตระกูลนี้หามาได้ จึงทำบุญทำกุศลเสียมากกว่าใช้จ่าย ยิ่งหลานชายที่ขยันหาเงินเปิดช่องทางธุรกิจใหม่ๆอยู่เสมอ ยิ่งทำกำไรเพิ่มมากขึ้นทุกปี จนพูดได้ว่ากินใช้ทั้งชีวิตไปอีกหลายรุ่นก็ไม่หมด
เสียงรถตู้แล่นเข้ามาจอดในช่วงค่ำ แม่บ้านรีบโผล่หน้าออกมาดูก่อนจะสั่งการให้เด็กๆเตรียมหาของว่างหรืออาหารค่ำเอาไว้รอ คุณหมอสาวนั่งไม่เป็นสุขเลย เธอยังไม่อยากเจอหน้าเค้าตอนนี้ มือบางที่กำลังถือหนังสืออยู่สั่นระริกจนคนนั่งฟังนิทานชาดก อดยิ้มขำออกมา
"อยากจะหนีเหรอหมอนุช"
